ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จรัล มโนเพ็ชร"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
not necessary
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{ไม่เป็นสารานุกรม}}
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{กล่องข้อมูล นักแสดง
{{กล่องข้อมูล นักแสดง
| bgcolour =
| bgcolour =
| name = จรัล มโนเพ็ชร
| name = จรัล มโนเพ็ชร
| image = 14764083dt2.jpg
| image = 14764083dt2.jpg
| imagesize =
| imagesize =
| caption =
| caption =
| birthname = จรัล มโนเพ็ชร
| birthname = จรัล มโนเพ็ชร
| birthdate = [[1 มกราคม]] [[พ.ศ. 2498]]
| birthdate = 1 มกราคม พ.ศ. 2498
| location = [[จังหวัดเชียงใหม่]] {{flagcountry|ไทย}}
| location = [[จังหวัดเชียงใหม่]] {{flagcountry|ไทย}}
| deathdate = {{วันตาย-อายุ|2544|9|3|2498|1|1}}
| deathdate = {{วันตาย-อายุ|2544|9|3|2498|1|1}}
| deathplace = [[จังหวัดลำพูน]] {{flagcountry|ไทย}}
| deathplace = [[จังหวัดลำพูน]] {{flagcountry|ไทย}}
| othername =
| othername =
| yearsactive =
| yearsactive =
| spouse =
| spouse =
| homepage =
| homepage =
| occupation = นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง นักแสดง
| occupation = นักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง นักแสดง
| notable role = ''ด้วยเกล้า''
| notable role = ''ด้วยเกล้า''
| academyawards =
| academyawards =
| emmyawards =
| emmyawards =
| tonyawards =
| tonyawards =
| ตุ๊กตาทอง =
| ตุ๊กตาทอง =
เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม<br>
เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม<br>
[[พ.ศ. 2531]] - ''[[บุญชูผู้น่ารัก]]''<br>
พ.ศ. 2531 - ''[[บุญชูผู้น่ารัก]]''<br>
[[พ.ศ. 2532]] - ''[[บุญชู 2 น้องใหม่]]''<br>
พ.ศ. 2532 - ''[[บุญชู 2 น้องใหม่]]''<br>
| สุพรรณหงส์ =
| สุพรรณหงส์ =
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม<br>
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม<br>
[[พ.ศ. 2530]] - ''[[ด้วยเกล้า]]''
พ.ศ. 2530 - ''[[ด้วยเกล้า]]''
| ชมรมวิจารณ์บันเทิง =
| ชมรมวิจารณ์บันเทิง =
นักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม<br>
นักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม<br>
[[พ.ศ. 2534]] - ''[[เวลาในขวดแก้ว]]'' (เข้าชิง)
พ.ศ. 2534 - ''[[เวลาในขวดแก้ว]]'' (เข้าชิง)
| โทรทัศน์ทองคำ =
| โทรทัศน์ทองคำ =
| เมขลา =
| เมขลา =
| imdb_id = 0543599
| imdb_id = 0543599
| thaifilmdb_id = 02047
| thaifilmdb_id = 02047
}}
}}


'''จรัล มโนเพ็ชร''' ([[1 มกราคม]] [[พ.ศ. 2498]]<ref>[http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000129708 จรัล มโนเพ็ชร(1) : กำเนิด]</ref> — [[3 กันยายน]] [[พ.ศ. 2544]]) เป็น[[ศิลปิน]]ชาวไทย ผู้เป็นทั้ง[[นักร้อง]] [[นักดนตรี]] [[นักแต่งเพลง]] และ[[นักแสดง]] ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัย
'''จรัล มโนเพ็ชร''' (1 มกราคม พ.ศ. 2498<ref>[http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000129708 จรัล มโนเพ็ชร(1) : กำเนิด]</ref> — 3 กันยายน พ.ศ. 2544) เป็น[[ศิลปิน]]ชาวไทย ผู้เป็นทั้ง[[นักร้อง]] [[นักดนตรี]] [[นักแต่งเพลง]] และ[[นักแสดง]] ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัย


งานดนตรีของจรัลมีเอกลักษณ์จากการสร้างสรรค์ภาษาถิ่นเหนือ '''[[คำเมือง]]''' ของเขาซึ่งถูกเรียกว่า “[[โฟล์คซองคำเมือง]]”
งานดนตรีของจรัลมีเอกลักษณ์จากการสร้างสรรค์ภาษาถิ่นเหนือ '''[[คำเมือง]]''' ของเขาซึ่งเรียกว่า “[[โฟล์คซองคำเมือง]]”
ที่ก่อเกิดขึ้นนับแต่ปี [[พ.ศ. 2520]] และได้รับความสนใจจนเป็นที่ยอมรับ และกลายเป็นแบบอย่างบนแนวทางดนตรีท้องถิ่นร่วมสมัยในปัจจุบัน
ที่ก่อเกิดขึ้นนับแต่ปี พ.ศ. 2520 และได้รับความสนใจจนเป็นที่ยอมรับ และกลายเป็นแบบอย่างบนแนวทางดนตรีท้องถิ่นร่วมสมัยในปัจจุบัน


โฟล์คซองคำเมืองของจรัลไม่เพียงได้รับความนิยมชมชอบจากชาวเหนือหรือชาว[[ล้านนา]] ซึ่งเข้าใจภาษาคำเมืองภาษาท้องถิ่นของตน
โฟล์คซองคำเมืองของจรัลไม่เพียงได้รับความนิยมชมชอบจากชาวเหนือหรือชาว[[ล้านนา]] ซึ่งเข้าใจภาษาคำเมืองภาษาท้องถิ่นของตน
แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวไทยภาคอื่น ๆ ไปจนถึงชาวต่างชาติที่สนใจในศิลปะการดนตรี
แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวไทยภาคอื่น ๆ ไปจนถึงชาวต่างชาติที่สนใจในศิลปะการดนตรี
เอกลักษณ์ของเขาทั้งในการแต่งเพลง ร้องเพลง และเล่นดนตรี ทำให้จรัลได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชาโฟล์คซองคำเมือง” จรัลแต่งเพลงไว้กว่าสองร้อยเพลงในช่วงเวลาราวยี่สิบห้าปีของชีวิตศิลปินของเขา เป็นบทเพลงที่งดงามด้วยการใช้ภาษาเยี่ยงกวี จนทำให้เขาได้รับโล่ห์ประกาศเกียรติคุณจาก[[สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี]]
เอกลักษณ์ของเขาทั้งในการแต่งเพลง ร้องเพลง และเล่นดนตรี ทำให้จรัลได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชาโฟล์คซองคำเมือง” จรัลแต่งเพลงไว้กว่าสองร้อยเพลงในช่วงเวลาราวยี่สิบห้าปีของชีวิตศิลปินของเขา เป็นบทเพลงที่งดงามด้วยการใช้ภาษาเยี่ยงกวี จนทำให้เขาได้รับโล่ห์ประกาศเกียรติคุณจาก[[สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี]]
เมื่อปี [[พ.ศ. 2537]] ในฐานะ “บุคคลดีเด่นทางด้านการใช้ภาษา”
เมื่อปี พ.ศ. 2537 ในฐานะ “บุคคลดีเด่นทางด้านการใช้ภาษา”


