ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเปล่งแสง"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
MastiBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.2) (โรบอต เพิ่ม: ko:백열
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาด
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
[[ไฟล์:Hot metalwork.jpg|250px|thumb|เครื่องโลหะร้อนเปล่งแสงในช่วงที่มองเห็นได้ รังสีความร้อนนี้ยังขยายไปในช่วง[[อินฟราเรด]] ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์และกล้องที่จับภาพนี้ แต่กล้องอินฟราเรดจะเห็น]]
[[ไฟล์:Hot metalwork.jpg|250px|thumb|เครื่องโลหะร้อนเปล่งแสงในช่วงที่มองเห็นได้ รังสีความร้อนนี้ยังขยายไปในช่วง[[อินฟราเรด]] ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์และกล้องที่จับภาพนี้ แต่กล้องอินฟราเรดจะเห็น]]
'''การเปล่งแสง''' ({{lang-en|incandescence}}) คือ การปลดปล่อยแสง ซึ่งเป็นรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มองเห็นได้ จากวัตถุร้อนเนื่องจากอุณหภูมิของมัน<ref>{{cite book | title = Treatise on Heat | author = Dionysius Lardner | publisher = Longman, Rees, Orme, Brown, Green & Longman | year = 1833 | url = http://books.google.com/?id=jjYIAAAAIAAJ&pg=PA341&dq=incandescence+becomes-luminous }}</ref>
'''การเปล่งแสง''' ({{lang-en|incandescence}}) คือ การปลดปล่อยแสง ซึ่งเป็นรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มองเห็นได้ จากวัตถุร้อนเนื่องจากอุณหภูมิของมัน<ref>{{cite book | title = Treatise on Heat | author = Dionysius Lardner | publisher = Longman, Rees, Orme, Brown, Green & Longman | year = 1833 | url = http://books.google.com/?id=jjYIAAAAIAAJ&pg=PA341&dq=incandescence+becomes-luminous }}</ref>


ในเชิงปฏิบัติ สสารในสถานะของแข็งหรือของเหลวเกือบทุกชนิดเริ่มเปล่งแสงที่อุณหภูมิประมาณ 798K (525°C) โดยมีสีแดงมัวมาก เพราะไม่มีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นซึ่งทำให้เกิดแสงอันเป็นผลมาจากกระบวนการคายความร้อน ขีดจำกัดนี้เรียกว่า จุดเดรพเพอร์ การเปล่งแสงนั้นไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงในอุณหภูมิต่ำกว่านั้น เพียงแต่อ่อนเกินไปในสเปกตรัมที่มองเห็นได้กว่าที่จะสังเกตได้
ในเชิงปฏิบัติ สสารในสถานะของแข็งหรือของเหลวเกือบทุกชนิดเริ่มเปล่งแสงที่อุณหภูมิประมาณ 798K (525°C) โดยมีสีแดงมัวมาก เพราะไม่มีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นซึ่งทำให้เกิดแสงอันเป็นผลมาจากกระบวนการคายความร้อน ขีดจำกัดนี้เรียกว่า จุดเดรพเพอร์ การเปล่งแสงนั้นไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงในอุณหภูมิต่ำกว่านั้น เพียงแต่อ่อนเกินไปในสเปกตรัมที่มองเห็นได้กว่าที่จะสังเกตได้


การเปล่งแสงนั้นเกิดขึ้นใน[[หลอดไส้ร้อนแบบธรรมดา]] ซึ่งไส้หลอดนั้นได้รับความร้อนจนถึงอุณหภูมิที่ส่วนหนึ่งของรังสีตกอยู่ในช่วงสเปกตรัมที่มองเห็นได้ อย่างไรก็ดี รังสีส่วนใหญ่ปลดปล่อยในช่วงคลื่นอินฟราเรดของสเปกตรัม จึงทำให้หลอดไส้เป็นแหล่งกำเนิดแสงที่ค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพ<ref>{{cite book | title = Illumination and Photometry | author = William Elgin Wickenden | publisher = McGraw-Hill | year = 1910 | url = http://books.google.com/?id=gVZDAAAAIAAJ&pg=PA3&dq=incandescent+low-efficiency+blackbody }}</ref>
การเปล่งแสงนั้นเกิดขึ้นใน[[หลอดไส้ร้อนแบบธรรมดา]] ซึ่งไส้หลอดนั้นได้รับความร้อนจนถึงอุณหภูมิที่ส่วนหนึ่งของรังสีตกอยู่ในช่วงสเปกตรัมที่มองเห็นได้ อย่างไรก็ดี รังสีส่วนใหญ่ปลดปล่อยในช่วงคลื่นอินฟราเรดของสเปกตรัม จึงทำให้หลอดไส้เป็นแหล่งกำเนิดแสงที่ค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพ<ref>{{cite book | title = Illumination and Photometry | author = William Elgin Wickenden | publisher = McGraw-Hill | year = 1910 | url = http://books.google.com/?id=gVZDAAAAIAAJ&pg=PA3&dq=incandescent+low-efficiency+blackbody }}</ref>

