ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระมหากัสสปะ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
ลบลิงก์ที่ซ้ำซ้อน wikidata
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4: บรรทัด 4:
| img_size =
| img_size =
| img_capt = ภาพวาดพระมหากัสสปะ ตามคติมหายานฝ่ายจีนนิกาย
| img_capt = ภาพวาดพระมหากัสสปะ ตามคติมหายานฝ่ายจีนนิกาย
| ชื่อเดิม =
| ชื่อเดิม =ปิปผลิ
| พระนามเดิม = ปิปผลิ
| พระนามเดิม =
| ชื่ออื่น =
| ชื่ออื่น =
| พระนามอื่น = ปิปผลิกุมาร, ปิปผลิมาณพ
| พระนามอื่น =
| วันเกิด =
| วันเกิด =
| วันประสูติ =
| วันประสูติ =
บรรทัด 14: บรรทัด 14:
| สถานที่บวช = [[ต้นไทร]]พหุปุตตนิโครธ ระหว่าง[[เมืองราชคฤห์]] กับ[[นาลันทา]]
| สถานที่บวช = [[ต้นไทร]]พหุปุตตนิโครธ ระหว่าง[[เมืองราชคฤห์]] กับ[[นาลันทา]]
| วิธีบวช = [[ธรรมทายาท]]
| วิธีบวช = [[ธรรมทายาท]]
| สถานที่บรรลุธรรม = [[ป่า]]
| สถานที่บรรลุธรรม =
| ตำแหน่ง =
| ตำแหน่ง =
| เอตทัคคะ = ผู้มีธุดงค์มาก
| เอตทัคคะ = ผู้มีธุดงค์มาก
บรรทัด 24: บรรทัด 24:
| สถานที่นิพพาน = [[ภุเขากุกกุฏสัมปาตบรรพต]]
| สถานที่นิพพาน = [[ภุเขากุกกุฏสัมปาตบรรพต]]
| ชาวเมือง =
| ชาวเมือง =
| นามบิดา =
| นามบิดา = [[กปิลพราหมณ์]]
| นามพระบิดา =
| นามพระบิดา =
| นามพระราชบิดา = [[กปิลพราหมณ์]]
| นามพระราชบิดา =
| นามมารดา =
| นามมารดา = [[สุมนเทวีพราหมณี]]
| นามพระมารดา =
| นามพระมารดา =
| นามพระราชมารดา = [[สุมนเทวีพราหมณี]]
| นามพระราชมารดา =
| วรรณะเดิม = [[พราหมณ์]]
| วรรณะเดิม = [[พราหมณ์]]
| ราชวงศ์ =
| ราชวงศ์ =
บรรทัด 37: บรรทัด 37:
| หมายเหตุ =
| หมายเหตุ =
}}
}}
'''พระมหากัสสปะ''' เป็นพระสาวกองค์หนึ่งของ[[พระโคตมพุทธเจ้า]] เป็นพระที่รวบรวมพระธรรมหลักคำสอนเพื่อบันทึกไว้เป็นหมวดหมู่ เรียกว่าการสังคายนา[[พระไตรปิฎก]]เป็นครั้งแรก เป็นพระสาวกที่ยกย่อง และถือเป็นแบบอย่างใน[[พุทธศาสนา]] ได้รับยกย่องเป็น[[เอตทัคคะ]]ในด้าน '''ผู้มีธุดงค์มาก'''
'''พระมหากัสสปะ''' เป็นพระสาวกองค์หนึ่งของ[[พระโคตมพุทธเจ้า]] เป็นพระที่รวบรวมพระธรรมหลักคำสอนเพื่อบันทึกไว้เป็นหมวดหมู่ เรียกว่าการสังคายนา[[พระไตรปิฎก]]เป็นครั้งแรก เป็นพระสาวกที่ยกย่อง และถือเป็นแบบอย่างใน[[ศาสนาพุทธ]] ได้รับยกย่องเป็น[[เอตทัคคะ]]ในด้าน '''ผู้มีธุดงค์มาก'''