แม้จรัลจะเสียชีวิตไปแล้วแต่บทเพลงของเขานับร้อยเพลงนั้นยังคงเป็นอมตะ ผู้คนยังคงฟังเพลงของเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย
แม้จรัลจะเสียชีวิตไปแล้วแต่บทเพลงของเขานับร้อยเพลงนั้นยังคงเป็นอมตะ ผู้คนยังคงฟังเพลงของเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย
บรรทัด 52: บรรทัด 53:
ชื่อ '''สิงห์แก้ว มโนเพ็ชร''' ส่วนแม่ชื่อ '''เจ้าต่อมคำ (ณ เชียงใหม่) มโนเพ็ชร''' สืบเชื้อสายมาจากราชตระกูล [[ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน)|ณ เชียงใหม่]]
ชื่อ '''สิงห์แก้ว มโนเพ็ชร''' ส่วนแม่ชื่อ '''เจ้าต่อมคำ (ณ เชียงใหม่) มโนเพ็ชร''' สืบเชื้อสายมาจากราชตระกูล [[ราชวงศ์ทิพย์จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน)|ณ เชียงใหม่]]


จรัลเกิดเมื่อวันที่ [[1 มกราคม]] [[พ.ศ. 2498]])<ref>[http://www.9dern.com/rsa/view.php?id=131 จรัล มโนเพ็ชร#1 : ประวัติชีวิตและผลงาน]</ref> เป็นลูกคนที่สอง มีพี่น้องชายหญิงรวมทั้งหมด 7 คน
จรัลเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2498<ref>[http://www.9dern.com/rsa/view.php?id=131 จรัล มโนเพ็ชร#1 : ประวัติชีวิตและผลงาน]</ref> เป็นลูกคนที่สอง มีพี่น้องชายหญิงรวมทั้งหมด 7 คน
ครอบครัวเป็นชนชั้นกลาง มีชีวิตเรียบง่ายสมถะตามแบบวิถีชีวิตชาวเหนือทั่วไป ใฝ่ใจใน[[พุทธศาสนา]] ทั้งพ่อและแม่ของจรัลจะไปทำบุญและร่วมงานพิธีทางศาสนาอยู่เสมอที่วัดใกล้บ้าน คือ วัดฟ่อนสร้อย ซึ่งเป็นวัดที่ครอบครัวนี้มีศรัทธาอย่างยิ่ง
ครอบครัวเป็นชนชั้นกลาง มีชีวิตเรียบง่ายสมถะตามแบบวิถีชีวิตชาวเหนือทั่วไป ใฝ่ใจใน[[พุทธศาสนา]] ทั้งพ่อและแม่ของจรัลจะไปทำบุญและร่วมงานพิธีทางศาสนาอยู่เสมอที่วัดใกล้บ้าน คือ วัดฟ่อนสร้อย ซึ่งเป็นวัดที่ครอบครัวนี้มีศรัทธาอย่างยิ่ง
ด้วยครอบครัวมโนเพ็ชรเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อของจรัลจึงต้องหารายได้พิเศษ ความที่เป็นคนมีฝีมือในด้านงานศิลปะ[[หัตถกรรม]]ท้องถิ่นที่สืบทอดตกมาจากบรรพบุรุษชาวเหนือ ทั้งการเขียนรูป และการแกะสลักไม้
ด้วยครอบครัวมโนเพ็ชรเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อของจรัลจึงต้องหารายได้พิเศษ ความที่เป็นคนมีฝีมือในด้านงานศิลปะ[[หัตถกรรม]]ท้องถิ่นที่สืบทอดตกมาจากบรรพบุรุษชาวเหนือ ทั้งการเขียนรูป และการแกะสลักไม้
บรรทัด 63: บรรทัด 64:
ซึ่งในเวลานั้นยังมีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง แนวดนตรีที่เขาชอบเป็นพิเศษคือดนตรี[[โฟล์ค]] [[คันทรี]]
ซึ่งในเวลานั้นยังมีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง แนวดนตรีที่เขาชอบเป็นพิเศษคือดนตรี[[โฟล์ค]] [[คันทรี]]
และ[[บลูส์]] ที่ต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างยิ่งในการแต่งเพลงของเขา
และ[[บลูส์]] ที่ต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างยิ่งในการแต่งเพลงของเขา
เมื่อจบการศึกษาจากวิทยาลัย จรัลเข้าทำงานรับราชการเป็นงานแรกที่แขวงการทางอำเภอพะเยา
เมื่อจบการศึกษาจากวิทยาลัย จรัลเข้าทำงานรับราชการเป็นงานแรกที่แขวงการทางอำเภอพะเยา
(เวลานั้น[[พะเยา]]ยังไม่ได้รับการยกให้เป็นจังหวัดเหมือนในปัจจุบัน) ต่อมาจึงย้ายไปทำงานที่บริษัทไทยฟาร์มมิ่ง
(เวลานั้น[[พะเยา]]ยังไม่ได้รับการยกให้เป็นจังหวัดเหมือนในปัจจุบัน) ต่อมาจึงย้ายไปทำงานที่บริษัทไทยฟาร์มมิ่ง
บรรทัด 69: บรรทัด 70:
ตามโรงแรมและคลับบาร์ในเชียงใหม่
ตามโรงแรมและคลับบาร์ในเชียงใหม่


ต่อมาใน ปี [[พ.ศ. 2520]] เมื่อบทเพลงโฟล์คซอง[[คำเมือง]]ของเขาเผยแพร่ไปทั่วประเทศ เพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือเพลงที่ชื่อ
ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2520 เมื่อบทเพลงโฟล์คซอง[[คำเมือง]]ของเขาเผยแพร่ไปทั่วประเทศ เพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือเพลงที่ชื่อ
[[อุ๊ยคำ]] ซึ่งเวลานั้นเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทเพลงของ ปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี นอกจากนั้นยังมีศิลปินต่างชาติอีกหลายคนที่เป็นต้นแบบการเล่นดนตรีของจรัล เช่น
[[อุ๊ยคำ]] ซึ่งเวลานั้นเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทเพลงของ ปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี นอกจากนั้นยังมีศิลปินต่างชาติอีกหลายคนที่เป็นต้นแบบการเล่นดนตรีของจรัล เช่น
[[บ็อบ ดีแลน]], [[จอห์น เดนเวอร์]], นิตตี้ กริทที้ เดิร์ท แบนด์, วิลลี่ เนลสัน, จิม โครเชต์
[[บ็อบ ดีแลน]], [[จอห์น เดนเวอร์]], นิตตี้ กริทที้ เดิร์ท แบนด์, วิลลี่ เนลสัน, จิม โครเชต์
และ [[พอล ไซมอน]] & [[อาร์ท การ์ฟังเกล]] ซึ่งส่งผลไปถึงการทำงานโฟล์คซองคำเมืองอันเป็นดนตรีในรูปแบบของจรัลเอง
และ [[พอล ไซมอน]] & [[อาร์ท การ์ฟังเกล]] ซึ่งส่งผลไปถึงการทำงานโฟล์คซองคำเมืองอันเป็นดนตรีในรูปแบบของจรัลเอง


