ผลต่างระหว่างรุ่นของ "โมโม"
คำติชม |
|||
บรรทัด 44: | บรรทัด 44: | ||
วิธีที่จะหนีออกมาจากการบริโภคสินค้าอันตรายและแพงเกินไป คือ คิดอย่างอิสระ เป็นตัวของตัวเองไม่อยู่ภายใต้การช่วยเหลือหรือสนับสนุนจากใครแทนที่การเดินตามแคมเปญโฆษณา โดยชะลอตัวลงและนั่งสมาธิ พิจารณา ไตร่ตรอง คุณจะพบวิธีที่ฉลาดสำหรับชีวิตของคุณ |
วิธีที่จะหนีออกมาจากการบริโภคสินค้าอันตรายและแพงเกินไป คือ คิดอย่างอิสระ เป็นตัวของตัวเองไม่อยู่ภายใต้การช่วยเหลือหรือสนับสนุนจากใครแทนที่การเดินตามแคมเปญโฆษณา โดยชะลอตัวลงและนั่งสมาธิ พิจารณา ไตร่ตรอง คุณจะพบวิธีที่ฉลาดสำหรับชีวิตของคุณ |
||
== คำติชม == |
|||
เมื่อหนังสือได้ถูกตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1985 นักข่าว นาตาลี บั๊บบิท จากหนังสือพิมพ์วอชิงตัน ให้ความเห็นว่า “มันเป็นหนังสือสำหรับเด็กใช่ไหม? ไม่ใช่ในอเมริกา” |
|||
== ฉบับแปล == |
== ฉบับแปล == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 03:50, 26 พฤศจิกายน 2555
โมโม | |
---|---|
ผู้ประพันธ์ | มิชาเอล เอนเด้ |
ชื่อเรื่องต้นฉบับ | Momo |
ผู้แปล | ชินนรงค์ เนียวกุล |
ประเทศ | เยอรมัน |
ภาษา | เยอรมัน |
ประเภท | นวนิยายแฟนตาซี |
สำนักพิมพ์ | Thienemann Verlag |
วันที่พิมพ์ | 1 มกราคม ค.ศ. 1973 |
โมโม (อังกฤษ: Momo) เป็นนวนิยายแฟนตาซีและวรรณกรรมเยาวชน ภาษาเยอรมัน ของมิชาเอล เอ็นเด ตีพิมพ์เมื่อ ค.ศ. 1973 เนื้อหาเป็นแนวคิดเกี่ยวกับเวลา และการใช้เวลาของมนุษย์ในสังคมสมัยใหม่ มีตัวละครเอกคือ "โมโม"
เนื้อเรื่อง
ในซากปรักหักพังของอัฒจันทร์นอกเมืองเป็นที่อาศัยของโมโม สาวน้อยที่มีความเป็นมาลึกลับ เธอเดินมาเพื่อทำลาย อนาถาและสวมเสื้อตัวนอกยาวใหญ่ เธอไม่รู้หนังสือเลยและยังไม่สามารถนับตัวเลขได้ด้วย และเธอไม่รู้วิธีการนับอายุของเธอว่านับอย่างไหร่ อายุของเธอคืออะไร เมื่อถูกถาม เธอจะตอบว่า “ฉันจำได้ว่า ฉันอยู่ที่นั่นตลอด” เธอเป็นคนโดดเด่นในหมู่เพื่อนบ้านใกล้เคียง เพราะเธอมีความสามารถพิเศษที่จะรับฟัง – ฟังอย่างแท้จริง โดยเพียงแค่ได้อยู่กับผู้คนและฟังพวกเขาพูด เธอสามารถช่วยพวกเขาได้รับคำตอบสำหรับปัญหาของพวกเขาได้อย่างถูกต้อง เกิดขึ้นกับคนต่อคนและเป็นเกมส์ที่สนุก ได้มีการแนะนำหรือบอกต่อว่า “ไปดูโมโม” กลายเป็นวลีที่ใช้ในครัวเรือน และโมโมได้เพื่อนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความซื่อตรง เงียบสงบ คนทำความสะอาดถนน เบ็พโพ และเหมือนบทกวี ไกด์นำเที่ยวสนใจโลกภายนอก
