ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การฟื้นฟูเมจิ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
Aristitleism ย้ายหน้า การคืนสู่พระราชอำนาจของจักรพรรดิเมจิ ไปยัง [[การคืนสู่ราชบัลลังก์ของจักร...
Tiemianwusi (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{issues|ปรับภาษา=yes|ต้องการอ้างอิง=yes}}
{{ต้องการอ้างอิง}}
{{ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น|MeijiJoukyou.jpg|200px|[[จักรพรรดิเมจิ]] ทรงย้ายที่ประทับจาก [[เกียวโต]] มายัง [[โตเกียว]] ในปี [[ค.ศ. 1868]]}}
{{ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น|MeijiJoukyou.jpg|200px|[[จักรพรรดิเมจิ]] ทรงย้ายที่ประทับจาก [[เกียวโต]] มายัง [[โตเกียว]] ในปี ค.ศ. 1868}}


'''การคืนสู่พระราชอำนาจของจักรพรรดิเมจิ''' ({{ญี่ปุ่น|明治維新|Meiji Ishin}}; {{lang-en|Meiji Restoration}}), หรือ '''การปฏิวัติเมจิ''' (Meiji Revolution), '''การปฏิรูปเมจิ''' (Meiji Reform) หรือ '''การปรับปรุงเมจิ''' (Meiji Renewal) ก็ว่า, เป็นเหตุการณ์การปฏิรูปประเทศ[[ญี่ปุ่น]]ใน [[ค.ศ. 1868]] เพื่อรวบอำนาจจาก[[รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ]] (徳川幕府 ''Tokugawa bakufu'') กลับคืนสมเด็จพระจักรพรรดิอีกครั้งหนึ่ง การปฏิรูปครั้งนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อระบบการปกครองและโครงสร้างทางสังคมของญี่ปุ่นอย่างมหาศาล การปฏิรูปครั้งนี้ได้เริ่มดำเนินมาตั้งแต่ช่วงปลาย[[ยุคเอะโดะ]] (江戸時代 ''Edo jidai'') หรือมักเรียกว่าช่วง[[บะกุมะสึ]] (幕末 ''Bakumatsu'') (หรือช่วงปลายรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ) จนถึงช่วงต้นของ[[ยุคเมจิ]] (明治時代 ''Meiji-jidai'')
'''การคืนสู่ราชบัลลังก์ของจักรพรรดิเมจิ''' ({{ญี่ปุ่น|明治維新|Meiji Ishin}}; {{lang-en|Meiji Restoration}}) หรือ '''การปฏิวัติเมจิ''' (Meiji Revolution), '''การปฏิรูปเมจิ''' (Meiji Reform) หรือ '''การปรับปรุงเมจิ''' (Meiji Renewal) เป็นเหตุการณ์การปฏิรูปประเทศ[[ญี่ปุ่น]]ใน ค.ศ. 1868 เพื่อรวบอำนาจจาก[[รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ]] (徳川幕府 ''Tokugawa bakufu'') กลับคืนสู่จักรพรรดิอีกครั้งหนึ่ง การปฏิรูปครั้งนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อระบบการปกครองและโครงสร้างทางสังคมของญี่ปุ่นอย่างมหาศาล การปฏิรูปครั้งนี้ได้เริ่มดำเนินมาตั้งแต่ช่วงปลาย[[ยุคเอะโดะ]] (江戸時代 ''Edo jidai'') หรือมักเรียกว่าช่วง[[บะกุมะสึ]] (幕末 ''Bakumatsu'') (หรือช่วงปลายรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ) จนถึงช่วงต้นของ[[ยุคเมจิ]] (明治時代 ''Meiji-jidai'')