จรัลก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปในยุคนั้นที่ได้ยินได้ฟังดนตรีจากอเมริกาและอังกฤษที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยตามสมัยนิยม
จรัลก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปในยุคนั้นที่ได้ยินได้ฟังดนตรีจากอเมริกาและอังกฤษที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยตามสมัยนิยม
บรรทัด 81: บรรทัด 82:


=== ยุคแรก ===
=== ยุคแรก ===
บทเพลงคำเมืองของเขาแพร่กระจายไปทั่วในปี [[พ.ศ. 2520]] แต่บรรดาครูเพลงในล้านนาที่จรัลมักเรียกว่า
บทเพลงคำเมืองของเขาแพร่กระจายไปทั่วในปี พ.ศ. 2520 แต่บรรดาครูเพลงในล้านนาที่จรัลมักเรียกว่า
ฤๅษีทางดนตรี ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์งานของเขาซึ่งแปลกแตกต่างไปจากดนตรีล้านนาที่เคยได้ยินได้ฟังกันมา
ฤๅษีทางดนตรี ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์งานของเขาซึ่งแปลกแตกต่างไปจากดนตรีล้านนาที่เคยได้ยินได้ฟังกันมา
เพราะจรัลใช้[[กีตาร์]] และ[[แมนโดลิน]]มาแทนเสียง[[ซึง]] ใช้[[ขลุ่ย]]ฝรั่งแทนขลุ่ยไทย และเขายังใช้เครื่องดนตรีสมัยใหม่อีกมากมายมาบรรเลงบทเพลงเก่าแก่ของล้านนาตามแบบฉบับโฟล์คซองคำเมืองของเขา
เพราะจรัลใช้[[กีตาร์]] และ[[แมนโดลิน]]มาแทนเสียง[[ซึง]] ใช้[[ขลุ่ย]]ฝรั่งแทนขลุ่ยไทย และเขายังใช้เครื่องดนตรีสมัยใหม่อีกมากมายมาบรรเลงบทเพลงเก่าแก่ของล้านนาตามแบบฉบับโฟล์คซองคำเมืองของเขา
บรรทัด 89: บรรทัด 90:
จรัลได้รับการยกย่องอย่างสูงว่าเป็นนักแต่งเพลงฝีมือเยี่ยม ที่แม้บรรดาศิลปินเพลงด้วยกันต่างก็ยอมรับ
จรัลได้รับการยกย่องอย่างสูงว่าเป็นนักแต่งเพลงฝีมือเยี่ยม ที่แม้บรรดาศิลปินเพลงด้วยกันต่างก็ยอมรับ
เขาเชียวชาญการแต่งเพลงหลายรูปแบบแต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือบทเพลงแบบบัลลาด ซึ่งเป็นบทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนของท้องถิ่นล้านนาอันเป็นบ้านเกิดของเขา
เขาเชียวชาญการแต่งเพลงหลายรูปแบบแต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือบทเพลงแบบบัลลาด ซึ่งเป็นบทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนของท้องถิ่นล้านนาอันเป็นบ้านเกิดของเขา
จรัลพูดถึงการแต่งเพลงเองร้องเพลงเองของเขาว่า….. '“มันเป็นงานที่เป็นตัวตนจริงๆแท้ๆจากใจ
จรัลพูดถึงการแต่งเพลงเองร้องเพลงเองของเขาว่า….. '“มันเป็นงานที่เป็นตัวตนจริงๆแท้ๆจากใจ
ในเมื่อผมเป็นนักร้องแต่ไม่อยากร้องเพลงของคนอื่น ผมจึงต้องเขียนเพลงของตัวเอง เป็นเพลงที่ผมอยากร้อง
ในเมื่อผมเป็นนักร้องแต่ไม่อยากร้องเพลงของคนอื่น ผมจึงต้องเขียนเพลงของตัวเอง เป็นเพลงที่ผมอยากร้อง
มันทำให้ได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ ไม่ต้องอาศัยให้ใครมาสร้างภาพลักษณ์”'
มันทำให้ได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ ไม่ต้องอาศัยให้ใครมาสร้างภาพลักษณ์”'
บรรทัด 96: บรรทัด 97:
กิจจา – คันถ์ชิด และเกษม รวมทั้งมักจะมีนักร้องหญิงชื่อ[[สุนทรี เวชานนท์]] ร่วมร้องเพลงด้วย
กิจจา – คันถ์ชิด และเกษม รวมทั้งมักจะมีนักร้องหญิงชื่อ[[สุนทรี เวชานนท์]] ร่วมร้องเพลงด้วย
แต่ต่อมาทั้งหมดก็แยกทางกันไปตามวิถีของแต่ละคน น้องชายทั้งสามของเขาต่างก็ยังคงเล่นดนตรีและร้องเพลง
แต่ต่อมาทั้งหมดก็แยกทางกันไปตามวิถีของแต่ละคน น้องชายทั้งสามของเขาต่างก็ยังคงเล่นดนตรีและร้องเพลง
โดยที่ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯนั่นเอง ส่วนสุนทรี เวชานนท์ แต่งงานกับชายชาว[[ออสเตรเลีย]]จึงโยกย้ายไปอยู่ต่างประเทศระยะหนึ่ง
โดยที่ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯนั่นเอง ส่วนสุนทรี เวชานนท์ แต่งงานกับชายชาว[[ออสเตรเลีย]]จึงโยกย้ายไปอยู่ต่างประเทศระยะหนึ่ง
เมื่อกลับมาเมืองไทยอีกครั้งก็ได้เกิดเรื่องความบาดหมางระหว่างจรัลกับสุนทรีจนทำให้ไม่อาจร่วมงานกันได้อีกต่อไป
เมื่อกลับมาเมืองไทยอีกครั้งก็ได้เกิดเรื่องความบาดหมางระหว่างจรัลกับสุนทรีจนทำให้ไม่อาจร่วมงานกันได้อีกต่อไป
จรัลเองถึงกับประกาศว่าจะไม่ขอขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกับสุนทรีอีก และเขาก็ได้ทำเช่นนั้นตราบจนวันตายจริงๆ
จรัลเองถึงกับประกาศว่าจะไม่ขอขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกับสุนทรีอีก และเขาก็ได้ทำเช่นนั้นตราบจนวันตายจริงๆ
บรรทัด 104: บรรทัด 105:
แต่ด้วยความสามารถอันสูงส่งของเขา งานดนตรีของจรัลกลับพัฒนายิ่งขึ้น โดยที่เขายังคงแต่งเพลงเอง
แต่ด้วยความสามารถอันสูงส่งของเขา งานดนตรีของจรัลกลับพัฒนายิ่งขึ้น โดยที่เขายังคงแต่งเพลงเอง
ร้องเอง เล่นดนตรีเอง และจรัลยังเรียบเรียงเสียงดนตรีเองอีกด้วย จนทำให้เขาได้รับรางวัลดนตรี
ร้องเอง เล่นดนตรีเอง และจรัลยังเรียบเรียงเสียงดนตรีเองอีกด้วย จนทำให้เขาได้รับรางวัลดนตรี
[[สีสันอวอร์ด]] ในปี [[พ.ศ. 2538]] โดยเป็นศิลปินชายเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลถึงสามรางวัลในครั้งนั้น
[[สีสันอวอร์ด]] ในปี พ.ศ. 2538 โดยเป็นศิลปินชายเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลถึงสามรางวัลในครั้งนั้น
นั่นก็คือในฐานะนักร้องชายยอดเยี่ยม จากเพลงศิลปินป่า อัลบั้มยอดเยี่ยม จากอัลบั้มชุดศิลปินป่า
นั่นก็คือในฐานะนักร้องชายยอดเยี่ยม จากเพลงศิลปินป่า อัลบั้มยอดเยี่ยม จากอัลบั้มชุดศิลปินป่า
และบทเพลงยอดเยี่ยมจากงานชุดศิลปินป่า
และบทเพลงยอดเยี่ยมจากงานชุดศิลปินป่า


