ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 89: บรรทัด 89:
[[หมวดหมู่:หม่อมราชวงศ์]]
[[หมวดหมู่:หม่อมราชวงศ์]]
[[หมวดหมู่:บรรดาศักดิ์ชั้นพระยา|ทเวาธิราช]]
[[หมวดหมู่:บรรดาศักดิ์ชั้นพระยา|ทเวาธิราช]]
[[หมวดหมู่:พระราชปนัดดาในรัชกาลที่ 2]]
[[หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ อ.ป.ร.2]]
[[หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ อ.ป.ร.2]]
[[หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์]]
[[หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:08, 25 สิงหาคม 2555

มหาเสวกตรี พระยาเทวาธิราช นามเดิม หม่อมราชวงศ์โป้ย ( ภายหลังใช้นามว่า ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล จนอนิจกรรม ) เกิดในราชสกุล มาลากุล เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 ณ วังซึ่งเป็นที่ทำการกรมศิลปากร ในบัดนี้ เป็นโอรสของ พลเรือโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ และ หม่อมสุ่น มีพี่น้องร่วมพระบิดา ดังรายนามต่อไปนี้

ในวัยเยาว์ พระบิดาได้ถวายตัวพร้อมกับพี่น้องทั้งหมด ให้อยู่ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในพระบรมมหาราชวัง ได้ทรงพระกรุณาฯ ส่งไปศึกษาในขั้นแรก ที่โรงเรียนราชวิทยาลัย และต่อมา ที่ Higher Technological School ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยส่งไปพร้อมกับบุคคล ดังมีรายพระนาม และ รายนามต่อไปนี้

  • ม.จ.พงษ์ภูวนารถ ทวีวงศ์ ในกรมหมื่นภูธเรศธำรงศํกดิ์
  • ม.ร.ว.โป้ย มาลากุล
  • นายเจริญ สวัสดิ-ชูโต ( ภายหลังเป็น พระยานรเทพปรีดา )
  • นายเสริม ภูมิรัตน ( ภายหลังเป็น หลวงประภาศโกศัยวิทย์ )
  • นางสาวขจร ( ท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา )
  • นางสาวพิศ ( นางประภาศโกศัยวิทย์ พิศ ภูมิรัตน )
  • นางสาวนวล
  • นางสาวหลี ( คุณศรีนาฏ บูรณะฤกษ์ )

ทั้งหมดนี้นับเป็นนักเรียนญี่ปุ่น รุ่นแรก ของประเทศไทย

เมื่อเรียนสำเร็จแล้ว เดินทางกลับมาประเทศไทยในปลายรัชกาลที่ 5 เริ่มฝึกราชการในกรมพระราชพิธี กระทรวงวัง จนถึง พ.ศ. 2453 ในรัชกาลที่ 6 จึงได้รับราชการ ทรงพระกรุณาฯพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น จมื่นศิริวังรัตน์ ตำแหน่งกรมวังในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และรับราชการเรื่อยมามีความเจริญโดยลำดับ จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "พระยาเทวาธิราช" ในที่สุด และมียศพลเรือนสูงสุด คือ "มหาเสวกตรี"

ได้รับราชการโดยลำดับ ดังนี้

  • พ.ศ. 2453 เป็นเจ้ากรมพระตำรวจ ในราชสำนักสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
  • พ.ศ. 2463 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี ในกระทรวงวัง
  • พ.ศ. 2470 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี และ เจ้ากรมกรมวัง ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
  • พ.ศ. 2471 เป็นสมุหพระราชพิธี
  • พ.ศ. 2476 เป็นสมุหพระราชพิธี และทำการในตำแหน่งเจ้ากรม กองพระราชพิธี
  • พ.ศ. 2478 เป็นหัวหน้ากองวัง และ พระราชพิธี สำนักพระราชวัง
  • พ.ศ. 2479 เป็นสมุหพระราชพิธี กรรมการพระราชวัง เพื่อปรึกษากิจการพระราชสำนัก
  • พ.ศ. 2486 เป็นข้าราชการพลเรื่อนในพระองค์ชั้นพิเศษ
  • พ.ศ. 2492 เป็นสมุหพระราชพิธี และที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เกือบครึ่งชีวิตในเวลาราชการ ของพระยาเทวาธิราช ท่านได้ครองตำแหน่งสมุหพระราชพิธี ยาวนานถึง 3 แผ่นดิน ตราบจนเกษียณอายุ ออกรับพระราชทานบำนาญ เมื่อ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2501 รวมอายุเวลาราชการ 47 ปี 6 เดือน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถและรอบรู้ในเรื่องพิธีการในพระราชสำนัก อันจะหาผู้เสมอได้ยาก ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ , ปถมาภรณ์ช้างเผือก , ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ , และเหรียญรัตนาภรณ์ ในรัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเกียรติยศ

และมีราชการพิเศษ ดังนี้

  • พ.ศ. 2478 เป็นประธานกรรมการปรึกษากิจการระหว่างพระราชสำนัก และ กรมศิลปากร
  • พ.ศ. 2478 เป็นกรรมการสอบแข่งขันส่งนักเรียนไปต่างประเทศ
  • พ.ศ. 2478 เป็นกรรมการพิจารณาทรัพย์สิน สำนักพระราชวัง และ กรรมการพิจารณาหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา
  • พ.ศ. 2485 เป็นกรรมการชำระปทานุกรม
  • พ.ศ. 2486 เป็นกรรมการที่ปรึกษาวัฒนธรรม เรื่อง ชีวิตในบ้าน
  • พ.ศ. 2490 เป็นกรรมการสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ
  • พ.ศ. 2491 เป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ
  • พ.ศ. 2495 เป็นประธานกรรมการดำเนินงานพระเมรุ พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรทร
  • พ.ศ. 2496 เป็นประธานกรรมการพิจารณาจัดวางแผนผังดัดแปลง และ ซ่อมทำพระราชฐาน

ในราชการพิเศษที่ได้กล่าวมานี้ ที่สำคัญที่สุด คือ ในปี พ.ศ. 2493 ได้เป็นผู้อำนวยการ งานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ,พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และ งานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภฺมพลอดุลยเดช โดยเป็นผู้ทูลเกล้าฯ ถวายพระเต้าเบญจคัพย รัชกาลที่ 1 สำหรับทรงรับน้ำอภิเษก ( น้ำที่ได้พลีกรรมประกอบการพิธีแล้ว ) ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกนั้นด้วย

นอกจากหน้าที่ในพระราชสำนักแล้ว ยามว่าง พระยาเทวาธิราช จะเพลิดเพลินอยู่กับการสะสมวัตถุโบราณ และ หาความรู้ในหนังสือ จากห้องสมุด ภายในบ้านของท่าน ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ถนนประแจจีน ( บ้านเลขที่ 408 สี่แยกราชเทวี ถนนเพชรบุรี ในปัจจุบัน )และเขียนบทความสารคดีต่างๆ เกี่ยวกับประเพณีทั้งใน-นอกวัง อาทิ

  • ราชาภิสดุดี
  • ประเพณีวัง
  • เจ้า
  • เบญจราชกกุธภัณฑ์ และ ราชูปโภค
  • วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
  • ประเพณีการสมรส
  • เรื่องเรือนหอ
  • เพชร-พลอย
  • เครื่องประดับของไทย
  • ช่าง 10 หมู่
  • บทสนทนา เรื่อง "เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์" ฯลฯ

ที่สำคัญที่สุด คือได้รับพระเมตตา จากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ให้เขียนจดหมายทูลถามความรู้เกี่ยวกับราชประเพณีโบราณ โต้ตอบกับพระองค์ท่าน ทำนองเป็นจดหมายเวร ติดต่อเป็นเวลาหลายปี ซึ่งมีบุคคลเพียงไม่กี่ท่าน ที่จะได้รับพระเมตตาเช่นนี้ นอกจากการแสวงหาความรู้จากหนังสือแล้ว พระยาเทวาธิราช ยังมีความสามารถในการถ่ายภาพนิ่ง และ ภาพยนตร์ ภายในตึกของท่านจะมีห้องสำหรับล้างฟิล์ม และห้องฉายภาพยนตร์ด้วย เรื่องที่ท่านกำกับ มีอาทิ เจ้าหญิงกุณฑลทิพย์ ฯลฯ

ด้านชีวิตครอบครัว ในปี พ.ศ. 2458 ท่านได้ทำการสมรส กับ คุณหญิงเผื่อน มาลากุล ( สกุลเดิม บุนนาค ) มีบุตร-ธิดา รวม 9 ท่าน คือ

  • ม.ล.ปุณฑริก ชุมสาย
  • ม.ล.ปัณยา มาลากุล
  • ม.ล.ปิลันธน์ มาลากุล
  • ม.ล.ปานีย์ เพชรไทย
  • ม.ล.ปฤศนี ศรีศุภอรรถ
  • ม.ล.ปัทมาวดี มาลากุล
  • ม.ล.ปารวดี กันภัย
  • ม.ล.ปราลี ประสมทรัพย์
  • ม.ล.โปรพ มาลากุล

บั้นปลายชีวิต พระยาเทวาธิราช หรือ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ได้ทำการรักษาเรื่อยมา อาการมีแต่ทรงและทรุด จนในที่สุด ก็ถึงอนิจกรรม ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 สิริรวมอายุได้ 78 ปี

อ้างอิง

  • ปกิณกะ ของ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ( พิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2510 )