== พันธมิตร ==
== พันธมิตร ==
ใน [[ค.ศ. 1866]] [[แคว้นซะสึมะ]] (薩摩藩 ''Satsuma han'') อันเป็นแคว้นที่ทรงอำนาจบน[[เกาะคีวชู]]ของ[[ญี่ปุ่น]] ภายใต้การนำของ[[ไซโก ทาคาโมริ]] (西郷 隆盛 ''Saigō Takamori'') ได้ร่วมมือกับ[[แคว้นโชชู]] (長州藩 ''Chōshū han'') อันเป็นแคว้นใหญ่ในภูมิภาค[[ชูโงะกุ]] ภายใต้การนำของ[[คิโดะ ทะกะโยะชิ]] (木戸 孝允 ''Kido Takayoshi'') ก่อตั้งกลุ่ม[[พันธมิตรซัทโช]] (薩長同盟 ''Satchō dōmei'') ขึ้นเพื่อริเริ่มการปฏิรูปสมัยเมจิ โดยได้รับการสนับสนุนจาก[[สมเด็จพระจักรพรรดิโคเม]] (孝明天皇 ''Kōmei-tennō'') พระราชบิดาใน[[สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ]] (明治天皇 ''Meiji-tennō'') และการชักนำจาก[[เรียวมะ ซะกะโมะโตะ|ซะกะโมะโตะ เรียวมะ]] (坂本 龍馬 ''Sakamoto Ryōma'') เพื่อที่จะท้าทายอำนาจของ[[รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ]] (徳川幕府 ''Tokugawa bakufu'') และรวบอำนาจคืนแด่สมเด็จพระจักรพรรดิ
ใน ค.ศ. 1866 [[แคว้นซะสึมะ]] (薩摩藩 ''Satsuma han'') อันเป็นแคว้นที่ทรงอำนาจบน[[เกาะคีวชู]]ของ[[ญี่ปุ่น]] ภายใต้การนำของ[[ไซโก ทาคาโมริ]] (西郷 隆盛 ''Saigō Takamori'') ได้ร่วมมือกับ[[แคว้นโชชู]] (長州藩 ''Chōshū han'') อันเป็นแคว้นใหญ่ในภูมิภาค[[ชูโงะกุ]] ภายใต้การนำของ[[คิโดะ ทะกะโยะชิ]] (木戸 孝允 ''Kido Takayoshi'') ก่อตั้งกลุ่ม[[พันธมิตรซัทโช]] (薩長同盟 ''Satchō dōmei'') ขึ้นเพื่อริเริ่มการปฏิรูปสมัยเมจิ โดยได้รับการสนับสนุนจาก[[จักรพรรดิโคเม]] (孝明天皇 ''Kōmei-tennō'') พระราชบิดาใน[[จักรพรรดิเมจิ]] (明治天皇 ''Meiji-tennō'') และการชักนำจาก[[เรียวมะ ซะกะโมะโตะ|ซะกะโมะโตะ เรียวมะ]] (坂本 龍馬 ''Sakamoto Ryōma'') เพื่อที่จะท้าทายอำนาจของ[[รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ]] (徳川幕府 ''Tokugawa bakufu'') และรวบอำนาจคืนแด่จักรพรรดิ


ในวันที่ [[30 มกราคม]] [[ค.ศ. 1867]] สมเด็จพระจักรพรรดิโคเมเสด็จสวรรคต สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิขึ้นสืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาในวันที่ [[3 กุมภาพันธ์]] ของปีเดียวกัน เริ่มรัชศก[[ยุคเมจิ]] อันเป็นยุคที่ประเทศญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงจากสังคม[[ศักดินา]]ไปสู่สังคม[[ทุนนิยม]]โดยได้รับอิทธิพลจากตะวันตกอย่างช้า ๆ
ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1867 จักรพรรดิโคเมเสด็จสวรรคต จักรพรรดิเมจิขึ้นสืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของปีเดียวกัน เริ่มรัชศก[[ยุคเมจิ]] อันเป็นยุคที่ประเทศญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงจากสังคม[[ศักดินา]]ไปสู่สังคม[[ทุนนิยม]]โดยได้รับอิทธิพลจากตะวันตกอย่างช้า ๆ


