ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พญาญี่บา"
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 34: | บรรทัด 34: | ||
== สิ้นสุดอาณาจักรหริภุญชัย == |
== สิ้นสุดอาณาจักรหริภุญชัย == |
||
ด้วยอุบายของขุนฟ้าที่ประจบสอพลอพระยีบาทำให้ประชาชนเกลียดชัง พญามังรายได้ยกทัพไปตีเมืองลำพูนได้อย่างง่ายดายในปี [[พ.ศ. 1824]] (จ.ศ. 643) พญาญี่บาเสด็จหนีออกเมืองไปถึงดอยกลางป่าก็คิดนึกได้ที่เสียรู้ขุนฟ้าเป็นไส้ศึกให้พญามังราย ก็เสียใจหลั่งน้ำตาร้องไห้ สถานที่น้ำตาตกนี้จึงมีชื่อว่า “ดอย |
ด้วยอุบายของขุนฟ้าที่ประจบสอพลอพระยีบาทำให้ประชาชนเกลียดชัง พญามังรายได้ยกทัพไปตีเมืองลำพูนได้อย่างง่ายดายในปี [[พ.ศ. 1824]] (จ.ศ. 643) พญาญี่บาเสด็จหนีออกเมืองไปถึงดอยกลางป่าก็คิดนึกได้ที่เสียรู้ขุนฟ้าเป็นไส้ศึกให้พญามังราย ก็เสียใจหลั่งน้ำตาร้องไห้ สถานที่น้ำตาตกนี้จึงมีชื่อว่า “ดอยบาไห้” มาจนทุกวันนี้<ref>[http://www.vcharkarn.com/varticle/259 วิชาการ.คอม - จามเทวี]</ref> ต่อมาพญาญี่บาจึงหนีมาอยู่กับพระยาเบิกเจ้าเมืองลำปาง (เขลางค์) ผู้เป็นโอรส เวลาล่วงไป 14 ปี พระยาเบิกทรงช้างชื่อ ปานแสนพล ยกทัพไปหมายจะตีเมืองลำพูนคืนให้พระราชบิดา พญามังรายให้เจ้าขุนสงครามทรงช้างชื่อแก้วไชยมงคลออกรับศึก ทั้งสองได้ทำยุทธหัตถีกัน ที่บ้านขัวมุงขุนช้าง ใกล้[[เวียงกุมกาม]] พระยาเบิกถูกหอกแทงบาดเจ็บ และตีฝ่าวงล้องออกมาได้ จึงมาตั้งรับอยู่ที่ตำบลแม่ตาล เขตเมืองลำปาง ได้สู้รบกันเป็นสามารถผล ที่สุดทัพลำปางแพ้ยับเยิน เจ้าขุนสงครามจับกุมตัวพระยาเบิกแม่ทัพได้ และปลงพระชนม์เสียที่นี่ ดวงวิญญาณอันกล้าหาญเปี่ยมไปด้วยกตัญญูเวทิคุณนี้ จึงได้รับพระราชทานนามว่า "เจ้าพ่อขุนตาน" <ref>พงษาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ</ref> |
||
ศาลเจ้าพ่อขุนตานสร้างขึ้นเป็นที่สักการะแด่ดวงวิญญาณการสร้างวีรกรรม และความกตัญญูกตเวทิตาของพระยาเบิก โอรสของพญาญี่บา แต่เดิมสร้างเป็นศาลเล็ก ๆ ต่อมามีการสร้างรูปหล่อเจ้าพ่อขุนตานและศาลขึ้นควบคู่กับศาลเดิม เพื่อให้ประชากรสักการบูชา กราบไหว้ <ref>[http://www.guidescenter.com/message_board.php?msg_type=3&msg_id=820 พระประวัติเจ้าพ่อขุนตาน]</ref> |
ศาลเจ้าพ่อขุนตานสร้างขึ้นเป็นที่สักการะแด่ดวงวิญญาณการสร้างวีรกรรม และความกตัญญูกตเวทิตาของพระยาเบิก โอรสของพญาญี่บา แต่เดิมสร้างเป็นศาลเล็ก ๆ ต่อมามีการสร้างรูปหล่อเจ้าพ่อขุนตานและศาลขึ้นควบคู่กับศาลเดิม เพื่อให้ประชากรสักการบูชา กราบไหว้ <ref>[http://www.guidescenter.com/message_board.php?msg_type=3&msg_id=820 พระประวัติเจ้าพ่อขุนตาน]</ref> |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:55, 23 พฤษภาคม 2556
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
พญาญี่บา | |
---|---|
พญาญี่บา | |
พระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรหริภุญชัย | |
รัชสมัย | พ.ศ. 1814 – พ.ศ. 1836 (22 ปี) |
รัชกาลก่อนหน้า | พระยาโยทะ |
รัชกาลถัดไป | สิ้นสุดราชวงศ์หริภุญชัย |
พระราชบุตร | พระยาเบิก |
