ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แตงไทย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
MerlIwBot (คุย | ส่วนร่วม)
โรบอต ลบ: en:Cucumis melo (strong connection between (2) th:แตงไทย and w:Muskmelon), ja:メロン (strong connection between (2) th:แตงไทย and ja:マスクメロン)
ป้ายระบุ: ลบลิงก์ข้ามภาษา
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 3: บรรทัด 3:
|image = muskmelon.jpg
|image = muskmelon.jpg
|regnum = [[Plant]]ae
|regnum = [[Plant]]ae
|unranked_d
|unranked_divisio = [[Angiosperms]]
|unranked_classis = [[Eudicots]]
|unranked_ordo = [[Rosids]]
|ordo = [[Cucurbitales]]
|familia = [[Cucurbitaceae]]
|genus = ''[[Cucumis]]''
|species = '''''C. melo'''''
|binomial = ''Cucumis melo''
|binomial_authority = [[Carolus Linnaeus|L.]]
|}}


'''แตงไทย''' ({{lang-en|Muskmelon}}; {{ชื่อวิทยาศาสตร์|Cucumis melo}}) อยู่ในวงศ์ [[Cucurbitaceae]] ทางภาคเหนือเรียก แตงลายหรือมะแตงสุก ภาคอีสานเรียก แตงจิงหรือแตงกิง ภาษาเขมรเรีบกซกเซรา ภาษากะเหรี่ยงเรียก ดี มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้ตั้งแต่เชิงเขาหิมาลัยไปถึงแหลมโคโมริน <ref name="แตงไทย">นิดดา หงส์วิวัฒน์ และทวีทอง หงส์วิวัฒน์. แตงไทย ใน ผลไม้ 111 ชนิด: คุณค่าอาหารและการกิน. กทม. แสงแดด. 2550 หน้า 81</ref> รวมทั้งพันธุ์ที่ผิวเรียบ เช่น honeydew crenshaw และ casaba และพันธุ์ที่ผิวไม่เรียบ เช่น [[แคนตาลูป]] [[แตงเปอร์เซีย]] และ Christmas melon [[แตงกวาอาร์เมเนีย]] จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับแตงไทย แม้ว่ารูปร่างและรสชาติจะใกล้เคียงกับ[[แตงกวา]]
'''แตงไทย''' ({{lang-en|Muskmelon}}; {{ชื่อวิทยาศาสตร์|Cucumis melo}}) อยู่ในวงศ์ [[Cucurbitaceae]] ทางภาคเหนือเรียก แตงลายหรือมะแตงสุก ภาคอีสานเรียก แตงจิงหรือแตงกิง ภาษาเขมรเรีบกซกเซรา ภาษากะเหรี่ยงเรียก ดี มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้ตั้งแต่เชิงเขาหิมาลัยไปถึงแหลมโคโมริน <ref name="แตงไทย">นิดดา หงส์วิวัฒน์ และทวีทอง หงส์วิวัฒน์. แตงไทย ใน ผลไม้ 111 ชนิด: คุณค่าอาหารและการกิน. กทม. แสงแดด. 2550 หน้า 81</ref> รวมทั้งพันธุ์ที่ผิวเรียบ เช่น honeydew crenshaw และ casaba และพันธุ์ที่ผิวไม่เรียบ เช่น [[แคนตาลูป]] [[แตงเปอร์เซีย]] และ Christmas melon [[แตงกวาอาร์เมเนีย]] จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับแตงไทย แม้ว่ารูปร่างและรสชาติจะใกล้เคียงกับ[[แตงกวา]]