== สิ้นสุดระบอบโชกุน ==
== สิ้นสุดระบอบโชกุน ==
วันที่ [[9 พฤศจิกายน]] [[ค.ศ. 1867]] [[โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ]] (徳川 慶喜 ''Tokugawa Yoshinobu'') [[โชกุน]]คนที่ 15 ของ[[ตระกูลโทะกุงะวะ]] ยอมสวามิภักดิ์ต่อสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ และลงจากตำแหน่งในอีก 10 วันต่อมา ถือเป็นวันที่สิ้นสุดการปกครองระบอบโชกุนอย่างเป็นทางการ และเป็นการฟื้นฟูอำนาจของสถาบันกษัตริย์ (''Taisei Hōkan'') อย่างไรก็ตาม โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ ซึ่งถือเป็นโชกุนคนสุดท้ายของญี่ปุ่นยังคงมีอิทธิพลอย่างเป็นสาระสำคัญอยู่
วันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1867 [[โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ]] (徳川 慶喜 ''Tokugawa Yoshinobu'') [[โชกุน]]คนที่ 15 ของ[[ตระกูลโทะกุงะวะ]] ยอมสวามิภักดิ์ต่อจักรพรรดิเมจิ และลงจากตำแหน่งในอีก 10 วันต่อมา ถือเป็นวันที่สิ้นสุดการปกครองระบอบโชกุนอย่างเป็นทางการ และเป็นการฟื้นฟูอำนาจของสถาบันกษัตริย์ (''Taisei Hōkan'') อย่างไรก็ตาม โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ ซึ่งถือเป็นโชกุนคนสุดท้ายของญี่ปุ่นยังคงมีอิทธิพลอย่างเป็นสาระสำคัญอยู่


หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนมกราคม [[ค.ศ. 1868]] ก็เกิด[[สงครามโบะชิน]] (戊辰戦争 ''Boshin Sensō'') โดยเริ่มด้วย[[ศึกโทะบะ-ฟุชิมิ]] (鳥羽・伏見の戦い ''Toba-Fushimi no Tatakai'') ระหว่าง[[พันธมิตรซัทโช]] และกองทัพของอดีตโชกุน ในที่สุด กองทัพของโชกุนก็พ่ายแพ้ ส่งผลให้สมเด็จพระจักรพรรดิมีพระราชอำนาจเต็มเหนืออดีตโชกุนโยะชิโนะบุอย่างสมบูรณ์ ในวันที่ [[3 มกราคม]] [[ค.ศ. 1869]] สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิมีพระบรมราชโองการประกาศฟื้นฟูพระราชอำนาจอย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1868 ก็เกิด[[สงครามโบะชิน]] (戊辰戦争 ''Boshin Sensō'') โดยเริ่มด้วย[[ศึกโทะบะ-ฟุชิมิ]] (鳥羽・伏見の戦い ''Toba-Fushimi no Tatakai'') ระหว่าง[[พันธมิตรซัทโช]] และกองทัพของอดีตโชกุน ในที่สุด กองทัพของโชกุนก็พ่ายแพ้ ส่งผลให้จักรพรรดิมีพระราชอำนาจเต็มเหนืออดีตโชกุนโยะชิโนะบุอย่างสมบูรณ์ ในวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1869 จักรพรรดิเมจิมีพระบรมราชโองการประกาศฟื้นฟูพระราชอำนาจอย่างเป็นทางการ


