ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Toonnoparut (คุย | ส่วนร่วม)
Toonnoparut (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 9: บรรทัด 9:
| เมืองที่ตั้ง = [[กรุงเทพมหานคร]]
| เมืองที่ตั้ง = [[กรุงเทพมหานคร]]
| ประเทศที่ตั้ง = [[ประเทศไทย]]
| ประเทศที่ตั้ง = [[ประเทศไทย]]
| ปีสร้าง = พ.ศ. 2423
| เริ่มสร้าง = [[พ.ศ. 2537]]
| ผู้สร้าง = [[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]]
| ผู้สร้าง = [[พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช]]
| ปีรื้อ = พ.ศ. 2491
| ปีที่สำเร็จ = [[พ.ศ. 2549]]
| ปีบูรณะ = พ.ศ. 2500
| ปีบูรณะ =
| ผู้บูรณะ =
| ผู้บูรณะ =
| แบบสถาปัตยกรรม =
| แบบสถาปัตยกรรม =
บรรทัด 30: บรรทัด 30:
}}
}}
== ความเป็นมา ==
== ความเป็นมา ==
พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ในพระบรมมหาราชวัง เป็นพระที่นั่งองค์ใหม่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในเขตพระราชฐานชั้นใน สร้างขึ้นในรัชกาลปัจจุบัน มีลักษณะเป็นพระที่นั่ง ๒ องค์สร้างซ้อนกัน คือ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร และพระที่นั่งเทวารัณยสถาน อันเป็นรูปแบบหนึ่งของพระที่นั่งหรือที่เสด็จออกมหาสมาคม ซึ่งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา นิยมสร้างพระที่นั่งเป็นหมู่แบ่งตามห้องที่ใช้ประโยชน์ และพระราชทานนามแต่ละห้องว่าพระที่นั่งเหมือนกัน1 โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระแสพระราชดำริประกอบการออกแบบก่อสร้างสรุปได้ว่า ควรจัดให้มีห้องสำหรับพระราชทานเลี้ยง เพื่อเป็นเกียรติแก่ประมุขของนานาประเทศที่เขามาเยี่ยมประเทศไทย บางครั้งจำเป็นต้องเชิญพระราชวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐบาล ข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน คณะทูตานุทูต และบรรดาผู้เกี่ยวข้องโดยทั่วถึง ซึ่งจะต้องให้สามารถจัดเลี้ยงได้ระหว่าง ๒๐๐ – ๒๕๐ คน
พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ในพระบรมมหาราชวัง เป็นพระที่นั่งองค์ใหม่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในเขตพระราชฐานชั้นใน สร้างขึ้นในรัชกาลปัจจุบัน มีลักษณะเป็นพระที่นั่ง ๒ องค์สร้างซ้อนกัน คือ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร และพระที่นั่งเทวารัณยสถาน อันเป็นรูปแบบหนึ่งของพระที่นั่งหรือที่เสด็จออกมหาสมาคม ซึ่งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา นิยมสร้างพระที่นั่งเป็นหมู่แบ่งตามห้องที่ใช้ประโยชน์ และพระราชทานนามแต่ละห้องว่าพระที่นั่งเหมือนกัน โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระแสพระราชดำริประกอบการออกแบบก่อสร้างสรุปได้ว่า ควรจัดให้มีห้องสำหรับพระราชทานเลี้ยง เพื่อเป็นเกียรติแก่ประมุขของนานาประเทศที่เขามาเยี่ยมประเทศไทย บางครั้งจำเป็นต้องเชิญพระราชวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐบาล ข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน คณะทูตานุทูต และบรรดาผู้เกี่ยวข้องโดยทั่วถึง ซึ่งจะต้องให้สามารถจัดเลี้ยงได้ระหว่าง ๒๐๐ – ๒๕๐ คน


เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น ประมาณ ๒,๖๐๐ ล้านบาท โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ใน พระราชพิธีสมโภชพระที่นั่ง เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และงานแรกที่จัดขึ้นในพระที่นั่งองค์นี้ คือ งานพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ แด่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีต่างประเทศ พร้อมทั้งบุคคลสำคัญ เนื่องในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙
เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น ประมาณ ๒,๖๐๐ ล้านบาท โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ใน พระราชพิธีสมโภชพระที่นั่ง เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และงานแรกที่จัดขึ้นในพระที่นั่งองค์นี้ คือ งานพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ แด่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีต่างประเทศ พร้อมทั้งบุคคลสำคัญ เนื่องในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙

รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:27, 18 ธันวาคม 2556

พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร
Borom Raja Satitja Maholarn Hall
ไฟล์:BoromRajaSatitjaMaholarn Hall.jpg
แผนที่
ข้อมูลทั่วไป
ประเภทพระที่นั่ง
เมืองกรุงเทพมหานคร
ประเทศประเทศไทย
ผู้สร้างพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ความเป็นมา

พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ในพระบรมมหาราชวัง เป็นพระที่นั่งองค์ใหม่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในเขตพระราชฐานชั้นใน สร้างขึ้นในรัชกาลปัจจุบัน มีลักษณะเป็นพระที่นั่ง ๒ องค์สร้างซ้อนกัน คือ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร และพระที่นั่งเทวารัณยสถาน อันเป็นรูปแบบหนึ่งของพระที่นั่งหรือที่เสด็จออกมหาสมาคม ซึ่งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา นิยมสร้างพระที่นั่งเป็นหมู่แบ่งตามห้องที่ใช้ประโยชน์ และพระราชทานนามแต่ละห้องว่าพระที่นั่งเหมือนกัน โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานกระแสพระราชดำริประกอบการออกแบบก่อสร้างสรุปได้ว่า ควรจัดให้มีห้องสำหรับพระราชทานเลี้ยง เพื่อเป็นเกียรติแก่ประมุขของนานาประเทศที่เขามาเยี่ยมประเทศไทย บางครั้งจำเป็นต้องเชิญพระราชวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐบาล ข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือน คณะทูตานุทูต และบรรดาผู้เกี่ยวข้องโดยทั่วถึง ซึ่งจะต้องให้สามารถจัดเลี้ยงได้ระหว่าง ๒๐๐ – ๒๕๐ คน

เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น ประมาณ ๒,๖๐๐ ล้านบาท โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ใน พระราชพิธีสมโภชพระที่นั่ง เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙ และงานแรกที่จัดขึ้นในพระที่นั่งองค์นี้ คือ งานพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำ แด่สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีต่างประเทศ พร้อมทั้งบุคคลสำคัญ เนื่องในงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๔๙

สถาปัตยกรรม

พระที่นั่งองค์เดิม ก่อนถูกรื้อถอน

เป็นอาคารแบบยุโรปทั้งภายนอกและภายใน เป็นพระที่นั่ง ๒ ชั้น ชั้นล่างเป็นที่พำนักของข้าราชบริพาร ชั้นบนมี ๓ ห้อง ได้แก่ ห้องกลาง เรียกว่า "ห้องเหลือง" เคยใช้เป็นที่เสด็จออกรับแขกเมือง เช่น ดยุคออฟเยนัว พระอนุชาของสมเด็จพระบรมราชินีในสมเด็จพระราชาธิบดีคาละคัว แห่งฮาวาย เมื่อครั้งยังไม่ได้ขึ้นอยู่กับสหรัฐอเมริกา เมื่อพุทธศักราช ๒๔๒๓

