ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มหาวิหารเคอนิชส์แบร์ค"
Nullzerobot (คุย | ส่วนร่วม) ล Robot: Automated text replacement (-\{\{Coord(.*?):(.*?)\|(.*?):(.*?)\}\} +{{Coord\1:\2_\3:\4}}) |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 38: | บรรทัด 38: | ||
| หมายเหตุ = |
| หมายเหตุ = |
||
}} |
}} |
||
''' |
'''อาสนวิหารเคอนิกสแบร์ก''' ({{Lang-ru|Кафедральный собор Кёнигсберга}}, {{Lang-de|Königsberger Dom}}, {{lang-en|Königsberg Cathedral}}) เป็น[[อาสนวิหาร]][[ศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย]]<ref>[http://www.newadvent.org/cathen/03438a.htm Catholic enclyclopedia: Cathedral]</ref>ที่ตั้งอยู่ที่เมือง[[Kaliningrad|คาลินกราด]] (เดิม[[เคอนิกสแบร์ก]]ในเยอรมนี) บนเกาะ[[Pregel|เพรเกิล]] (เพรโกลยา) ใน[[สหพันธรัฐรัสเซีย]] หรือเรียกว่า[[Kneiphof|คไนพ์ฮอฟ]]ในภาษาเยอรมัน |
||
== ประวัติ == |
== ประวัติ == |
||
=== คริสต์ศตวรรษที่ 14 จนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง === |
=== คริสต์ศตวรรษที่ 14 จนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง === |
||
มหาวิหารเคอนิกสแบร์กสร้างขึ้นแทนที่มหาวิหารเดิมที่มีขนาดเล็กกว่าหลังจากที่[[ |
มหาวิหารเคอนิกสแบร์กสร้างขึ้นแทนที่มหาวิหารเดิมที่มีขนาดเล็กกว่าหลังจากที่[[โยฮันน์ คลาเรอ]] บิชอปแห่งซัมลันด์ในรัสเซียมีความประสงค์ที่จะสร้างโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ต่อมาอาสนวิหารเดิมที่มีขนาดเล็กกว่าที่ตั้งอยู่ที่บริเวณเมืองเก่าของเคอนิกสแบร์กก็ถูกรื้อ และ นำเอาวัสดุมาสร้างอาสนวิหารใหม่ |
||
การก่อสร้าง |
การก่อสร้างอาสานวิหารเริ่มขึ้นในปี [[ค.ศ. 1333]] บริเวณเนื้อที่ที่สร้างเป็นดินเลนฉะนั้นจึงต้องมีการตอกด้วยเสาเข็มที่ทำด้วยไม้โอ้คเป็นจำนวนร้อย ๆ ต้นก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างได้ หลังจากเวลาเพียงเกือบ 50 ปี ส่วนใหญ่ของมหาวิหารก็สร้างเสร็จในปี [[ค.ศ. 1380]] แต่งาน[[จิตรกรรมฝาผนัง]]ภายในทำต่อมาจนกระทั่งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 |
||
[[บริเวณร้องเพลงสวด]]ตกแต่งด้วย[[จิตรกรรมฝาผนัง]]จากคริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15 งานสลักไม้เป็นแบบปลายสมัย[[ศิลปะกอ |
[[บริเวณร้องเพลงสวด]]ตกแต่งด้วย[[จิตรกรรมฝาผนัง]]จากคริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15 งานสลักไม้เป็นแบบปลายสมัย[[ศิลปะกอทิก|กอทิก]]และงานอนุสรณ์แบบ[[ศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา|เรอเนสซองซ์]]แกะสลักโดย[[Cornelis Floris de Vriendt|คอร์เนเลียส โฟลริส เดอ วเรียนดท์]]ในปี ค.ศ. 1570 |
||
เดิม |