กองกำลังของโชกุนส่วนหนึ่งได้หลบหนีไปยัง[[เกาะฮกไกโด]] และพยายามแบ่งแยกดินแดนตั้งเป็นรัฐอิสระชื่อ [[สาธารณรัฐเอะโสะ]] (蝦夷共和国 ''Ezo Kyōwakoku'') อย่างไรก็ตาม กองกำลังผู้จงรักภักดีต่อสมเด็จพระจักรพรรดิได้เข้ายุติการแบ่งแยกดินแดนนี้ใน[[ศึกฮะโกะดะเตะ]] (函館戦争 ''Hakodate Sensō'') ณ เกาะฮกไกโด ในเดือนพฤษภาคม [[ค.ศ. 1869]] การพ่ายแพ้ของกองกำลังฝ่ายโชกุน อันนำโดย[[เอะโนะโมะโตะ ทะเกะอะกิ]] (榎本 武揚 ''Enomoto Takeaki'') และ[[ฮิจิคะตะ โทะชิโซ]] (土方 歳三 ''Hijikata Toshizō'') โดยในศึกครั้งนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของ[[รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ]] และเป็นการฟื้นฟูพระราชอำนาจในสมเด็จพระจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์
กองกำลังของโชกุนส่วนหนึ่งได้หลบหนีไปยัง[[เกาะฮกไกโด]] และพยายามแบ่งแยกดินแดนตั้งเป็นรัฐอิสระชื่อ [[สาธารณรัฐเอะโสะ]] (蝦夷共和国 ''Ezo Kyōwakoku'') อย่างไรก็ตาม กองกำลังผู้จงรักภักดีต่อจักรพรรดิได้เข้ายุติการแบ่งแยกดินแดนนี้ใน[[ศึกฮะโกะดะเตะ]] (函館戦争 ''Hakodate Sensō'') ณ เกาะฮกไกโด ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1869 การพ่ายแพ้ของกองกำลังฝ่ายโชกุน อันนำโดย[[เอะโนะโมะโตะ ทะเกะอะกิ]] (榎本 武揚 ''Enomoto Takeaki'') และ[[ฮิจิคะตะ โทะชิโซ]] (土方 歳三 ''Hijikata Toshizō'') โดยในศึกครั้งนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของ[[รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ]] และเป็นการฟื้นฟูพระราชอำนาจในจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์


== ผลกระทบ ==
== ผลกระทบ ==
การปฏิรูปสมัยเมจิทำให้ประเทศ[[ญี่ปุ่น]][[การปรับให้เป็นอุตสาหกรรม|ก้าวสู่ระบบอุตสาหกรรม]]อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การเพิ่มอำนาจทางการทหารใน[[ค.ศ. 1905]] ภายใต้คำขวัญว่า "[[ฟุโกกุ เคียวเฮ|ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง]]" (富国強兵 ''fukoku kyōhei'')
การปฏิรูปสมัยเมจิทำให้ประเทศ[[ญี่ปุ่น]][[การปรับให้เป็นอุตสาหกรรม|ก้าวสู่ระบบอุตสาหกรรม]]อย่างรวดเร็ว นำไปสู่การเพิ่มอำนาจทางการทหารใน ค.ศ. 1905 ภายใต้คำขวัญว่า "[[ฟุโกะกุเคียวเฮ|ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง]]" (富国強兵 ''fukoku kyōhei'')


กลุ่ม[[คณาธิปไตยเมจิ]] (Meiji oligarchy) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจจากแคว้นพันธมิตรได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลภายใต้พระราชอำนาจในสมเด็จพระจักรพรรดิขึ้น เพื่อรวบรวมอำนาจของตนให้เข้มแข็งและสามารถต่อกรกับรัฐบาล[[สมัยเอะโดะ]] [[โชกุน]] [[ไดเมียว]] และชนชั้น[[ซามูไร]] ที่ยังคงเหลืออิทธิพลอยู่ได้
กลุ่ม[[คณาธิปไตยเมจิ]] (Meiji oligarchy) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจจากแคว้นพันธมิตรได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลภายใต้พระราชอำนาจในจักรพรรดิขึ้น เพื่อรวบรวมอำนาจของตนให้เข้มแข็งและสามารถต่อกรกับรัฐบาล[[สมัยเอะโดะ]] [[โชกุน]] [[ไดเมียว]] และชนชั้น[[ซามูไร]] ที่ยังคงเหลืออิทธิพลอยู่ได้