== พระราชประวัติ ==
== ประวัติ ==
'''พระมหากัสสปะ''' มีพระนามเดิมว่า '''ปิปผลิ''' เป็นพระราชโอรสของ[[กปิลพราหมณ์]] และ[[สุมนเทวีพราหมณี]] ประสูติที่เมืองราชคฤห์ ตอนวัยเด็ก ขณะที่ปิปผลิกุมารได้วิ่งเล่นออกจากพระราชวังนั้น ได้เห็น[[ภิกษุ]]รูปหนึ่ง กำลังทำ[[สมาธิ]] จึงเกิดความเลื่อมใส คิดอยากจะออกบวชในวัยหนุ่ม เมื่ออายุเข้าย่างสู่ 20 ปี ทรงมีพระมเหสี มีพระนามว่า[[ภัททกาปิลานี]] อาศัยอยู่ใน[[เมืองสาคละ]] [[แคว้นมัททะ]] ซึ่งมีพราหมณ์คนหนึ่งตามมาขอพระราชธิดา และทั้งก็ได้แต่งงานกันอย่างสมเกียรติ และหลังจากแต่งงาน [[นางภัททกาปิลานี]]ก็ได้มาอยู่ที่บ้านของปิปผลิภาณพ ครั้งที่พระราชโอรส และพระราชธิดากำลังเสด็จประพาสอุทยานก็เห็นถึง[[สัตว์]]กิน[[อาหาร]] และได้นึกถึง[[สังขาร]]จึงออกบวชด้วยกันทั้งคู่ แต่ทั้งสองก็ได้ตกลงว่าต้องแยกกันแล้ว เพราะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ปิปผลิได้ออกบวชใน[[พุทธศาสนา]] ระหว่าง[[เมืองราชคฤห์]] กับ[[นาลันทา]] (บ้านเกิด[[พระสารีบุตร]])
'''พระมหากัสสปะ''' มีพระนามเดิมว่า '''ปิปผลิ''' เป็นบุตรของ[[กปิลพราหมณ์]]และ[[สุมนเทวีพราหมณี]] เกิดที่เมืองราชคฤห์ ตอนวัยเด็ก ขณะที่ปิปผลิกุมารได้วิ่งเล่นออกจากพระราชวังนั้น ได้เห็น[[ภิกษุ]]รูปหนึ่ง กำลังทำ[[สมาธิ]] จึงเกิดความเลื่อมใส คิดอยากจะออกบวชในวัยหนุ่ม เมื่ออายุเข้าย่างสู่ 20 ปี ได้แต่งงานกับพราหมณีนามว่า[[ภัททกาปิลานี]] อาศัยอยู่ใน[[เมืองสาคละ]] [[แคว้นมัททะ]] ซึ่งมีพราหมณ์คนหนึ่งตามมาขอ และทั้งก็ได้แต่งงานกันอย่างสมเกียรติ และหลังจากแต่งงาน [[นางภัททกาปิลานี]]ก็ได้มาอยู่ที่บ้านของปิปผลิภาณพ เมื่อมารดาบิดาของทั้งสองฝ่ายถึงแก่กรรม ทั้งสองจึงได้ออกบวชใน[[ศาสนาพุทธ]] ระหว่าง[[เมืองราชคฤห์]] กับ[[นาลันทา]] (บ้านเกิด[[พระสารีบุตร]])