บรรยากาศอันน่ารื่นรมย์นี้ถูกทำลายโดยการมาถึงของผู้ชายในชุดสีเทา ในที่สุดก็ถูกเปิดเผยออกมา เป็นการแข่งขันที่เหนือธรรมชาติของผู้ที่ชอบเกาะคนอื่นกินเป็นปรสิตอยู่เหนือกฎเกณฑ์ของธรรมชาติขโมยเวลาของมนุษย์ ที่ปรากฏตัวในรูปแบบการแต่งกายด้วยชุดสีเทา ผิวสีเทา ศีรษะล้านผมโล่งเตียน ผู้คนเหล่านี้นำเสนอตัวเองแปลกประหลาดว่าตัวเองเป็นตัวแทนของธนาคารประหยัดเวลา และส่งเสริมความคิดของการ การประหยัดเวลา ในหมู่ประชากร ดังเช่นว่าเวลาสามารถนำไปฝากไว้กับธนาคารได้และกลับไปเป็นลูกค้าที่มีความสนใจในภายหลัง หลังจากได้เผชิญหน้ากับผู้ชายในชุดสีเทา ประชาชนถูกทำให้ลืมทั้งหมดเกี่ยวกับพวกเขา แต่ไม่เกี่ยวกับการลงมติเพื่อประหยัดเวลามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ที่จะใช้ในภายหลัง ค่อยๆ แผ่ขยายอิทธิพลของผู้ชายในชุดสีเทาส่งผลกระทบต่อคนทั้งเมือง ชีวิตกลายเป็นหมัน (ชีวิตหยุดอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื่อน) ขาดแคลนปราศจากทุกสิ่งทุกอย่างโดยพิจารณาการสูญเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เช่นกิจกรรมทางสังคม นันทนาการ การพักผ่อนหย่อนใจ ศิลปะ ฝีมือ ความสามารถ จินตนาการ หรือ ความเฉื่อยชา อาคารและเสื้อผ้าถูกทำให้เหมือนกันสำหรับทุกคนและจังหวะของชีวิตกลายเป็นวุ่นวาย ในความเป็นจริงการที่ประชาชนประหยัดเวลาเพิ่มขึ้นพวกเขายิ่งมีเวลาน้อย
เวลาที่พวกเขาประหยัดนั้นตามความเป็นจริงพวกเขาสูญเสียเวลา แต่มันจะถูกบริโภคโดยผู้ชายในชุดสีเทาในรูปแบบของบุหรี่ซิการ์ ที่ทำจากกลีบดอกลิลลี่ในหนึ่งชั่วโมงที่แสดงเวลา หากปราศจากบุหรี่ซิการ์เหล่านี้ผู้ชายในชุดสีเทาก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
อย่างไรก็ตามโมโมเป็นประแจสำคัญในแผนธนาคารเรื่องของการประหยัดเวลา ขอบคุณบุคคลิกพิเศษของเธอ ผู้ชายในชุดสีเทาพยายามต่างๆนานาที่จะดูแลเธอและหยุดชะงักเธอจากการหยุดโครงการของพวกเขา แต่พวกเขาก็ล้มเหลวทั้งหมด ถึงแม้ว่าเพื่อนสนิทของเธอจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของผู้ชายในชุดสีเทาในทางเดียวหรืออย่างอื่น โมโมเพียงหวังว่าจะประหยัดเวลาเพื่อมวลมนุษยชาติคือ การเป็นตัวตนแห่งเวลาของศาสตราจารย์ “เซ็คคุนดุส มินูทุส ฮอร่า” (“Secundus Minutus Hora” หมายถึง ชั่วโมง, นาที, วินาที) และกลุ่มดาวเหนือเต่าน้อย ซึ่งสามารถสื่อสารผ่านการเขียนบนกระดองของเธอ และสามารถมองเห็นอนาคตใน 30 นาที การผจญภัยของโมโมจะพาเธอมาจากส่วนลึกของหัวใจ ที่ซึ่งเธอเป็นเจ้าของเวลาล่องลอยไปในอากาศในรูปแบบของดอกลิลลี่ เธอได้ไปยังที่หลบซ่อนของผู้ชายในชุดสีเทา ที่ซึ่งเก็บสะสมเวลาของมนุษย์