ใน[[ค.ศ. 1868]] ที่ดินของ[[ตระกูลโทะกุงะวะ]]ทั้งหมดได้ตกไปอยู่ในความครอบครองของสมเด็จพระจักรพรรดิ และถือเป็นการเพิ่มอภิสิทธิ์ให้รัฐบาลเมจิใหม่ด้วย ใน[[ค.ศ. 1869]] ไดเมียวของ[[แคว้นโทะซะ]] (土佐藩 ''Tosa han'') [[แคว้นซะงะ]] (佐賀藩 ''Saga-han'') [[แคว้นโชซู]] (長州藩 ''Chōshū han'') และ[[แคว้นซะสึมะ]] (薩摩藩 ''Satsuma han'') ซึ่งเคยต่อต้านระบอบโชกุนอย่างหนัก ได้ถูกชักชวนให้ถวายดินแดนของแคว้นคืนแด่สมเด็จพระจักรพรรดิ ตามด้วยไดเมียวของแคว้นอื่น ๆ เพื่อให้รัฐบาลกลางโดยสมเด็จพระจักรพรรดิมีอำนาจเหนือดินแดนทั่วราชอาณาจักร (天下 ''tenka'') ได้ แต่ก็ได้มีการต่อต้านในช่วงแรก
ใน[[ค.ศ. 1868]] ที่ดินของ[[ตระกูลโทะกุงะวะ]]ทั้งหมดได้ตกไปอยู่ในความครอบครองของจักรพรรดิ และถือเป็นการเพิ่มอภิสิทธิ์ให้รัฐบาลเมจิใหม่ด้วย ใน[[ค.ศ. 1869]] ไดเมียวของ[[แคว้นโทะซะ]] (土佐藩 ''Tosa han'') [[แคว้นซะงะ]] (佐賀藩 ''Saga-han'') [[แคว้นโชซู]] (長州藩 ''Chōshū han'') และ[[แคว้นซะสึมะ]] (薩摩藩 ''Satsuma han'') ซึ่งเคยต่อต้านระบอบโชกุนอย่างหนัก ได้รับการชักชวนให้ถวายดินแดนของแคว้นคืนแด่จักรพรรดิ ตามด้วยไดเมียวของแคว้นอื่น ๆ เพื่อให้รัฐบาลกลางโดยจักรพรรดิมีอำนาจเหนือดินแดนทั่วราชอาณาจักร (天下 ''tenka'') ได้ แต่ก็ได้มีการต่อต้านในช่วงแรก


กลุ่ม[[คณาธิปไตยเมจิ]]ได้พยายามที่จะเลิก[[ระบบชนชั้นทั้งสี่]] (士農工商 ''shinōkōshō'') อันได้แก่ ชนชั้นปกครอง (ซามูไร) เกษตรกร ช่างฝีมือ และพ่อค้าลงด้วย
กลุ่ม[[คณาธิปไตยเมจิ]]ได้พยายามที่จะเลิก[[ระบบชนชั้นทั้งสี่]] (士農工商 ''shinōkōshō'') อันได้แก่ ชนชั้นปกครอง (ซามูไร) เกษตรกร ช่างฝีมือ และพ่อค้าลงด้วย


ในขณะนั้น มีซามูไร 1.9 ล้านคนทั่วประเทศญี่ปุ่น หรือมากกว่าชนชั้นปกครองของฝรั่งเศสสมัย[[การปฏิวัติฝรั่งเศส]]เมื่อ[[ค.ศ. 1789]] 10 เท่า นอกจากนั้น ซามูไรของญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ภายใต้มีผู้อำนาจปกครอง แต่จะจงรักภักดีต่อผู้ที่เป็นนายเท่านั้น รัฐบาลกลางต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่ซามูไรแต่ละคน ซึ่งถือเป็นภาระทางการเงินอย่างมหาศาล และอาจเป็นแรงจูงใจหนึ่งให้กลุ่มคณาธิปไตยยกเลิกชนชั้นซามูไร
ในขณะนั้น มีซามูไร 1.9 ล้านคนทั่วประเทศญี่ปุ่น หรือมากกว่าชนชั้นปกครองของฝรั่งเศสสมัย[[การปฏิวัติฝรั่งเศส]]เมื่อ ค.ศ. 1789 10 เท่า นอกจากนั้น ซามูไรของญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ภายใต้มีผู้อำนาจปกครอง แต่จะจงรักภักดีต่อผู้ที่เป็นนายเท่านั้น รัฐบาลกลางต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่ซามูไรแต่ละคน ซึ่งถือเป็นภาระทางการเงินอย่างมหาศาล และอาจเป็นแรงจูงใจหนึ่งให้กลุ่มคณาธิปไตยยกเลิกชนชั้นซามูไร