เดิมอาสนวิหารเมีหอยอดแหลมสองหอทางเหนือและใต้ทางด้านหน้า แต่ในปี ค.ศ. 1544 หอทั้งสองถูกเพลิงไหม้เสียหาย หอใต้ได้รับการสร้างใหม่แต่หอเหนือสร้างแทนด้วยหลังคาจั่วอย่างง่ายๆ ในปี ค.ศ. 1640 ก็ได้สร้างนาฬิกาภายใต้จั่วที่สร้างใหม่ และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1650 ก็ได้ตั้งหอสมุดขึ้นภายใต้จั่วที่่มาจากห้องสมุดวอลเล็นโรดท์ที่อุทิศให้โบสถ์โดย[[Martin von Wallenrodt|มาร์ติน ฟอน วอลเล็นโรดท์]] การติดตั้งออร์แกนทำในปี ค.ศ. 1695 และต่อมาใน19 ก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ |
||
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1523 [[Johann Briesmann|โยฮันน์ ไบรสมันน์]]ทำการเทศนาแบบ[[ลูเทอรัน]]ขึ้นเป็นครั้งแรก และตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึง ค.ศ. 1945 มหาวิหารก็กลายเป็นมหาวิหาร[[โปรเตสแตนต์]]. |
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1523 [[Johann Briesmann|โยฮันน์ ไบรสมันน์]]ทำการเทศนาแบบ[[ลูเทอรัน]]ขึ้นเป็นครั้งแรก และตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึง ค.ศ. 1945 มหาวิหารก็กลายเป็นมหาวิหาร[[โปรเตสแตนต์]]. |
||
บรรทัด 56: | บรรทัด 56: | ||
Image:Dom_zu_Königsberg_(Postkarte).jpg|ด้านหน้าที่หอสองหอเหลือเพียงหอเดียวกับหอที่เปลี่ยนเป็นจั่ว |
Image:Dom_zu_Königsberg_(Postkarte).jpg|ด้านหน้าที่หอสองหอเหลือเพียงหอเดียวกับหอที่เปลี่ยนเป็นจั่ว |
||
Image:Dom Wiederherstellung Königsberg.jpg|ภายใน |
Image:Dom Wiederherstellung Königsberg.jpg|ภายใน |
||
Image:Dom Fuerstengruft.jpg|อนุสรณ์ |
Image:Dom Fuerstengruft.jpg|อนุสรณ์ดยุกอัลเบรชท์แห่งปรัสเซีย |
||
Image:Chors des Domes.jpg|[[บริเวณร้องเพลงสวด]] |
Image:Chors des Domes.jpg|[[บริเวณร้องเพลงสวด]] |
||
</gallery> |
</gallery> |
||
=== สงครามโลกครั้งที่สอง === |
=== สงครามโลกครั้งที่สอง === |
||
ในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 เรือบินทั้งระเบิดของบริติชก็ทำการทิ้งระเบิดที่เคอนิกสแบร์กอยู่สองคืน คืนแรกในคืนวันที่ 26/27 สิงหาคมส่วนใหญ่ไม่ลงในตัวเมือง แต่คืนที่สองในวันที่ 29/30 สิงหาคมทำลายบริเวณตัวเมืองเก่าของเคอนิกสแบร์ก (รวมทั้งคไนพ์ฮอฟ) รวมทั้งมหาวิหาร ผู้คนและส่วนใหญ่ที่เป็นเด็กราวร้อยคนที่หนีเข้ามาหลบภัยอยู่ใน |
ในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 เรือบินทั้งระเบิดของบริติชก็ทำการทิ้งระเบิดที่เคอนิกสแบร์กอยู่สองคืน คืนแรกในคืนวันที่ 26/27 สิงหาคมส่วนใหญ่ไม่ลงในตัวเมือง แต่คืนที่สองในวันที่ 29/30 สิงหาคมทำลายบริเวณตัวเมืองเก่าของเคอนิกสแบร์ก (รวมทั้งคไนพ์ฮอฟ) รวมทั้งมหาวิหาร ผู้คนและส่วนใหญ่ที่เป็นเด็กราวร้อยคนที่หนีเข้ามาหลบภัยอยู่ในโบสถ์ภายใต้หอแหลมเสียชีวิตไปกับระเบิด |
||
=== หลังสงครามโลกครั้งที่สอง === |
=== หลังสงครามโลกครั้งที่สอง === |
||
บรรทัด 70: | บรรทัด 70: | ||
ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์คือการทรุดตัวของพื้นดินภายใต้มหาวิหารที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมา แม้ในขณะที่ยังอยู่ในความครอบครองของเยอรมนี ที่เริ่มเห็นได้ชัดขึ้น |
ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์คือการทรุดตัวของพื้นดินภายใต้มหาวิหารที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมา แม้ในขณะที่ยังอยู่ในความครอบครองของเยอรมนี ที่เริ่มเห็นได้ชัดขึ้น |
||
ในปัจจุบันมหาวิหารมี[[ |
ในปัจจุบันมหาวิหารมี[[โบสถ์น้อย]]สองแห่ง แห่งหนึ่งสำหรับ[[ลูเทอแรน]] อีกชาเปลหนึ่งสำหรับ[[รัสเซียออร์โธด็อกซ์]] และพิพิธภัณฑ์ ที่ตั้งของชาเปลของลูเทอรันเป็นที่ที่มีผู้เสียชีวิตระหว่างการทั้งระเบิดในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 นอกจากนั้นแล้วมหาวิหารก็ยังใช้สำหรับการแสดงคอนเสิร์ตด้วย |
||
== Kant's Tomb == |
== Kant's Tomb == |
||
[[ไฟล์:Immanuel Kant Tomb.jpg|thumb|200px|[[อนุสรณ์ผู้ตาย|อนุสรณ์]]ของ[[อิมมานูเอิล คานท์]]]] |
[[ไฟล์:Immanuel Kant Tomb.jpg|thumb|200px|[[อนุสรณ์ผู้ตาย|อนุสรณ์]]ของ[[อิมมานูเอิล คานท์]]]] |
||
[[อนุสรณ์ผู้ตาย|อนุสรณ์]]ของนักปรัชญา[[อิมมานูเอิล คานท์]] “ |
[[อนุสรณ์ผู้ตาย|อนุสรณ์]]ของนักปรัชญา[[อิมมานูเอิล คานท์]] “นายช่างแห่งเคอนิกสแบร์ก” ในปัจจุบันเป็น[[ที่เก็บศพ|มอโซเลียม]]ตั้งติดกับทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของมหาวิหาร มอโซเลียมสร้างโดยสถาปนิกฟรีดริช ลาห์รส เสร็จในปี ค.ศ. 1924 ทันเวลาครบรอบสองร้อยปีของการเกิดของคานท์ เดิมร่างของคานท์ฝังอยู่ภายในมหาวิหาร แต่ในปี ค.ศ. 1880 ร่างของคานท์ก็ถูกย้ายออกไปภายนอกไปตั้งไว้ในชาเปลแบบ[[ฟื้นฟูกอธิค]]ติดกับทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของมหาวิหาร แต่เมื่อเวลาผ่านไปชาเปลก็อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมและในที่สุดก็ต้องถูกรื้อทิ้งเพื่อสร้างใหม่เป็นมอโซเลียม |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
||
บรรทัด 80: | บรรทัด 80: | ||
== ดูเพิ่ม == |
== ดูเพิ่ม == |
||
* [[ |
* [[อาสานวิหาร]] |
||
* [[คริสต์ศาสนสถาน]] |
* [[คริสต์ศาสนสถาน]] |
||
* [[สถาปัตยกรรมการก่อสร้างมหาวิหารในยุโรปตะวันตก]] |
* [[สถาปัตยกรรมการก่อสร้างมหาวิหารในยุโรปตะวันตก]] |
||
* [[:หมวดหมู่:ส่วนประกอบของคริสต์ศาสนสถาน|ส่วนประกอบของคริสต์ศาสนสถาน]] |
* [[:หมวดหมู่:ส่วนประกอบของคริสต์ศาสนสถาน|ส่วนประกอบของคริสต์ศาสนสถาน]] |
||
* [[แผนผังมหาวิหาร]] ([http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Amiens_cathedral_floorplan_03.JPG ผังแสดงส่วนประกอบต่างๆ ของวัด]) |
* [[แผนผังมหาวิหาร]] ([http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Amiens_cathedral_floorplan_03.JPG ผังแสดงส่วนประกอบต่างๆ ของวัด]) |
||
* [[สถาปัตยกรรมกอ |
* [[สถาปัตยกรรมกอทิก]] |
||
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
== แหล่งข้อมูลอื่น == |
||
บรรทัด 106: | บรรทัด 106: | ||
[[หมวดหมู่:โบสถ์คริสต์ในประเทศรัสเซีย|คเคอนิกสแบร์ก]] |
[[หมวดหมู่:โบสถ์คริสต์ในประเทศรัสเซีย|คเคอนิกสแบร์ก]] |
||
[[หมวดหมู่:มหาวิหารในรัสเซีย| |
[[หมวดหมู่:มหาวิหารในรัสเซีย|คอนิกสแบร์ก]] |
||
[[หมวดหมู่:คริสต์ศาสนสถานแบบกอธิค]] |
[[หมวดหมู่:คริสต์ศาสนสถานแบบกอธิค]] |