ประเด็นหลัก
ตามที่รู้จักกันดีในงานของเขา จินตนาการไม่รู้จบ (อังกฤษ: The Neverending Story; เยอรมัน: Die unendliche Geschichte) มิชาเอล เอนเด้ ใช้จินตนาการและสัญญลักษณ์ที่จะจัดการกับเรื่องของโลกแห่งความเป็นจริง เช่น ธรรมชาติและความสำคัญของเวลา อำนาจของเรื่องราว มิตรภาพ ความสัมพันธ์ ความเห็นอกเห็นใจ ความสงสาร และความคุ้มค่าของสิ่งเล็กๆน้อยๆซึ่งเป็นสิ่งที่สบายใจ พอใจ ทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น
หัวใจหลักของโมโม คือสามารถมองเห็นเป็นคำวิจารณ์ของการบริโภคสินค้าอันตรายและแพงเกินไปและความเครียด มันอธิบายการสูญเสียบุคคลและสังคมที่ผลิตโดยการบริโภคทางความคิดที่ไม่จำเป็น “เวลาคือเงิน” และมันอธิบายวิธีการที่บุคคลถูกผลักดันให้บริโภคมากขึ้นและมากขึ้น ในอีกมุมหนึ่ง มันแสดงให้เห็นกลุ่มคนที่มีความสนใจที่ซ่อนเร้นกับอำนาจที่จะชักจูงผู้คนในการดำเนินชีวิตอย่างนี้ กลุ่มคนที่สนใจนี้มีผลประโยชน์จากการบริโภคเพิ่มขึ้นของคนมักง่าย คนโง่
ในวัยเด็กยังเป็นเรื่องที่มีความสำคัญในหนังสือหลายเล่มของ เอนเด้ ในโมโมมันถูกใช้เพื่อนำเสนอความคมชัดกับสังคมผู้ใหญ่ เป็นเด็กที่มี “เวลาทั้งหมดในโลก” พวกเขาเป็นเป้าหมายที่ยากสำหรับผู้ชายในชุดสีเทา เด็กไม่สามารถเชื่อได้ว่าเกมของพวกเขาสูญเสียเวลา ผู้เขียนใช้ตุ๊กตาบาร์บี้และของเล่นแพงๆ เป็นสัญญลักษณ์ให้เห็นว่าใครก็ตามสามารถชักชวน จูงใจ แม้จะเป็นทางอ้อมในการบริโภคสินค้าอันตรายและแพงเกินไป
วิธีที่จะหนีออกมาจากการบริโภคสินค้าอันตรายและแพงเกินไป คือ คิดอย่างอิสระ เป็นตัวของตัวเองไม่อยู่ภายใต้การช่วยเหลือหรือสนับสนุนจากใครแทนที่การเดินตามแคมเปญโฆษณา โดยชะลอตัวลงและนั่งสมาธิ พิจารณา ไตร่ตรอง คุณจะพบวิธีที่ฉลาดสำหรับชีวิตของคุณ
คำติชม
เมื่อหนังสือได้ถูกตีพิมพ์ในสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1985 นักข่าว นาตาลี บั๊บบิท จากหนังสือพิมพ์วอชิงตัน ให้ความเห็นว่า “มันเป็นหนังสือสำหรับเด็กใช่ไหม? ไม่ใช่ในอเมริกา”
ฉบับแปล
- ภาษาไทย : โมโม่. มิชาเอล เอ็นเด้. ชินนรงค์ เนียวกุล. แปลจากภาษาเยอรมัน. แพรวเยาวชน. ISBN 9748368572
แหล่งข้อมูลอื่น
- http://www.csc.liv.ac.uk/~bhirsch/momo.html บทหนึ่งจากเรื่องโมโม (ภาษาอังกฤษ)