ในความตั้งใจที่จะยกเลิกชนชั้นซามูไร กลุ่มคณาธิปไตยได้ดำเนินการไปอย่างช้า ๆ โดยในขั้นแรก ใน[[ค.ศ. 1873]] รัฐบาลกลางได้ประกาศให้ซามูไรต้องเสียภาษีจากเบี้ยเลี้ยงในอัตราก้าวหน้า ต่อมาใน[[ค.ศ. 1874]] รัฐบาลกลางได้เสนอซามูไรมีสิทธิเลือกที่จะเปลี่ยนการรับเบี้ยเลี้ยงเป็นพันธบัตรรัฐบาล และในที่สุด ใน[[ค.ศ. 1876]] รัฐบาลกลางก็บังคับให้ซามูไรเปลี่ยนจากการรับเบี้ยเลี้ยงเป็นพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด


ในความตั้งใจที่จะยกเลิกชนชั้นซามูไร กลุ่มคณาธิปไตยได้ดำเนินการไปอย่างช้า ๆ โดยในขั้นแรก ใน ค.ศ. 1873 รัฐบาลกลางได้ประกาศให้ซามูไรต้องเสียภาษีจากเบี้ยเลี้ยงในอัตราก้าวหน้า ต่อมาใน ค.ศ. 1874 รัฐบาลกลางได้เสนอซามูไรมีสิทธิเลือกที่จะเปลี่ยนการรับเบี้ยเลี้ยงเป็นพันธบัตรรัฐบาล และในที่สุด ใน ค.ศ. 1876 รัฐบาลกลางก็บังคับให้ซามูไรเปลี่ยนจากการรับเบี้ยเลี้ยงเป็นพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด


[[หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น]]
[[หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:55, 4 มกราคม 2557

การคืนสู่ราชบัลลังก์ของจักรพรรดิเมจิ (ญี่ปุ่น: 明治維新โรมาจิMeiji Ishin; อังกฤษ: Meiji Restoration) หรือ การปฏิวัติเมจิ (Meiji Revolution), การปฏิรูปเมจิ (Meiji Reform) หรือ การปรับปรุงเมจิ (Meiji Renewal) เป็นเหตุการณ์การปฏิรูปประเทศญี่ปุ่นใน ค.ศ. 1868 เพื่อรวบอำนาจจากรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ (徳川幕府 Tokugawa bakufu) กลับคืนสู่จักรพรรดิอีกครั้งหนึ่ง การปฏิรูปครั้งนี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อระบบการปกครองและโครงสร้างทางสังคมของญี่ปุ่นอย่างมหาศาล การปฏิรูปครั้งนี้ได้เริ่มดำเนินมาตั้งแต่ช่วงปลายยุคเอะโดะ (江戸時代 Edo jidai) หรือมักเรียกว่าช่วงบะกุมะสึ (幕末 Bakumatsu) (หรือช่วงปลายรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ) จนถึงช่วงต้นของยุคเมจิ (明治時代 Meiji-jidai)