พญาญี่บา | |
ราชวงศ์ | หริภุญชัย |
พระราชบิดา | พระยาโยทะ |
พญาญี่บา[1] พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรหริภุญชัย ปกครองในช่วงปี พ.ศ. 1814 – พ.ศ. 1836 รวมระยะเวลาการครองราชย์ 22 ปี
ประวัติ
พญาญี่บา ได้ปกครองอาณาจักรหริภุญชัยต่อจากพระยาโยทะ ซึ่งพระยาโยทะได้ครองอาณาจักรนี้นานถึง 74 ปี เมื่อพระยาโยทะสิ้นพระชนม์ พญาญี่บาจึงได้ปกครองอาณาจักรแห่งนี้ต่อ ก่อนที่จะถูกทำลายโดยพญามังรายแห่งอาณาจักรล้านนา โดยพญาญี่บาเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายในอาณาจักรหริภุญชัย และเป็นการปิดฉากราชวงศ์หริภุญชัยที่ปกครองมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีเป็นพระปฐมกษัตรีย์พระองค์แรก
การขยายอำนาจของล้านนา
ในปี พ.ศ. 1805 (จ.ศ. 624) พญามังรายใด้สร้างเมืองเชียงรายขึ้น และทรงเห็นว่าล้านนาแยกกันเป็นหลายวงศ์ ควรรวมกันเป็นแผ่นดินเดียวกันเสีย ดำริแล้วจึงยกทัพไปตีเมืองมอบไร เชียงคำ เชียงร้าง ฝาง เชียงของ และเชิง ต่อมาจะตีเมืองลำพูน (หริภุญชัย) เพราะเป็นเมืองที่มั่งคั่ง แต่ขุนนางชื่อขุนฟ้า ค้านว่าเป็นการยากเพราะกำลังข้าศึกมีมากนัก ควรใช้อุบายยุยงให้แตกแยกกันเสียก่อน ครั้นแล้วพระยามังรายจึงทำอุบายเนรเทศขุนฟ้าออกจากเมืองฐานกบฏ ขุนฟ้าจึงได้ไปรับราชการอยู่กับพญาญี่บาเจ้าเมืองลำพูนนานถึง 7 ปี และได้ทำอุบายต่าง ๆ ให้พญาญี่บากดขี่ราษฎร จนชาวเมืองเกลียดชังพญาญี่บา
สิ้นสุดอาณาจักรหริภุญชัย
ด้วยอุบายของขุนฟ้าที่ประจบสอพลอพระยีบาทำให้ประชาชนเกลียดชัง พญามังรายได้ยกทัพไปตีเมืองลำพูนได้อย่างง่ายดายในปี พ.ศ. 1824 (จ.ศ. 643) พญาญี่บาเสด็จหนีออกเมืองไปถึงดอยกลางป่าก็คิดนึกได้ที่เสียรู้ขุนฟ้าเป็นไส้ศึกให้พญามังราย ก็เสียใจหลั่งน้ำตาร้องไห้ สถานที่น้ำตาตกนี้จึงมีชื่อว่า “ดอยบาไห้” มาจนทุกวันนี้[2] ต่อมาพญาญี่บาจึงหนีมาอยู่กับพระยาเบิกเจ้าเมืองลำปาง (เขลางค์) ผู้เป็นโอรส เวลาล่วงไป 14 ปี พระยาเบิกทรงช้างชื่อ ปานแสนพล ยกทัพไปหมายจะตีเมืองลำพูนคืนให้พระราชบิดา พญามังรายให้เจ้าขุนสงครามทรงช้างชื่อแก้วไชยมงคลออกรับศึก ทั้งสองได้ทำยุทธหัตถีกัน ที่บ้านขัวมุงขุนช้าง ใกล้เวียงกุมกาม พระยาเบิกถูกหอกแทงบาดเจ็บ และตีฝ่าวงล้องออกมาได้ จึงมาตั้งรับอยู่ที่ตำบลแม่ตาล เขตเมืองลำปาง ได้สู้รบกันเป็นสามารถผล ที่สุดทัพลำปางแพ้ยับเยิน เจ้าขุนสงครามจับกุมตัวพระยาเบิกแม่ทัพได้ และปลงพระชนม์เสียที่นี่ ดวงวิญญาณอันกล้าหาญเปี่ยมไปด้วยกตัญญูเวทิคุณนี้ จึงได้รับพระราชทานนามว่า "เจ้าพ่อขุนตาน" [3]
ศาลเจ้าพ่อขุนตานสร้างขึ้นเป็นที่สักการะแด่ดวงวิญญาณการสร้างวีรกรรม และความกตัญญูกตเวทิตาของพระยาเบิก โอรสของพญาญี่บา แต่เดิมสร้างเป็นศาลเล็ก ๆ ต่อมามีการสร้างรูปหล่อเจ้าพ่อขุนตานและศาลขึ้นควบคู่กับศาลเดิม เพื่อให้ประชากรสักการบูชา กราบไหว้ [4]
อ้างอิง
- ↑ ประเสริฐ ณ นคร. (2549, กุมภาพันธ์). ประวัติศาสตร์เบ็ดเตล็ด. กรุงเทพฯ: มติชน. ISBN 9743236007. หน้า 268.
- ↑ วิชาการ.คอม - จามเทวี
- ↑ พงษาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ
- ↑ พระประวัติเจ้าพ่อขุนตาน