เมื่อจรัลโยกย้ายจากจังหวัดเชียงใหม่ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ นอกจากมีกิจการร้านอาหารและทำงานเพลงแล้ว บางครั้งจรัลยังรับแสดงหนังและละคร อีกทั้งยังแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์และละครเหล่านั้นด้วย ความสามารถในด้านนี้ทำให้ต่อมาจรัลได้รับรางวัลทางด้านการแสดงอีกหลายรางวัลทีเดียว
เมื่อจรัลโยกย้ายจากจังหวัดเชียงใหม่ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ นอกจากมีกิจการร้านอาหารและทำงานเพลงแล้ว บางครั้งจรัลยังรับแสดงหนังและละคร อีกทั้งยังแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์และละครเหล่านั้นด้วย ความสามารถในด้านนี้ทำให้ต่อมาจรัลได้รับรางวัลทางด้านการแสดงอีกหลายรางวัลทีเดียว
ในปี [[พ.ศ. 2539]] เนื่องในวโรกาส[[พระราชพิธีกาญจนาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๓๙]] [[พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช|พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว]] มีการจัดทำดนตรีเรียกว่าดนตรีจตุรภาค
ในปี พ.ศ. 2539 เนื่องในวโรกาส[[พระราชพิธีกาญจนาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๓๙]] [[พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช|พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว]] มีการจัดทำดนตรีเรียกว่าดนตรีจตุรภาค
โดยรวบรวมนักดนตรีฝีมือเยี่ยมจากทั่วทุกภาคในประเทศมาแต่งเพลงเพื่อเฉลิมฉลองวโรกาสนี้
โดยรวบรวมนักดนตรีฝีมือเยี่ยมจากทั่วทุกภาคในประเทศมาแต่งเพลงเพื่อเฉลิมฉลองวโรกาสนี้
จรัลเองขณะนั้นมีอายุเพียงสี่สิบห้าปีเท่านั้นแต่ก็ได้รับเชิญในฐานะครูเพลงภาคเหนือ
จรัลเองขณะนั้นมีอายุเพียงสี่สิบห้าปีเท่านั้นแต่ก็ได้รับเชิญในฐานะครูเพลงภาคเหนือ
เขาแต่งเพลงชื่อว่า '''[[ฮ่มฟ้าปารมี]]''' เป็นเพลงที่ไพเราะมาก จนทำให้ต่อมาแพร่หลายในวงกว้าง และในที่สุดสถาบันการศึกษาด้านศิลปะการดนตรีในจังหวัดเชียงใหม่
เขาแต่งเพลงชื่อว่า '''[[ฮ่มฟ้าปารมี]]''' เป็นเพลงที่ไพเราะมาก จนทำให้ต่อมาแพร่หลายในวงกว้าง และในที่สุดสถาบันการศึกษาด้านศิลปะการดนตรีในจังหวัดเชียงใหม่
ได้นำเพลงนี้ไปใช้ประกอบการสอนในสาขานาฏศิลป์ด้วย และปัจจุบันนี้ได้มีผู้คิดท่าฟ้อนรำสำหรับบทเพลงนี้เช่นกัน
ได้นำเพลงนี้ไปใช้ประกอบการสอนในสาขานาฏศิลป์ด้วย และปัจจุบันนี้ได้มีผู้คิดท่าฟ้อนรำสำหรับบทเพลงนี้เช่นกัน
เรียกว่า ฟ้อนฮ่มฟ้าปารมี
เรียกว่า ฟ้อนฮ่มฟ้าปารมี
ช่วงชีวิตการทำงานศิลปะการดนตรีของจรัลเริ่มในปี [[พ.ศ. 2520]] และสิ้นสุดลงในปี [[พ.ศ. 2544]]
ช่วงชีวิตการทำงานศิลปะการดนตรีของจรัลเริ่มในปี พ.ศ. 2520 และสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2544
เมื่อจรัลเสียชีวิตจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน โดยที่ก่อนเสียชีวิตนั่นเองจรัลกำลังตั้งใจที่จะทำงานเพลงในโอกาสที่โฟล์คซองคำเมืองของเขายืนยาวมาถึงยี่สิบห้าปีแห่งการทำงานเพลง
เมื่อจรัลเสียชีวิตจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน โดยที่ก่อนเสียชีวิตนั่นเองจรัลกำลังตั้งใจที่จะทำงานเพลงในโอกาสที่โฟล์คซองคำเมืองของเขายืนยาวมาถึงยี่สิบห้าปีแห่งการทำงานเพลง
เขาตั้งใจใช้ชื่อว่า '''25 ปี โฟล์คซองคำเมือง จรัล มโนเพ็ชร'''
เขาตั้งใจใช้ชื่อว่า '''25 ปี โฟล์คซองคำเมือง จรัล มโนเพ็ชร'''


=== การเสียชีวิต ===
=== การเสียชีวิต ===
ข่าวการเสียชีวิตของจรัลจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน เมื่อย่ำรุ่งของวันที่ [[3 กันยายน]]
ข่าวการเสียชีวิตของจรัลจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน เมื่อย่ำรุ่งของวันที่ 3 กันยายน
[[พ.ศ. 2544]] [[จังหวัดลำพูน]] สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วประเทศ ผู้คนจำนวนมากจากทุกวงการเดินทางไปคารวะศพของเขา ซึ่งตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่[[วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร]]เป็นเวลาห้าวัน
พ.ศ. 2544 [[จังหวัดลำพูน]] สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วประเทศ ผู้คนจำนวนมากจากทุกวงการเดินทางไปคารวะศพของเขา ซึ่งตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่[[วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร]]เป็นเวลาห้าวัน
พวงหรีดที่มีผู้นำไปแสดงความเคารพและคารวะศพของจรัลมีเป็นจำนวนมากจนกระทั่งไม่มีที่วาง
พวงหรีดที่มีผู้นำไปแสดงความเคารพและคารวะศพของจรัลมีเป็นจำนวนมากจนกระทั่งไม่มีที่วาง
ทางวัดจึงต้องนำไปแขวนไว้บนกำแพงวัดทั้งด้านในและด้านนอก นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นคือ
ทางวัดจึงต้องนำไปแขวนไว้บนกำแพงวัดทั้งด้านในและด้านนอก นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นคือ
บรรทัด 134: บรรทัด 135:
ก่อนเสียชีวิตไม่นานจรัล มโนเพ็ชร ได้รับเชิญจากรัฐบาลให้เป็นที่ปรึกษางานด้านวัฒนธรรม ซึ่งจรัลได้ตอบตกลงไปแล้ว แต่ก่อนที่การประชุมครั้งแรกจะเกิดขึ้นจรัลก็เสียชีวิตไปก่อน
ก่อนเสียชีวิตไม่นานจรัล มโนเพ็ชร ได้รับเชิญจากรัฐบาลให้เป็นที่ปรึกษางานด้านวัฒนธรรม ซึ่งจรัลได้ตอบตกลงไปแล้ว แต่ก่อนที่การประชุมครั้งแรกจะเกิดขึ้นจรัลก็เสียชีวิตไปก่อน