พันธมิตร

ใน ค.ศ. 1866 แคว้นซะสึมะ (薩摩藩 Satsuma han) อันเป็นแคว้นที่ทรงอำนาจบนเกาะคีวชูของญี่ปุ่น ภายใต้การนำของไซโก ทาคาโมริ (西郷 隆盛 Saigō Takamori) ได้ร่วมมือกับแคว้นโชชู (長州藩 Chōshū han) อันเป็นแคว้นใหญ่ในภูมิภาคชูโงะกุ ภายใต้การนำของคิโดะ ทะกะโยะชิ (木戸 孝允 Kido Takayoshi) ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรซัทโช (薩長同盟 Satchō dōmei) ขึ้นเพื่อริเริ่มการปฏิรูปสมัยเมจิ โดยได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิโคเม (孝明天皇 Kōmei-tennō) พระราชบิดาในจักรพรรดิเมจิ (明治天皇 Meiji-tennō) และการชักนำจากซะกะโมะโตะ เรียวมะ (坂本 龍馬 Sakamoto Ryōma) เพื่อที่จะท้าทายอำนาจของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ (徳川幕府 Tokugawa bakufu) และรวบอำนาจคืนแด่จักรพรรดิ

ในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1867 จักรพรรดิโคเมเสด็จสวรรคต จักรพรรดิเมจิขึ้นสืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของปีเดียวกัน เริ่มรัชศกยุคเมจิ อันเป็นยุคที่ประเทศญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงจากสังคมศักดินาไปสู่สังคมทุนนิยมโดยได้รับอิทธิพลจากตะวันตกอย่างช้า ๆ

สิ้นสุดระบอบโชกุน

วันที่ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1867 โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ (徳川 慶喜 Tokugawa Yoshinobu) โชกุนคนที่ 15 ของตระกูลโทะกุงะวะ ยอมสวามิภักดิ์ต่อจักรพรรดิเมจิ และลงจากตำแหน่งในอีก 10 วันต่อมา ถือเป็นวันที่สิ้นสุดการปกครองระบอบโชกุนอย่างเป็นทางการ และเป็นการฟื้นฟูอำนาจของสถาบันกษัตริย์ (Taisei Hōkan) อย่างไรก็ตาม โทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ ซึ่งถือเป็นโชกุนคนสุดท้ายของญี่ปุ่นยังคงมีอิทธิพลอย่างเป็นสาระสำคัญอยู่

หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1868 ก็เกิดสงครามโบะชิน (戊辰戦争 Boshin Sensō) โดยเริ่มด้วยศึกโทะบะ-ฟุชิมิ (鳥羽・伏見の戦い Toba-Fushimi no Tatakai) ระหว่างพันธมิตรซัทโช และกองทัพของอดีตโชกุน ในที่สุด กองทัพของโชกุนก็พ่ายแพ้ ส่งผลให้จักรพรรดิมีพระราชอำนาจเต็มเหนืออดีตโชกุนโยะชิโนะบุอย่างสมบูรณ์ ในวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1869 จักรพรรดิเมจิมีพระบรมราชโองการประกาศฟื้นฟูพระราชอำนาจอย่างเป็นทางการ

กองกำลังของโชกุนส่วนหนึ่งได้หลบหนีไปยังเกาะฮกไกโด และพยายามแบ่งแยกดินแดนตั้งเป็นรัฐอิสระชื่อ สาธารณรัฐเอะโสะ (蝦夷共和国 Ezo Kyōwakoku) อย่างไรก็ตาม กองกำลังผู้จงรักภักดีต่อจักรพรรดิได้เข้ายุติการแบ่งแยกดินแดนนี้ในศึกฮะโกะดะเตะ (函館戦争 Hakodate Sensō) ณ เกาะฮกไกโด ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1869 การพ่ายแพ้ของกองกำลังฝ่ายโชกุน อันนำโดยเอะโนะโมะโตะ ทะเกะอะกิ (榎本 武揚 Enomoto Takeaki) และฮิจิคะตะ โทะชิโซ (土方 歳三 Hijikata Toshizō) โดยในศึกครั้งนี้ถือเป็นจุดสิ้นสุดของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ และเป็นการฟื้นฟูพระราชอำนาจในจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์