== การทำสังคายนา ==
== การทำสังคายนา ==
{{บทความหลัก|ปฐมสังคายนา}}
{{บทความหลัก|สังคายนาครั้งที่ 1 ในศาสนาพุทธ}}
=== สังคายนาในสังขาร ===
==== ครั้งที่ 1 ====
[[ไฟล์:Sattapanni.jpg|thumb|left|[[ถ้ำสัตบรรณคูหา]] สถานที่ทำสังคายนาครั้งแรก ]]
[[ไฟล์:Sattapanni.jpg|thumb|left|[[ถ้ำสัตบรรณคูหา]] สถานที่ทำสังคายนาครั้งแรก ]]
พระมหากัสสปเถระได้ทราบข่าวปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้วได้ 7 วัน ขณะที่ท่านกำลังเดินทางอยู่ ณ เมืองปาวาพร้อมด้วยหมู่ศิษย์จำนวนมาก เมื่อได้ทราบข่าวนั้น เหล่าศิษย์ของพระมหากัสสปะซึ่งยังเป็นปุถุชนอยู่ ได้ร้องไห้คร่ำครวญกัน ณ ที่นั้น จึงมีพระภิกษุบวชเมื่อแก่องค์หนึ่ง ชื่อว่า'''สุภัททะ''' ได้กล่าวขึ้นว่า "หยุดเถิด หยุดเถิด ท่านอย่าร่ำไรไปเลย พระสมณะ นั้นพ้น (ปรินิพพาน) แล้ว เราจะทำอะไรก็ได้ตามพอใจ ไม่ต้อง เกรงบัญชาใคร" พระมหากัสสปะได้ฟังเช่นนั้น คิดจะทำนิคคหกรรม (ทำโทษ) แต่เห็นว่ายังมิควรก่อน และดำริขึ้นว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานเพียง 7 วัน ก็มีผู้คิดที่จะทำให้เกิดความแปรปรวน หรือประพฤติปฏิบัติให้วิปริตไปจากพระธรรมวินัยเช่นนี้ จึงควรจะทำการสังคายนาและจะชักชวนพระเถระผู้เป็นพระ[[อรหันต์]]ทั้งหลาย ซึ่งล้วนทันเห็นพระพุทธเจ้า ได้ฟังคำสอนของพระองค์มาโดยตรง เป็นผู้รู้คำสอนของพระพุทธเจ้า และได้อยู่ในหมู่สาวกที่เคยสนทนาตรวจสอบกันอยู่เสมอ รู้ว่าสิ่งใดที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้มาประชุมกัน เพื่อช่วยกันแสดง ถ่ายทอด รวบรวม ประมวลคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วตกลงวางมติไว้ จากนั้นท่านจึงเดินทางไปยังเมือง[[กุสินารา]]เพื่อเป็นประธานในการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ใช้เวลา 7 เดือน พระเจ้าอชาตศัตรู เป็นผู้อุปถัมภ์
พระมหากัสสปเถระได้ทราบข่าวปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้วได้ 7 วัน ขณะที่ท่านกำลังเดินทางอยู่ ณ เมืองปาวาพร้อมด้วยหมู่ศิษย์จำนวนมาก เมื่อได้ทราบข่าวนั้น เหล่าศิษย์ของพระมหากัสสปะซึ่งยังเป็นปุถุชนอยู่ ได้ร้องไห้คร่ำครวญกัน ณ ที่นั้น จึงมีพระภิกษุบวชเมื่อแก่องค์หนึ่ง ชื่อว่า'''สุภัททะ''' ได้กล่าวขึ้นว่า "หยุดเถิด หยุดเถิด ท่านอย่าร่ำไรไปเลย พระสมณะ นั้นพ้น (ปรินิพพาน) แล้ว เราจะทำอะไรก็ได้ตามพอใจ ไม่ต้อง เกรงบัญชาใคร" พระมหากัสสปะได้ฟังเช่นนั้น คิดจะทำนิคคหกรรม (ทำโทษ) แต่เห็นว่ายังมิควรก่อน และดำริขึ้นว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานเพียง 7 วัน ก็มีผู้คิดที่จะทำให้เกิดความแปรปรวน หรือประพฤติปฏิบัติให้วิปริตไปจากพระธรรมวินัยเช่นนี้ จึงควรจะทำการสังคายนาและจะชักชวนพระเถระผู้เป็นพระ[[อรหันต์]]ทั้งหลาย ซึ่งล้วนทันเห็นพระพุทธเจ้า ได้ฟังคำสอนของพระองค์มาโดยตรง เป็นผู้รู้คำสอนของพระพุทธเจ้า และได้อยู่ในหมู่สาวกที่เคยสนทนาตรวจสอบกันอยู่เสมอ รู้ว่าสิ่งใดที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้มาประชุมกัน เพื่อช่วยกันแสดง ถ่ายทอด รวบรวม ประมวลคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วตกลงวางมติไว้ จากนั้นท่านจึงเดินทางไปยังเมือง[[กุสินารา]]เพื่อเป็นประธานในการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ใช้เวลา 7 เดือน พระเจ้าอชาตศัตรู เป็นผู้อุปถัมภ์


