ผลต่างระหว่างรุ่นของ "งูหลามปากเป็ด"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ล replaceViaLink: คอมมอนส์-หมวดหมู่ |
||
บรรทัด 40: | บรรทัด 40: | ||
ไฟล์:Head-Python brongersmai.jpg|ส่วนหัวของชนิด ''P. c. brongersmai'' |
ไฟล์:Head-Python brongersmai.jpg|ส่วนหัวของชนิด ''P. c. brongersmai'' |
||
</gallery> |
</gallery> |
||
{{ |
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่|Python curtus}} |
||
==อ้างอิง== |
==อ้างอิง== |
||
{{รายการอ้างอิง}} |
{{รายการอ้างอิง}} |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:30, 23 กันยายน 2555
งูหลามปากเป็ด | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Animalia |
ไฟลัม: | Chordata |
ชั้น: | Reptilia |
อันดับ: | Squamata |
อันดับย่อย: | Serpentes |
วงศ์: | Pythonidae |
สกุล: | Python |
สปีชีส์: | P. curtus |
ชื่อทวินาม | |
Python curtus Schlegel, 1872 | |
ชนิดย่อย | |
| |
แผนที่แสดงการกระจายพันธุ์ของงูหลามปากเป็ด | |
ชื่อพ้อง | |
งูหลามปากเป็ด (อังกฤษ: Blood python) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Python curtus เป็นงูไม่มีพิษ มีลำตัวที่อ้วน หนา กว่างูหลามและงูเหลือม แต่มีหางที่สั้นแลดูไม่สมส่วน และมีลวดลายที่แปลกออกไป มีหลายหลากสี ทั้งน้ำตาล แดง เหลือง ส้ม หรือ เขียว โดยงูแต่ละตัวจะมีสีสันและลวดลายต่างกันออกไป ขนาดโตเต็มที่ได้ประมาณ 1.50 เมตร จัดเป็นงูที่มีขนาดที่สุดในสกุลนี้
พบในประเทศไทยตั้งแต่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไป จนถึงมาเลเซียและสิงคโปร์ เป็นงูที่ไม่ค่อยขึ้นต้นไม้ มักจะซุ่มรออาหารตามพื้นดินที่เฉอะแฉะใกล้แหล่งน้ำ[1] ที่โดยมากเป็นสัตว์เลือดอุ่นขนาดเล็ก งูหลามปากเป็ดวางไข่ครั้งละประมาณ 30-50 ฟอง [2]
มีสายพันธุ์ย่อย 3 สายพันธุ์ คือ P. c. curtus, P. c. breitensteini พบในบอร์เนียว และ P. c. brongersmai พบในเพนนิซูล่าของมาเลเซียและสิงคโปร์ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 นิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ที่นิยมสัตว์เลื้อยคลานเพราะมีความสวยงาม
ซึ่งในบางข้อมูลจะให้สายพันธุ์ย่อยทั้ง 3 สายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ใหม่ต่างหากไปเลย[3] [4]
รูปภาพ
-
ส่วนหัวของชนิด P. c. curtus
-
ส่วนหัวของชนิด P. c. breitensteini
-
ส่วนหัวของชนิด P. c. brongersmai