ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เลื่อน พงษ์โสภณ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดแม่แบบเรียงลำดับ
Poompong1986 (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 55: บรรทัด 55:
* [http://mms.hunsa.com/mms.php?py=album&id=696 ฟังเพลง นางสาวสยาม โดย คาราบาว]
* [http://mms.hunsa.com/mms.php?py=album&id=696 ฟังเพลง นางสาวสยาม โดย คาราบาว]


{{คณะรัฐมนตรีคณะที่ 20 ของไทย}}
{{คณะรัฐมนตรีคณะที่ 23 ของไทย}}
{{คณะรัฐมนตรีคณะที่ 23 ของไทย}}
{{คณะรัฐมนตรีคณะที่ 24 ของไทย}}
{{คณะรัฐมนตรีคณะที่ 24 ของไทย}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:57, 11 สิงหาคม 2556

นาวาอากาศเอก
เลื่อน พงษ์โสภณ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ดำรงตำแหน่ง
11 ธันวาคม พ.ศ. 2494 – 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500
นายกรัฐมนตรีจอมพล แปลก พิบูลสงคราม
ถัดไปชื่น ระวิวรรณ
รัฐมนตรี
ดำรงตำแหน่ง
11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 – 8 เมษายน พ.ศ. 2491
นายกรัฐมนตรีควง อภัยวงศ์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด8 พฤษภาคม พ.ศ. 2439
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
เสียชีวิต29 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 (80 ปี)
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพฯ
ศาสนาพุทธ
พรรคการเมืองประชาธิปัตย์
คู่สมรสสุเนตร บุญญสิทธิ์
บุตรทิพยาภรณ์ (ญ),
ผาณิต (ญ),
เลิศชาย (ช)

นาวาอากาศเอก เลื่อน พงษ์โสภณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมคนแรกของประเทศไทย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครราชสีมา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์หลายสมัย

ประวัติ

นาวาอากาศเอก เลื่อน เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2439 ตรงกับแรม 4 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของขุนเชี่ยวหัสดิน (เถา) และแฉ่ง (มารดา) ซึ่งประกอบกิจการโรงเลื่อย และค้าขายเครื่องเรือน โดยใช้ชื่อว่า ร้านจำหน่ายของสยาม น.อ.เลื่อน เริ่มเข้าศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนอรพินท์ เมื่ออายุได้ 6 ปี จากนั้นมารดาฝากไว้กับพระสงฆ์ เพื่อให้ศึกษาต่อทางศีลธรรมที่วัดรังษี ต่อมานางแฉ่งตั้งใจให้ศึกษาทางกฎหมาย แต่ฝ่าย น.อ.เลื่อนอยากเป็นทหาร จึงสมัครเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก

เมื่อใกล้สำเร็จการศึกษา เป็นระยะที่เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง น.อ.เลื่อนตัดสินใจลาออกจากเส้นทางการเป็นนายร้อย เข้าสมัครเป็นทหารอาสาไปทำการรบที่ประเทศฝรั่งเศส ตามที่ทางราชการประกาศรับ ด้วยความกระตือรือร้น สมความปรารถนา ที่ต้องการไปแสวงหาความรู้ในต่างประเทศ โดยได้รับยศเป็นสิบโท ระหว่างนั้นทางราชการประกาศให้ทุนการศึกษาต่อ ในสาขาวิชาเครื่องยนต์ที่กรุงปารีส แก่ผู้สนใจ น.อ.เลื่อน จึงเข้าสมัครและสอบได้อันดับที่ 1 จึงศึกษาจนจบหลักสูตร และกลับมาเป็นบุคคลแรก ที่เปิดสอนวิชาเครื่องยนต์ในประเทศไทย

ศึกษาต่อต่างประเทศและการบิน

ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2473 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนส่วนพระองค์ ให้ไปศึกษาวิชาการบินที่วิทยาลัยปาร์กสแอร์ส (Parks Air College) ในเมืองเซนต์หลุยส์ตะวันออก (East St.Louis) รัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 3 ปี โดยระหว่างที่ศึกษาอยู่นั้น น.อ.เลื่อน รับจ้างแสดงการบินอย่างผาดโผนต่างๆ กลางอากาศ เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม จึงมีโอกาสเดินทางไปแสดงในรัฐต่างๆ หลายแห่ง สามารถเก็บเงินซื้อเครื่องบินปีกสองชั้นได้ 1 เครื่อง ในราคา 6,000 บาท ให้ชื่อว่าเครื่องบินนางสาวสยาม หรือ Miss Siam เมื่อถึงกำหนดกลับสู่ประเทศไทย น.อ.เลื่อน พยายามจะใช้เป็นพาหนะบินกลับมาด้วยตนเอง ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องขนส่งกลับมาโดยวิธีการอื่น ซ้ำยังต้องว่างงานอยู่เป็นเวลา 1 ปี เนื่องจากหน่วยบินต่างๆ ยังไม่เชื่อถือ น.อ.เลื่อนจึงมีดำริในการพิสูจน์ความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ทำการบินไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจักรวรรดิจีน โดยเริ่มออกเดินทางเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ด้วยเครื่องบินนางสาวสยาม