การทำสังคายนาพระธรรมวิทัยครั้งที่ 1 จึงได้จัดขึ้นที่ถ้ำสัตบรรณคูหา [[เมืองราชคฤห์]] ตามคำปรารภของพระมหากัสสปะเถระ โดยมีพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นองค์อุปถัมภ์ ใช้เวลาในการสังคายนารวบรวมพระธรรมวินัยอยู่ 7 เดือนจึงแล้วเสร็จ โดยในครั้งนั้น พระมหากัสสปะเถระเป็นประธานทำสังคายนา [[พระอานนท์]]เป็นองค์วิสัชชนาแสดงพระธรรมวินัยในหมวด สุตตันตปิฎกและอภิธรรมปิฎก [[พระอุบาลี]] เป็นองค์วิสัชชนาพระวินัยปิฎก ซึ่งแนวการวางระเบียบพระธรรมวินัยในครั้งนั้นจัดเป็นรูปแบบที่เรียกว่า พระไตรปิฎก และยังคงมีการรักษาสิ่งที่ได้จัดรวบรวมในครั้งปฐมสังคายนาอยู่ในพระไตรปิฎกฉบับเถรวาทโดยไม่มีการปรับแก้มาจนปัจจุบัน
การทำสังคายนาพระธรรมวิทัยครั้งที่ 1 จึงได้จัดขึ้นที่ถ้ำสัตบรรณคูหา [[เมืองราชคฤห์]] ตามคำปรารภของพระมหากัสสปะเถระ โดยมีพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นองค์อุปถัมภ์ ใช้เวลาในการสังคายนารวบรวมพระธรรมวินัยอยู่ 7 เดือนจึงแล้วเสร็จ โดยในครั้งนั้น พระมหากัสสปะเถระเป็นประธานทำสังคายนา [[พระอานนท์]]เป็นองค์วิสัชชนาแสดงพระธรรมวินัยในหมวด สุตตันตปิฎกและอภิธรรมปิฎก [[พระอุบาลี]] เป็นองค์วิสัชชนาพระวินัยปิฎก ซึ่งแนวการวางระเบียบพระธรรมวินัยในครั้งนั้นจัดเป็นรูปแบบที่เรียกว่า พระไตรปิฎก และยังคงมีการรักษาสิ่งที่ได้จัดรวบรวมในครั้งปฐมสังคายนาอยู่ในพระไตรปิฎกฉบับเถรวาทโดยไม่มีการปรับแก้มาจนปัจจุบัน

=== สังคายนานอกสังขาร ===
==== ครั้งที่ 2 ====
[[ไฟล์:Anandastupa.jpg|thumb|left|200px|เมืองเวสาลี สถานที่ทำทุติยสังคายนา]]

การทำสังคายนาครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อ [[พ.ศ. 100]] ที่[[วาลิการาม]] [[เมืองเวสาลี]] [[แคว้นวัชชี]] ประเทศอินเดีย โดยมี[[พระยสะ กากัณฑกบุตร]] เป็นผู้ชักชวน [[พระเถระ]]ผู้ใหญ่ที่เข้าร่วมทำสังคายนาครั้งนี้ได้แก่ [[พระสัพพกามี]] [[พระสาฬหะ]] [[พระขุชชโสภิตะ]] [[พระวาสภคามิกะ]] (ทั้งสี่รูปนี้เป็น[[ปาจีนกะ|ชาวปาจีนกะ]]) [[พระเรวตะ]] [[พระสัมภูตะ สาณวาสี]] [[พระยสะ กากัณฑกบุตร]] และ[[พระสุมนะ]] (ทั้งสี่รูปนี้เป็น[[ปาฐา|ชาวปาฐา]]) ในการนี้พระเรวตะทำหน้าที่เป็นประธานผู้คอยซักถาม และพระสัพพกามีเป็นผู้นำในการวิสัชนาข้อวินัย การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุมร่วมกัน 700 รูป ดำเนินการอยู่เป็นเวลา 8 เดือน จึงเสร็จสิ้น

ข้อปรารภในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พระยสะ กากัณฑกบุตร พบเห็นข้อปฏิบัติย่อหย่อน 10 ประการทางพระวินัยของภิกษุ[[วัชชีบุตร]] เช่น ควรเก็บเกลือไว้ใน[[เขาสัตว์]]เพื่อรับประทานได้ ควรฉันอาหารยามวิกาลได้ ควรรับเงินทองได้ เป็นต้น พระยสะ กากัณฑกบุตรจึงชวนพระเถระต่างๆ ให้ช่วยกันวินิจฉัย แก้ความถือผิดครั้งนี้

โดยรายละเอียดของปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่สอง มีกล่าวถึงในพระวินัยปิฎก จุลลวรรค แม้ในวินัยปิฎกจะไม่กล่าวถึงคำว่าพระไตรปิฎกในการปฐมสังคายนาและการสังคายนาครั้งที่สองเลย แต่ใน[[สมันตัปปาสาทิกา]] ซึ่งเป็น[[อรรถกถา]]อธิบายวินัยปิฎกนั้น บอกว่าการจัดหมวดหมู่คำสอนของพระพุทธศาสนาให้เป็นรูปเป็นร่างอย่างพระไตรปิฎกนั้น มีมาตั้งแต่ครั้งปฐมสังคายนาแล้ว

==== ครั้งที่ 3 ====
{{Infobox Monarch
| สี = gold
| ภาพ =
| พระบรมนามาภิไธย = ปิปผลิ
| พระปรมาภิไธย =
| วันพระราชสมภพ =
| วันสวรรคต =
| พระอิสริยยศ = ตระกูลกษัตริย์แห่ง[[แคว้นมคธ|ราชวงศ์หารยังกะ]]
| พระราชบิดา = กปิลพราหมณ์
| พระราชมารดา = สุมนเทวีพราหมณี
| พระมเหสี = นางภัททกาปิลามี
| พระราชสวามี =
| พระราชโอรส/ธิดา =
| ราชวงศ์ = [[แคว้นมคธ|ราชวงศ์หารยังกะ]]
| ทรงราชย์ =
| พิธีบรมราชาภิเษก =
| ระยะเวลาครองราชย์ =
| รัชกาลก่อนหน้า =
| รัชกาลถัดมา =
|}}
[[ไฟล์:Mauryan Hall pillar.JPG|thumb|200px|left|1 ใน 80 เสาห้องโถงแห่งอโศการาม [[กรุงปาฏลีบุตร]] สถานที่ทำตติยสังคายนาของพระพุทธศาสนา]]

การทำสังคายนาครั้งที่สามเกิดขึ้นเมื่อ [[พ.ศ. 235]] ที่[[อโศการาม]] กรุง[[ปาฏลีบุตร]] ประเทศอินเดีย โดยมี[[พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ]] เป็นประธาน การทำสังคายนาครั้งนี้มีพระสงฆ์มาประชุมร่วมกัน 1,000 รูป ดำเนินการอยู่เป็นเวลา 9 เดือน จึงเสร็จสิ้น

ข้อปรารภในการทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ มีพวก[[เดียรถีย์]] หรือนักบวชศาสนาอื่นมาปลอมบวช แล้วแสดงลัทธิศาสนาและความเห็นของตนว่าเป็นพระพุทธศาสนา พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ จึงได้ขอความอุปถัมภ์จาก[[พระเจ้าอโศกมหาราช]]สังคายนาพระธรรมวินัยเพื่อกำจัดความเห็นของพวกเดียรถีย์ออกไป

ในการทำสังคายนาครั้งนี้ พระโมคคลีบุตร ติสสเถระ ได้แต่ง[[คัมภีร์กถาวัตถุ]] ซึ่งเป็นคัมภีร์หนึ่งในพระอภิธรรมไว้ด้วย และเมื่อทำสังคายนาเสร็จแล้ว ก็มีการส่งคณะทูตไปประกาศพระพุทธศาสนาในประเทศต่างๆ ในที่นี้มี[[พระมหินทเถระ]] ผู้เป็นโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช ที่นำพระพุทธศานาไปประดิษฐานใน[[ประเทศศรีลังกา|ลังกา]] รวมทั้ง[[พระโสณะเถระ]]และ[[พระอุตตระเถระ]] ที่นำพระพุทธศาสนามาเผยแผ่ยังดินแดน[[สุวรรณภูมิ]]ด้วย

==== ครั้งที่ 4 ====
การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ [[พ.ศ. 643]] ที่เมือง[[ชาลันธร]] แต่บางหลักฐานก็กล่าวว่าทำที่[[กัศมีร์]] การสังคายนาครั้งนี้มีลักษณะของ[[ศาสนาพราหมณ์]]และ[[มหายาน|พระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน]]เข้ามาผสม ทำให้ฝ่ายเถรวาทไม่นับว่าเป็นหนึ่งในการสังคายนา ในการสังคายนาครั้งนี้มีพระภิกษุมา 800 รูปและใช้เวลา 1 [[ปี]]เต็ม และมี[[พระอับปาหัมเถระ]]เป็นประธาน

