ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กามิลโล เบนโซ เคานต์แห่งกาวูร์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
EmausBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.2+) (โรบอต: แก้ไขจาก tr:Camillo Benso, Cavour Kontu ไปเป็น tr:Camillo Benso
EmausBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.3) (โรบอต เพิ่ม: tl:Camillo Benso, Konde ng Cavour
บรรทัด 141: บรรทัด 141:
[[sr:Камило Бенсо ди Кавур]]
[[sr:Камило Бенсо ди Кавур]]
[[sv:Camillo di Cavour]]
[[sv:Camillo di Cavour]]
[[tl:Camillo Benso, Konde ng Cavour]]
[[tr:Camillo Benso]]
[[tr:Camillo Benso]]
[[uk:Камілло Бенсо ді Кавур]]
[[uk:Камілло Бенсо ді Кавур]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:45, 17 กุมภาพันธ์ 2556

คามิลโล เบนโซ ดิ คาวัวร์
นายกรัฐมนตรีอิตาลี
ดำรงตำแหน่ง
23 มีนาคม พ.ศ. 2404 – 6 มิถุนายน พ.ศ. 2404
ก่อนหน้าพระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2
ถัดไปเบตติโน ริคาโซรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิตาลี
ดำรงตำแหน่ง
23 มีนาคม พ.ศ. 2404 – 6 มิถุนายน พ.ศ. 2404
นายกรัฐมนตรีตัวเขาเอง
ก่อนหน้าตั้งตำแหน่งครั้งแรก
ถัดไปเบตติโน ริคาโซรี
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด10 สิงหาคม พ.ศ. 2353
ตูริน ประเทศอิตาลี
เสียชีวิต6 มิถุนายน พ.ศ. 2404 (50 ปี)
ตูริน ประเทศอิตาลี
ศาสนาโรมันคาทอลิก
พรรคการเมืองอนุรักษนิยม
ลายมือชื่อ

เคานต์คามิลโล เบนโซ ดิ คาวัวร์ (อังกฤษ: Count Camillo Benso di Cavour) (10 สิงหาคม พ.ศ. 2353 - 6 มิถุนายน พ.ศ. 2404) รัฐบุรุษชาวปีดมอนต์ผู้มีบทบาทสำคัญในการรวมรัฐต่างๆในคาบสมุทรอิตาลีให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของอิตาลี

ประวัติ

คาวัวร์เกิดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2353 ที่เมืองตูริน แห่งราชอาณาจักรปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนีย (Piedmont - Sardinia) เป็นบุตรคนที่สองของ มาร์กเกเซมีเกเล เบนโซ ดิ คาวัวร์ (Marchese Michele Benso di Cavour) และอะเดล ดิ เซลลอน (Adele di Sellon) ตระกูลคาวัวร์เป็นตระกูลเก่าแก่ซึ่งเคยรับราชการทหารและเป็นข้าราชการพลเรือนใรสมัยราชวงศ์ซาวอย ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 มารดาของคาวัวร์เป็นชาวเจนีวาโดยกำเนิดและนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ลักธิคัลแวงและเป็นผู้นำอิทธิพล ของลัทธิเสรีนิยมจากนครเจนีวามาสู่ครอบครัว

คาวัวร์มีพ่อทูนหัวและแม่ทูนหัวคือ เจ้าชายคามิลโล บอร์กีส (Carmillo Borghese) และเจ้าหญิงพอลีน โบนาปาร์ต (Pauline Bonaparte) ซึ่งเป็นพระขนิษฐาที่จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 โปรดปรานมากที่สุด คาวัวร์จึงมีชื่อแรกว่า "คามิลโล" เช่นเดียวกับพ่อทูนหัวของเขา

ระหว่าง พ.ศ. 2363 - 2369 คาวัวร์ได้เข้าศึกษาวิชาการทหารในโรงเรียนนายร้อยที่เมืองตูริน และใน พ.ศ. 2367 เขาได้รับแต่งตั้งเป็ฯมหาดเล้กประจำพระองค์ของเจ้าชายชาลส์ อัลเบิร์ต (Charles Albert) แต่คาวัวร์ไม่สนใจหรือตื่นเต้นเท่าใดนัก เขากลับไม่พอใจในเครื่องแบบของมหาดเล็ก ซึ่งเขาพิจารณว่าแท้จริงแล้วก็เครื่องแบบคนใช้ดีๆนี่เอง เมื่อคาวัวร์สำเร็จการศึกษาและได้รับสัญญาบัตรนายทหารแล้ว เขาได้แสดงความปิติยินดีอย่างเปิดเผยที่จะได้ถอดเครื่องแบบมหาดเล็กทิ้งไป ทำให้เจ้าชายชาลส์ อัลเบิร์ต กริ้วมากถึงกับขับคาวัวร์ออกไปจากราชสำนัก

