ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
หน้าใหม่: {{Infobox Person | name = หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ | image = หม่อมหลวงต่วนศรี ว...
 
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
บรรทัด 28: บรรทัด 28:


==ประวัติ==
==ประวัติ==
หม่อมต่วนศรี วรวรรณ เป็นชาวบางกอกใหญ่ [[ธนบุรี]] เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีแรม 14 ค่ำ เดือน 9 ปีจอ ตรงกับวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2417<ref>[http://www.watsamphan.com/datawat/my08_builder/05_buider_other.html ประวัติศาสตร์ควรบันทึกไว้ สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิัทักษ์มนตรี องค์บูรณะปฏิสังขรณ์วัดสัมพันธวงศ์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556</ref> ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นธิดาของหม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล มารดาชื่อยิ้ม (สกุลเดิมศิริวันต์) สายราชสกุลมนตรีกุล ของหม่อมหลวงต่วนศรี เป็นสายที่มีความสามารถสูงในเชิงละครมาตั้งแต่[[พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุ้ย กรมหลวงพิทักษ์มนตรี]] ผู้เป็นต้นราชสกุลนี้
หม่อมต่วนศรี วรวรรณ เป็นชาวบางกอกใหญ่ [[ธนบุรี]] เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีแรม 14 ค่ำ เดือน 9 ปีจอ ตรงกับวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2417<ref>[http://www.watsamphan.com/datawat/my08_builder/05_buider_other.html ประวัติศาสตร์ควรบันทึกไว้ สมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี องค์บูรณะปฏิสังขรณ์วัดสัมพันธวงศ์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556</ref> ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นธิดาของหม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล มารดาชื่อยิ้ม (สกุลเดิมศิริวันต์) สายราชสกุลมนตรีกุล ของหม่อมหลวงต่วนศรี เป็นสายที่มีความสามารถสูงในเชิงละครมาตั้งแต่[[พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุ้ย กรมหลวงพิทักษ์มนตรี]] ผู้เป็นต้นราชสกุลนี้


หม่อมเจ้าแบน มนตรีกุล และ หม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล ซึ่งเป็นท่านปู่และท่านพ่อของหม่อมหลวงต่วนศรี ก็มีความรู้ความสามารถและสนใจปลูกฝังวิชาการละครตกทอดมาตามลำดับจนถึงหม่อมหลวงต่วนศรี ท่านจึงรอบรู้ทั้งในกระบวนรำและดนตรีตลอดจนการขับร้อง โดยเฉพาะจะเข้นั้นหม่อมหลวงต่วนศรี เล่นได้ดีมาก เมื่อท่านได้มาเป็นหม่อมของ[[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์]]นั้น ท่านได้เป็นศิษย์ของ[[เจ้าจอมมารดาเขียน ในรัชกาลที่ 4]] ซึงเป็นพระมารดาของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เจ้าจอมมารดาเขียนก็เป็นตัวละครเอกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นตัวเอก (เรียกกันเป็นสมญาว่า เขียนอิเหนา เขียนสังคามารตา) จึงได้มรดกการร่ายรำและเพลงการ ตกทอดมาอีกเป็นอันมาก ความรู้ของหม่อมหลวงต่วนศรี จึงมีอุดมสมบูรณ์ในเชิงละครทุกประการ
หม่อมเจ้าแบน มนตรีกุล และ หม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล ซึ่งเป็นท่านปู่และท่านพ่อของหม่อมหลวงต่วนศรี ก็มีความรู้ความสามารถและสนใจปลูกฝังวิชาการละครตกทอดมาตามลำดับจนถึงหม่อมหลวงต่วนศรี ท่านจึงรอบรู้ทั้งในกระบวนรำและดนตรีตลอดจนการขับร้อง โดยเฉพาะจะเข้นั้นหม่อมหลวงต่วนศรี เล่นได้ดีมาก เมื่อท่านได้มาเป็นหม่อมของ[[พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์]]นั้น ท่านได้เป็นศิษย์ของ[[เจ้าจอมมารดาเขียน ในรัชกาลที่ 4]] ซึงเป็นพระมารดาของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เจ้าจอมมารดาเขียนก็เป็นตัวละครเอกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นตัวเอก (เรียกกันเป็นสมญาว่า เขียนอิเหนา เขียนสังคามารตา) จึงได้มรดกการร่ายรำและเพลงการ ตกทอดมาอีกเป็นอันมาก ความรู้ของหม่อมหลวงต่วนศรี จึงมีอุดมสมบูรณ์ในเชิงละครทุกประการ