||
[[หมวดหมู่:สถาปัตยกรรมกอธิคอิฐ]] |
[[หมวดหมู่:สถาปัตยกรรมกอธิคอิฐ]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:13, 23 มกราคม 2556
มหาวิหารเคอนิกสแบร์ก Кафедральный собор Кёнигсберга | |
---|---|
Königsberger Dom | |
มหาวิหารเคอนิกสแบร์ก | |
54°42′23″N 20°30′42″E / 54.70639°N 20.51167°E | |
ที่ตั้ง | คาลินกราด |
ประเทศ | รัสเซีย |
นิกาย | รัสเซียออร์โธด็อกซ์ |
สถานะ | มหาวิหาร |
ประเภทสถาปัตย์ | แผนผัง |
รูปแบบสถาปัตย์ | กอธิค |
ปีสร้าง | ค.ศ. 1333 – ค.ศ. 1380 |
อาสนวิหารเคอนิกสแบร์ก (รัสเซีย: Кафедральный собор Кёнигсберга, เยอรมัน: Königsberger Dom, อังกฤษ: Königsberg Cathedral) เป็นอาสนวิหารศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย[1]ที่ตั้งอยู่ที่เมืองคาลินกราด (เดิมเคอนิกสแบร์กในเยอรมนี) บนเกาะเพรเกิล (เพรโกลยา) ในสหพันธรัฐรัสเซีย หรือเรียกว่าคไนพ์ฮอฟในภาษาเยอรมัน
ประวัติ
คริสต์ศตวรรษที่ 14 จนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง
มหาวิหารเคอนิกสแบร์กสร้างขึ้นแทนที่มหาวิหารเดิมที่มีขนาดเล็กกว่าหลังจากที่โยฮันน์ คลาเรอ บิชอปแห่งซัมลันด์ในรัสเซียมีความประสงค์ที่จะสร้างโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ต่อมาอาสนวิหารเดิมที่มีขนาดเล็กกว่าที่ตั้งอยู่ที่บริเวณเมืองเก่าของเคอนิกสแบร์กก็ถูกรื้อ และ นำเอาวัสดุมาสร้างอาสนวิหารใหม่
การก่อสร้างอาสานวิหารเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1333 บริเวณเนื้อที่ที่สร้างเป็นดินเลนฉะนั้นจึงต้องมีการตอกด้วยเสาเข็มที่ทำด้วยไม้โอ้คเป็นจำนวนร้อย ๆ ต้นก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างได้ หลังจากเวลาเพียงเกือบ 50 ปี ส่วนใหญ่ของมหาวิหารก็สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1380 แต่งานจิตรกรรมฝาผนังภายในทำต่อมาจนกระทั่งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14
บริเวณร้องเพลงสวดตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังจากคริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15 งานสลักไม้เป็นแบบปลายสมัยกอทิกและงานอนุสรณ์แบบเรอเนสซองซ์แกะสลักโดยคอร์เนเลียส โฟลริส เดอ วเรียนดท์ในปี ค.ศ. 1570
เดิมอาสนวิหารเมีหอยอดแหลมสองหอทางเหนือและใต้ทางด้านหน้า แต่ในปี ค.ศ. 1544 หอทั้งสองถูกเพลิงไหม้เสียหาย หอใต้ได้รับการสร้างใหม่แต่หอเหนือสร้างแทนด้วยหลังคาจั่วอย่างง่ายๆ ในปี ค.ศ. 1640 ก็ได้สร้างนาฬิกาภายใต้จั่วที่สร้างใหม่ และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1650 ก็ได้ตั้งหอสมุดขึ้นภายใต้จั่วที่่มาจากห้องสมุดวอลเล็นโรดท์ที่อุทิศให้โบสถ์โดยมาร์ติน ฟอน วอลเล็นโรดท์ การติดตั้งออร์แกนทำในปี ค.ศ. 1695 และต่อมาใน19 ก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1523 โยฮันน์ ไบรสมันน์ทำการเทศนาแบบลูเทอรันขึ้นเป็นครั้งแรก และตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึง ค.ศ. 1945 มหาวิหารก็กลายเป็นมหาวิหารโปรเตสแตนต์.