แตงไทยป็นพืชล้มลุก ลำต้นเป็นเถาเลื้อย มีขนอ่อน ปกคลุมตลอดทั้งลำต้นและใบ ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ขอบใบหยัก ก้านใบยาว ดอกสีเหลือง มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่ รูปร่างกลมยาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 12-15 ซม. ยาว 20-25 ซม. ผลอ่อนสีเขียวและมีลายสีขาวพาดยาว เมื่อผลแก่เปลือกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผิวเรียบเป็นมันเนื้อในผลสีเหลืองอ่อนอมเขียว กลิ่นหอม มีเมล็ดรูปแบนรี สีครีมจำนวนมาก แตงไทยให้ผลผลิตในช่วงหน้สร้อน สามารถปลูกได้ทุกภาคทั่วประเทศไทย
แตงไทยป็นพืชล้มลุกไม่เคยลุกไม่เคยล้มแต่ชอบไม่ชอบลุกก ลำต้นเป็นเถาเลื้อย มีขนอ่อน ปกคลุมตลอดทั้งลำต้นและใบ ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ขอบใบหยัก ก้านใบยาว ดอกสีเหลือง มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่ รูปร่างกลมยาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 12-15 ซม. ยาว 20-25 ซม. ผลอ่อนสีเขียวและมีลายสีขาวพาดยาว เมื่อผลแก่เปลือกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผิวเรียบเป็นมันเนื้อในผลสีเหลืองอ่อนอมเขียว กลิ่นหอม มีเมล็ดรูปแบนรี สีครีมจำนวนมาก แตงไทยให้ผลผลิตในช่วงหน้สร้อน สามารถปลูกได้ทุกภาคทั่วประเทศไทย
==การใช้ประโยชน์==
==การใช้ประโยชน์==
ผลอ่อนของแตงไทยนำมากินเป็นผักสดจิ้มน้ำพริกหรือนำไปดอง ผลสุกมีรสจืดหรืออมหวานเล็กน้อย เนื้อซุย ชุ่มน้ำ กลิ่นหอม นิยมกินสดหรือทำของหวาน เช่น น้ำกะทิแตงไทย และทำน้ำปั่น ทำเป็นผลไม้แห้งได้ บางพันธุ์ปลูกเพื่อนำเมล็ดไปสกัดน้ำมัน บางชนิดปลูกเพื่อต้องการนำกลิ่นหอมไปใช้ประโยชน์<ref>{{cite book |authorlink= |author=National Research Council |editor= |others= |title=Lost Crops of Africa: Volume III: Fruits |url=http://books.nap.edu/openbook.php?record_id=11879 |accessdate=2008-07-17 |edition= |series=Lost Crops of Africa |volume=3 |date=2008-01-25 |publisher=National Academies Press |location= |isbn=978-0-309-10596-5 |oclc= |doi= |id= |pages= |chapter=Melon |chapterurl=http://books.nap.edu/openbook.php?record_id=11879&page=135 |quote= |ref= |origyear= }}</ref>
ผลอ่อนของแตงไทยนำมากินเป็นผักสดจิ้มน้ำพริกหรือนำไปดอง ผลสุกมีรสจืดหรืออมหวานเล็กน้อย เนื้อซุย ชุ่มน้ำ กลิ่นหอม นิยมกินสดหรือทำของหวาน เช่น น้ำกะทิแตงไทย และทำน้ำปั่น ทำเป็นผลไม้แห้งได้ บางพันธุ์ปลูกเพื่อนำเมล็ดไปสกัดน้ำมัน บางชนิดปลูกเพื่อต้องการนำกลิ่นหอมไปใช้ประโยชน์<ref>{{cite book |authorlink= |author=National Research Council |editor= |others= |title=Lost Crops of Africa: Volume III: Fruits |url=http://books.nap.edu/openbook.php?record_id=11879 |accessdate=2008-07-17 |edition= |series=Lost Crops of Africa |volume=3 |date=2008-01-25 |publisher=National Academies Press |location= |isbn=978-0-309-10596-5 |oclc= |doi= |id= |pages= |chapter=Melon |chapterurl=http://books.nap.edu/openbook.php?record_id=11879&page=135 |quote= |ref= |origyear= }}</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:58, 8 พฤษภาคม 2556