ห้องต่างๆ ภายในพระที่นั่ง

  • ห้องกลาง เป็นห้องใหญ่ เรียกกันว่า " ห้องเหลือง " เคยใช้เป็นที่รับรองแขกผู้มีเกียรติ และยังใช้ประกอบพระราชพิธีหรืองานพระราชกุศลภายในด้วย เช่น งานพระราชกุศลคล้ายวันสิ้นพระชนม์ใน สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ และ สมเด็จเจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ จะจัดที่ห้องเหลืองนี้เป็นประจำ
  • ห้องด้านตะวันออก เรียกว่า " ห้องน้ำเงิน " เป็นห้องทรงพระสำราญ พระอัครมเหสีและเจ้านายและพระบรมวงศ์ที่ใกล้ชิดเข้าเฝ้า ฯ ณ ห้องนี้ อีกทั้งเป็นที่ที่ เคยโปรดเกล้า ฯ ให้ สมเด็จพระอัครมเหสีเสด็จออกรับแขกในบางโอกาศ ภายในห้องเป็นที่ประดิษฐานเครื่องราชกกุธภัณฑ์ เครื่องราชศิราภรณ์ พระมาลา เครื่องราชูปโภค พระแสง และสิ่งมีค่าอื่น ๆ และยังมีรูปเขียน เรื่อง " อิเหนา " ประดับที่ฝาผนังด้วย
  • ห้องด้านตะวันตก เรียกว่า " ห้องเขียว " เป็นห้องทรงพระสำราญเป็นการส่วนพระองค์ตามพระราชอัธยาศัย และเป็นห้องเสวยฝ่ายใน

สถาปัตยกรรม

องค์พระที่นั่งเป็นตึกแบบตะวันตก มีเครื่องหลังคาและหน้าต่างเป็นแบบไทย ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ ทำหลังคาเป็นจั่วยื่นออกมาเป็นมุขต่อกัน ด้านใต้ ๓ มุข ด้านตะวันออกและด้านตะวันตกด้านละ ๒ มุข หลังคาแต่ละมุขซ้อนเป็นหลังคาลดมุขละ ๓ ชั้นประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ที่หน้าบันประดับพระบรมราชสัญลักษณ์จักรีล้อมด้วยสังวาลนพรัตน์ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาลปัจจุบัน มีคชสีห์และราชสีห์ประคองฉัตร ๗ ชั้นประดับอยู่ทั้ง ๒ ข้าง พร้อมสาหร่ายรวงผึ้งอยู่ตอนล่างของหน้าบัน

ภายในพระที่นั่ง

ไฟล์:พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร ห้องจัดเลี้ยง.jpg
ห้องจัดเลี้ยงภายในองค์พระที่นั่ง

ภายในชั้นใต้ดินทั้ง ๒ ชั้นเป็นห้องควบคุมระบบต่างๆ อย่างทันสมัย เช่น ห้องเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ห้องระบบไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศ ห้องเก็บและเตรียมอาหาร ตลอดจนห้องเก็บพัสดุต่างๆ ชั้นบนดินชั้นล่างเป็นโถงเทียบรถยนต์ บนยอดกรอบพระทวารเข้าสู่ภายในประดับอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร.

ชั้นล่างมีโถงอัฒจันทร์ขึ้นสู่พระที่นั่งชั้น ๒ ทั้ง ๒ ฝั่ง ตามผนังมีตู้เครื่องลายครามประดับอยู่เป็นระยะ ทั้งยังมีส่วนเชื่อมสามารถเดินไปยังชั้นใต้ต่ำของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทองค์กลางได้ เมื่อขึ้นสู่พระที่นั่งชั้น ๒ จะพบกับโถงกลาง เป็นโถงอัฒจันทร์ใหญ่ เบื้องกลางเป็นที่ตั้งของงานประณีตศิลป์ชิ้นเอก คือบุษบกทองคำลงยาประกอบท้ายเกริน บนฐานไม้แกะสลักประดับปีกแมลงทับ พร้อมทั้งสัปคับทองคำ ๒ กูบ ฝีมือสมาชิกมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ด้านทิศเหนือมีช่องพระทวารรูปโค้ง ๓ ช่อง ไปสู่อัฒจันทร์จำนวน ๙ ขั้นอยู่เบื้องกลาง พร้อมบันไดเลื่อนขนาบสองข้าง ลงไปยังท้องพระโรงหลังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท

ในท้องพระโรงหลังนั้นผนังทาสีเขียวเข้ม ผนังด้านเหนือ มีพระทวารไปสู่ท้องพระโรงกลาง ตรงกลางผนังมีกระจกบานใหญ่อยู่ในกรอบประดับตราแผ่นดินในรัชกาลที่ ๕ พร้อมโคมไฟประดับขนาบสองข้าง ผนังด้านตะวันตกและตะวันออกเป็นพระบัญชรบานกระจกด้านบนประดับกระจกสี สุดผนังทั้ง ๒ ด้านมีพระทวารไปสู่พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ และสมมติเทวราชอุปบัติ บนเพดานทาสีครีม ชมพู ฟ้า และแดง ประดับปูนปั้นเป็นลายพรรณพฤกษาอย่างฝรั่ง พร้อมอักษรพระปรมาภิไธย ส.พ.ป.ม.จ. (สมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์) ในรัชกาลที่ ๕ ตรงกึ่งกลางเพดานแขวนช่อไฟโคมระย้า

โถงอัฒจันทร์พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬารที่โถงอัฒจันทร์ขึ้นไปสู่ชั้น ๓ เป็นอัฒจันทร์ที่ทอดแนวแยกสองทางไปตามทางเหนือและใต้ บนผนังด้านตะวันตก ประดับบานประตูไม้แกะสลักขนาดใหญ่ฝีมือสมาชิกมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เช่นกัน ในโถงนี้มีเสาหินอ่อนแกะสลักขนาดใหญ่อยู่หลายต้น

ทางด้านใต้ มีเฉลียงทางเดิน ตกแต่งด้วยตู้จัดเครื่องลายครามและเครื่องกระเบื้อง พร้อมทั้งสัปคับทำด้วยไม้แกะสลักฝีมือสมาชิกมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ถัดเข้าไปเป็นห้องจัดงานพระราชทานเลี้ยง พระทวารเข้าสู่ห้องเสวยมี ๓ ช่อง ทำเป็นรูปโค้งห้อยม่านสองไขอย่างยุโรป ภายในห้องเป็นท้องพระโรงขนาดใหญ่ผนังทาสีขาวนวล เพดานโค้งบรรจบเข้าเป็นโดมรูปรี สูงกินพื้นที่ไปยังชั้นบนสุด ประดับลวดลายปูนปั้นปิดทองบ้าง ปูนปั้นทาสีบ้าง พร้อมทั้งเสาหินอ่อน และหินอ่อนสลักลายบ้าง

ครั้นมองขึ้นไปยังเฉลียงชั้นบนสุด ด้านตะวันตกและตะวันออก จะแลเห็นเหล็กดัดเป็นลวดลายอย่างฝรั่ง ผนึกหินอ่อนสีเหลืองอ่อน จารึกอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. ในวงจักรของพระบรมราชสัญลักษณ์จักรี ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ อีกฝั่งหนึ่งเป็นอักษรพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ในสมเด็จพระบรมราชินีนาถ บนเพดานของท้องพระโรงใหญ่ เบื้องกลางแขวนโคมระย้าแก้วขนาดมหึมาจำนวน ๑ โคม มีโคมระย้าแก้วขนาดใหญ่เป็นบริวารอีก ๔ โคม ส่วนที่เป็นโลหะขอบโคมฉลุอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. ส่วนพื้นที่ฝั่งตะวันตกและตะวันออกของท้องพระโรง มีเพดานต่ำ แขวนโคมระย้าแก้วขนาดย่อม

บนชั้น ๓ มีเฉลียงทางเดินโดยรอบ ทางด้านใต้มีมุขเด็จยื่นออกมาจากเฉลียงทางเดินเป็นส่วนสำหรับเสด็จออกมหาสมาคม ห้องต่างๆ บนชั้นนี้ก็มีหน้าที่ใช้สอยต่างๆ กันไป มีห้องทรงสำราญพระราชอิริยาบถ เป็นอาทิเครื่องตกแต่งพระที่นั่งองค์นี้ส่วนใหญ่เป็นงานประณีตศิลป์ชิ้นเอกของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ นอกจากนั้นก็เป็นเครื่องลายครามและต้นไม้ในกระถางประดับอักษรพระปรมาภิไธย ภ.ป.ร. บ้าง พระบรมราชสัญลักษณ์จักรีบ้าง สลับกันไป

อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

พิกัดภูมิศาสตร์: 13°44′58″N 100°29′29″E / 13.749359°N 100.4913°E / 13.749359; 100.4913