==ผลงาน==
==ผลงาน==
=== ผลงานดนตรี (พ.ศ. 2520 – 2544) ===
=== ผลงานดนตรี (พ.ศ. 2520 – 2544) ===
#โฟลค์ซองค์คำเมืองชุด 2 จรัล มโนเพ็ชร ท่าแพบรรณาคาร
#โฟลค์ซองค์คำเมืองชุด 2 จรัล มโนเพ็ชร ท่าแพบรรณาคาร
บรรทัด 158: บรรทัด 159:
# ล้านนาซิมโฟนี
# ล้านนาซิมโฟนี


=== ผลงานการแสดง (พ.ศ. 2520 – 2544) ===
=== ผลงานการแสดง (พ.ศ. 2520 – 2544) ===
==== ภาพยนตร์ ====
==== ภาพยนตร์ ====
* ดอกไม้ร่วงที่แม่ริม
* ดอกไม้ร่วงที่แม่ริม
บรรทัด 172: บรรทัด 173:
* รอยทางแห่งความฝัน
* รอยทางแห่งความฝัน
* ไม้ดัด
* ไม้ดัด
* [[หงส์เหนือมังกร]]
* [[หงส์เหนือมังกร]]
* [[ตะวันตัดบูรพา]]
* [[ตะวันตัดบูรพา]]
* [[ขมิ้นกับปูน]]
* [[ขมิ้นกับปูน]]
บรรทัด 185: บรรทัด 186:
=== ดนตรีประกอบภาพยนตร์และสารคดี ===
=== ดนตรีประกอบภาพยนตร์และสารคดี ===
* ดนตรีประกอบสารคดีขององค์การยูนิเซฟ เพื่อรณรงค์ต่อต้านการประกอบอาชีพโสเภณีของสาวเหนือ
* ดนตรีประกอบสารคดีขององค์การยูนิเซฟ เพื่อรณรงค์ต่อต้านการประกอบอาชีพโสเภณีของสาวเหนือ
* ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง บุญชูผู้น่ารัก ภาค 1-8 ในภาค9 เป็นหน้าที่ของ ยืนยง โอภากุล
* ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง บุญชูผู้น่ารัก ภาค 1-8 ในภาค9 เป็นหน้าที่ของ ยืนยง โอภากุล
* ดนตรีประกอบสารคดีโทรทัศน์ ชุดพุกามประเทศ-เชียงตุง-อาณาจักรล้านนา
* ดนตรีประกอบสารคดีโทรทัศน์ ชุดพุกามประเทศ-เชียงตุง-อาณาจักรล้านนา
* ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง เขาชื่อกานต์
* ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง เขาชื่อกานต์
บรรทัด 206: บรรทัด 207:
* จาก [[สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ]] รางวัลบทเพลงดีเด่น 3 รางวัล คือในปี พ.ศ. 2524-2525 และ 2536
* จาก [[สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ]] รางวัลบทเพลงดีเด่น 3 รางวัล คือในปี พ.ศ. 2524-2525 และ 2536
* [[รางวัลตุ๊กตาทอง]]เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม [[บุญชูผู้น่ารัก]] ปี พ.ศ. 2530 และจาก[[บุญชู 2 น้องใหม่]] ปี พ.ศ. 2532
* [[รางวัลตุ๊กตาทอง]]เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม [[บุญชูผู้น่ารัก]] ปี พ.ศ. 2530 และจาก[[บุญชู 2 น้องใหม่]] ปี พ.ศ. 2532
* รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น[[สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล]] ปี [[พ.ศ. 2532]]
* รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น[[สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล]] ปี พ.ศ. 2532
* รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น[[มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตภาคพายัพ|วิทยาเขตภาคพายัพ]] ปี พ.ศ. 2532
* รางวัลศิษย์เก่าดีเด่น[[มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา วิทยาเขตภาคพายัพ|วิทยาเขตภาคพายัพ]] ปี พ.ศ. 2532
* [[รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ]]ในฐานะแสดงนำชายยอดเยี่ยมเรื่อง[[ด้วยเกล้า (ภาพยนตร์)|ด้วยเกล้า]] เมื่อปี พ.ศ. 2530
* [[รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ]]ในฐานะแสดงนำชายยอดเยี่ยมเรื่อง[[ด้วยเกล้า (ภาพยนตร์)|ด้วยเกล้า]] เมื่อปี พ.ศ. 2530
* โล่ห์เกียรติยศจาก[[สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา]]ในฐานะบุคคลดีเด่นทางด้านการใช้ภาษา ปี พ.ศ. 2537
* โล่ห์เกียรติยศจาก[[สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา]]ในฐานะบุคคลดีเด่นทางด้านการใช้ภาษา ปี พ.ศ. 2537
* รางวัลจาก[[ชมรมวิจารณ์เพลงแห่งประเทศไทย]] ในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง[[วิถีคนกล้า]]
* รางวัลจาก[[ชมรมวิจารณ์เพลงแห่งประเทศไทย]] ในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง[[วิถีคนกล้า]]
* ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมสาขาศิลปะการแสดงเพลงพื้นบ้าน ปี พ.ศ. 2540 จากสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่
* ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรมสาขาศิลปะการแสดงเพลงพื้นบ้าน ปี พ.ศ. 2540 จากสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่
* [[รางวัลสีสันอวอร์ด]] 3 รางวัล เมื่อปี พ.ศ. 2538 ในฐานะนักร้องนำชายยอดเยี่ยม, บทเพลงยอดเยี่ยม และอัลบั้มยอดเยี่ยม ทั้งหมดมาจากงานดนตรีชุด [[ศิลปินป่า]]
* [[รางวัลสีสันอวอร์ด]] 3 รางวัล เมื่อปี พ.ศ. 2538 ในฐานะนักร้องนำชายยอดเยี่ยม, บทเพลงยอดเยี่ยม และอัลบั้มยอดเยี่ยม ทั้งหมดมาจากงานดนตรีชุด [[ศิลปินป่า]]
* รางวัลพิฆเนศทองคำพระราชทานครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2539 จากเพลงชุด ศิลปินป่า
* รางวัลพิฆเนศทองคำพระราชทานครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2539 จากเพลงชุด ศิลปินป่า
* รางวัลจาก[[ชมรมสภาวะแวดล้อมสยาม]] จากงานชุด ศิลปินป่า
* รางวัลจาก[[ชมรมสภาวะแวดล้อมสยาม]] จากงานชุด ศิลปินป่า
* รางวัลจาก[[สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ]]
* รางวัลจาก[[สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ]]
บรรทัด 228: บรรทัด 229:


