ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กฎหมายล้มละลาย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Fernet (คุย | ส่วนร่วม)
Fernet (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 13: บรรทัด 13:
พระราชบัญญัติล้มละลายไม่ได้จำกัดไว้ว่าผู้ที่ล้มละลายจะต้องเป็นบุคคลประเภทใด ดังนั้น ไม่ว่าบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลประเภทใดก็สามารถล้มละลายได้ ต่างจากการฟื้นฟูกิจการที่จะต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบรัษัทมหาชนจำกัดเท่านั้น โดยกฎหมายกำหนดวิธีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายไว้ 5 วิธี ดังนี้
พระราชบัญญัติล้มละลายไม่ได้จำกัดไว้ว่าผู้ที่ล้มละลายจะต้องเป็นบุคคลประเภทใด ดังนั้น ไม่ว่าบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลประเภทใดก็สามารถล้มละลายได้ ต่างจากการฟื้นฟูกิจการที่จะต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบรัษัทมหาชนจำกัดเท่านั้น โดยกฎหมายกำหนดวิธีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายไว้ 5 วิธี ดังนี้


1. เจ้าหนี้ธรรมดาฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย
1. เจ้าหนี้ธรรมดาฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย <ref>มละลาย</ref>


2. เจ้าหนี้มีประกันฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย
2. เจ้าหนี้มีประกันฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย <ref>มละลาย</ref>


3. เจ้าหนี้ฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้ที่ตาย
3. เจ้าหนี้ฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้ที่ตาย <ref>มาตรา 82 พระราชบัญญัติล้มละลาย</ref>


4. ผู้ชำระบัญชีร้องขอให้นิติบุคคลล้มละลาย และ
4. ผู้ชำระบัญชีร้องขอให้นิติบุคคลล้มละลาย <ref>และ</ref>


5. เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดล้มละลายตามห้างหุ้นส่วนสามัญ
5. เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดล้มละลายตามห้างหุ้นส่วนสามัญ <ref>มา่ตรา 89 พระราชบัญญัติล้มละลาย</ref>


อย่างไรก็ตาม กฎหมายล้มละลายของไทยไม่อนุญาตให้ลูกหนี้ร้องขอให้ตัวเองล้มละลายได้ แต่ลูกหนี้สามารถร้องขอให้ตัวเองฟื้นฟูกิจการได้
อย่างไรก็ตาม กฎหมายล้มละลายของไทยไม่อนุญาตให้ลูกหนี้ร้องขอให้ตัวเองล้มละลายได้ แต่ลูกหนี้สามารถร้องขอให้ตัวเองฟื้นฟูกิจการได้
บรรทัด 29: บรรทัด 29:
นิยามของคำว่า "เจ้าหนี้มีประกัน” มีบัญญัติไว้ในมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายล้มละลาย ว่าหมายความว่า เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนอง จำนำ หรือสิทธิยึดหน่วงหรือเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิที่บังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำ
นิยามของคำว่า "เจ้าหนี้มีประกัน” มีบัญญัติไว้ในมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายล้มละลาย ว่าหมายความว่า เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนอง จำนำ หรือสิทธิยึดหน่วงหรือเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิที่บังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำ


การที่เจ้าหนี้จะฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายในศาลไทย ลูกหนี้จะต้องมีภูมิลำเนาหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทยหรือเคยมีภูมิลำเนาหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทยย้อนหลังไป 1 ปี จะต้องพิจารณาก่อนว่าเจ้าหนี้ที่มาฟ้องเป็นเจ้าหนี้ธรรมดาหรือเจ้าหนี้มีประกัน โดยหลักเกณฑ์การฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายของเจ้าหนี้ไม่มีประกันนั้น เจ้าหนี้จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า
การที่เจ้าหนี้จะฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายในศาลไทย ลูกหนี้จะต้องมีภูมิลำเนาหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทยหรือเคยมีภูมิลำเนาหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทยย้อนหลังไป 1 ปี<ref>มาตรา 7 พระราชบัญญัติล้มละลาย</ref> และจะต้องพิจารณาก่อนว่าเจ้าหนี้ที่มาฟ้องเป็นเจ้าหนี้ธรรมดาหรือเจ้าหนี้มีประกัน
==== การฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายโดยเจ้าหนี้ธรรมดา ====
การที่เจ้าหนี้ธรรมดาจะฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า


1. ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว กล่าวคือ มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน



1. ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว กล่าวคือ มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน


2. เป็นหนี้ไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาทในกรณีที่ลูกหนี้เป็นบุคคลธรรมดา หรือสองล้านบาทหากเป็นนิติบุคคล และ
2. เป็นหนี้ไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาทในกรณีที่ลูกหนี้เป็นบุคคลธรรมดา หรือสองล้านบาทหากเป็นนิติบุคคล และ
บรรทัด 39: บรรทัด 46:
ทั้งนี้ แม้ว่าหนี้ดังกล่าวจะยังไม่ถึงกำหนดชำระ เจ้าหนี้ก็สามารถนำมาฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายได้
ทั้งนี้ แม้ว่าหนี้ดังกล่าวจะยังไม่ถึงกำหนดชำระ เจ้าหนี้ก็สามารถนำมาฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายได้


==== การฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายโดยเจ้าหนี้มีประกัน ====
ส่วนเจ้าหนี้มีประกัน นอกจากจะต้องพิสูจน์ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่า เจ้าหนี้นั้นไม่ได้เป็นผู้ต้องห้ามไม่ให้บังคับการชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้เกินกว่าตัวทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน (กล่าวคือ หากเป็นเจ้าหนี้จำนอง จะต้องมีข้อสัญญาให้บังคับให้ลูกหนี้ชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้) และต้องบรรยายฟ้องว่า "ถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้ว จะยอมสละหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย" หรือตีราคาหลักประกันมาในฟ้องซึ่งเมื่อหักกับจำนวนหนี้ของตนแล้ว เงินยังขาดอยู่สำหรับลูกหนี้ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาท หรือลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าสองล้านบาท
ส่วนเจ้าหนี้มีประกัน เช่น เจ้าหนี้จำนอง นอกจากจะต้องพิสูจน์ตามหลักเกณฑ์ของเจ้าหนี้ธรรดมาแล้ว ยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่า เจ้าหนี้นั้นไม่ได้เป็นผู้ต้องห้ามไม่ให้บังคับการชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้เกินกว่าตัวทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน (กล่าวคือ หากเป็นเจ้าหนี้จำนอง จะต้องมีข้อสัญญาให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้ ไม่จำกัดเฉพาะทรัพย์สินที่จำนอง) และต้องบรรยายฟ้องว่า "ถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้ว จะยอมสละหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย" หรือตีราคาหลักประกันมาในฟ้องซึ่งเมื่อหักกับจำนวนหนี้ของตนแล้ว เงินยังขาดอยู่อีกไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาทหรือสองล้านบาท แล้วแต่กรณี


=== การพิจารณาพิพากษาคดีล้มละลาย ===
=== การพิจารณาพิพากษาคดีล้มละลาย ===
เมื่อเจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้ล้มละลายแล้ว ศาลจะมีหมายเรียกให้ลูกหนี้ยื่นคำให้การ แต่ลูกหนี้จะยื่นหรือไม่ยื่นคำให้การก็ได้ ในการพิจารณา ศาลจะต้องพิจารณาให้ครบหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่ลูกหนี้จะล้มละลายแล้วจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด (ลูกหนี้แพ้คดี) แต่หากศาลพิจารณาแล้วไม่ได้ความจริงตามเงื่อนไขที่จะต้องล้มละลาย หรือลูกหนี้นำสืบได้ว่าสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด หรือมีเหตุอื่นที่ไม่สมควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย ศาลจะยกฟ้อง (ลูกหนี้ชนะคดี)
เมื่อศาลรับฟ้องแล้ว ศาลจะมีหมายเรียกกำหนดวันนัดพิจารณา แต่ลูกหนี้จะยื่นหรือไม่ยื่นคำให้การก็ได้ ในการพิจารณา ศาลจะต้องพิจารณาให้ครบหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่ลูกหนี้จะล้มละลายแล้วจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด (ลูกหนี้แพ้คดี) แต่หากศาลพิจารณาแล้วไม่ได้ความจริงตามเงื่อนไขที่จะต้องล้มละลาย หรือลูกหนี้นำสืบได้ว่าสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด หรือมีเหตุอื่นที่ไม่สมควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย ศาลจะยกฟ้อง (ลูกหนี้ชนะคดี)


=== คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและการขอรับชำระหนี้ ===
=== คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและการขอรับชำระหนี้ ===
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะโฆษณาคำสั่งดังกล่าวในหนังสือพิมพ์และราชกิจจานุเบกษา ส่วนลูกหนี้จะถูกจำกัดสิทธิในการจัดการทรัพย์สินหรือกิจการของตน โดยจะมีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาทำหน้าที่จัดการทรัพย์สินหรือกิจการของลูกหนี้แทน แต่ลูกหนี้ยังสามารถดำเนินการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนได้อยู่
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ศาลจะแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะโฆษณาคำสั่งดังกล่าวในหนังสือพิมพ์และราชกิจจานุเบกษา ส่วนลูกหนี้จะถูกจำกัดสิทธิในการจัดการทรัพย์สินหรือกิจการของตน โดยจะมีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวแทน แต่ลูกหนี้ยังสามารถดำเนินการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนได้อยู่
เมื่อโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องรวบรวมทรัพย์สินที่ของลูกหนี้เพื่อแบ่งให้เจ้าหนี้ โดยเจ้าหนี้จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในสองเดือน แต่หากเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่ต่างประเทศก็สามารถขอขยายเวลานั้นเพิ่มได้อีกสองเดือน (รวมเป็นสี่เดือน) หากเจ้าหนี้คนใดไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็หมดสิทธิได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้อีก แต่ไม่หมดสิทธิเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันของลูกหนี้
เมื่อโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว เจ้าหนี้จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในสองเดือน แต่หากเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่ต่างประเทศก็สามารถขอขยายเวลานั้นเพิ่มได้อีกสองเดือน (รวมเป็นสี่เดือน) เพื่อให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้และแบ่งให้เจ้าหนี้อย่างเท่าเทียมกัน (pari passu) หากเจ้าหนี้คนใดไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็หมดสิทธิได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้อีก แต่ไม่หมดสิทธิเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันหรือลูกหนี้ร่วมของลูกหนี้
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดมีสิทธิขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย โดยขอชำระหนี้บางส่วน หรือขอชำระหนี้เป็นอย่างอื่น ถ้าการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายสำเร็จก็ไม่ต้องเป็นบุคคลล้มละลาย แต่หากประนอมหนี้ไม่สำเร็จ หรือไม่มีการขอประนอมหนี้ ลูกหนี้ก็จะถูกพิพากษาให้ล้มละลายต่อไป
ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดมีสิทธิขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย โดยขอชำระหนี้บางส่วน หรือขอชำระหนี้เป็นอย่างอื่น ถ้าการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายสำเร็จก็ไม่ต้องเป็นบุคคลล้มละลาย แต่หากประนอมหนี้ไม่สำเร็จ หรือไม่มีการขอประนอมหนี้ ลูกหนี้ก็จะถูกพิพากษาให้ล้มละลายต่อไป


<ref>คำบรรยายวิชากฎหมายล้มละลายระดับชั้นเนติบัณฑิต</ref>

[[en:Bankruptcy]]
[[en:Bankruptcy]]
[[หมวดหมู่:กฎหมาย]]
[[หมวดหมู่:กฎหมาย]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:45, 9 เมษายน 2556

กฎหมายล้มละลาย เป็นกฎหมายทั้งสารบัญญัติและวิธีสบัญญัติแขนงหนึ่ง ซี่งบัญญัติถึงกระบวนพิจารณาคดีล้มละลาย ตั้งแต่เงื่อนไขการขอให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย วิธีการขอให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลาย การขอให้พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ ซึ่งมีทั้งพิทักษ์ทรัพย์ชั่วคราวและพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด การประนอมหนี้ รวมทั้งการขอฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ ซึ่งศาลที่มีอำนาจในการพิจารณาคดีล้มละลายได้แก่ศาลล้มละลายกลาง

