ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มหาวิหารเคอนิชส์แบร์ค"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
EmausBot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.7.2+) (โรบอต แก้ไข: ru:Кёнигсбергский собор
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
replaceViaLink: คอมมอนส์-หมวดหมู่-บรรทัด
บรรทัด 88: บรรทัด 88:


== แหล่งข้อมูลอื่น ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{Commonscat-inline|Königsberg Cathedral|เคอนิกสแบร์ก}}
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่-บรรทัด|Königsberg Cathedral|เคอนิกสแบร์ก}}
* [http://commons.wikimedia.org/wiki/Church_architectural_elements พจนานุกรมศัพท์สถาปัตยกรรมคริสต์ศาสนา]
* [http://commons.wikimedia.org/wiki/Church_architectural_elements พจนานุกรมศัพท์สถาปัตยกรรมคริสต์ศาสนา]



รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:38, 23 กันยายน 2555

มหาวิหารเคอนิกสแบร์ก
Кафедральный собор Кёнигсберга
Königsberger Dom
มหาวิหารเคอนิกสแบร์ก
แผนที่
แม่แบบ:Coor dms
ที่ตั้งคาลินกราด
ประเทศธงของประเทศรัสเซีย รัสเซีย
นิกายรัสเซียออร์โธด็อกซ์
สถานะมหาวิหาร
ประเภทสถาปัตย์แผนผัง
รูปแบบสถาปัตย์กอธิค
ปีสร้างค.ศ. 1333ค.ศ. 1380

มหาวิหารเคอนิกสแบร์ก (รัสเซีย: Кафедральный собор Кёнигсберга, เยอรมัน: Königsberger Dom, อังกฤษ: Königsberg Cathedral) เป็นคริสต์ศาสนสถานนิกายรัสเซียออร์โธด็อกซ์ที่มีฐานะเป็นมหาวิหาร[1]ที่ตั้งอยู่ที่เมืองคาลินกราด (เดิมเคอนิกสแบร์กในเยอรมนี) บนเกาะเพรเกิล (เพรโกลยา) ในสหพันธรัฐรัสเซีย หรือเรียกว่าคไนพ์ฮอฟในภาษาเยอรมัน

ประวัติ

คริสต์ศตวรรษที่ 14 จนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง

มหาวิหารเคอนิกสแบร์กสร้างขึ้นแทนที่มหาวิหารเดิมที่มีขนาดเล็กกว่าหลังจากที่โยฮันน์ คลาเรอสังฆราชแห่งแซมเบีย (Sambia) ในรัสเซียมีความประสงค์ที่จะสร้างวัดที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ต่อมามหาวิหารเดิมที่มีขนาดเล็กกว่าที่ตั้งอยู่ที่บริเวณเมืองเก่าของเคอนิกสแบร์กก็ถูกรื้อ และ นำเอาวัสดุมาสร้างมหาวิหารใหม่

การก่อสร้างมหาวิหารเริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1333 บริเวณเนื้อที่ที่สร้างเป็นดินเลนฉะนั้นจึงต้องมีการตอกด้วยเสาเข็มที่ทำด้วยไม้โอ้คเป็นจำนวนร้อยๆ ต้นก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างได้ หลังจากเวลาเพียงเกือบ 50 ปี ส่วนใหญ่ของมหาวิหารก็สร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1380 แต่งานจิตรกรรมฝาผนังภายในทำต่อมาจนกระทั่งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14

บริเวณร้องเพลงสวดตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังจากคริสต์ศตวรรษที่ 14 และ 15 งานสลักไม้เป็นแบบปลายสมัยกอธิคและงานอนุสรณ์แบบเรอเนสซองซ์แกะสลักโดยคอร์เนเลียส โฟลริส เดอ วเรียนดท์ในปี ค.ศ. 1570

เดิมมหาวิหารเมีหอยอดแหลมสองหอทางเหนือและใต้ทางด้านหน้า แต่ในปี ค.ศ. 1544 หอทั้งสองถูกเพลิงไหม้เสียหาย หอใต้ได้รับการสร้างใหม่แต่หอเหนือสร้างแทนด้วยหลังคาจั่วอย่างง่ายๆ ในปี ค.ศ. 1640 ก็ได้สร้างนาฬิกาภายใต้จั่วที่สร้างใหม่ และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1650 ก็ได้ตั้งหอสมุดขึ้นภายใต้จั่วที่่มาจากห้องสมุดวอลเล็นโรดท์ที่อุทิศให้แก่วัดโดยมาร์ติน ฟอน วอลเล็นโรดท์ การติดตั้งออร์แกนทำในปี ค.ศ. 1695 และต่อมาใน19 ก็ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์

เมื่อวันที่ 27 กันยายน ค.ศ. 1523 โยฮันน์ ไบรสมันน์ทำการเทศนาแบบลูเทอรันขึ้นเป็นครั้งแรก และตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึง ค.ศ. 1945 มหาวิหารก็กลายเป็นมหาวิหารโปรเตสแตนต์.