{{เกิดปี|2498}}{{ตายปี|2544}}
{{เกิดปี|2498}}{{ตายปี|2544}}
[[หมวดหมู่:นักร้องไทย]]
[[หมวดหมู่:นักร้องไทย]]
[[หมวดหมู่:นักแต่งเพลงชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:นักแต่งเพลงชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:นักดนตรีชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:นักดนตรีชาวไทย]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:46, 3 กุมภาพันธ์ 2557

จรัล มโนเพ็ชร
ไฟล์:14764083dt2.jpg
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด1 มกราคม พ.ศ. 2498
จรัล มโนเพ็ชร
เสียชีวิต3 กันยายน พ.ศ. 2544 (46 ปี)
จังหวัดลำพูน  ไทย
อาชีพนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง นักแสดง
ผลงานเด่นด้วยเกล้า
พระสุรัสวดีเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

พ.ศ. 2531 - บุญชูผู้น่ารัก

พ.ศ. 2532 - บุญชู 2 น้องใหม่
สุพรรณหงส์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
พ.ศ. 2530 - ด้วยเกล้า
ชมรมวิจารณ์บันเทิงนักแสดงประกอบชายยอดเยี่ยม
พ.ศ. 2534 - เวลาในขวดแก้ว (เข้าชิง)
ฐานข้อมูล
IMDb
ThaiFilmDb

จรัล มโนเพ็ชร (1 มกราคม พ.ศ. 2498[1] — 3 กันยายน พ.ศ. 2544) เป็นศิลปินชาวไทย ผู้เป็นทั้งนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง และนักแสดง ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัย

งานดนตรีของจรัลมีเอกลักษณ์จากการสร้างสรรค์ภาษาถิ่นเหนือ คำเมือง ของเขาซึ่งเรียกว่า “โฟล์คซองคำเมือง” ที่ก่อเกิดขึ้นนับแต่ปี พ.ศ. 2520 และได้รับความสนใจจนเป็นที่ยอมรับ และกลายเป็นแบบอย่างบนแนวทางดนตรีท้องถิ่นร่วมสมัยในปัจจุบัน

โฟล์คซองคำเมืองของจรัลไม่เพียงได้รับความนิยมชมชอบจากชาวเหนือหรือชาวล้านนา ซึ่งเข้าใจภาษาคำเมืองภาษาท้องถิ่นของตน แต่ยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวไทยภาคอื่น ๆ ไปจนถึงชาวต่างชาติที่สนใจในศิลปะการดนตรี เอกลักษณ์ของเขาทั้งในการแต่งเพลง ร้องเพลง และเล่นดนตรี ทำให้จรัลได้รับการยกย่องให้เป็น “ราชาโฟล์คซองคำเมือง” จรัลแต่งเพลงไว้กว่าสองร้อยเพลงในช่วงเวลาราวยี่สิบห้าปีของชีวิตศิลปินของเขา เป็นบทเพลงที่งดงามด้วยการใช้ภาษาเยี่ยงกวี จนทำให้เขาได้รับโล่ห์ประกาศเกียรติคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี พ.ศ. 2537 ในฐานะ “บุคคลดีเด่นทางด้านการใช้ภาษา”

แม้จรัลจะเสียชีวิตไปแล้วแต่บทเพลงของเขานับร้อยเพลงนั้นยังคงเป็นอมตะ ผู้คนยังคงฟังเพลงของเขาอยู่ไม่เสื่อมคลาย

ประวัติ

จรัล มโนเพ็ชร เกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ ในย่านที่เรียกว่าประตูเชียงใหม่ พ่อของเขาเป็นข้าราชการอยู่ที่แขวงการทางจังหวัดเชียงใหม่ ชื่อ สิงห์แก้ว มโนเพ็ชร ส่วนแม่ชื่อ เจ้าต่อมคำ (ณ เชียงใหม่) มโนเพ็ชร สืบเชื้อสายมาจากราชตระกูล ณ เชียงใหม่

จรัลเกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2498[2] เป็นลูกคนที่สอง มีพี่น้องชายหญิงรวมทั้งหมด 7 คน ครอบครัวเป็นชนชั้นกลาง มีชีวิตเรียบง่ายสมถะตามแบบวิถีชีวิตชาวเหนือทั่วไป ใฝ่ใจในพุทธศาสนา ทั้งพ่อและแม่ของจรัลจะไปทำบุญและร่วมงานพิธีทางศาสนาอยู่เสมอที่วัดใกล้บ้าน คือ วัดฟ่อนสร้อย ซึ่งเป็นวัดที่ครอบครัวนี้มีศรัทธาอย่างยิ่ง ด้วยครอบครัวมโนเพ็ชรเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อของจรัลจึงต้องหารายได้พิเศษ ความที่เป็นคนมีฝีมือในด้านงานศิลปะหัตถกรรมท้องถิ่นที่สืบทอดตกมาจากบรรพบุรุษชาวเหนือ ทั้งการเขียนรูป และการแกะสลักไม้ พ่อของจรัลจึงมีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัว จรัลเองในเวลานั้นแม้จะอยู่ในวัยเด็ก แต่บางครั้งเมื่อพ่อมีงานพิเศษล้นมือจรัลจะเป็นผู้ช่วยพ่อของเขา ทั้งงานเขียนรูปและงานแกะสลักไม้

การศึกษา

จรัลเข้าเรียนหนังสือครั้งแรกที่โรงเรียนพุทธิโสภณ แล้วจึงย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนเมตตาศึกษา จากนั้นจึงสอบเข้าเรียนในขั้นอุดมศึกษาที่วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ จรัลฝึกเล่นกีตาร์มาตั้งแต่เด็กเพราะความชอบในดนตรี ทั้งจากที่เขาได้ฟังทางสถานีวิทยุในเชียงใหม่ และจากพวกมิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาในภาคเหนือ ระหว่างที่เรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคภาคพายัพ จรัลช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวด้วยการทำงานเพื่อหารายได้พิเศษโดยไม่ต้องรบกวนเงินทองจากทางบ้าน เขาเริ่มต้นด้วยการรับจ้างร้องเพลงและเล่นกีตาร์ตามร้านอาหาร หรือตามคลับตามบาร์ในเชียงใหม่ ซึ่งในเวลานั้นยังมีอยู่เพียงไม่กี่แห่ง แนวดนตรีที่เขาชอบเป็นพิเศษคือดนตรีโฟล์ค คันทรี และบลูส์ ที่ต่อมาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและมีอิทธิพลอย่างยิ่งในการแต่งเพลงของเขา