ระเบียงภาพก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
-
ด้านหน้าที่หอสองหอเหลือเพียงหอเดียวกับหอที่เปลี่ยนเป็นจั่ว
-
ภายใน
-
อนุสรณ์ดยุกอัลเบรชท์แห่งปรัสเซีย
สงครามโลกครั้งที่สอง
ในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 เรือบินทั้งระเบิดของบริติชก็ทำการทิ้งระเบิดที่เคอนิกสแบร์กอยู่สองคืน คืนแรกในคืนวันที่ 26/27 สิงหาคมส่วนใหญ่ไม่ลงในตัวเมือง แต่คืนที่สองในวันที่ 29/30 สิงหาคมทำลายบริเวณตัวเมืองเก่าของเคอนิกสแบร์ก (รวมทั้งคไนพ์ฮอฟ) รวมทั้งมหาวิหาร ผู้คนและส่วนใหญ่ที่เป็นเด็กราวร้อยคนที่หนีเข้ามาหลบภัยอยู่ในโบสถ์ภายใต้หอแหลมเสียชีวิตไปกับระเบิด
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง
หลังสงครามแล้วมหาวิหารก็ยังคงอยู่ในสภาพที่เป็นโครงสร้างที่ถูกเพลิงไหม้ และคไนพ์ฮอฟก็ทำเป็นอุทยานโดยไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่นใด ก่อนสงครามคไนพ์ฮอฟมีตึกจำนวนหลายตึกๆ หลังหนึ่งเป็นตึกมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตินาหลังแรก ที่อิมมานูเอิล คานท์ทำการสอน ซึ่งเป็นตึกที่ตั้งอยู่ติดกับด้านตะวันออกของมหาวิหาร
ไม่นานหลังจากคาลินกราดเปิดให้ชาวต่างประเทศเข้าได้เมื่อต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 การก่อสร้างมหาวิหารใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นหอยอดแหลมได้รับการติดตั้งใหม่โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ในปี ค.ศ. 1994 ในปี ค.ศ. 1995 ก็ได้มีการติดตั้งนาฬิการใหม่ที่มีระฆังสี่ใบ (1,180 กิโลกรัม, 700 กิโลกรัม, 500 กิโลกรัม และ 200 กิโลกรัม) ที่หล่อขึ้นในปี ค.ศ. 1995 นาฬิกาตีทุกสิบห้านาที เมื่อครบชั่วโมงก็จะเล่นโน้ตตัวแรกซิมโฟนีหมายเลขหมายเลข 5 โดยลุดวิจ ฟาน เบโทเฟิน ตามด้วยระฆังเสียงเดียวตีบอกจำนวนชั่วโมง ระหว่างปี ค.ศ. 1996 ถึงปี ค.ศ. 1998 ก็ได้มีการปูหลังคา และ สร้างหน้าต่างประดับกระจกสีใหม่
ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์คือการทรุดตัวของพื้นดินภายใต้มหาวิหารที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมา แม้ในขณะที่ยังอยู่ในความครอบครองของเยอรมนี ที่เริ่มเห็นได้ชัดขึ้น
ในปัจจุบันมหาวิหารมีโบสถ์น้อยสองแห่ง แห่งหนึ่งสำหรับลูเทอแรน อีกชาเปลหนึ่งสำหรับรัสเซียออร์โธด็อกซ์ และพิพิธภัณฑ์ ที่ตั้งของชาเปลของลูเทอรันเป็นที่ที่มีผู้เสียชีวิตระหว่างการทั้งระเบิดในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 นอกจากนั้นแล้วมหาวิหารก็ยังใช้สำหรับการแสดงคอนเสิร์ตด้วย
Kant's Tomb
อนุสรณ์ของนักปรัชญาอิมมานูเอิล คานท์ “นายช่างแห่งเคอนิกสแบร์ก” ในปัจจุบันเป็นมอโซเลียมตั้งติดกับทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของมหาวิหาร มอโซเลียมสร้างโดยสถาปนิกฟรีดริช ลาห์รส เสร็จในปี ค.ศ. 1924 ทันเวลาครบรอบสองร้อยปีของการเกิดของคานท์ เดิมร่างของคานท์ฝังอยู่ภายในมหาวิหาร แต่ในปี ค.ศ. 1880 ร่างของคานท์ก็ถูกย้ายออกไปภายนอกไปตั้งไว้ในชาเปลแบบฟื้นฟูกอธิคติดกับทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของมหาวิหาร แต่เมื่อเวลาผ่านไปชาเปลก็อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมและในที่สุดก็ต้องถูกรื้อทิ้งเพื่อสร้างใหม่เป็นมอโซเลียม
อ้างอิง
ดูเพิ่ม
- อาสานวิหาร
- คริสต์ศาสนสถาน
- สถาปัตยกรรมการก่อสร้างมหาวิหารในยุโรปตะวันตก
- ส่วนประกอบของคริสต์ศาสนสถาน
- แผนผังมหาวิหาร (ผังแสดงส่วนประกอบต่างๆ ของวัด)
- สถาปัตยกรรมกอทิก
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เคอนิกสแบร์ก
ระเบียงภาพ
-
ด้านหน้า
-
ระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์
-
หน้าต่างประดับกระจกสี