{{Taxobox |name = |image = muskmelon.jpg |regnum = Plantae |unranked_d

แตงไทย (อังกฤษ: Muskmelon; ชื่อวิทยาศาสตร์: Cucumis melo) อยู่ในวงศ์ Cucurbitaceae ทางภาคเหนือเรียก แตงลายหรือมะแตงสุก ภาคอีสานเรียก แตงจิงหรือแตงกิง ภาษาเขมรเรีบกซกเซรา ภาษากะเหรี่ยงเรียก ดี มีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้ตั้งแต่เชิงเขาหิมาลัยไปถึงแหลมโคโมริน [1] รวมทั้งพันธุ์ที่ผิวเรียบ เช่น honeydew crenshaw และ casaba และพันธุ์ที่ผิวไม่เรียบ เช่น แคนตาลูป แตงเปอร์เซีย และ Christmas melon แตงกวาอาร์เมเนีย จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับแตงไทย แม้ว่ารูปร่างและรสชาติจะใกล้เคียงกับแตงกวา

แตงไทยป็นพืชล้มลุกไม่เคยลุกไม่เคยล้มแต่ชอบไม่ชอบลุกก ลำต้นเป็นเถาเลื้อย มีขนอ่อน ปกคลุมตลอดทั้งลำต้นและใบ ใบเป็นใบเดี่ยวขนาดใหญ่ ขอบใบหยัก ก้านใบยาว ดอกสีเหลือง มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ผลมีขนาดค่อนข้างใหญ่ รูปร่างกลมยาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 12-15 ซม. ยาว 20-25 ซม. ผลอ่อนสีเขียวและมีลายสีขาวพาดยาว เมื่อผลแก่เปลือกเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ผิวเรียบเป็นมันเนื้อในผลสีเหลืองอ่อนอมเขียว กลิ่นหอม มีเมล็ดรูปแบนรี สีครีมจำนวนมาก แตงไทยให้ผลผลิตในช่วงหน้สร้อน สามารถปลูกได้ทุกภาคทั่วประเทศไทย

การใช้ประโยชน์

ผลอ่อนของแตงไทยนำมากินเป็นผักสดจิ้มน้ำพริกหรือนำไปดอง ผลสุกมีรสจืดหรืออมหวานเล็กน้อย เนื้อซุย ชุ่มน้ำ กลิ่นหอม นิยมกินสดหรือทำของหวาน เช่น น้ำกะทิแตงไทย และทำน้ำปั่น ทำเป็นผลไม้แห้งได้ บางพันธุ์ปลูกเพื่อนำเมล็ดไปสกัดน้ำมัน บางชนิดปลูกเพื่อต้องการนำกลิ่นหอมไปใช้ประโยชน์[2]

แตงไทยมีคาร์โบไฮเดรด แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และวิตามินซี[3] เนื้อมีฤทธิ์เย็น ช่วยดับกระหาย แก้เลือดกำเดาไหล ดอกอ่อนตากแห้งต้มดื่มช่วยให้อาเจียน แก้โรคดีซ่าน หรือบดเป็นผงพ่นแก้แผลในจมูก เมล็ดแก่ช่วยในการขับปัสสาวะ ช่วยย่อยอาหาร แก้ไอ รากต้มดื่มช่วยระบายท้อง[4]

รวมภาพ

อ้างอิง

  1. นิดดา หงส์วิวัฒน์ และทวีทอง หงส์วิวัฒน์. แตงไทย ใน ผลไม้ 111 ชนิด: คุณค่าอาหารและการกิน. กทม. แสงแดด. 2550 หน้า 81
  2. National Research Council (2008-01-25). "Melon". Lost Crops of Africa: Volume III: Fruits. Lost Crops of Africa. Vol. 3. National Academies Press. ISBN 978-0-309-10596-5. สืบค้นเมื่อ 2008-07-17. {{cite book}}: ไม่รู้จักพารามิเตอร์ |chapterurl= ถูกละเว้น แนะนำ (|chapter-url=) (help)
  3. Nutrition Facts for melons, cantaloupe
  4. ประโยชน์ด้านอื่นๆ

แหล่งข้อมูลอื่น