เมื่อจบการศึกษาจากวิทยาลัย จรัลเข้าทำงานรับราชการเป็นงานแรกที่แขวงการทางอำเภอพะเยา (เวลานั้นพะเยายังไม่ได้รับการยกให้เป็นจังหวัดเหมือนในปัจจุบัน) ต่อมาจึงย้ายไปทำงานที่บริษัทไทยฟาร์มมิ่ง และที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จรัลยังคงทำงานประจำไปด้วยควบคู่กับการร้องเพลงตามร้านอาหาร ตามโรงแรมและคลับบาร์ในเชียงใหม่

ต่อมาใน ปี พ.ศ. 2520 เมื่อบทเพลงโฟล์คซองคำเมืองของเขาเผยแพร่ไปทั่วประเทศ เพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือเพลงที่ชื่อ อุ๊ยคำ ซึ่งเวลานั้นเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทเพลงของ ปีเตอร์ พอล แอนด์ แมรี นอกจากนั้นยังมีศิลปินต่างชาติอีกหลายคนที่เป็นต้นแบบการเล่นดนตรีของจรัล เช่น บ็อบ ดีแลน, จอห์น เดนเวอร์, นิตตี้ กริทที้ เดิร์ท แบนด์, วิลลี่ เนลสัน, จิม โครเชต์ และ พอล ไซมอน & อาร์ท การ์ฟังเกล ซึ่งส่งผลไปถึงการทำงานโฟล์คซองคำเมืองอันเป็นดนตรีในรูปแบบของจรัลเอง

จรัลก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปในยุคนั้นที่ได้ยินได้ฟังดนตรีจากอเมริกาและอังกฤษที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยตามสมัยนิยม แต่จรัลไม่เพียงชื่นชอบเสียงดนตรีจากต่างประเทศ เขายังชื่นชอบบทเพลงสมัยก่อนแต่โบราณของชาวล้านนาอย่างยิ่ง เมื่อจรัลเริ่มต้นแต่งเพลง บทเพลงของเขาจึงเป็นการผสมผสานแนวดนตรีตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้จะเป็นการผสมผสานศิลปะดนตรีของตะวันออกกับตะวันตกก็ตาม แต่งานดนตรีของจรัลก็แฝงด้วยลักษณะท้องถิ่นล้านนาที่ชัดเจน ทั้งท่วงทำนองและเนื้อหาของบทเพลงที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวล้านนาตั้งแต่ยุคแรกที่ทำให้จรัลมีชื่อเสียงขึ้นมา และแม้เวลาจะผ่านไป บทเพลงของจรัลเริ่มที่จะเป็นลักษณะสากลแต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งบทเพลงพื้นบ้านของล้านนา

ยุคแรก

บทเพลงคำเมืองของเขาแพร่กระจายไปทั่วในปี พ.ศ. 2520 แต่บรรดาครูเพลงในล้านนาที่จรัลมักเรียกว่า ฤๅษีทางดนตรี ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์งานของเขาซึ่งแปลกแตกต่างไปจากดนตรีล้านนาที่เคยได้ยินได้ฟังกันมา เพราะจรัลใช้กีตาร์ และแมนโดลินมาแทนเสียงซึง ใช้ขลุ่ยฝรั่งแทนขลุ่ยไทย และเขายังใช้เครื่องดนตรีสมัยใหม่อีกมากมายมาบรรเลงบทเพลงเก่าแก่ของล้านนาตามแบบฉบับโฟล์คซองคำเมืองของเขา จรัลพูดว่า “บทเพลงแบบเก่าๆนั้นมีคนทำอยู่มากแล้วและก็ไม่สนุกสำหรับผมที่จะไปเลียนแบบของเก่าเสียทุกอย่าง”

การเป็นคนนอกคอกที่กล้าพอที่จะสร้างสรรงานดนตรีซึ่งแตกต่างจากงานเก่า ๆ ตามแบบของศิลปินนี้เอง ที่ส่งผลให้บทเพลงเก่าแก่ของล้านนากลับมาได้รับความสนใจจากวัยรุ่นในยุคนั้น แทนที่จะหายไปตามกาลเวลาและสมัยนิยม จรัลได้รับการยกย่องอย่างสูงว่าเป็นนักแต่งเพลงฝีมือเยี่ยม ที่แม้บรรดาศิลปินเพลงด้วยกันต่างก็ยอมรับ เขาเชียวชาญการแต่งเพลงหลายรูปแบบแต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือบทเพลงแบบบัลลาด ซึ่งเป็นบทเพลงที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนของท้องถิ่นล้านนาอันเป็นบ้านเกิดของเขา จรัลพูดถึงการแต่งเพลงเองร้องเพลงเองของเขาว่า….. '“มันเป็นงานที่เป็นตัวตนจริงๆแท้ๆจากใจ ในเมื่อผมเป็นนักร้องแต่ไม่อยากร้องเพลงของคนอื่น ผมจึงต้องเขียนเพลงของตัวเอง เป็นเพลงที่ผมอยากร้อง มันทำให้ได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ ไม่ต้องอาศัยให้ใครมาสร้างภาพลักษณ์”'

ในยุคแรกๆนั้นจรัลทำงานดนตรีร่วมกับพี่น้องและญาติๆของเขาในตระกูลมโนเพ็ชร คือน้องชายสามคนที่ชื่อ กิจจา – คันถ์ชิด และเกษม รวมทั้งมักจะมีนักร้องหญิงชื่อสุนทรี เวชานนท์ ร่วมร้องเพลงด้วย แต่ต่อมาทั้งหมดก็แยกทางกันไปตามวิถีของแต่ละคน น้องชายทั้งสามของเขาต่างก็ยังคงเล่นดนตรีและร้องเพลง โดยที่ส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯนั่นเอง ส่วนสุนทรี เวชานนท์ แต่งงานกับชายชาวออสเตรเลียจึงโยกย้ายไปอยู่ต่างประเทศระยะหนึ่ง เมื่อกลับมาเมืองไทยอีกครั้งก็ได้เกิดเรื่องความบาดหมางระหว่างจรัลกับสุนทรีจนทำให้ไม่อาจร่วมงานกันได้อีกต่อไป จรัลเองถึงกับประกาศว่าจะไม่ขอขึ้นเวทีร้องเพลงร่วมกับสุนทรีอีก และเขาก็ได้ทำเช่นนั้นตราบจนวันตายจริงๆ

ยุคหลัง

ในช่วงบั้นปลายของชีวิตราวสิบปีก่อนที่จรัลจะเสียชีวิต งานดนตรีของเขาจึงเป็นการทำงานเพียงลำพังอย่างแท้จริง แต่ด้วยความสามารถอันสูงส่งของเขา งานดนตรีของจรัลกลับพัฒนายิ่งขึ้น โดยที่เขายังคงแต่งเพลงเอง ร้องเอง เล่นดนตรีเอง และจรัลยังเรียบเรียงเสียงดนตรีเองอีกด้วย จนทำให้เขาได้รับรางวัลดนตรี สีสันอวอร์ด ในปี พ.ศ. 2538 โดยเป็นศิลปินชายเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลถึงสามรางวัลในครั้งนั้น นั่นก็คือในฐานะนักร้องชายยอดเยี่ยม จากเพลงศิลปินป่า อัลบั้มยอดเยี่ยม จากอัลบั้มชุดศิลปินป่า และบทเพลงยอดเยี่ยมจากงานชุดศิลปินป่า