ผลกระทบ

การปฏิรูปสมัยเมจิทำให้ประเทศญี่ปุ่นก้าวสู่ระบบอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การเพิ่มอำนาจทางการทหารใน ค.ศ. 1905 ภายใต้คำขวัญว่า "ประเทศมั่งคั่ง กองทัพแข็งแกร่ง" (富国強兵 fukoku kyōhei)

กลุ่มคณาธิปไตยเมจิ (Meiji oligarchy) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจจากแคว้นพันธมิตรได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลภายใต้พระราชอำนาจในจักรพรรดิขึ้น เพื่อรวบรวมอำนาจของตนให้เข้มแข็งและสามารถต่อกรกับรัฐบาลสมัยเอะโดะ โชกุน ไดเมียว และชนชั้นซามูไร ที่ยังคงเหลืออิทธิพลอยู่ได้

ในค.ศ. 1868 ที่ดินของตระกูลโทะกุงะวะทั้งหมดได้ตกไปอยู่ในความครอบครองของจักรพรรดิ และถือเป็นการเพิ่มอภิสิทธิ์ให้รัฐบาลเมจิใหม่ด้วย ในค.ศ. 1869 ไดเมียวของแคว้นโทะซะ (土佐藩 Tosa han) แคว้นซะงะ (佐賀藩 Saga-han) แคว้นโชซู (長州藩 Chōshū han) และแคว้นซะสึมะ (薩摩藩 Satsuma han) ซึ่งเคยต่อต้านระบอบโชกุนอย่างหนัก ได้รับการชักชวนให้ถวายดินแดนของแคว้นคืนแด่จักรพรรดิ ตามด้วยไดเมียวของแคว้นอื่น ๆ เพื่อให้รัฐบาลกลางโดยจักรพรรดิมีอำนาจเหนือดินแดนทั่วราชอาณาจักร (天下 tenka) ได้ แต่ก็ได้มีการต่อต้านในช่วงแรก

กลุ่มคณาธิปไตยเมจิได้พยายามที่จะเลิกระบบชนชั้นทั้งสี่ (士農工商 shinōkōshō) อันได้แก่ ชนชั้นปกครอง (ซามูไร) เกษตรกร ช่างฝีมือ และพ่อค้าลงด้วย

ในขณะนั้น มีซามูไร 1.9 ล้านคนทั่วประเทศญี่ปุ่น หรือมากกว่าชนชั้นปกครองของฝรั่งเศสสมัยการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อ ค.ศ. 1789 10 เท่า นอกจากนั้น ซามูไรของญี่ปุ่นไม่ได้อยู่ภายใต้มีผู้อำนาจปกครอง แต่จะจงรักภักดีต่อผู้ที่เป็นนายเท่านั้น รัฐบาลกลางต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่ซามูไรแต่ละคน ซึ่งถือเป็นภาระทางการเงินอย่างมหาศาล และอาจเป็นแรงจูงใจหนึ่งให้กลุ่มคณาธิปไตยยกเลิกชนชั้นซามูไร

ในความตั้งใจที่จะยกเลิกชนชั้นซามูไร กลุ่มคณาธิปไตยได้ดำเนินการไปอย่างช้า ๆ โดยในขั้นแรก ใน ค.ศ. 1873 รัฐบาลกลางได้ประกาศให้ซามูไรต้องเสียภาษีจากเบี้ยเลี้ยงในอัตราก้าวหน้า ต่อมาใน ค.ศ. 1874 รัฐบาลกลางได้เสนอซามูไรมีสิทธิเลือกที่จะเปลี่ยนการรับเบี้ยเลี้ยงเป็นพันธบัตรรัฐบาล และในที่สุด ใน ค.ศ. 1876 รัฐบาลกลางก็บังคับให้ซามูไรเปลี่ยนจากการรับเบี้ยเลี้ยงเป็นพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด