ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แคร์รี อันเดอร์วูด"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Kyouhtae (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Kyouhtae (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 241: บรรทัด 241:
[[File:CroppedCarrieUnderwoodAtTheWorldArena.jpg|อันเดอร์วูดแสดงที่ The World Arena โคโลราโดสปริงส์, รัฐโคโลราโด ในปีค.ศ. 2006|thumb|left]]
[[File:CroppedCarrieUnderwoodAtTheWorldArena.jpg|อันเดอร์วูดแสดงที่ The World Arena โคโลราโดสปริงส์, รัฐโคโลราโด ในปีค.ศ. 2006|thumb|left]]


อัลบั้ม ''[[Some Hearts]]'' เป็นอัลบั้มเปิดตัวของอันเดอร์วูด ออกวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 เข้าสู่ชาร์ตบิลบอร์ด ด้วยยอดขาย 315,000 ชุด เปิดตัวที่อันดับ 1 ใน [[Hot Country Albums]] และ อันดับ 2 ใน [[Hot 200 Albums]] ยอดขายอย่างมากมายในสัปดาห์แรกของอัลบั้ม ''Some Hearts'' ทำให้เป็นการเปิดตัวที่สูงที่สุดของนักร้องคันทรีตั้งแต่เริ่มมีระบบ [[SoundScan]] มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1991 และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาของปีค.ศ. 2006 และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของอัลบั้มคันทรีในสหรัฐอเมริกาของปีค.ศ. 2006 และ ค.ศ. 2007 อัลบั้ม ''Some Hearts'' ได้รางวัล 7 แผ่นเสียงทองคำขาวโดย "RIAA" และเป็นอัลบั้มคันทรีเปิดตัวที่ขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ SoundScan<ref name="cmt20070110">{{cite news|title= Carrie Underwood's Album Is Quintuple Platinum|url= http://www.cmt.com/news/articles/1549687/01102007/underwood__carrie.jhtml|publisher=[[Country Music Television|CMT]]|date= January 10, 2007|accessdate=August 6, 2007}}</ref> เป็นอัลบั้มหญิงเดี่ยวเปิดตัวที่ขายดีที่สุดของวงการเพลงคันทรี จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีค.ศ. 2008 <ref name="gactv1"/> และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของผู้เข้าแข่งขันอเมริกัน ไอดอล (นับเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา) <ref>{{cite web|url=http://www.carrieunderwoodofficial.com/us/news/carrie-underwood-s-some-hearts-hits-7-million-becoming-the-best-selling-solo-female-country-deb |title=Carrie Underwood’s Some Hearts Hits 7 Million, Becoming the Best-Selling Solo Female Country Debut in RIAA History! &#124; The Official Carrie Underwood Site |publisher=Carrieunderwoodofficial.com |date=2005-11-15 |accessdate=2012-03-17}}</ref> "[[Inside Your Heaven]]" ซิงเกิ้ลแรกของอันเดอร์วูด ปล่อยในเดือนมิถุนายน เปิดตัวที่อันดับ 1 บน ''Billboard'' Hot 100 และ [[Canadian Singles Chart]] ซึ่งเป็นเพลงที่อยู่ในชาร์ตของแคนาดานานที่สุดของปีค.ศ. 2005 ''Inside Your Heaven'' เป็นซิงเกิ้ลเดียวของนักร้องคันทรีเดี่ยวในยุค 2000 ที่ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน ''Billboard'' Hot 100 ซึ่งขายไปได้เกือบ 1 ล้าน ก็อปปี้ และได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำโดย RIAA และ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย CRIA "[[Jesus, Take the Wheel]]" ซิงเกิ้ลที่สองของอัลบั้ม <ref name="bullatlanta1">{{cite web|url=http://www.bullatlanta.com/iplaylist/artist/703310/?_show |title=94.9 The Bull, The Most Country Guaranteed! |publisher=Bullatlanta.com |accessdate=March 22, 2010}}</ref> ปล่อยสู่วิทยุในเดือนตุลาคมและขึ้นไปได้สูงสุดอันดับ 1 บน ''Billboard'' Hot Country Songs และอยู่ได้นานถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน และสูงสุดอันดับ 20 บน Hot 100 เพลงนี้ขายไปได้มากกว่า 2 ล้านก็อปปี้ และได้ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย RIAA <ref name="RIAA">{{cite web|url=http://riaa.com/goldandplatinumdata.php?content_selector=gold-platinum-searchable-database |title=Recording Industry Association of America |publisher=RIAA |date= |accessdate=2012-03-17}}</ref> "[[Some Hearts]]" ซิงเกิ้ลที่ 3 <ref name="bullatlanta1"/> ของอันเดอร์วูด ปล่อยในเดือนตุลาคมแต่แค่คลื่นป็อบ "[[Don't Forget to Remember Me]]" ซิงเกิ้ลที่สี่ของเธอยังคงประสบความสำเร็จด้วยการขึ้นไปถึงอันดับ 2 บน ''Billboard'' Hot Country Songs chart ในฤดูใบไม้ร่วง เพลง "[[Before He Cheats]]" เพลงคันทรีซิงเกิลที่ 3 ของอันเดอร์วูด ได้ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน ''Billboard'''s Hot Country Songs เป็นเวลา 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งขึ้นไปได้สูงสุดอันดับ 8 ใน ''Billboard'' Hot 100 เป็นเพลงที่ขึ้นไปสู่ท็อปเท็นที่ช้าที่สุดของ ''Billboard'' Hot 100 และได้ทำลายสถิติก่อนหน้านี้ที่ทำไว้โดยวง [[Creed|ครีด]] ที่ครองมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2000 ได้รางวัล 3 แผ่นเสียงทองคำขาว และเป็นเพลงคันทรีอันดับ 4 ที่ขายดีที่สุดของเพลงดิจิตอลตลอดกาล <ref>{{cite web|last=Grein |first=Paul |url=http://new.music.yahoo.com/blogs/chart_watch/74350/chart-watch-extra-lady-a-makes-country-history/ |title=Chart Watch Extra: Lady A Makes Country History &#124; Chart Watch - Yahoo! Music |publisher=New.music.yahoo.com |date=2011-04-07 |accessdate=2012-03-17}}</ref> ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2007 อันเดอร์วูดได้ปล่อยเพลง "[[Wasted]]" ซึ่งขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน Hot Country Songs Chart ขายได้เกือบ 1 ล้าน ก็อปปี้ และได้ 1 รางวัลแผ่นเสียงทองคำโดย RIAA <ref name="autogenerated1958">{{cite web|url=http://riaa.com/goldandplatinumdata.php?resultpage=1&table=SEARCH_RESULTS&action=&title=&artist=Underwood,%20Carrie&format=&debutLP=&category=&sex=&releaseDate=&requestNo=&type=&level=&label=&company=&certificationDate=&awardDescription=&catalogNo=&aSex=&rec_id=&charField=&gold=&platinum=&multiPlat=&level2=&certDate=&album=&id=&after=&before=&startMonth=1&endMonth=1&startYear=1958&endYear=2008&sort=Artist&perPage=25%22 |title=Recording Industry Association of America |publisher=RIAA |date= |accessdate=2012-03-17}}</ref> ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 "[[Jesus Take the Wheel]]" ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว ทำให้อันเดอร์วูดเป็นนักร้องคันทรีคนแรกที่มีสองเพลงที่ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว (Platinum Mastertone) กับเพลง "[[Before He Cheats]]" ซึ่งได้รับไปก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 2007 <ref>{{cite web|url=http://www.americanidol.com/news/view/?pid=1398 |title=Carrie Underwood Dials Up Two Platinum Ringtones – Show and Alumni News |publisher=American Idol |date=August 28, 2008 |accessdate=March 22, 2010}}</ref>
อัลบั้ม ''[[Some Hearts]]'' เป็นอัลบั้มเปิดตัวของอันเดอร์วูด ออกวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 เข้าสู่ชาร์ตบิลบอร์ด ด้วยยอดขาย 315,000 ชุด เปิดตัวที่อันดับ 1 ใน [[Hot Country Albums]] และ อันดับ 2 ใน [[Hot 200 Albums]] ยอดขายอย่างมากมายในสัปดาห์แรกของอัลบั้ม ''Some Hearts'' ทำให้เป็นการเปิดตัวที่สูงที่สุดของนักร้องคันทรีตั้งแต่เริ่มมีระบบ [[SoundScan]] มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1991 และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาของปีค.ศ. 2006 และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของอัลบั้มคันทรีในสหรัฐอเมริกาของปีค.ศ. 2006 และ ค.ศ. 2007 อัลบั้ม ''Some Hearts'' ได้รางวัล 7 แผ่นเสียงทองคำขาวโดย "RIAA" และเป็นอัลบั้มคันทรีเปิดตัวที่ขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ SoundScan<ref name="cmt20070110">{{cite news|title= Carrie Underwood's Album Is Quintuple Platinum|url= http://www.cmt.com/news/articles/1549687/01102007/underwood__carrie.jhtml|publisher=[[Country Music Television|CMT]]|date= January 10, 2007|accessdate=August 6, 2007}}</ref> เป็นอัลบั้มหญิงเดี่ยวเปิดตัวที่ขายดีที่สุดของวงการเพลงคันทรี จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีค.ศ. 2008 <ref name="gactv1"/> และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของผู้เข้าแข่งขันอเมริกัน ไอดอล (นับเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา) <ref>{{cite web|url=http://www.carrieunderwoodofficial.com/us/news/carrie-underwood-s-some-hearts-hits-7-million-becoming-the-best-selling-solo-female-country-deb |title=Carrie Underwood’s Some Hearts Hits 7 Million, Becoming the Best-Selling Solo Female Country Debut in RIAA History! &#124; The Official Carrie Underwood Site |publisher=Carrieunderwoodofficial.com |date=2005-11-15 |accessdate=2012-03-17}}</ref> "[[Inside Your Heaven]]" ซิงเกิ้ลแรกของอันเดอร์วูด ปล่อยในเดือนมิถุนายน เปิดตัวที่อันดับ 1 บน ''Billboard'' Hot 100 และ [[Canadian Singles Chart]] ซึ่งเป็นเพลงที่อยู่ในชาร์ตของแคนาดานานที่สุดของปีค.ศ. 2005 ''Inside Your Heaven'' เป็นซิงเกิ้ลเดียวของนักร้องคันทรีเดี่ยวในยุค 2000 ที่ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน ''Billboard'' Hot 100 ซึ่งขายไปได้เกือบ 1 ล้านก็อปปี้ และได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำโดย RIAA และ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย CRIA "[[Jesus, Take the Wheel]]" ซิงเกิ้ลที่สองของอัลบั้ม <ref name="bullatlanta1">{{cite web|url=http://www.bullatlanta.com/iplaylist/artist/703310/?_show |title=94.9 The Bull, The Most Country Guaranteed! |publisher=Bullatlanta.com |accessdate=March 22, 2010}}</ref> ปล่อยสู่วิทยุในเดือนตุลาคมและขึ้นไปได้สูงสุดอันดับ 1 บน ''Billboard'' Hot Country Songs และอยู่ได้นานถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน และสูงสุดอันดับ 20 บน Hot 100 เพลงนี้ขายไปได้มากกว่า 2 ล้านก็อปปี้ และได้ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย RIAA <ref name="RIAA">{{cite web|url=http://riaa.com/goldandplatinumdata.php?content_selector=gold-platinum-searchable-database |title=Recording Industry Association of America |publisher=RIAA |date= |accessdate=2012-03-17}}</ref> "[[Some Hearts]]" ซิงเกิ้ลที่ 3 <ref name="bullatlanta1"/> ของอันเดอร์วูด ปล่อยในเดือนตุลาคมแต่แค่คลื่นป็อบ "[[Don't Forget to Remember Me]]" ซิงเกิ้ลที่สี่ของเธอยังคงประสบความสำเร็จด้วยการขึ้นไปถึงอันดับ 2 บน ''Billboard'' Hot Country Songs chart ในฤดูใบไม้ร่วง เพลง "[[Before He Cheats]]" เพลงคันทรีซิงเกิลที่ 3 ของอันเดอร์วูด ได้ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน ''Billboard'''s Hot Country Songs เป็นเวลา 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งขึ้นไปได้สูงสุดอันดับ 8 ใน ''Billboard'' Hot 100 เป็นเพลงที่ขึ้นไปสู่ท็อปเท็นที่ช้าที่สุดของ ''Billboard'' Hot 100 และได้ทำลายสถิติก่อนหน้านี้ที่ทำไว้โดยวง [[ครีด|Creed]] ที่ครองมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2000 ได้รางวัล 3 แผ่นเสียงทองคำขาว และเป็นเพลงคันทรีอันดับ 4 ที่ขายดีที่สุดของเพลงดิจิตอลตลอดกาล <ref>{{cite web|last=Grein |first=Paul |url=http://new.music.yahoo.com/blogs/chart_watch/74350/chart-watch-extra-lady-a-makes-country-history/ |title=Chart Watch Extra: Lady A Makes Country History &#124; Chart Watch - Yahoo! Music |publisher=New.music.yahoo.com |date=2011-04-07 |accessdate=2012-03-17}}</ref> ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2007 อันเดอร์วูดได้ปล่อยเพลง "[[Wasted]]" ซึ่งขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน Hot Country Songs Chart ขายได้เกือบ 1 ล้านก็อปปี้ และได้ 1 รางวัลแผ่นเสียงทองคำโดย RIAA <ref name="autogenerated1958">{{cite web|url=http://riaa.com/goldandplatinumdata.php?resultpage=1&table=SEARCH_RESULTS&action=&title=&artist=Underwood,%20Carrie&format=&debutLP=&category=&sex=&releaseDate=&requestNo=&type=&level=&label=&company=&certificationDate=&awardDescription=&catalogNo=&aSex=&rec_id=&charField=&gold=&platinum=&multiPlat=&level2=&certDate=&album=&id=&after=&before=&startMonth=1&endMonth=1&startYear=1958&endYear=2008&sort=Artist&perPage=25%22 |title=Recording Industry Association of America |publisher=RIAA |date= |accessdate=2012-03-17}}</ref> ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 "[[Jesus Take the Wheel]]" ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว ทำให้อันเดอร์วูดเป็นนักร้องคันทรีคนแรกที่มีสองเพลงที่ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว (Platinum Mastertone) กับเพลง "[[Before He Cheats]]" ซึ่งได้รับไปก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 2007 <ref>{{cite web|url=http://www.americanidol.com/news/view/?pid=1398 |title=Carrie Underwood Dials Up Two Platinum Ringtones – Show and Alumni News |publisher=American Idol |date=August 28, 2008 |accessdate=March 22, 2010}}</ref>


== ชีวิตส่วนตัว ==
== ชีวิตส่วนตัว ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:14, 11 พฤศจิกายน 2555

แคร์รี อันเดอร์วูด
แคร์รี อันเดอร์วูดแสดงสดที่ The World Arena โคโลราโดสปริงส์, รัฐโคโลราโด
ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อเกิดแคร์รี แมรี อันเดอร์วูด
เกิด (1983-03-10) 10 มีนาคม ค.ศ. 1983 (41 ปี) มัสโคกี รัฐโอคลาโฮมา
ที่เกิดชีโคตา รัฐโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา
แนวเพลงคันทรี, คันทรีป๊อป
อาชีพนักร้อง, นักแต่งเพลง, นักแสดง
เครื่องดนตรีร้อง, กีตาร์, เปียโน
ช่วงปี2005-ปัจจุบัน
ค่ายเพลงArista Records (2005-2007), Arista Nashville (2005-ปัจจุบัน), 19 Entertainment (2005-ปัจจุบัน)
เว็บไซต์www.carrieunderwoodofficial.com

แคร์รี แมรี อันเดอร์วูด (อังกฤษ: Carrie Marie Underwood) เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1983 เป็นนักร้องคันทรี, นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอเมริกา ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากการชนะเลิศการประกวดในรายการอเมริกันไอดอล ฤดูกาลที่ 4 ในปี ค.ศ. 2005 อันเดอร์วูดขายอัลบั้มได้หลายล้านอัลบั้ม, เป็นผู้ชนะแกรมมี อวอร์ดส, บิลบอร์ด มิวสิก อวอร์ดส และ อเมริกันมิวสิกอวอร์ดสหลายครั้ง, เป็นผู้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ, เป็นผู้ชนะประเภทนักร้องหญิงยอดเยี่ยมใน Academy of Country Music และ Country Music Association 3 ครั้ง และได้ ACM Entertainer of the Year 2 ครั้ง เธอเป็นนักร้องหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัล ACM Entertainer of the Year 2 สมัยติดต่อกัน (2009/2010) อันเดอร์วูดได้เข้าเป็นสมาชิกของ แกรนด์โอลออปรีย์ ใน ปีค.ศ. 2008 และเธอยังได้เข้ามาอยู่ใน Oklahoma Music Hall of Fame ในปีค.ศ. 2009 [1] และบิลบอร์ดได้ยกให้อันเดอร์วูดครองตำแหน่งราชินีแห่งเพลงคันทรีในปีค.ศ. 2012 [2]

อัลบั้มแรกของเธอมีชื่อว่า Some Hearts ได้รับ 7 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว (Platinum) นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2006 และเป็นอัลบั้มเปิดตัวเพลงคันทรีที่ขายได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์จากการบันทึกของ Nielson SoundScan [3] และยังเป็นอัลบั้มเปิดตัวหญิงเดี่ยวที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์วงการเพลงคันทรี นับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 [4] และตั้งแต่เดือนมีนาคม ค.ศ. 2011 ก็เป็นอัลบั้มเพลงคันทรีที่ขายดีที่สุดในรอบ 10 ปี [5] อัลบั้ม 'Some Hearts' มีเพลงอันดับ 1 ที่เข้าไปอยู่ใน บิลบอร์ดฮอตคันทรี ถึง 3 เพลง และได้อันดับ 1 ใน บิลบอร์ดฮอต 100 1 เพลง Carnival Ride เป็นอัลบั้มชุดที่สองของเธอ ออกขายในอเมริกาเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2007 โดยขายไปได้มากกว่า 3 ล้านอัลบั้ม ได้รับ 3 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว [6] และมีอันดับ 1 ถึง 4 เพลงติดต่อกันในบิลบอร์ดฮอตคันทรี อันเดอร์วูดได้วางขายอัลบั้มที่ 3 ชื่อว่า Play On ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009 และได้รับ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย RIAA [6] และมีอันดับ 1 ถึง 3 เพลงติดต่อกันในบิลบอร์ดฮอตคันทรี เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ค.ศ. 2011 อันเดอร์วูดได้กลายเป็นผู้มีรายได้สูงสุดใน อเมริกัน ไอดอล จากการขายได้มากกว่า 13 ล้านอัลบั้ม และมากกว่า 22.5 ล้าน เพลงดิจิตอล [7] รวมทั้งการทัวร์ที่ทำรายได้ไปได้มากกว่า 66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่อเมริกัน ไอดอลฤดูกาลที่ 4 [8] อัลบั้มที่ 4 ของอันเดอร์วูดมีชื่อว่า Blown Away วางแผงวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 2012 ได้รับ 1 รางวัลแผ่นเสียงทองคำ และมีอันดับ 1 ในบิลบอร์ดฮอตคันทรี 1 เพลง [9][10] เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2012 อันเดอร์วูดขายได้มากกว่า 25 ล้านซิงเกิล [11] และมากกว่า 15 ล้านอัลบั้มทั่วโลก[12]

หลังจากที่อันเดอร์วูดได้อันดับ 1 ถึง 12 เพลงในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 ก็ได้กลายเป็นนักร้องคันทรีหญิงที่มีเพลงอันดับ 1 มากที่สุดในบิลบอร์ดฮอตคันทรี โดยทำลายสถิติในกินเนสส์บุ๊คของเธอเองที่เคยได้ 11 เพลง ซึ่ง ณ เวลานั้นครองร่วมกับ รีบา แม็คเอนไทร์ [13][14] นอกจากนี้เธอยังเป็นนักร้องคันทรีเดี่ยวที่มีเพลงอันดับ 1 ในบิลบอร์ดฮอต 100 เพียงคนเดียวในทศวรรษที่ 2000 (เพลง "Inside Your Heaven" ขึ้นอันดับ 1 ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2005) อัลบั้ม Some Hearts ถูกจัดให้เป็นอัลบั้มคันทรียอดเยี่ยมในทศวรรษที่ 2000 โดยบิลบอร์ด [15] ทั้งนี้บิลบอร์ดก็ยังจัดให้อันเดอร์วูดเป็นนักร้องหญิงเพียงคนเดียวที่ติด 10 อันดับแรกของนักร้องคันทรียอดเยี่ยมแห่งทศวรรษที่ 2000 โดยอันเดอร์วูดอยู่ในอันดับที่ 10 [16] และเธอยังถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 50 ของนักร้องแห่งทศวรรษด้วย [17] ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2011 นิตยสารโรลลิงสโตน ได้จัดให้อันเดอร์วูดอยู่ในอันดับที่ 11 ในฐานะราชินีแห่งเพลงป๊อป [18] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2011 นิตยสารฟอร์บส์ เผยว่าอันเดอร์วูดทำรายได้มากกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 ถึง เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011) [19]

ประวัติ

ชีวิตในช่วงต้น

แคร์รี อันเดอร์วูด เป็นบุตรสาวของ สตีเฟน และ แคโรล อันเดอร์วูด เธอเกิดที่เมืองมัสโคกี รัฐโอคลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอเติบโตมากับฟาร์มของพ่อแม่ในเมืองชีโคตา รัฐโอคลาโฮมา [20] พ่อของเธอทำงานที่โรงเลื่อย ขณะที่แม่เธอเป็นครูสอนที่โรงเรียนประถม [21] เธอมีพี่สาวสองคน คือ ชานนา และ สเตฟานี [22] ในช่วงที่เธอยังเด็กนั้น เธอได้แสดงในรายการโชว์ความสามารถ รอบบิน เมมโมเรียล ทาเลนท์ โชว์ และเธอยังร้องเพลงที่โบสถ์ชุมชน (โบสถ์เฟริสต์ฟรีวิลแบปทิสต์) ด้วย[23] หลังจากนั้นเธอก็ได้เริ่มร้องเพลงที่งานต่างๆ ในชุมชนของเมืองชีโคตา [24] ตอนอันเดอร์วูดอายุ 14 ปีได้มีคนจัดการให้เธอไปแนชวิลล์เพื่อคัดเลือกเข้าสังกัดแคปิทอลเรคอร์ดส์ [23] ในปีค.ศ. 1996 เธอได้รับการติดต่อสัญญาจากแคปิทอลเรคอร์ดส์ แต่สัญญานั้นถูกยกเลิกเมื่อบริษัทค่ายเพลงเปลี่ยนแปลงการบริหาร [25]

การศึกษา

ในระหว่างการศึกษาชั้นมัธยมปลายอันเดอร์วูดเป็นเชียร์ลีดเดอร์, เล่นบาสเก็ตบอลและเล่นซอฟต์บอลด้วย [26] ในปีค.ศ. 2001 เธอจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลายชีโคตา เธอเป็นนักเรียนที่จบการศึกษาด้วยคะแนนดีเยี่ยม[24] หลังจากจบการศึกษาเธอเลือกที่จะไม่เป็นนักร้องตามที่ฝัน [26] เธอได้เข้ารับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยนอร์ทอิสเทิร์นสเตท ในเมืองแทลิควา รัฐโอคลาโฮมา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะวารสารศาสตร์และการสื่อสารมวลลชน โดยได้รับเกียรตินิยมอันดับสองในปีค.ศ. 2006 [27] เธอได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งในช่วงภาคฤดูร้อนในการทำงานให้กับ บ๊อบบี้ เฟรม ส.ส. รัฐโอคลาโฮมา [28] และเธอยังเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านขายพิซซ่า, ทำงานที่สวนสัตว์ และที่คลีนิคสัตว์ด้วย [26] อันเดอร์วูดเป็นสมาชิกชมรม Sigma Sigma Sigma ซึ่งเป็นชมรมเกี่ยวกับผู้หญิง [29] ในช่วงสองปีระหว่างภาคฤดูร้อนเธอได้แสดงในงานของมหาวิทยาลัยใจกลางเมืองแทลิควา นอกจากนั้นเธอยังได้เข้าร่วมการแข่งขันประกวดนางงามของมหาวิทยาลัย และเธอได้รับรางวัลรองชนะเลิศของนางสาวเอ็นเอสยู ปีค.ศ. 2004 [30]

อเมริกันไอดอล

ในฤดูร้อนปีค.ศ. 2004 อันเดอร์วูดได้ไปคัดเลือกในรายการอเมริกันไอดอลที่เซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี หลังจากที่อันเดอร์วูดแสดงเพลง "Could've Been" ของ ทิฟฟานี ในรอบผู้หญิง 12 คนสุดท้าย ไซมอน คาวเวลล์ หนึ่งในกรรมการตัดสินได้บอกว่าเธอจะเป็นหนึ่งในตัวเก็งที่จะชนะการแข่งขัน และในรอบ 11 คนสุดท้ายวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 2005 นั้น อันเดอร์วูดได้ร้องเพลงฮิตในยุค 80 เพลง "Alone" ของ ฮาร์ต ไซมอน คาวเวลล์ กล่าวทำนายไว้ว่าอันเดอร์วูดนั้นไม่เพียงจะชนะการแข่งครั้งนี้เท่านั้น แต่เธอจะกลายเป็นนักร้องที่มีงานเพลงขายดีกว่าผู้ชนะในฤดูกาลที่ผ่านมาทั้งหมด [31] อันเดอร์วูดนั้นเป็นผู้ชนะการแข่งขันหนึ่งในห้าที่ไม่เคยได้รับคะแนนการโหวตต่ำสุดสามอันดับ (ผู้ชนะอีกสี่คนคือ เคลลี คลาร์กสัน, เทย์เลอร์ ฮิกส์, จอร์ดิน สปาร์คส, และเดวิด คุก) โดยหนึ่งในผู้ผลิตรายการได้กล่าวว่าอันเดอร์วูดนั้นได้รับคะแนนท่วมท้น และผ่านเข้ารอบแต่ละรอบด้วยความง่ายดาย [32] ในวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2005 แคร์รี อันเดอร์วูดได้กลายเป็นผู้ชนะรายการอเมริกันไอดอลฤดูกาลที่สี่ รางวัลที่เธอได้รับจากการชนะคือ การเซ็นต์สัญญากับค่ายเพลงซึ่งมีมูลค่าอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, ได้ใช้เครื่องบินส่วนตัวเป็นเวลา 1 ปี และฟอร์ด มัสแตง 1 คัน [33]

การแสดงและผล

สัปดาห์ ธีม เพลง นักร้องต้นฉบับ ผล
คัดเลือก Contestant's choice "I Can't Make You Love Me" Bonnie Raitt ผ่าน
ฮอลลีวูด Contestant's choice "Young Hearts Run Free" Candi Staton ผ่าน
75 คนสุดท้าย Contestant's choice "Independence Day" Martina McBride ผ่าน
รองชนะเลิศ 1 Contestant's Choice "Could've Been" Tiffany อยู่
รองชนะเลิศ 2 Contestant's choice "Piece of My Heart" Erma Franklin อยู่
รองชนะเลิศ 3 Contestant's choice "Because You Love Me" Jo Dee Messina อยู่
12 คนสุดท้าย Song of the 1960s "When Will I Be Loved" The Everly Brothers อยู่
11 คนสุดท้าย Billboard number ones "Alone" i-TEN อยู่
10 คนสุดท้าย 1990s "Independence Day" Martina McBride อยู่
9 คนสุดท้าย Classic Broadway "Hello, Young Lovers" The King and I cast อยู่
8 คนสุดท้าย Year they were born "Love Is a Battlefield" Pat Benatar อยู่
7 คนสุดท้าย 1970s dance music "MacArthur Park" Richard Harris อยู่
6 คนสุดท้าย 21st Century "When God-Fearin' Women Get the Blues" Martina McBride อยู่
5 คนสุดท้าย Lieber & Stoller
Current Billboard chart
"Trouble"
"Bless the Broken Road"
Elvis Presley
Nitty Gritty Dirt Band
อยู่
4 คนสุดท้าย Country
Gamble & Huff
"Sin Wagon"
"If You Don't Know Me by Now"
Dixie Chicks
Harold Melvin & the Blue Notes
อยู่
3 คนสุดท้าย Clive Davis' choice
Contestant's choice
Judge's choice (Randy Jackson)
"Crying"
"Making Love Out of Nothing at All"
"Man! I Feel Like a Woman!"
Roy Orbison
Air Supply
Shania Twain
อยู่
2 คนสุดท้าย Idol single
Contestant's choice
Producer's choice
"Inside Your Heaven"
"Independence Day"
"Angels Brought Me Here"
Carrie Underwood/Bo Bice
Martina McBride
Guy Sebastian
ชนะ