ระหว่างการเดินทางก็ประสบกับอุปสรรคอย่างมาก อาทิ เครื่องบินเสียต้องร่อนลงซ่อมเครื่องเองแวะลงที่ไหนก็ถูกทหารเมืองนั้นจับกุมมีความลำบากในเรื่องอาหารการกินและที่พักหลับนอน บางแห่งไม่มีสนามบินต้องร่อนลงที่โล่งกว้างอย่างสนามฟุตบอลแทน ในช่วงที่บินผ่านมณฑลกวางตุ้งถูกเรือรบใช้ปืนยิงเครื่องบินทะลุ เพราะเข้าใจว่าเป็นเครื่องบินของฝ่ายตรงข้ามที่กำลังทำสงครามแย่งอำนาจกันอยู่ในขณะนั้น จึงต้องร่อนลงที่ชายหาดและใช้ปฏิภาณตลอดจนความรู้เรื่องช่างเครื่องยนต์มาแก้ปัญหา เอาตัวรอดมาได้อย่าหวุดหวัดจนบินไปถึงซัวเถา แวะพัก 2 คืน ไม่สามารถบินต่อไปจนถึงเซี่ยงไฮ้ได้ เนื่องจากมีการสู้รบระหว่างจีนกับญี่ปุ่นที่เซี่ยงไฮ้ จึงต้องบินเดินทางกลับ เมื่อถึงประเทศไทยแล้ว น.อ.เลื่อน นำเครื่องบินนางสาวสยาม จากสนามบินดอนเมือง กลับไปไว้ที่บ้านพักย่านบางขุนพรหม เพราะไม่มีสตางค์เสียค่าจอดในโรงเก็บเดือนละ 50 บาท และจะบินไปไหนตามใจชอบก็ไม่ได้ หากจะทำการบิน ต้องขออนุญาตทุกครั้งไป ทั้งไม่สามารถบินให้ไกลกว่า 50 ไมล์ได้ เนื่องจากทางราชการอนุญาตให้ทำการบินได้เพียงโดยรอบสนามบินเท่านั้น เมื่อมีเรื่องยุ่งยากดังนี้ น.อ.เลื่อน จึงไม่คิดทำการบินอีกต่อไป

การเมือง

ต่อมาในปี พ.ศ. 2476 ซึ่งเป็นระยะหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่นานนัก น.อ.เลื่อนเข้าทำงานกับบริษัท ขนส่ง จำกัด[1] (Aerial Transport Company Limited) ที่จังหวัดนครราชสีมา และมีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหลายคน จึงเกิดความสนใจในเรื่องการเมือง เนื่องจากมีความปรารถนาจะช่วยเหลือประเทศชาติ น.อ.เลื่อนจึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จังหวัดนครราชสีมา ในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แต่ด้วยมีทุนรอนน้อยจึงมิได้ตั้งความหวังไว้มากนัก ทว่าบังเอิญได้รับเลือกตั้ง จึงเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเล่นการเมือง และลาออกจากงานตั้งแต่บัดนั้น ทั้งนี้ น.อ.เลื่อนได้รับเลือกตั้งถึง 6 สมัย เป็นเวลาประมาณ 25 ปี โดย น.อ.เลื่อน ยังร่วมกับคณะนายทหาร เข้ากระทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ต่อมาได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ในรัฐบาลควง อภัยวงศ์ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลจอมพล แปลก พิบูลสงคราม นอกจากนี้ ยังเคยดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การน้ำตาลไทย เป็นระยะเวลา 10 ปี และได้รับพระราชทานยศเป็น นาวาอากาศเอก เมื่อปี พ.ศ. 2500

บั้นปลายชีวิต

หลังจากเกษียณอายุราชการแล้ว น.อ.เลื่อน ใช้เวลาว่างเดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศเป็นครั้งคราว รวมทั้งเข้าศึกษาวิชาการพิมพ์ลายผ้า ที่สหรัฐอเมริกาจนจบหลักสูตร มีดำริจะทำโรงพิมพ์ผ้าลายไทยในประเทศไทย แต่สุขภาพไม่เอื้ออำนวยจึงยุติไป น.อ.เลื่อน ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบ ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งแทรกซ้อนจากการผ่าตัดต่อมลูกหมาก เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริอายุ 80 ปี น.อ.เลื่อน สมรสกับคุณหญิงสุเนตร (นามสกุลเดิม: บุญญสิทธิ์) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 มีธิดา 2 คนคือ ทิพยาภรณ์ กับผาณิต (สมรสกับวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ประธานกรรมการบริษัท หนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด) และบุตร 1 คนคือ เลิศชาย

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. ต่อมาแยกกิจการบินไปขึ้นกับ บริษัท เดินอากาศ จำกัด หรือบริษัท เดินอากาศไทย จำกัด และรวมกิจการกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในที่สุด

แหล่งข้อมูลอื่น