ชีวิตทหาร

คาวัวร์เริ่มชีวิตทหารด้วยการเป็นทหารช่าง โดยประจำการที่เมืองตูรินเป็นแห่งแรก ระหว่างรับราชการทหารเขาได้มีโอกาสอ่านหนังสือหลายเล่มซึ่งเขียนโดยนักปรัชญาและรัฐบุรุษที่มีเชื่อเสียงเช่น โอกูสต์ กงต์ (Auguste Comte) ฟรองซัว ปีแยร์ กีโยม กีโซ (Francios Pierre Guillaume Guizot) อดัม สมิท (Adam Smith) เจเรมี เบนทัม (Jeremy Bentham) และเดวิด ริคาร์โด (David Ricardo) ทำให้เขาได้รับอิทธิพลทางความคิดเกี่ยวกับลัทธิเสรีนิยมมาจากหนังสือดังกล่าว

ใน พ.ศ. 2373 เขาถูกส่งไปประจำการที่เมืองเจนัว ณ ที่นั้น เขามีโอกาสได้รู้จักกับ อันนา จูสตีนยานี ชิอาฟฟีโน (Anna Guistiniani Schiaffino) ซึ่งแก่กว่าคาวัวร์ 3 ปี บ้านของเธอเป็นที่ชุมนุมของบรรดาสมาชิกสมาคมคาร์โบนารี ซึ่งคาวัวร์ก็ได้รู้จักกับ จูเซปเป มาซซีนี (Giuseppe Mazzini) สมาชิกคนหนึ่ง ต่อมา บารอนเซเวริโน คาสซิโอ (Baron Severino Cassio) นายทหารเพื่อนเก่าของคาวัวร์ ซึ่งเป็นผู้ปลุกฝังความคิดทางการเมืองและความรักชาติให้แก่เขาในขณะที่อยู่โรงเรียนนายร้อยได้ย้ายมาประจำการที่เจนัว จากความสนิทสนมกับคาสซิโอทำให้คาวัวร์มีความคิดเห็นทางการเมืองรุนแรงมาก

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2373 ได้เกิดการปฏิวัติในฝรั่งเศส การปฏิวัติครั้งนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เร่งเร้าการปฏิวัติของคาวัวร์ โดยการแสดงออกอย่างเปิดเผยต่อระบอบสาธารณรัฐของเขา ทำให้ทางการเริ่มสงสัยและส่งคนออกคอยติดตาม แต่บิดาของคาวัวร์ก็ได้เข้าแทรกแซง สุดท้ายจึงเพียงแต่ถูกย้ายไปประจำที่ป้อมบาร์ดบนภูเขาสูงที่ห่างไกล และในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2374 คาวัวร์จึงลาออกจากราชการทหาร

เริ่มชีวิตการเมือง

หลังจากลาออกจากราชการทหารแล้ว คาวัวร์ได้กลับไปอยู่กับบิดาที่เมืองตูริน และต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเทศมนตรีประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางใต้ของตูริน ในขณะเดียวกันก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลทรัพย์สินและที่ดินของบิดาที่เมืองเลรี (Leri)

คาวัวร์บริหารทรัพย์สินของบิดาเป็นเวลา 16 ปี ระหว่างนั้น เขาได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศหลายครั้งและนำวิธีการปรับปรุงการเกษตรของอังกฤษมาใช้ ทำให้สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่บิดา ตัวเขาเองและผู้เช่าที่ดิน ต่อมาคาวัวร์ได้ลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อนชาวสวิส และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี นอกจากนี้เขายังได้จัดตั้งสมาคมการเกษตรแห่งราชอาณาจักรปีดมอนต์ (Piedmontese Agricultural Society) ระหว่างนั้นคาวัวร์เดินทางไปอังกฤษ ฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์บ่อยครั้ง ทำให้เขามีความรู้กว้างขวางเกี่ยวกับยุโรปและการปกครองระบอบประชาธิปไตย คาวัวร์ถือโอกาสนี้ศึกษาปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจของยุโรปไปด้วย เขาได้ฟังปาฐกถาและอภิปรายปัญหาดังกล่าวกับบุคคลสำคัญๆ แห่งยุค เช่น ดุ๊ก เดอ โบรกลิ (Duc de Broglie) อาดอร์ฟ ตีเย (Adolphe Thier) ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) เซอร์ โรเบิร์ต พีล (Sir Robert Peel) ลอร์ดจอห์น รัสเซลล์ (Lord John Russell) เป็นต้น

ใน พ.ศ. 2390 พระเจ้าชาร์ล อังเบิร์ต ทรงปฏิรูปอาณาจักรปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนียร์ ทรงแก้ไขพระราชบัญญัติโดยพระราชทานเสรีภาพแก่หนังสือพิมพ์ คาวัวร์จึงถือโอกาสนี้ออกหนังสือพิมพ์ชื่อ Il Risorgimento ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกระบอกเสียงสำคัญของการเผยแพร่ลักธิเสรีนิยม ใน พ.ศ. 2391 เมื่อข่าวปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ในปารีสก่อให้เกิดการประท้วงในราชอาณาจักรปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนีย พระเจ้าชาร์ล อัลเบิร์ต จึงตัดสินพระทัยพระราชทานรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของคาวัวร์ เมื่อชาวเมืองมิลานทำการปฏิวัติต่อจักรวรรดิออสเตรีย บทความในหนังสือพิมพ์ Il Risorgimento ทำให้พระเจ้าชาร์ล อัลเบิร์ตทรงตัดสินพระทัยประกาศสงครามต่อจักรวรรดิออสเตรียเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2391

ระหว่างสงคราม คาวัวร์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภาสังกัดพรรคอนุรักษนิยม กองทัพปีดมอนต์แพ้กองทัพออสเตรีบอย่างราบคาบที่เมืองโนวารา ทำให้พระเจ้าชาร์ล อัลเบิร์ต ต้องสละราชบัลลังก์ให้แก่พระราชโอรสของพระองค์คือ พระเจ้าวิกเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 ต่อมาเมื่อมีการยุบสภาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2392 คาวัวร์ได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภาอีกครั้งหนึ่งในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2392 ระหว่างนั้นพรรคฝ่ายค้านได้เรียกร้องให้รัฐบาลทำสงครามกับออสเตรียต่อไป แต่คาวัวร์ไม่เห็นด้วย

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2393 คาวัวร์ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี มัสซีโม ดาเซกลีโอ (Massimo d'Azeglio) และต่อมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรงการคลัง เขาเป็นรัฐมนตรีที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในคระรัฐบาล คาวัวร์ได้ทำสนธิสัญญาหลายฉบับกับฝรั่งเศส เบลเยียมและอังกฤษ โดยส่งเสริมการค้าแบบเสรี ในขณะเดียวกันก็พยายามแสวงหาทางที่จะตั้งเครือข่ายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับประเทศมหาอำนาจเพื่อนำไปสู่ความร่วมมือทางการเมืองและเพื่อต่อต้านจักรวรรดิออสเตรีย

นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนีย

คาวัวร์ขณะขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักซาร์ดิเนีย (ทศวรรษที่ 1850).

ต่อมา ปัญหาการเมืองภายในประเทศทำให้นายกรัฐมนตรีดาเซกลีโอลาออก พระเจ้าวิกเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 ทรงมอบหมายให้คาวัวร์เป็นผู้จัดตั้งคณะรัฐบาลขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2395 คาวัวร์ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนีย ขณะเดียวกันกลุ่มผู้รักชาติก็คาดหวังว่าราชอาณาจักรปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนีย จะเป็นผู้นำในการรวมอิตาลีให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