==== ครั้งที่ 5 ====
การทำสังคายนาครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 460 ที่[[อาโลกเลณสถาน]] [[มตเลชนบท]] ประเทศศรีลังกา โดยมี[[พระรักขิตมหาเถระ]]เป็นประธาน การทำสังคายนาครั้งนี้เพื่อต้องการจารึกพระพุทธวัจนะเป็นลายลักษณ์อักษรมีพระฤทธิ์เดชเป็นผู้ถามและมีพระรำเคนเป็นผู้ตอบและมีจำนวนพระภิกษุสงมา 1200 รูปใช้เวลาการสังคายนา 10 เดือน


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
บรรทัด 100: บรรทัด 53:


== ดูเพิ่ม ==
== ดูเพิ่ม ==
* [[พระวิปัสสีพุทธเจ้า]] (พระชาติก่อนของพระเถระ)
* [[พระวิปัสสีพุทธเจ้า]]
* [[เอตทัคคะ]]
* [[เอตทัคคะ]]
* [[พระอสีติมหาสาวก]]
* [[พระอสีติมหาสาวก]]
* [[การสังคายนาพระธรรมวินัยในพุทธศาสนา]]
* [[สังคายนาในศาสนาพุทธ]]


== แหล่งข้อมูลอื่น ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
บรรทัด 122: บรรทัด 75:
{{บุคคลในพุทธประวัติ}}
{{บุคคลในพุทธประวัติ}}
{{บุคคลศักดิ์สิทธิ์ในคติพุทธศาสนาแบบจีน}}
{{บุคคลศักดิ์สิทธิ์ในคติพุทธศาสนาแบบจีน}}

{{เรียงลำดับ|มหากัสสปะ}}
[[หมวดหมู่:พระภิกษุสงฆ์]]
[[หมวดหมู่:พระภิกษุสงฆ์]]
[[หมวดหมู่:เอตทัคคะบุคคล]]
[[หมวดหมู่:เอตทัคคะบุคคล]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:16, 2 พฤษภาคม 2556

พระมหากัสสปะ
ภาพวาดพระมหากัสสปะ ตามคติมหายานฝ่ายจีนนิกาย
ภาพวาดพระมหากัสสปะ ตามคติมหายานฝ่ายจีนนิกาย
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อเดิมปิปผลิ
สถานที่ประสูติมหาติตถะ เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ
สถานที่บวชต้นไทรพหุปุตตนิโครธ ระหว่างเมืองราชคฤห์ กับนาลันทา
วิธีบวชธรรมทายาท
เอตทัคคะผู้มีธุดงค์มาก
อาจารย์พระโคตมพุทธเจ้า
สถานที่นิพพานภุเขากุกกุฏสัมปาตบรรพต
ฐานะเดิม
บิดากปิลพราหมณ์
มารดาสุมนเทวีพราหมณี
วรรณะเดิมพราหมณ์
การศึกษาจบไตรเพท
สถานที่รำลึก
สถานที่ประตูถ้ำสัตตบรรณคูหาข้างภูเขาเวภาระ เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ สถานที่ทำสังคายนาครั้งแรก
พระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

พระมหากัสสปะ เป็นพระสาวกองค์หนึ่งของพระโคตมพุทธเจ้า เป็นพระที่รวบรวมพระธรรมหลักคำสอนเพื่อบันทึกไว้เป็นหมวดหมู่ เรียกว่าการสังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งแรก เป็นพระสาวกที่ยกย่อง และถือเป็นแบบอย่างในศาสนาพุทธ ได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะในด้าน ผู้มีธุดงค์มาก

ประวัติ

พระมหากัสสปะ มีพระนามเดิมว่า ปิปผลิ เป็นบุตรของกปิลพราหมณ์และสุมนเทวีพราหมณี เกิดที่เมืองราชคฤห์ ตอนวัยเด็ก ขณะที่ปิปผลิกุมารได้วิ่งเล่นออกจากพระราชวังนั้น ได้เห็นภิกษุรูปหนึ่ง กำลังทำสมาธิ จึงเกิดความเลื่อมใส คิดอยากจะออกบวชในวัยหนุ่ม เมื่ออายุเข้าย่างสู่ 20 ปี ได้แต่งงานกับพราหมณีนามว่าภัททกาปิลานี อาศัยอยู่ในเมืองสาคละ แคว้นมัททะ ซึ่งมีพราหมณ์คนหนึ่งตามมาขอ และทั้งก็ได้แต่งงานกันอย่างสมเกียรติ และหลังจากแต่งงาน นางภัททกาปิลานีก็ได้มาอยู่ที่บ้านของปิปผลิภาณพ เมื่อมารดาบิดาของทั้งสองฝ่ายถึงแก่กรรม ทั้งสองจึงได้ออกบวชในศาสนาพุทธ ระหว่างเมืองราชคฤห์ กับนาลันทา (บ้านเกิดพระสารีบุตร)