เมื่อกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงตั้งคณะละครนฤมิตรขึ้น ท่านก็เป็นกำลังสำคัญในการแต่งเพลงในละครร้องทุกเรื่อง บทละครนั้น กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงนิพนธ์อย่างรวดเร็วและท่านก็บรรจุเพลงได้อย่างรวดเร็วทันท่วงทีด้วย เรียกว่าไวกันกันทั้งคู่ วิธีการนั้นคือ ท่านจะเป็นผู้ดีดจะเข้และร้องเพลงไปพร้อมกัน รวมทั้งคิดท่ารำตีบทให้เสร็จที่ขั้นชื่อมากคือเรื่องพระลอ ละครเรื่องแรกที่ท่านมีส่วนช่วยเหลือมากคือเรื่องอาหรับราตรี ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นละครหลวงนฤมิตร จนเมื่อเกิดเป็น[[โรงละครปรีดาลัย]]ขึ้น ก็เรียกละครปรีดาลัย เพลงต่างๆ ในเรื่อง สาวเครือฟ้า ตุ๊กตายอดรัก พระเจ้าสีป๊อมินทร์ ขวดแก้วเจียรนัย ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของท่านทั้งสิ้น ความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีของท่านเห็นได้จากการแต่งเพลงและบรรจุเพลงลงในละครแต่ละเรื่อง เพราะปรากฏว่า ท่านแต่งเพลงเร็วมากและมีลูกเล่นยักเยื้องแพรวพราว เพลงสำเนียงลาวต่างๆ ที่ท่านนำมาบรรจุลงในละครเรื่องพระลอนั้น จริงอยู่ของเก่าก็มีอยู่บ้างแล้วเหมือนกัน แต่ท่านสามารถเปลี่ยนทำนองจนเกิดเป็นเพลงแนวใหม่ขึ้นได้อย่างฉับไว คุณสมบัติข้อนี้จะเห็นได้จากละครเรื่องพระเจ้าสิป๊อมินทร์ อีกเรื่องหนึ่ง เพราะท่านให้กำเนิดเพลงสำเนียงพม่าขึ้นมาใหม่ มีชื่อแปลกๆถึงกว่า 50 เพลง อาทิ พม่าพ้อ พม่าวอน พม่าพิโรธ พม่าตังคียก พม่าพรึม พม่าเหเฮ พม่าละห้อย ฯลฯ มากมายสุดจะพรรณนา ท่านมีอายุยืนมาก และความจำดีจนวาระสุดท้ายเมื่อท่านอายุเกิน 90 ปี ยังนั่งดูละครโทรศัน์ของกรมศิลปากรบ่อยๆ ท่านสามารถติชมวิจารณ์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะถ้าเล่าเรื่องพระลอ แล้ว ท่านจะตั้งใจดูเป็นพิเศษ ถ้าเห็นผิดไปจากแนวเดิมของท่านก็แสดงความขุ่นข้องในใจทุกคราวไป<ref>[http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dig&db=MUSIC&pat=code&cat=aut&skin=u&lpp=16&catop=&scid=zzz&ref=A:@551&nx=1&lang=1 ต่วนศรี วรวรรณ, หม่อมหลวง (พ.ศ.2417-2517)]. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556</ref>
เมื่อกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงตั้งคณะละครนฤมิตรขึ้น ท่านก็เป็นกำลังสำคัญในการแต่งเพลงในละครร้องทุกเรื่อง บทละครนั้น กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงนิพนธ์อย่างรวดเร็วและท่านก็บรรจุเพลงได้อย่างรวดเร็วทันท่วงทีด้วย เรียกว่าไวกันกันทั้งคู่ วิธีการนั้นคือ ท่านจะเป็นผู้ดีดจะเข้และร้องเพลงไปพร้อมกัน รวมทั้งคิดท่ารำตีบทให้เสร็จที่ขั้นชื่อมากคือเรื่องพระลอ ละครเรื่องแรกที่ท่านมีส่วนช่วยเหลือมากคือเรื่องอาหรับราตรี ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นละครหลวงนฤมิตร จนเมื่อเกิดเป็น[[โรงละครปรีดาลัย]]ขึ้น ก็เรียกละครปรีดาลัย เพลงต่างๆ ในเรื่อง สาวเครือฟ้า ตุ๊กตายอดรัก พระเจ้าสีป๊อมินทร์ ขวดแก้วเจียรนัย ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของท่านทั้งสิ้น ความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีของท่านเห็นได้จากการแต่งเพลงและบรรจุเพลงลงในละครแต่ละเรื่อง เพราะปรากฏว่า ท่านแต่งเพลงเร็วมากและมีลูกเล่นยักเยื้องแพรวพราว เพลงสำเนียงลาวต่างๆ ที่ท่านนำมาบรรจุลงในละครเรื่องพระลอนั้น จริงอยู่ของเก่าก็มีอยู่บ้างแล้วเหมือนกัน แต่ท่านสามารถเปลี่ยนทำนองจนเกิดเป็นเพลงแนวใหม่ขึ้นได้อย่างฉับไว คุณสมบัติข้อนี้จะเห็นได้จากละครเรื่องพระเจ้าสิป๊อมินทร์ อีกเรื่องหนึ่ง เพราะท่านให้กำเนิดเพลงสำเนียงพม่าขึ้นมาใหม่ มีชื่อแปลกๆถึงกว่า 50 เพลง อาทิ พม่าพ้อ พม่าวอน พม่าพิโรธ พม่าตังคียก พม่าพรึม พม่าเหเฮ พม่าละห้อย ฯลฯ มากมายสุดจะพรรณนา ท่านมีอายุยืนมาก และความจำดีจนวาระสุดท้ายเมื่อท่านอายุเกิน 90 ปี ยังนั่งดูละครโทรศัน์ของกรมศิลปากรบ่อยๆ ท่านสามารถติชมวิจารณ์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะถ้าเล่าเรื่องพระลอ แล้ว ท่านจะตั้งใจดูเป็นพิเศษ ถ้าเห็นผิดไปจากแนวเดิมของท่านก็แสดงความขุ่นข้องในใจทุกคราวไป<ref>[http://mulinet3.li.mahidol.ac.th/elib/cgi-bin/opacexe.exe?op=dig&db=MUSIC&pat=code&cat=aut&skin=u&lpp=16&catop=&scid=zzz&ref=A:@551&nx=1&lang=1 ต่วนศรี วรวรรณ, หม่อมหลวง (พ.ศ. 2417-2517)]. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556</ref>