เมื่อจรัลโยกย้ายจากจังหวัดเชียงใหม่ไปอยู่ที่กรุงเทพฯ นอกจากมีกิจการร้านอาหารและทำงานเพลงแล้ว บางครั้งจรัลยังรับแสดงหนังและละคร อีกทั้งยังแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์และละครเหล่านั้นด้วย ความสามารถในด้านนี้ทำให้ต่อมาจรัลได้รับรางวัลทางด้านการแสดงอีกหลายรางวัลทีเดียว ในปี พ.ศ. 2539 เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีกาญจนาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๓๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีการจัดทำดนตรีเรียกว่าดนตรีจตุรภาค โดยรวบรวมนักดนตรีฝีมือเยี่ยมจากทั่วทุกภาคในประเทศมาแต่งเพลงเพื่อเฉลิมฉลองวโรกาสนี้ จรัลเองขณะนั้นมีอายุเพียงสี่สิบห้าปีเท่านั้นแต่ก็ได้รับเชิญในฐานะครูเพลงภาคเหนือ เขาแต่งเพลงชื่อว่า ฮ่มฟ้าปารมี เป็นเพลงที่ไพเราะมาก จนทำให้ต่อมาแพร่หลายในวงกว้าง และในที่สุดสถาบันการศึกษาด้านศิลปะการดนตรีในจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำเพลงนี้ไปใช้ประกอบการสอนในสาขานาฏศิลป์ด้วย และปัจจุบันนี้ได้มีผู้คิดท่าฟ้อนรำสำหรับบทเพลงนี้เช่นกัน เรียกว่า ฟ้อนฮ่มฟ้าปารมี ช่วงชีวิตการทำงานศิลปะการดนตรีของจรัลเริ่มในปี พ.ศ. 2520 และสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2544 เมื่อจรัลเสียชีวิตจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน โดยที่ก่อนเสียชีวิตนั่นเองจรัลกำลังตั้งใจที่จะทำงานเพลงในโอกาสที่โฟล์คซองคำเมืองของเขายืนยาวมาถึงยี่สิบห้าปีแห่งการทำงานเพลง เขาตั้งใจใช้ชื่อว่า 25 ปี โฟล์คซองคำเมือง จรัล มโนเพ็ชร

การเสียชีวิต

ข่าวการเสียชีวิตของจรัลจากการที่หัวใจล้มเหลวฉับพลัน เมื่อย่ำรุ่งของวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2544 จังหวัดลำพูน สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วประเทศ ผู้คนจำนวนมากจากทุกวงการเดินทางไปคารวะศพของเขา ซึ่งตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหารเป็นเวลาห้าวัน พวงหรีดที่มีผู้นำไปแสดงความเคารพและคารวะศพของจรัลมีเป็นจำนวนมากจนกระทั่งไม่มีที่วาง ทางวัดจึงต้องนำไปแขวนไว้บนกำแพงวัดทั้งด้านในและด้านนอก นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นคือ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ส่งพวงหรีดดอกไม้สดมา และรวมทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย หรือแม้แต่รัฐมนตรีตามกระทรวงต่าง ๆ และสมาชิกรัฐสภา

หลังการเสียชีวิตของจรัล มโนเพ็ชร นอกจากการขนานนามที่เขาได้รับมาตลอดว่าเป็น ราชาโฟล์คซองคำเมือง แล้ว ผู้คนได้ยกย่องและเรียกเขาด้วยชื่อต่าง ๆ กันเป็นต้นว่า ศิลปินล้านนาแห่งยุคสมัย ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ มหาคีตกวีล้านนา ราชันย์แห่งดุริยะศิลป์ นักวิชาการและนักอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมยกย่องให้ จรัล มโนเพ็ชร เป็นนักรบวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น

ก่อนเสียชีวิตไม่นานจรัล มโนเพ็ชร ได้รับเชิญจากรัฐบาลให้เป็นที่ปรึกษางานด้านวัฒนธรรม ซึ่งจรัลได้ตอบตกลงไปแล้ว แต่ก่อนที่การประชุมครั้งแรกจะเกิดขึ้นจรัลก็เสียชีวิตไปก่อน

ผลงาน

ผลงานดนตรี (พ.ศ. 2520 – 2544)

  1. โฟลค์ซองค์คำเมืองชุด 2 จรัล มโนเพ็ชร ท่าแพบรรณาคาร
  2. โฟล์คซองคำเมืองชุด 4 จรัล-เกษม มโนเพ็ชร อัดโดย ท่าแพบรรณาคาร เชียงใหม่
  3. โฟล์คซองคำเมือง อมตะ 1
  4. โฟล์คซองคำเมือง อมตะ2
  5. เสียงซึงที่สันทราย
  6. จากยอดดอย
  7. ลูกข้าวนึ่ง
  8. แตกหนุ่ม
  9. อื่อ…จา…จา
  10. บ้านบนดอย
  11. เอื้องผึ้ง-จันผา (มีเพลงฮิตที่สุด คือ รางวัลแด่คนช่างฝัน)
  12. ไม้กลางกรุง
  13. ตำนานโฟล์ค
  14. ฉันมีความรักมาให้
  15. จรัลแจ๊ส
  16. โฟล์ค 1991
  17. ศิลปินป่า
  18. หวังเอย หวังว่า
  19. ความหวังความฝันของวันนี้
  20. สี่เหน่อ
  21. ล้านนาซิมโฟนี

ผลงานการแสดง (พ.ศ. 2520 – 2544)

ภาพยนตร์

  • ดอกไม้ร่วงที่แม่ริม
  • เสียงซึงที่สันทราย
  • ด้วยเกล้า
  • วิถีคนกล้า
  • กาเหว่าที่บางเพลง
  • ยิ้มนิดคิดเท่าไหร่
  • เวลาในขวดแก้ว

ละครโทรทัศน์

ละครเวที

พากย์

ดนตรีประกอบภาพยนตร์และสารคดี

  • ดนตรีประกอบสารคดีขององค์การยูนิเซฟ เพื่อรณรงค์ต่อต้านการประกอบอาชีพโสเภณีของสาวเหนือ
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง บุญชูผู้น่ารัก ภาค 1-8 ในภาค9 เป็นหน้าที่ของ ยืนยง โอภากุล
  • ดนตรีประกอบสารคดีโทรทัศน์ ชุดพุกามประเทศ-เชียงตุง-อาณาจักรล้านนา
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง เขาชื่อกานต์
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง คนทรงเจ้า
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง วิถีคนกล้า
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง ยิ้มนิดคิดเท่าไหร่
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง กาเหว่าที่บางเพลง
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง อนึ่ง…คิดถึงพอสังเขป
  • ดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่อง โก๊ะจ๋า…ป่านะโก๊ะ
  • ดนตรีประกอบสารคดีโทรทัศน มาลัยชีวิต
  • ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง เหตุเกิดเมื่อคืนหนึ่ง
  • ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง ระเริงชล
  • ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง เวลาในขวดแก้ว
  • ดนตรีประกอบละครโทรทัศน์เรื่อง เจ้านาง

เกียรติคุณที่เคยได้รับ

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น