การทำสังคายนา

ถ้ำสัตบรรณคูหา สถานที่ทำสังคายนาครั้งแรก

พระมหากัสสปเถระได้ทราบข่าวปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้วได้ 7 วัน ขณะที่ท่านกำลังเดินทางอยู่ ณ เมืองปาวาพร้อมด้วยหมู่ศิษย์จำนวนมาก เมื่อได้ทราบข่าวนั้น เหล่าศิษย์ของพระมหากัสสปะซึ่งยังเป็นปุถุชนอยู่ ได้ร้องไห้คร่ำครวญกัน ณ ที่นั้น จึงมีพระภิกษุบวชเมื่อแก่องค์หนึ่ง ชื่อว่าสุภัททะ ได้กล่าวขึ้นว่า "หยุดเถิด หยุดเถิด ท่านอย่าร่ำไรไปเลย พระสมณะ นั้นพ้น (ปรินิพพาน) แล้ว เราจะทำอะไรก็ได้ตามพอใจ ไม่ต้อง เกรงบัญชาใคร" พระมหากัสสปะได้ฟังเช่นนั้น คิดจะทำนิคคหกรรม (ทำโทษ) แต่เห็นว่ายังมิควรก่อน และดำริขึ้นว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานเพียง 7 วัน ก็มีผู้คิดที่จะทำให้เกิดความแปรปรวน หรือประพฤติปฏิบัติให้วิปริตไปจากพระธรรมวินัยเช่นนี้ จึงควรจะทำการสังคายนาและจะชักชวนพระเถระผู้เป็นพระอรหันต์ทั้งหลาย ซึ่งล้วนทันเห็นพระพุทธเจ้า ได้ฟังคำสอนของพระองค์มาโดยตรง เป็นผู้รู้คำสอนของพระพุทธเจ้า และได้อยู่ในหมู่สาวกที่เคยสนทนาตรวจสอบกันอยู่เสมอ รู้ว่าสิ่งใดที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้มาประชุมกัน เพื่อช่วยกันแสดง ถ่ายทอด รวบรวม ประมวลคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แล้วตกลงวางมติไว้ จากนั้นท่านจึงเดินทางไปยังเมืองกุสินาราเพื่อเป็นประธานในการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ ใช้เวลา 7 เดือน พระเจ้าอชาตศัตรู เป็นผู้อุปถัมภ์

การทำสังคายนาพระธรรมวิทัยครั้งที่ 1 จึงได้จัดขึ้นที่ถ้ำสัตบรรณคูหา เมืองราชคฤห์ ตามคำปรารภของพระมหากัสสปะเถระ โดยมีพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นองค์อุปถัมภ์ ใช้เวลาในการสังคายนารวบรวมพระธรรมวินัยอยู่ 7 เดือนจึงแล้วเสร็จ โดยในครั้งนั้น พระมหากัสสปะเถระเป็นประธานทำสังคายนา พระอานนท์เป็นองค์วิสัชชนาแสดงพระธรรมวินัยในหมวด สุตตันตปิฎกและอภิธรรมปิฎก พระอุบาลี เป็นองค์วิสัชชนาพระวินัยปิฎก ซึ่งแนวการวางระเบียบพระธรรมวินัยในครั้งนั้นจัดเป็นรูปแบบที่เรียกว่า พระไตรปิฎก และยังคงมีการรักษาสิ่งที่ได้จัดรวบรวมในครั้งปฐมสังคายนาอยู่ในพระไตรปิฎกฉบับเถรวาทโดยไม่มีการปรับแก้มาจนปัจจุบัน

อ้างอิง

  • โอม รัชเวทย์. พระมหากัสสปะ ฉบับการ์ตูนสี่สี. พิมพ์ครั้งที่ ๒ กรุงเทพฯ:เครืออมรินทร์,๒๕๕๒

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า พระมหากัสสปะ ถัดไป
ประธานการสังคายนาครั้งที่ 1
พระเรวตเถระ
ประธานการสังคายนาครั้งที่ 2