ท่านถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2517 รวมอายุได้ 99 ปี 4 เดือน
ท่านถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2517 รวมอายุได้ 99 ปี 4 เดือน

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:40, 29 ธันวาคม 2556

หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ
เกิด10 กันยายน พ.ศ. 2417
เสียชีวิต27 มกราคม พ.ศ. 2517
(อายุ 99 ปี)
คู่สมรสพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
บุตรพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
หม่อมเจ้าศิวากร วรวรรณ
บุพการี
  • หม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล (บิดา)
  • หม่อมยิ้ม มนตรีกุล (มารดา)

หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ เป็นหม่อมในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์

ประวัติ

หม่อมต่วนศรี วรวรรณ เป็นชาวบางกอกใหญ่ ธนบุรี เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีแรม 14 ค่ำ เดือน 9 ปีจอ ตรงกับวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2417[1] ในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นธิดาของหม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล มารดาชื่อยิ้ม (สกุลเดิมศิริวันต์) สายราชสกุลมนตรีกุล ของหม่อมหลวงต่วนศรี เป็นสายที่มีความสามารถสูงในเชิงละครมาตั้งแต่พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุ้ย กรมหลวงพิทักษ์มนตรี ผู้เป็นต้นราชสกุลนี้

หม่อมเจ้าแบน มนตรีกุล และ หม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล ซึ่งเป็นท่านปู่และท่านพ่อของหม่อมหลวงต่วนศรี ก็มีความรู้ความสามารถและสนใจปลูกฝังวิชาการละครตกทอดมาตามลำดับจนถึงหม่อมหลวงต่วนศรี ท่านจึงรอบรู้ทั้งในกระบวนรำและดนตรีตลอดจนการขับร้อง โดยเฉพาะจะเข้นั้นหม่อมหลวงต่วนศรี เล่นได้ดีมาก เมื่อท่านได้มาเป็นหม่อมของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์นั้น ท่านได้เป็นศิษย์ของเจ้าจอมมารดาเขียน ในรัชกาลที่ 4 ซึงเป็นพระมารดาของกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ เจ้าจอมมารดาเขียนก็เป็นตัวละครเอกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 เป็นตัวเอก (เรียกกันเป็นสมญาว่า เขียนอิเหนา เขียนสังคามารตา) จึงได้มรดกการร่ายรำและเพลงการ ตกทอดมาอีกเป็นอันมาก ความรู้ของหม่อมหลวงต่วนศรี จึงมีอุดมสมบูรณ์ในเชิงละครทุกประการ