ระเบียงภาพก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง

สงครามโลกครั้งที่สอง

ในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 เรือบินทั้งระเบิดของบริติชก็ทำการทิ้งระเบิดที่เคอนิกสแบร์กอยู่สองคืน คืนแรกในคืนวันที่ 26/27 สิงหาคมส่วนใหญ่ไม่ลงในตัวเมือง แต่คืนที่สองในวันที่ 29/30 สิงหาคมทำลายบริเวณตัวเมืองเก่าของเคอนิกสแบร์ก (รวมทั้งคไนพ์ฮอฟ) รวมทั้งมหาวิหาร ผู้คนและส่วนใหญ่ที่เป็นเด็กราวร้อยคนที่หนีเข้ามาหลบภัยอยู่ในวัดภายใต้หอแหลมเสียชีวิตไปกับระเบิด

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

หลังสงครามแล้วมหาวิหารก็ยังคงอยู่ในสภาพที่เป็นโครงสร้างที่ถูกเพลิงไหม้ และคไนพ์ฮอฟก็ทำเป็นอุทยานโดยไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่นใด ก่อนสงครามคไนพ์ฮอฟมีตึกจำนวนหลายตึกๆ หลังหนึ่งเป็นตึกมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตินาหลังแรก ที่อิมมานูเอิล คานท์ทำการสอน ซึ่งเป็นตึกที่ตั้งอยู่ติดกับด้านตะวันออกของมหาวิหาร

ไม่นานหลังจากคาลินกราดเปิดให้ชาวต่างประเทศเข้าได้เมื่อต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 การก่อสร้างมหาวิหารใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้นหอยอดแหลมได้รับการติดตั้งใหม่โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ในปี ค.ศ. 1994 ในปี ค.ศ. 1995 ก็ได้มีการติดตั้งนาฬิการใหม่ที่มีระฆังสี่ใบ (1,180 กิโลกรัม, 700 กิโลกรัม, 500 กิโลกรัม และ 200 กิโลกรัม) ที่หล่อขึ้นในปี ค.ศ. 1995 นาฬิกาตีทุกสิบห้านาที เมื่อครบชั่วโมงก็จะเล่นโน้ตตัวแรกซิมโฟนีหมายเลขหมายเลข 5 โดยลุดวิจ ฟาน เบโทเฟิน ตามด้วยระฆังเสียงเดียวตีบอกจำนวนชั่วโมง ระหว่างปี ค.ศ. 1996 ถึงปี ค.ศ. 1998 ก็ได้มีการปูหลังคา และ สร้างหน้าต่างประดับกระจกสีใหม่

ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์คือการทรุดตัวของพื้นดินภายใต้มหาวิหารที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมา แม้ในขณะที่ยังอยู่ในความครอบครองของเยอรมนี ที่เริ่มเห็นได้ชัดขึ้น

ในปัจจุบันมหาวิหารมีชาเปลสองชาเปลๆ หนึ่งสำหรับลูเทอรัน อีกชาเปลหนึ่งสำหรับรัสเซียออร์โธด็อกซ์ และพิพิธภัณฑ์ ที่ตั้งของชาเปลของลูเทอรันเป็นที่ที่มีผู้เสียชีวิตระหว่างการทั้งระเบิดในปลายเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 นอกจากนั้นแล้วมหาวิหารก็ยังใช้สำหรับการแสดงคอนเสิร์ตด้วย

Kant's Tomb

อนุสรณ์ของอิมมานูเอิล คานท์

อนุสรณ์ของนักปรัชญาอิมมานูเอิล คานท์ “ปรมาจารย์แห่งเคอนิกสแบร์ก” ในปัจจุบันเป็นมอโซเลียมตั้งติดกับทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของมหาวิหาร มอโซเลียมสร้างโดยสถาปนิกฟรีดริช ลาห์รส เสร็จในปี ค.ศ. 1924 ทันเวลาครบรอบสองร้อยปีของการเกิดของคานท์ เดิมร่างของคานท์ฝังอยู่ภายในมหาวิหาร แต่ในปี ค.ศ. 1880 ร่างของคานท์ก็ถูกย้ายออกไปภายนอกไปตั้งไว้ในชาเปลแบบฟื้นฟูกอธิคติดกับทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของมหาวิหาร แต่เมื่อเวลาผ่านไปชาเปลก็อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมและในที่สุดก็ต้องถูกรื้อทิ้งเพื่อสร้างใหม่เป็นมอโซเลียม

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เคอนิกสแบร์ก

ระเบียงภาพ

แม่แบบ:Link FA