ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ชุทซ์ชตัฟเฟิล"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 12: | บรรทัด 12: | ||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
* [[วัฟฟัน |
* [[วัฟฟัน-เอสเอส]] (Waffan-SS) |
||
<ref name = IMT_2284-PS> |
|||
{{Citation |
|||
| last = d'Alquen |
|||
| first = Gunter |
|||
| author-link = Gunter d'Alquen |
|||
| contribution = The History, Mission, and Organization of the Schutzstaffeln of the NSDAP, Junker and Duennhaupt Press, Berlin |
|||
| editor-last = IMT document 2284-PS |
|||
| editor-first = |
|||
| title = Nazi Conspiracy and Aggression |
|||
| volume = IV |
|||
| pages = 973–991 |
|||
| publisher = United States Government Printing Office |
|||
| place = Washington, DC 1946 |
|||
| year = 1939 |
|||
| contribution-url = }}</ref><ref name = 1992-A-PS>{{Citation |
|||
| last = Himmler |
|||
| first = Heinrich |
|||
| author-link = Heinrich Himmler |
|||
| contribution = Organization and Obligations of the SS and the Police (from National Political Course for the Armed Forces) |
|||
| editor-last = IMT document 1992-A-PS |
|||
| editor-first = |
|||
| title =Nazi Conspiracy and Aggression |
|||
| volume = |
|||
| pages = |
|||
| publisher = USGPO |
|||
| place = Washington, DC 1946 |
|||
| year = 1937 |
|||
| contribution-url = }}</ref><ref name = NCA_V2_173-237>{{Citation |
|||
| last = International Military Tribunal |
|||
| first = |
|||
| author-link = International Military Tribunal |
|||
| contribution = |
|||
| editor-last = |
|||
| editor-first = |
|||
| title = Nazi Conspiracy and Aggression |
|||
| volume = II |
|||
| pages = 173–237 |
|||
| publisher = USGPO |
|||
| place = Washington, DC |
|||
| year = 1946 |
|||
| contribution-url = http://www.ess.uwe.ac.uk/genocide/ssnur1.htm}}</ref> |
|||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:20, 26 เมษายน 2557
ชุทซ์ชทัฟเฟิล (เยอรมัน: Schutzstaffel หมายถึง "กองอารักขา" หรือ "เหล่าคุ้มกัน", ย่อเป็น SS หรือซิก () ในอักษรรูนอาร์มาเนน [Armanen runes]) เป็นองค์การกึ่งทหารหลักภายใต้อดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซี ก่อตั้งขึ้นบนอุดมการณ์นาซี เอสเอสภายใต้บังคับบัญชาของไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์มีส่วนรับผิดชอบต่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติหลายครั้งระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง หลัง ค.ศ. 1945 เอสเอสถูกกฎหมายห้ามในเยอรมนี เช่นเดียวกับพรรคนาซี โดยถูกระบุว่าเป็นองค์กรอาชญากรรม
ประวัติการก่อตั้ง
เอสเอสก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1925 ภายใต้ชื่อ "ซาล-ชุทซ์" (อารักษ์หอประชุม) ตั้งใจให้เกิดความปลอดภัยแก่การประชุมของพรรคนาซี และเป็นหน่วยคุ้มกันส่วนบุคคลของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์[1] แต่เนื่องจากช่วงแรกของการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของฮิตแลอร์นั้นยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพเยอรมนีอย่างเต็มที่ ซึ่งตัวฮิตเลอร์เองก็ไม่ได้ไว้วางใจกองทัพเยอรมันว่า จงรักภักดีกับเขาอย่างเต็มที่หรือไม่ รวมทั้งชตูร์มอับไทลุง (เอสเอ) ซึ่งเดิมนี้คือแหล่งชุมนุมของเหล่าทหารผ่านศึกในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และอดีตหน่วยเสรีเยอรมัน โดยมีร้อยเอกแอนสท์ เริม เป็นผู้บังคับบัญชา
และแล้วฮิตเลอร์และไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ก็ร่วมมือกันกำจัดแอร์นสท์ เริมและเหล่าหน่วยเอสเอจนหมด และตั้งซาล-ชุทซ์เป็นหน่วยคุ้มกันทดแทนหน่วยเอสเอภายใต้การนำของไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์ระหว่าง ค.ศ. 1929 และ 1945 เอสเอสถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "ชุทซ์ชทัฟเฟิล" และเติบโตขึ้นจากรูปแบบหน่วยกึ่งทหารขนาดเล็กเป็นหนึ่งในองค์การที่ใหญ่และทรงอำนาจที่สุดในนาซีเยอรมนี
การคัดเลือก
การคัดเลือกทหารที่จะมาเข้าหน่วยเอสเอสจะต้องเป็นชายสายเลือดเยอรมันพันธุ์แท้แบบพวกอารยัน สูงอย่างน้อย 180 เซนติเมตร กำลังพลของเอสเอสจะได้รับการอบรม ปลูกฝังให้จงรักภักดีต่อผู้นำของเขาอย่างเหนียวแน่น และปราศจากการตั้งคำถามสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น ได้รับการฝึกฝนอย่างหนัก และถูกปลูกฝังอุดมการณ์ของนาซี ถูกปลูกฝังแนวความคิดเรื่องความเป็นเลิศของชนชาติอารยันเพื่อการสร้างชาติไปสู่ไรช์ที่สาม รวมทั้งมีการเกณฑ์เด็กชายและหญิงชาวเยอรมันทั้งหมดให้เข้าหน่วยยุวชนฮิตเลอร์เพื่อเป็นหลักสูตรวิชาทหาร ให้เข้ารับการเป็นทหารและหน่วยเอสเอส
ดูเพิ่ม
- วัฟฟัน-เอสเอส (Waffan-SS)
อ้างอิง
- ↑ Kogon, Eugen; Der SS-Staat; 1974