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีกฎหมายล้มละลายที่ใช้อยู่คือพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ซึ่งได้มีการแก้ไขปรับปรุงตามสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในการบัญญัติกฎหมายดังกล่าวนั้น ไทยได้นำการวางหลักกฎหมายส่วนใหญ่มาจากกฎหมายล้มละลายของประเทศสหรัฐอเมริกา

การบังคับใช้กฎหมายล้มละลาย จะต่างจากการบังคับใช้กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เนื่องจากกฎหมายล้มละลายเป็นเพียงการบังคับใช้เพื่อให้เจ้าหนี้ได้มีหลักประกันว่าจะได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้อย่างแน่นอนและเท่าเทียมกัน (pari passu) และมีลักษณะที่เปิดช่องให้มีการเจรจา ประนีประนอมกันมากกว่ากฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งซึ่งมุ่งระงับข้อพิพาททางแพ่งที่มีการโต้แย้งสิทธิกันเพื่อให้เจ้าหนี้ชนะคดีและบังคับเอาจากลูกหนี้เพียงอย่างเดียว


ไทย

การเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย

พระราชบัญญัติล้มละลายไม่ได้จำกัดไว้ว่าผู้ที่ล้มละลายจะต้องเป็นบุคคลประเภทใด ดังนั้น ไม่ว่าบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลประเภทใดก็สามารถล้มละลายได้ ต่างจากการฟื้นฟูกิจการที่จะต้องเป็นบริษัทจำกัดหรือบรัษัทมหาชนจำกัดเท่านั้น โดยกฎหมายกำหนดวิธีการขอให้ลูกหนี้ล้มละลายไว้ 5 วิธี ดังนี้

1. เจ้าหนี้ธรรมดาฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย [1]

2. เจ้าหนี้มีประกันฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย [2]

3. เจ้าหนี้ฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้ที่ตาย [3]

4. ผู้ชำระบัญชีร้องขอให้นิติบุคคลล้มละลาย [4]

5. เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ขอให้หุ้นส่วนจำพวกไม่จำกัดความรับผิดล้มละลายตามห้างหุ้นส่วนสามัญ [5]

อย่างไรก็ตาม กฎหมายล้มละลายของไทยไม่อนุญาตให้ลูกหนี้ร้องขอให้ตัวเองล้มละลายได้ แต่ลูกหนี้สามารถร้องขอให้ตัวเองฟื้นฟูกิจการได้

การฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายโดยเจ้าหนี้

เจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย ได้แก่ เจ้าหนี้มีประกัน และเจ้าหนี้ไม่มีประกัน ซึ่งทั้งสองมีหลักเกณฑ์ในการฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายและการขอรับชำระหนี้แตกต่างกัน นิยามของคำว่า "เจ้าหนี้มีประกัน” มีบัญญัติไว้ในมาตรา 6 แห่งประมวลกฎหมายล้มละลาย ว่าหมายความว่า เจ้าหนี้ผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์สินของลูกหนี้ในทางจำนอง จำนำ หรือสิทธิยึดหน่วงหรือเจ้าหนี้ผู้มีบุริมสิทธิที่บังคับได้ทำนองเดียวกับผู้รับจำนำ

การที่เจ้าหนี้จะฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายในศาลไทย ลูกหนี้จะต้องมีภูมิลำเนาหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทยหรือเคยมีภูมิลำเนาหรือประกอบธุรกิจในประเทศไทยย้อนหลังไป 1 ปี[6] และจะต้องพิจารณาก่อนว่าเจ้าหนี้ที่มาฟ้องเป็นเจ้าหนี้ธรรมดาหรือเจ้าหนี้มีประกัน


การฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายโดยเจ้าหนี้ธรรมดา

การที่เจ้าหนี้ธรรมดาจะฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลาย จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า


1. ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว กล่าวคือ มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน


2. เป็นหนี้ไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาทในกรณีที่ลูกหนี้เป็นบุคคลธรรมดา หรือสองล้านบาทหากเป็นนิติบุคคล และ