คาวัวร์เชื่อว่าการรวมอิตาลีนั้นจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อสามารถขับไล่ออสเตรียออกไปจากคาบสมุทรอิตาลีได้สำเร็จจำเป็นต้องแสวงหาพันธมิตร เขาตระหนักว่าก่อนที่จะได้มหาอำนาจมาเป็นพันธมิตร ปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนีย จะต้องเป็นราชอาณาจักรที่มีฐานะทางเศรษฐกิจมั่นคงเพียบพร้อม ดังนั้นเมื่อเขาได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เขาจึงเร่งปฏิรูปประเทศ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ในการนี้เขาได้มุ่งมั่นส่งเสริมการเกษตร อุตสาหกรรมและการพานิชย์ การปรับปรุงระบบคมนาคมอันเป็นหัวใจสำคัญขอวการพานิชย์และอุตสาหกรรม จึงมีการสร้างทางหลวง ทางรถไฟ ปรับปรุงท่าเรือและขุดลอกคลองต่างๆ ในขณะเดียวกันก็มีการปฏิรูประบบธนาคาร ขยายสินเชื่อ ก่อตั้งบริษัทร่วมลงทุนและส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในไม่ช้านโยบายปรับปรุงเศรษฐกิจดังกล่าวทำให้การคลังของราชอาณาจักรมั่นคง มีงบประมาณเพียงพอที่จะบำรุงกองทัพบกและกองทัพเรือให้เจริฐก้าวหน้าพร้อมเข้าสู่สงครามได้

ต่อมาในช่วงสงครามไครเมีย คาวัวร์นำราชอาณาจักรปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนีย เข้าร่วมสงคราม โดยหวังที่จะนำปัญหาของอิตาลีเสนอต่อประเทศมหาอำนาจและเพื่แสดงให้เห็นว่าราชอาณาจักรปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนีย มีฐานะทางการเมืองและการทหารไม่ด้อยไปกว่ามหาอำนาจ จึ งมีการทำสนธิสัญญากับอังกฤษและฝรั่งเศสเพื่อร่วมกันทำสงครามกับรัสเซียซึ่งส่งกองทัพเข้าโจมตีจักรวรรดิออตโตมัน ราชอาณาจักรปีดมอนต์ - ซาร์ดิเนีย ได้ส่งทหาร 18,000 คนเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ และได้ทำชื่อเสียงในการรบที่เมืองเซอร์นายา ทำให้คาวัวร์ได้รับความศรัทธาและความไว้วางใจจากผู้นำอังกฤษและฝรั่งเศส ระหว่างประชุมสันติภาพที่กรุงปารีส คาวัวร์ได้กล่าวคำปราศรัยโจมตีการปกครองข่มขี่อย่างทารุณของจักวรรดิออสเตรียในภาคเหนือของคาบสมุทรอิตาลี และได้รับความเห็นใจจากประเทศพันธมิตรเป็นอย่างมาก

นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรอิตาลี

ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2404 ได้มีการประกาศจัดตั้งราชอาณาจักรอิตาลีขึ้น โดยมีพระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์ คาวัวร์มีความเห็นว่ากรุงโรมเหมาะที่จะเป็นเมืองหลวงมากกว่าเมืองตูริน

ในระยะปีหลังๆ สุขภาพของคาวัวร์ได้เสื่อมโทรมลง จนทรุกหนักและล้มเจ็บ และถึงแก่อสัญกรรมในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2404 ศพฝังอยู่ที่ สุสานบรรพบุรุษที่เมืองซันเตนา

อ้างอิง

  • เพ็ญศรี ดุ๊ก สารานุกรมประวัติศาสตร์ยุโรปฉบับราชบัณฑิตยสถาน เล่ม C-D
  • Beales, Derek & Eugenio Biagini. The Risorgimento and the Unification of Italy. Second Edition. London: Longman, 2002. ISBN 0-582-36958-4
  • Di Scala, Spencer. Italy: From Revolution to Republic, 1700 to the Present. Boulder, CO: Westview Press, 2004. ISBN 0-8133-4176-0
  • Holt, Edgar. The Making of Italy: 1815-1870. New York: Murray Printing Company, 1971. Library of Congress Catalog Card Number: 76-135573
  • Kertzer, David. Prisoner of the Vatican. Boston: Houghton Mifflin Company, 2004. ISBN 0-618-22442-4
  • Norwich, John Julius. The Middle Sea: A History of the Mediterranean. New York: Doubleday, 2006. ISBN 978-0-385-51023-3
  • Smith, Denis Mack. Italy: A Modern History. Ann Arbor: The University of Michigan Press, 1959. Library of Congress Catalog Card Number: 5962503

แหล่งข้อมูลอื่น

ก่อนหน้า กามิลโล เบนโซ เคานต์แห่งกาวูร์ ถัดไป
- นายกรัฐมนตรีอิตาลี
(พ.ศ. 2404)
เบตติโน ริคาโซรี
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิตาลี
(พ.ศ. 2404)
เบตติโน ริคาโซรี


แม่แบบ:Link FA