อาชีพทางดนตรี

2005–07: Some Hearts

อันเดอร์วูดแสดงที่ The World Arena โคโลราโดสปริงส์, รัฐโคโลราโด ในปีค.ศ. 2006

อัลบั้ม Some Hearts เป็นอัลบั้มเปิดตัวของอันเดอร์วูด ออกวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 เข้าสู่ชาร์ตบิลบอร์ด ด้วยยอดขาย 315,000 ชุด เปิดตัวที่อันดับ 1 ใน Hot Country Albums และ อันดับ 2 ใน Hot 200 Albums ยอดขายอย่างมากมายในสัปดาห์แรกของอัลบั้ม Some Hearts ทำให้เป็นการเปิดตัวที่สูงที่สุดของนักร้องคันทรีตั้งแต่เริ่มมีระบบ SoundScan มาตั้งแต่ปีค.ศ. 1991 และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาของปีค.ศ. 2006 และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของอัลบั้มคันทรีในสหรัฐอเมริกาของปีค.ศ. 2006 และ ค.ศ. 2007 อัลบั้ม Some Hearts ได้รางวัล 7 แผ่นเสียงทองคำขาวโดย "RIAA" และเป็นอัลบั้มคันทรีเปิดตัวที่ขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ SoundScan[34] เป็นอัลบั้มหญิงเดี่ยวเปิดตัวที่ขายดีที่สุดของวงการเพลงคันทรี จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีค.ศ. 2008 [4] และเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดของผู้เข้าแข่งขันอเมริกัน ไอดอล (นับเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา) [35] "Inside Your Heaven" ซิงเกิ้ลแรกของอันเดอร์วูด ปล่อยในเดือนมิถุนายน เปิดตัวที่อันดับ 1 บน Billboard Hot 100 และ Canadian Singles Chart ซึ่งเป็นเพลงที่อยู่ในชาร์ตของแคนาดานานที่สุดของปีค.ศ. 2005 Inside Your Heaven เป็นซิงเกิ้ลเดียวของนักร้องคันทรีเดี่ยวในยุค 2000 ที่ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 ซึ่งขายไปได้เกือบ 1 ล้านก็อปปี้ และได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำโดย RIAA และ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย CRIA "Jesus, Take the Wheel" ซิงเกิ้ลที่สองของอัลบั้ม [36] ปล่อยสู่วิทยุในเดือนตุลาคมและขึ้นไปได้สูงสุดอันดับ 1 บน Billboard Hot Country Songs และอยู่ได้นานถึง 6 สัปดาห์ติดต่อกัน และสูงสุดอันดับ 20 บน Hot 100 เพลงนี้ขายไปได้มากกว่า 2 ล้านก็อปปี้ และได้ 2 รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาวโดย RIAA [37] "Some Hearts" ซิงเกิ้ลที่ 3 [36] ของอันเดอร์วูด ปล่อยในเดือนตุลาคมแต่แค่คลื่นป็อบ "Don't Forget to Remember Me" ซิงเกิ้ลที่สี่ของเธอยังคงประสบความสำเร็จด้วยการขึ้นไปถึงอันดับ 2 บน Billboard Hot Country Songs chart ในฤดูใบไม้ร่วง เพลง "Before He Cheats" เพลงคันทรีซิงเกิลที่ 3 ของอันเดอร์วูด ได้ขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน Billboard's Hot Country Songs เป็นเวลา 5 สัปดาห์ติดต่อกัน ซึ่งขึ้นไปได้สูงสุดอันดับ 8 ใน Billboard Hot 100 เป็นเพลงที่ขึ้นไปสู่ท็อปเท็นที่ช้าที่สุดของ Billboard Hot 100 และได้ทำลายสถิติก่อนหน้านี้ที่ทำไว้โดยวง Creed ที่ครองมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2000 ได้รางวัล 3 แผ่นเสียงทองคำขาว และเป็นเพลงคันทรีอันดับ 4 ที่ขายดีที่สุดของเพลงดิจิตอลตลอดกาล [38] ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2007 อันเดอร์วูดได้ปล่อยเพลง "Wasted" ซึ่งขึ้นไปถึงอันดับ 1 บน Hot Country Songs Chart ขายได้เกือบ 1 ล้านก็อปปี้ และได้ 1 รางวัลแผ่นเสียงทองคำโดย RIAA [39] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 "Jesus Take the Wheel" ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว ทำให้อันเดอร์วูดเป็นนักร้องคันทรีคนแรกที่มีสองเพลงที่ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำขาว (Platinum Mastertone) กับเพลง "Before He Cheats" ซึ่งได้รับไปก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 2007 [40]

ชีวิตส่วนตัว

อันเดอร์วูดนับถือศาสนาคริสต์ [41][42] และเธอรับประทานอาหารมังสวิรัติ ในปีค.ศ. 2006 อันเดอร์วูดได้แสดงในช่วงพักครึ่งของการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล ในวันขอบคุณพระเจ้าที่สนามกีฬาเท็กซัส ในเมืองเออร์วิง รัฐเทกซัส และได้เป็นเพื่อนกับโทนี โรโม ควอร์เตอร์แบ็ก แห่งทีมดัลลัส คาวบอยส์ [43] และได้ไปร่วมงานวันเกิดของเขา เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2007 และวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2007 เขาได้ไปงาน Academy of Country Music Awards กับเธอ อันเดอร์วูดกับโรโมมีข่าวลือว่าคบกันตลอดปีค.ศ. 2007 ถึงแม้ว่าอันเดอร์วูดจะปฏิเสธข่าวลือนั้น แต่โรโมยืนยันบนเว็บไซต์ของเขาว่า "ผมกำลังคบกับแคร์รี อันเดอร์วูดอยู่" และยังบอกกับหนังสือพิมพ์อิลลินอยส์ว่าเขากำลังคบกับอันเดอร์วูดอยู่ [44] ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2007 อันเดอร์วูดเริ่มคบกับเชส ครอว์ฟอร์ด นักแสดงซีรีย์เรื่องกอสซิปเกิร์ล และในวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2007 นิตยสารพีเพิลรายงานว่าทั้งคู่เดินจับมือกันในเมืองนิวยอร์ก [45] อย่างไรก็ดีทั้งคู่ก็ได้จบความสัมพันธ์ลงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปีค.ศ. 2008 [46]

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2009 อันเดอร์วูดหมั้นกับไมค์ ฟิชเชอร์ นักกีฬาฮอกกี้ทีมแนชวิลล์ เพรเดเตอร์ส (ตอนหมั้นอยู่ทีมออตตาวา เซเนเตอร์ส) พวกเขาเริ่มคบกันหลังจากที่เจอกันในคอนเสิร์ตของอันเดอร์วูดในช่วงปีค.ศ. 2008 [47] อันเดอร์วูดและฟิชเชอร์ได้ปรากฏตัวด้วยกันครั้งแรกต่อหน้าสาธารณชนในเดือนมกราคม ค.ศ. 2010 (ที่ Bell Sens Soiree งานการกุศลประจำปีของทีมเซเนเตอร์สในแมืองกาติโน ออตตาวา) [48] หลังจากที่ปรากฏตัวด้วยกันที่งาน CMT Awards ในเดือนมิถุนายน ปีค.ศ. 2010 อันเดอร์วูดบอกผู้สื่อข่าวว่าฟิชเชอร์กำลังมีแผนสำหรับฮันนีมูนของเขาทั้งสองคนหลังงานแต่ง [49]

วันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 อันเดอร์วูดและฟิชเชอร์ได้แต่งงานกันที่ The Ritz-Carlton Lodge, Reynolds Plantation ในเมืองกรีนส์โบโร รัฐจอร์เจีย โดยมีผู้ร่วมงานมากกว่า 250 คน ทั้งผู้เล่นในเอ็นเอชแอล, ทิม แมคกรอว์, เฟธ ฮิลล์, การ์ธ บรู๊กส์, ผู้เข้าแข่งขันอเมริกันไอดอล, พอลลา อับดุล, ไซมอน คาวเวลล์ และแรนดี แจ็คสัน [50][51] ทั้งคู่ให้คำพูดกับนิตยสารพีเพิลโดยลงชื่อ "Mike & Carrie Fisher" ว่า "เราทั้งคู่คงไม่มีความสุขไปมากกว่าการที่เราได้พบกัน และแบ่งปันวันนี้กับเพื่อนและครอบครัวของเราซึ่งนั่นมีความหมายสำหรับเรามาก" ตามนิตยสารพีเพิล Monique Lhuillier ได้ตัดชุดลายลูกไม้ให้กับอันเดอร์วูด และได้ออกแบบชุดให้กับเพื่อนเจ้าสาวอีกด้วย ในงานแต่งมีการเล่นเพลงคลาสสิกและคำอ่านของคัมภีร์ไบเบิลในท่อนที่ทั้งคู่ชอบ [52][53] อันเดอร์วูดสร้างความประหลาดใจให้ฟิชเชอร์โดยการนำแบรนดอน ฮีธหนึ่งในร้องที่ทั้งคู่ชอบมาร้องเพลง "Love Never Fails" ในการเต้นรำเพลงแรก [54]

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 สถานีวิทยุออตตาวา (105.3 CISS-FM) ระงับการเล่นเพลงของอันเดอร์วูดเพราะฟิชเชอร์โดนเทรดให้ทีมแนชวิลล์ เพรเดเตอร์ส แต่เนื่องจากการคุกคามของแฟนคลับในเฟสบุ๊ก ว่าจะไม่เปิดไปฟังสถานีดังกล่าว ต่อมาสถานีจึงเปลี่ยนแปลงมาเปิดเพลงของอันเดอร์วูดตามเดิม สถานีได้ออกมาขอโทษกับการกระทำ โดยตามคำแถลงการณ์บอกว่าเป็นแค่มุขตลกเท่านั้น การไม่เล่นเพลงของอันเดอร์วูดคือการอำลาฟิชเชอร์ให้โชคดีในแนชวิลล์ [55][56] ฟิชเชอร์ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สถานีภายหลังว่า "แคร์รีไม่ได้ทำอะไรในการย้ายหรือเทรดหรืออะไรทั้งนั้น การพูดแบบนั้นมันไม่เหมาะสม" ทั้งเขาและอันเดอร์วูดผิดหวังที่สถานีทำแบบนั้น [57][58] อันเดอร์วูดได้รับเลือกจากนิตยสาร The Hockey News ให้เป็น 100 คนที่ทรงอิทธิพลในวงการฮอกกี้น้ำแข็ง โดยอยู่อันดับที่ 85 [59]

ความสนใจส่วนตัว

อันเดอร์วูดเป็นคนรักสัตว์และรับประทานอาหารมังสวิรัติ เธอไม่ทานเนื้อสัตว์ตั้งแต่อายุ 13 ปี เพราะเธอทนไม่ได้ที่ต้องทานสัตว์ที่เธอเลี้ยง เธอได้รับการโหวตให้เป็น "คนทานมังสวิรัติที่เซ็กซี่ที่สุดในโลก (World's Sexiest Vegetarian)" โดย PETA ในปีค.ศ. 2007 เป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกในปีค.ศ. 2005 ได้ตำแหน่งร่วมกับคริส มาร์ติน นักร้องนำวงโคลด์เพลย์ [60] ในปีค.ศ. 2007 อันเดอร์วูดให้สัมภาษณ์กับ PETA ว่า "ตั้งแต่ฉันเป็นเด็กฉันก็รักสัตว์มาตลอด [...] ถ้าคุณบอกฉันว่าฉันไม่สามารถร้องเพลงได้อีก ฉันคงบอกว่ามันแย่ แต่มันไม่ใช่ชีวิตของฉัน ถ้าคุณบอกฉันว่าฉันไม่สามารถยุ่งกับสัตว์ได้อีก ฉันคงอยากตาย" [61] อันเดอร์วูดเป็นผู้สนับสนุนให้องค์กร Humane Society of the United States (HSUS) และได้ทำโฆษณาหลายตัวให้องค์กร [62] อันเดอร์วูดยังทำโฆษณา "Protect Your Pets" ให้องค์กร Do Something ด้วย [63]

อันเดอร์วูดบอกว่าเธอมีความสนใจในกีฬา ในปีค.ศ. 2005 เธอได้ไปแสดงเพลง "เดอะสตาร์สแปงเกิลด์แบนเนอร์" ในเกม 4 ของรอบชิงชนะเลิศเอ็นบีเอ ระหว่าง ซานแอนโตนิโอ สเปอรส์ กับ ดีทรอยต์ พิสตันส์ [64] และในปีค.ศ. 2006 ในเกมรวมดาราเอ็นบีเอ [65] เธอยังได้แสดงเพลง "เดอะสตาร์สแปงเกิลด์แบนเนอร์" ในรอบชิงชนะเลิศเอ็นเอฟซี ระหว่าง ซีแอตเติล ซีฮอกส์ กับ คาโรไลนา แพนเทอร์ส ในปีค.ศ. 2006 เช่นกัน [66] และยังแสดงที่นาสคาร์, [67] ในเกมรวมดาราเอ็มแอลบี ที่เมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพ็นซิลเวเนีย และ เกม 3 ของการแข่งเวิลด์ซีรีส์ ปีค.ศ. 2007 ระหว่าง บอสตัน เรดซอกซ์ กับ โคโลราโด ร็อคกีส์ [68] เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 อันเดอร์วูดได้แสดงเพลงชาติในซูเปอร์โบวล์ XLIV [69]

เพื่อหารายได้ให้กับงานวิจัยมะเร็ง ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 อันเดอร์วูดได้ร่วมงานกับ บียอนเซ่, มารายห์ แครี, แมรี เจ. ไบลจ์ และนักร้องหญิงคนอื่นอีกเพื่อบันทึกเพลง "Just Stand Up!" โดยรายได้นั้นจะนำไปให้ทาง Stand Up to Cancer (SU2C) [70] ซึ่งเพลงนี้ได้ขึ้นสูงสุดที่อันดับ 11 ในบิลบอร์ดฮอต 100 ในเดือนสิงหาคม ปีค.ศ. 2009 อันเดอร์วูดได้ก่อตั้งมูลนิธิ Checotah Animal Town and School (C.A.T.S.) เพื่อหารายได้ให้กับเมืองเกิดของเธอ ในวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 2009 อันเดอร์วูดได้ไปเยี่ยมโรงเรียนมัธยมปลายชีโคตากับ รอบิน โรเบิร์ตส์ ผู้อ่านข่าวช่องเอ็นบีซี ซึ่งเธอได้ร้องเพลงกับเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งต่อหน้านักเรียนและคณะครู และได้บริจาคเครื่องดนตรีมูลค่ามากกว่า 117,000 ดอลลาร์สหรัฐให้แก่โรงเรียน 3 แห่งในเมืองชีโคตา อันเดอร์วูดได้เล่นซอฟต์บอลในงานประจำปี City of Hope Celebrity Softball เพื่อการกุศลเป็นเวลาหลายปี ซึ่งงานนี้จัดที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี และรายได้ที่รับนำไปให้งานวิจัยโรคที่ก่อให้เกิดการเสียชีวิต [71] ในช่วงวันหยุดปีค.ศ. 2011 มูลนิธิ C.A.T.S. ของเธอ ได้บริจาคเงินจำนวน 350,000 ดอลลาร์สหรัฐให้แก่โรงเรียนในเมืองชีโคตา [72] ในวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 2012 อันเดอร์วูดได้เขียนบล็อกในเว็บไซต์ของเธอว่าเธอได้ช่วยสุนัขที่ถูกปล่อยบนถนนทางหลวง โดยเธอเห็นสุนัข 2 ตัว บนถนนขณะที่เธอกำลังเดินทางไปบ้านพ่อแม่พร้อมกับสุนัขของเธอ (เอส กับ เพนนี) "ฉันคิดว่าสุนัขถูกโยนทิ้งจากรถลงบนถนนทางหลวงโดยเจ้าของของมัน" ตัวหนึ่งตายไปแล้วแต่เธอก็นำอีกตัว (เลือดไหลและไม่มีแรงอย่างมาก) เข้าไปในรถของเธอ เธอตั้งชื่อลูกสุนัขนั้นว่าสเตลลาและพามันไปหาหมอและดูแลมันเป็นอย่างดี ในเวลาไม่กี่วันเธอได้หาบ้านใหม่ให้กับสุนัข เธอเขียนว่า "ฉันร้องไห้ตอนที่มันเดินออกจากประตูไป" [73]