เมื่อกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ทรงตั้งคณะละครนฤมิตรขึ้น ท่านก็เป็นกำลังสำคัญในการแต่งเพลงในละครร้องทุกเรื่อง บทละครนั้น กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงนิพนธ์อย่างรวดเร็วและท่านก็บรรจุเพลงได้อย่างรวดเร็วทันท่วงทีด้วย เรียกว่าไวกันกันทั้งคู่ วิธีการนั้นคือ ท่านจะเป็นผู้ดีดจะเข้และร้องเพลงไปพร้อมกัน รวมทั้งคิดท่ารำตีบทให้เสร็จที่ขั้นชื่อมากคือเรื่องพระลอ ละครเรื่องแรกที่ท่านมีส่วนช่วยเหลือมากคือเรื่องอาหรับราตรี ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็นละครหลวงนฤมิตร จนเมื่อเกิดเป็นโรงละครปรีดาลัยขึ้น ก็เรียกละครปรีดาลัย เพลงต่างๆ ในเรื่อง สาวเครือฟ้า ตุ๊กตายอดรัก พระเจ้าสีป๊อมินทร์ ขวดแก้วเจียรนัย ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของท่านทั้งสิ้น ความเป็นอัจฉริยะทางดนตรีของท่านเห็นได้จากการแต่งเพลงและบรรจุเพลงลงในละครแต่ละเรื่อง เพราะปรากฏว่า ท่านแต่งเพลงเร็วมากและมีลูกเล่นยักเยื้องแพรวพราว เพลงสำเนียงลาวต่างๆ ที่ท่านนำมาบรรจุลงในละครเรื่องพระลอนั้น จริงอยู่ของเก่าก็มีอยู่บ้างแล้วเหมือนกัน แต่ท่านสามารถเปลี่ยนทำนองจนเกิดเป็นเพลงแนวใหม่ขึ้นได้อย่างฉับไว คุณสมบัติข้อนี้จะเห็นได้จากละครเรื่องพระเจ้าสิป๊อมินทร์ อีกเรื่องหนึ่ง เพราะท่านให้กำเนิดเพลงสำเนียงพม่าขึ้นมาใหม่ มีชื่อแปลกๆถึงกว่า 50 เพลง อาทิ พม่าพ้อ พม่าวอน พม่าพิโรธ พม่าตังคียก พม่าพรึม พม่าเหเฮ พม่าละห้อย ฯลฯ มากมายสุดจะพรรณนา ท่านมีอายุยืนมาก และความจำดีจนวาระสุดท้ายเมื่อท่านอายุเกิน 90 ปี ยังนั่งดูละครโทรศัน์ของกรมศิลปากรบ่อยๆ ท่านสามารถติชมวิจารณ์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะถ้าเล่าเรื่องพระลอ แล้ว ท่านจะตั้งใจดูเป็นพิเศษ ถ้าเห็นผิดไปจากแนวเดิมของท่านก็แสดงความขุ่นข้องในใจทุกคราวไป[2]

ท่านถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2517 รวมอายุได้ 99 ปี 4 เดือน

โอรส/ธิดา

หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณมีโอรส/ธิดากับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ 2 พระองค์ ได้แก่

  • หม่อมเจ้าศิวากร วรวรรณ (20 มีนาคม 2439-5 มีนาคม 2503) อดีตอาจารย์เตรียมแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , อดีตเลขานุการสถานทูตไทยประจำกรุงลอนดอน, ครูโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, ครูใหญ่โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย และ ครูใหญ่โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา ไม่มีทายาทเนื่องจากครองความเป็นโสดจนกระทั่งสิ้นชีพตักษัย

พระราชตระกูล

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
16. เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน
 
 
 
 
 
 
 
8. พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุ้ย กรมหลวงพิทักษ์มนตรี
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
17. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าแก้ว กรมพระศรีสุดารักษ์
 
 
 
 
 
 
 
4. หม่อมเจ้าแบน มนตรีกุล
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
9. พระอัครชายา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
2. หม่อมราชวงศ์ตาบ มนตรีกุล
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
1. หม่อมหลวงต่วนศรี วรวรรณ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
3. หม่อมยิ้ม มนตรีกุล ณ อยุธยา (สิริวันต์)
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

อ้างอิง