3. หนี้นั้นอาจกำหนดจำนวนได้โดยแน่นอน

ทั้งนี้ แม้ว่าหนี้ดังกล่าวจะยังไม่ถึงกำหนดชำระ เจ้าหนี้ก็สามารถนำมาฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายได้

การฟ้องให้ลูกหนี้ล้มละลายโดยเจ้าหนี้มีประกัน

ส่วนเจ้าหนี้มีประกัน เช่น เจ้าหนี้จำนอง นอกจากจะต้องพิสูจน์ตามหลักเกณฑ์ของเจ้าหนี้ธรรดมาแล้ว ยังมีเงื่อนไขเพิ่มเติมอีกว่า เจ้าหนี้นั้นไม่ได้เป็นผู้ต้องห้ามไม่ให้บังคับการชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้เกินกว่าตัวทรัพย์ที่เป็นหลักประกัน (กล่าวคือ หากเป็นเจ้าหนี้จำนอง จะต้องมีข้อสัญญาให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ได้ ไม่จำกัดเฉพาะทรัพย์สินที่จำนอง) และต้องบรรยายฟ้องว่า "ถ้าลูกหนี้ล้มละลายแล้ว จะยอมสละหลักประกันเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย" หรือตีราคาหลักประกันมาในฟ้องซึ่งเมื่อหักกับจำนวนหนี้ของตนแล้ว เงินยังขาดอยู่อีกไม่น้อยกว่าหนึ่งล้านบาทหรือสองล้านบาท แล้วแต่กรณี

การพิจารณาพิพากษาคดีล้มละลาย

เมื่อศาลรับฟ้องแล้ว ศาลจะมีหมายเรียกกำหนดวันนัดพิจารณา แต่ลูกหนี้จะยื่นหรือไม่ยื่นคำให้การก็ได้ ในการพิจารณา ศาลจะต้องพิจารณาให้ครบหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่ลูกหนี้จะล้มละลายแล้วจึงมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด (ลูกหนี้แพ้คดี) แต่หากศาลพิจารณาแล้วไม่ได้ความจริงตามเงื่อนไขที่จะต้องล้มละลาย หรือลูกหนี้นำสืบได้ว่าสามารถชำระหนี้ได้ทั้งหมด หรือมีเหตุอื่นที่ไม่สมควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย ศาลจะยกฟ้อง (ลูกหนี้ชนะคดี)

คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและการขอรับชำระหนี้

เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ศาลจะแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะโฆษณาคำสั่งดังกล่าวในหนังสือพิมพ์และราชกิจจานุเบกษา ส่วนลูกหนี้จะถูกจำกัดสิทธิในการจัดการทรัพย์สินหรือกิจการของตน โดยจะมีเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวแทน แต่ลูกหนี้ยังสามารถดำเนินการอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตนได้อยู่ เมื่อโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว เจ้าหนี้จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในสองเดือน แต่หากเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่ต่างประเทศก็สามารถขอขยายเวลานั้นเพิ่มได้อีกสองเดือน (รวมเป็นสี่เดือน) เพื่อให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้และแบ่งให้เจ้าหนี้อย่างเท่าเทียมกัน (pari passu) หากเจ้าหนี้คนใดไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ เจ้าหนี้ก็หมดสิทธิได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้อีก แต่ไม่หมดสิทธิเรียกร้องจากผู้ค้ำประกันหรือลูกหนี้ร่วมของลูกหนี้ ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดมีสิทธิขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย โดยขอชำระหนี้บางส่วน หรือขอชำระหนี้เป็นอย่างอื่น ถ้าการประนอมหนี้ก่อนล้มละลายสำเร็จก็ไม่ต้องเป็นบุคคลล้มละลาย แต่หากประนอมหนี้ไม่สำเร็จ หรือไม่มีการขอประนอมหนี้ ลูกหนี้ก็จะถูกพิพากษาให้ล้มละลายต่อไป

[7]

  1. มละลาย
  2. มละลาย
  3. มาตรา 82 พระราชบัญญัติล้มละลาย
  4. และ
  5. มา่ตรา 89 พระราชบัญญัติล้มละลาย
  6. มาตรา 7 พระราชบัญญัติล้มละลาย
  7. คำบรรยายวิชากฎหมายล้มละลายระดับชั้นเนติบัณฑิต