ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เด็กหญิงกำพร้าในสุสาน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Sammyday (คุย | ส่วนร่วม)
image
OctraBot (คุย | ส่วนร่วม)
replaceViaSearch
บรรทัด 13: บรรทัด 13:
แม้ว่าจะเชื่อกันว่าเป็นงานร่างสีน้ำมันสำหรับงาน “[[The Massacre at Chios|การสังหารหมู่ที่คิออส]]” แต่ “เด็กหญิงกำพร้าในสุสาน” เองก็ยังถือกันว่าเป็นงานชิ้นเอก บรรยากาศในภาพเป็นบรรยากาศที่แสดงถึงความกลัวที่กำจายออกมาจากภาพ ดวงตาของสตรีอันในภาพหล่อด้วยน้ำตาขณะที่แหงนมองขึ้นไปอย่างประหวั่น ฉากหลังของภาพของบรรยากาศของความเศร้าหมอง ขณะที่ท้องฟ้าเป็นท้องฟ้ายามค่ำและลานที่ปราศจากผู้คน ภาษาร่างกายและเสื้อผ้าของเด็กสาวก่อให้ความรู้สึกของความโศรกเศร้า และความหวั่นไหว ที่รวมทั้งเสื้อที่ตกลงมาจากไหล่, มือขวาวางอย่างปล่อยๆ บนตัก เงาเหนือต้นคอ, ทางด้านขวาของร่างที่มืด และเสื้อที่มีสีเย็นและอ่อน สิ่งต่างๆ เหล่านี้รวมกันเข้าแล้วเน้นความรู้สึกสูญเสีย, ของความหวังอันไม่มีวันที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้, ความโดดเดี่ยว และ การขาดความช่วยเหลือ ขณะที่สตรีสาวมองไปยังบุคคลที่เราไม่ทราบว่าเป็นใครทางขวาของภาพ<ref name=Louvre/>
แม้ว่าจะเชื่อกันว่าเป็นงานร่างสีน้ำมันสำหรับงาน “[[The Massacre at Chios|การสังหารหมู่ที่คิออส]]” แต่ “เด็กหญิงกำพร้าในสุสาน” เองก็ยังถือกันว่าเป็นงานชิ้นเอก บรรยากาศในภาพเป็นบรรยากาศที่แสดงถึงความกลัวที่กำจายออกมาจากภาพ ดวงตาของสตรีอันในภาพหล่อด้วยน้ำตาขณะที่แหงนมองขึ้นไปอย่างประหวั่น ฉากหลังของภาพของบรรยากาศของความเศร้าหมอง ขณะที่ท้องฟ้าเป็นท้องฟ้ายามค่ำและลานที่ปราศจากผู้คน ภาษาร่างกายและเสื้อผ้าของเด็กสาวก่อให้ความรู้สึกของความโศรกเศร้า และความหวั่นไหว ที่รวมทั้งเสื้อที่ตกลงมาจากไหล่, มือขวาวางอย่างปล่อยๆ บนตัก เงาเหนือต้นคอ, ทางด้านขวาของร่างที่มืด และเสื้อที่มีสีเย็นและอ่อน สิ่งต่างๆ เหล่านี้รวมกันเข้าแล้วเน้นความรู้สึกสูญเสีย, ของความหวังอันไม่มีวันที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้, ความโดดเดี่ยว และ การขาดความช่วยเหลือ ขณะที่สตรีสาวมองไปยังบุคคลที่เราไม่ทราบว่าเป็นใครทางขวาของภาพ<ref name=Louvre/>


สำหรับเดอลาครัวซ์แล้ว สีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเขียนภาพ เพราะรสนิยมทางศิลปะและความเชื่อดังกล่าวเดอลาครัวซ์จึงไม่มีความอดทนที่จะสร้างรูปจำลองของสถาปัตยกรรมคลาสสิค เดอลาครัวซ์มีความนับถือและชื่นชม[[ปีเตอร์ พอล รูเบนส์]] และ ศิลปินเวนิส เดอลาครัวซ์ใช้สีอันมีสีสรรค์และหัวเรื่องที่เขียนที่แปลก (exotic themes) ในการเขียนภาพ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากสถานที่ต่างๆ ที่มีผลในงานเขียนที่วาววามและเต็มไปด้วยพลัง<ref name=NBK/>
สำหรับเดอลาครัวซ์แล้ว สีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเขียนภาพ เพราะรสนิยมทางศิลปะและความเชื่อดังกล่าวเดอลาครัวซ์จึงไม่มีความอดทนที่จะสร้างรูปจำลองของสถาปัตยกรรมคลาสสิค เดอลาครัวซ์มีความนับถือและชื่นชม[[ปีเตอร์ พอล รูเบนส์]] และ ศิลปินเวนิส เดอลาครัวซ์ใช้สีอันมีสีสันและหัวเรื่องที่เขียนที่แปลก (exotic themes) ในการเขียนภาพ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากสถานที่ต่างๆ ที่มีผลในงานเขียนที่วาววามและเต็มไปด้วยพลัง<ref name=NBK/>


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:43, 9 กันยายน 2555

เด็กหญิงกำพร้าในสุสาน
ศิลปินเออแฌน เดอลาครัวซ์
ปีค.ศ. 1823 - ค.ศ. 1824
ประเภทจิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบ
สถานที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ปารีส

เด็กหญิงกำพร้าในสุสาน[1] (อังกฤษ: Orphan Girl at the Cemetery หรือ Young Orphan Girl in the Cemetery[2]) เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่เขียนโดยเออแฌน เดอลาครัวซ์จิตรกรคนสำคัญชาวฝรั่งเศสของสมัยบาโรก ที่ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์, ปารีสในประเทศฝรั่งเศส

แม้ว่าจะเชื่อกันว่าเป็นงานร่างสีน้ำมันสำหรับงาน “การสังหารหมู่ที่คิออส” แต่ “เด็กหญิงกำพร้าในสุสาน” เองก็ยังถือกันว่าเป็นงานชิ้นเอก บรรยากาศในภาพเป็นบรรยากาศที่แสดงถึงความกลัวที่กำจายออกมาจากภาพ ดวงตาของสตรีอันในภาพหล่อด้วยน้ำตาขณะที่แหงนมองขึ้นไปอย่างประหวั่น ฉากหลังของภาพของบรรยากาศของความเศร้าหมอง ขณะที่ท้องฟ้าเป็นท้องฟ้ายามค่ำและลานที่ปราศจากผู้คน ภาษาร่างกายและเสื้อผ้าของเด็กสาวก่อให้ความรู้สึกของความโศรกเศร้า และความหวั่นไหว ที่รวมทั้งเสื้อที่ตกลงมาจากไหล่, มือขวาวางอย่างปล่อยๆ บนตัก เงาเหนือต้นคอ, ทางด้านขวาของร่างที่มืด และเสื้อที่มีสีเย็นและอ่อน สิ่งต่างๆ เหล่านี้รวมกันเข้าแล้วเน้นความรู้สึกสูญเสีย, ของความหวังอันไม่มีวันที่จะเป็นจริงขึ้นมาได้, ความโดดเดี่ยว และ การขาดความช่วยเหลือ ขณะที่สตรีสาวมองไปยังบุคคลที่เราไม่ทราบว่าเป็นใครทางขวาของภาพ[2]

สำหรับเดอลาครัวซ์แล้ว สีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเขียนภาพ เพราะรสนิยมทางศิลปะและความเชื่อดังกล่าวเดอลาครัวซ์จึงไม่มีความอดทนที่จะสร้างรูปจำลองของสถาปัตยกรรมคลาสสิค เดอลาครัวซ์มีความนับถือและชื่นชมปีเตอร์ พอล รูเบนส์ และ ศิลปินเวนิส เดอลาครัวซ์ใช้สีอันมีสีสันและหัวเรื่องที่เขียนที่แปลก (exotic themes) ในการเขียนภาพ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากสถานที่ต่างๆ ที่มีผลในงานเขียนที่วาววามและเต็มไปด้วยพลัง[1]

อ้างอิง

ดูเพิ่ม