อันเดอร์วูดยอมรับการแต่งงานเพศเดียวกัน เธอบอกกับหนังสือพิมพ์ ดิอินดิเพนเดนท์ ของประเทศอังกฤษ ว่า "ในฐานะคนแต่งงาน ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไรที่ฉันไม่สามารถแต่งงานกับคนที่ฉันรักและอยากแต่งงานด้วยได้ ฉันนึกไม่ออกว่ามันจะเจ็บปวดขนาดไหน ฉันคิดจริงๆ ว่าเราควรมีสิทธิ์ที่จะรัก และรักอย่างเปิดเผย" อันเดอร์วูดยังกล่าวต่อว่า "โบสถ์ที่ฉันไปมีเกย์ที่เป็นมิตร เบื้องบนพระเจ้าอยากให้เรารักคนอื่น มันไม่ได้มีกฏ หรือ 'ทุกคนจะต้องเป็นอย่างฉันนะ' ไม่ เราทุกคนต่างกัน นั่นทำให้เราพิเศษ เราต้องรักกันและเป็นมิตรกัน ฉันไปตัดสินใครไม่ได้" [74]

ผลงานเพลง

อัลบั้ม

ผลงานการแสดง

ปี ผลงานที่ปรากกฏ บทบาท หมายเหตุ
2005 อเมริกันไอดอล ผู้เข้าแข่งขัน ชนะเลิศรายการอเมริกันไอดอลฤดูกาลที่ 4
2007 Saturday Night Live นักร้องรับเชิญ
2009 Carrie Underwood: An All-Star Holiday Special ตัวเอง
2010 How I Met Your Mother ทิฟฟานี่ ตอน: "Hooked"
Sesame Street แคร์รี อันเดอร์เวิร์ม
The Buried Life ตัวเอง
Extreme Makeover: Home Edition ตัวเอง
2011 Soul Surfer (film) ซาร่าห์ ฮิล แสดงภาพยนตร์เรื่องแรก
Blue Bloods (TV series) ตัวเอง
2012 CMT Crossroads (กับ สตีเวน ไทเลอร์) ตัวเอง From the Pepsi Super Bowl Fan Jam
Oprah's Next Chapter ตัวเอง
Behind the Music ตัวเอง

ทัวร์

รางวัล


ก่อนหน้า แคร์รี อันเดอร์วูด ถัดไป
แฟนตาเซีย บาร์ริโน
ผู้ชนะเลิศรายการอเมริกันไอดอลฤดูกาลที่ 4
(2005)
เทย์เลอร์ ฮิกส์

อ้างอิง

  1. Inductees. Oklahomamusichalloffame.com. Retrieved on 2011-08-22.
  2. http://billboard.tumblr.com/post/20988952595/get-a-sneak-peek-at-our-carrie-underwood-cover
  3. "Chart success continues for Carrie Underwood". Country Standard Time News. February 15, 2006. สืบค้นเมื่อ August 6, 2007.
  4. 4.0 4.1 "News : Headlines : Carrie Underwood Sets Sales Record : Great American Country". Gactv.com. February 8, 2008. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  5. Grein, Paul (2012-03-16). "Chart Watch Extra: Top Albums Of Last 10 Years | Chart Watch (NEW) - Yahoo! Music". Music.yahoo.com. สืบค้นเมื่อ 2012-03-22.
  6. 6.0 6.1 RIAA Search – Carrie Underwood. Riaa.com. Retrieved on 2011-08-22.
  7. http://www.billboard.com/news/kelly-clarkson-s-stronger-becomes-best-selling-1007498952.story#/news/kelly-clarkson-s-stronger-becomes-best-selling-1007498952.story
  8. Carrie Underwood Surpasses Kelly Clarkson as Idol's Biggest Earner. Hollywood Reporter. Retrieved on 2011-08-22.
  9. http://riaa.com/goldandplatinumdata.php?resultpage=1&table=SEARCH_RESULTS&action=&title=&artist=Underwood,%20Carrie&format=&debutLP=&category=&sex=&releaseDate=&requestNo=&type=&level=&label=&company=&certificationDate=&awardDescription=&catalogNo=&aSex=&rec_id=&charField=&gold=&platinum=&multiPlat=&level2=&certDate=&album=&id=&after=&before=&startMonth=1&endMonth=1&startYear=1958&endYear=2008&sort=Artist&perPage=25%22
  10. http://www.billboard.com/charts/country-songs#/charts/country-songs?chartDate=2012-06-16
  11. February 26, 2010; Written by Edward Morris (February 26, 2010). "News : Sony Music Nashville's Nautical Follies Add Rocker Bryan Adams to the Musical Mix". CMT. สืบค้นเมื่อ January 6, 2011.{{cite web}}: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์)
  12. http://www.carrieunderwoodofficial.com/us/news/good-girl-cmt-record
  13. "Most country no.1s for a female artist in the US". Guinnessworldrecords.com. 2010-01-01. สืบค้นเมื่อ 2012-03-17.
  14. http://www.billboard.com/charts/country-songs#/news/country-countdown-carrie-underwood-scores-1007259352.story
  15. "Music Charts, Most Popular Music, Music by Genre & Top Music Charts". Billboard. December 31, 2009. สืบค้นเมื่อ January 6, 2011.
  16. "Music Charts, Most Popular Music, Music by Genre & Top Music Charts". Billboard. December 31, 2009. สืบค้นเมื่อ January 6, 2011.
  17. "Music Charts, Most Popular Music, Music by Genre & Top Music Charts". Billboard. December 31, 2009. สืบค้นเมื่อ January 6, 2011.
  18. Introducing the Queen of Pop | Rolling Stone Music. Rollingstone.com. Retrieved on 2011-08-22.
  19. 1. Carrie Underwood ($20 million) - Zack O'Malley Greenburg. Forbes. Retrieved on 2011-08-22.
  20. "Carrie Underwood - People.com". People. สืบค้นเมื่อ 2008-06-21.
  21. "CMT.com — Biography". Country Music Television. สืบค้นเมื่อ June 21, 2008.
  22. "Carrie Underwood 1983-". Biography Today. Omnigraphics, Inc. 16 (2): 143. 2007. ISSN 1058-2347.
  23. 23.0 23.1 Biography Today, p.144
  24. 24.0 24.1 "Carrie Underwood". BuddyTV.com. สืบค้นเมื่อ 2008-06-21.
  25. "Carrie Underwood's Biography". Lastfm.com. สืบค้นเมื่อ 2008-06-21.
  26. 26.0 26.1 26.2 Biography Today, p.145
  27. "Country singer Carrie Underwood graduates". The Associated Press. May 7, 2006. สืบค้นเมื่อ 2007-08-06.
  28. Email This (June 11, 2008). "25 Things We Didn't Know About Carrie Underwood". The Boot. สืบค้นเมื่อ January 6, 2011.
  29. "Shining Sigmas".
  30. "It's My Life". PBS Kids. สืบค้นเมื่อ 2007-08-06. I was also a hospice volunteer and I got that through the sorority. You go and take care of people that are really sick. They don't want to be in the hospital anymore. It's just kind of about making them comfortable.
  31. "Carrie Underwood Is America's 'Idol'". Fox News. May 26, 2005. สืบค้นเมื่อ 2007-12-15.
  32. Edward Wyatt (May 24, 2008). "'Idol' Tries to Keep Viewers Guessing". New York Times. สืบค้นเมื่อ 2008-05-24.
  33. Biography Today, p. 148
  34. "Carrie Underwood's Album Is Quintuple Platinum". CMT. January 10, 2007. สืบค้นเมื่อ August 6, 2007.
  35. "Carrie Underwood's Some Hearts Hits 7 Million, Becoming the Best-Selling Solo Female Country Debut in RIAA History! | The Official Carrie Underwood Site". Carrieunderwoodofficial.com. 2005-11-15. สืบค้นเมื่อ 2012-03-17.
  36. 36.0 36.1 "94.9 The Bull, The Most Country Guaranteed!". Bullatlanta.com. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  37. "Recording Industry Association of America". RIAA. สืบค้นเมื่อ 2012-03-17.
  38. Grein, Paul (2011-04-07). "Chart Watch Extra: Lady A Makes Country History | Chart Watch - Yahoo! Music". New.music.yahoo.com. สืบค้นเมื่อ 2012-03-17.
  39. "Recording Industry Association of America". RIAA. สืบค้นเมื่อ 2012-03-17.
  40. "Carrie Underwood Dials Up Two Platinum Ringtones – Show and Alumni News". American Idol. August 28, 2008. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  41. http://www.cbn.com/cbnnews/us/2011/April/Soul-Surfers-Carrie-Underwood-Talks-about-Faith/
  42. http://www.christianpost.com/news/carrie-underwood-my-fiance-improved-my-walk-with-god-44038/
  43. "Lone Star Fun". People. April 25, 2007. สืบค้นเมื่อ August 6, 2007.
  44. "Carrie Underwood, Tony Romo Hit the Red Carpet". ExtraTV. May 16, 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ June 19, 2007. สืบค้นเมื่อ August 6, 2007.
  45. Caplan, David (October 17, 2007). "Carrie Underwood on Chace Crawford: 'He's Really Cute' – Caught in the Act, Carrie Underwood". People. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  46. "Carrie and Chace Are Dunzo!", Hollyscoop.com, March 25, 2008.
  47. Lofaro, Tony (December 22, 2009). "Mike Fisher and Carrie Underwood engaged". Ottawacitizen.com. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  48. Bartolomeo, Joey (January 26, 2010). "Carrie Underwood and Mike Fisher's Date Night". People. สืบค้นเมื่อ July 10, 2010.
  49. "Carrie Underwood: My Fiance's Planning a "Surprise" Honeymoon". UsMagazine.com.
  50. By QMI Agency. "Underwood, Fisher tie the knot | Celebrities | Entertainment". Toronto Sun. สืบค้นเมื่อ January 6, 2011.
  51. "Carrie Underwood Marries Hockey Beau Mike Fisher in Southern Ceremony". Billboard.
  52. Finan, Eileen (July 10, 2010). "Carrie Underwood Gets Married in Southern Style – Weddings, Carrie Underwood". People. สืบค้นเมื่อ January 6, 2011.
  53. "News – Carrie Underwood and Mike Fisher Tie the Knot! – Style & Beauty". UsMagazine.com. สืบค้นเมื่อ January 6, 2011.
  54. "Brandon Heath Sings at Carrie Underwood's Wedding". Clash Entertainment. January 18, 2010. สืบค้นเมื่อ February 11, 2011.
  55. "OFFSTAGE: Radio Station's Carrie Underwood Ban Was Unreal". CMT: Country Music Television. February 11, 2011. สืบค้นเมื่อ February 11, 2011.
  56. "Ottawa radio station bans Carrie Underwood music after Sens trade". The Canadian Press. February 11, 2011. สืบค้นเมื่อ February 11, 2011.
  57. "Carrie Underwood's Husband Thanks God for Nashville Move". The Boot. February 21, 2011. สืบค้นเมื่อ February 21, 2011.
  58. "Carrie Underwood celebrates husband Mike Fisher's ice hockey goal in Nashville". Daily Mail. UK. February 19, 2011. สืบค้นเมื่อ February 19, 2011.
  59. The Hockey News, Issue Date: January 16, 2012, Volume 65, Number 14, Senior Editor: Brian Costello, Published by Transcontinental Medial, p. 29
  60. "Past 'Sexiest Vegetarian Alive' Winners". PETA. สืบค้นเมื่อ August 6, 2007.
  61. "Carrie Underwood: A Vegetarian Success Story". People for the Ethical Treatment of Animals. สืบค้นเมื่อ December 6, 2007.
  62. "Star Power: Hollywood's Response to Help Pets Hurt by Katrina". The Humane Society of the United States. สืบค้นเมื่อ August 6, 2007.
  63. "Carrie Underwood Protects Pets". Do Something. สืบค้นเมื่อ November 22, 2006.
  64. "American Idol | Carrie Underwood Sings National Anthem at NBA Finals". Reality-tv-online.com. June 18, 2005. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  65. "John Legend and Carrie Underwood Headline 2006 NBA All-Star Game Halftime Show; Artists Join All-Star Lineup of Talent Performing During NBA All-Star 2006 Festivities Including Destiny's Child and Andrea Bocelli | Business Wire | Find Articles at BNET". Findarticles.com. February 15, 2006. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  66. "Apart Of Carrie-Underwood.Org – 01/22/06 – NFC Championship Game – Carolina Panthers vs Seattle Seahawks". CarriePhotos.Com. December 4, 2005. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  67. By Carla H. (May 28, 2006). "Carrie Underwood at NASCAR Nextel Cup Series Coca-Cola 600". myLifetime.com. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  68. "Carrie Underwood Sings The National Anthem, Game 3 World Series, Denver CO". mjsbigblog. สืบค้นเมื่อ March 22, 2010.
  69. "Underwood, Latifah sing at Super Bowl". ESPN. Associated Press. January 28, 2010.
  70. [AACR, Stand Up To Cancer] [1]
  71. "City of Hope Softball". About.com.
  72. Email This (2012-01-05). "Carrie Underwood Helps Hometown Schools in Need". The Boot. สืบค้นเมื่อ 2012-03-17.
  73. Carrie Underwood Rescues Abandoned Dog Along Highway, By Rolling Stone January 10, 2012
  74. Adams, Guy. "Carrie Underwood: US country queen speaks out for gay marriage – but how will conservative fans take it?". The Independent. สืบค้นเมื่อ 9 June 2012.

แหล่งข้อมูลอื่น

แม่แบบ:Link GA