หลอดฟลูออเรสเซนต์ไม่ได้ทำงานโดยหลักการเปล่งแสง แต่ใช้การปล่อยเนื่องจากความร้อนและการกระตุ้นของอะตอมเนื่องจากการชนกับอิเล็กตรอนพลังงานสูงแทน ในหลอดไส้ มีเพียงอิเล็กตรอนบนยอดแถบเท่านั้นที่สามารถชนได้ ขณะที่อุณหภูมิที่สูงขึ้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีวัสดุที่สามารถทนอุณหภูมิเช่นนั้นได้ซึ่งเหมาะที่จะใช้ในหลอดไฟ
หลอดฟลูออเรสเซนต์ไม่ได้ทำงานโดยหลักการเปล่งแสง แต่ใช้การปล่อยเนื่องจากความร้อนและการกระตุ้นของอะตอมเนื่องจากการชนกับอิเล็กตรอนพลังงานสูงแทน ในหลอดไส้ มีเพียงอิเล็กตรอนบนยอดแถบเท่านั้นที่สามารถชนได้ ขณะที่อุณหภูมิที่สูงขึ้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีวัสดุที่สามารถทนอุณหภูมิเช่นนั้นได้ซึ่งเหมาะที่จะใช้ในหลอดไฟ



รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:46, 30 มกราคม 2556

เครื่องโลหะร้อนเปล่งแสงในช่วงที่มองเห็นได้ รังสีความร้อนนี้ยังขยายไปในช่วงอินฟราเรด ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตามนุษย์และกล้องที่จับภาพนี้ แต่กล้องอินฟราเรดจะเห็น

การเปล่งแสง (อังกฤษ: incandescence) คือ การปลดปล่อยแสง ซึ่งเป็นรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มองเห็นได้ จากวัตถุร้อนเนื่องจากอุณหภูมิของมัน[1]

ในเชิงปฏิบัติ สสารในสถานะของแข็งหรือของเหลวเกือบทุกชนิดเริ่มเปล่งแสงที่อุณหภูมิประมาณ 798K (525°C) โดยมีสีแดงมัวมาก เพราะไม่มีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นซึ่งทำให้เกิดแสงอันเป็นผลมาจากกระบวนการคายความร้อน ขีดจำกัดนี้เรียกว่า จุดเดรพเพอร์ การเปล่งแสงนั้นไม่ได้หายไปอย่างสิ้นเชิงในอุณหภูมิต่ำกว่านั้น เพียงแต่อ่อนเกินไปในสเปกตรัมที่มองเห็นได้กว่าที่จะสังเกตได้

การเปล่งแสงนั้นเกิดขึ้นในหลอดไส้ร้อนแบบธรรมดา ซึ่งไส้หลอดนั้นได้รับความร้อนจนถึงอุณหภูมิที่ส่วนหนึ่งของรังสีตกอยู่ในช่วงสเปกตรัมที่มองเห็นได้ อย่างไรก็ดี รังสีส่วนใหญ่ปลดปล่อยในช่วงคลื่นอินฟราเรดของสเปกตรัม จึงทำให้หลอดไส้เป็นแหล่งกำเนิดแสงที่ค่อนข้างไร้ประสิทธิภาพ[2]

หลอดฟลูออเรสเซนต์ไม่ได้ทำงานโดยหลักการเปล่งแสง แต่ใช้การปล่อยเนื่องจากความร้อนและการกระตุ้นของอะตอมเนื่องจากการชนกับอิเล็กตรอนพลังงานสูงแทน ในหลอดไส้ มีเพียงอิเล็กตรอนบนยอดแถบเท่านั้นที่สามารถชนได้ ขณะที่อุณหภูมิที่สูงขึ้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ แต่ปัจจุบันยังไม่มีวัสดุที่สามารถทนอุณหภูมิเช่นนั้นได้ซึ่งเหมาะที่จะใช้ในหลอดไฟ

อ้างอิง

  1. Dionysius Lardner (1833). Treatise on Heat. Longman, Rees, Orme, Brown, Green & Longman.
  2. William Elgin Wickenden (1910). Illumination and Photometry. McGraw-Hill.

แหล่งข้อมูลอื่น