ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกแซงแซวหางปลา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ฤดี หงษ์เจริญ (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าใหม่: {{ตารางจำแนกพันธุ์ | color =Lightblue | name = นกแซงแซวหางปลา ''Dicrurus macrocercus'' | image = | regnum =...
 
Chale yan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{Taxobox
{{ตารางจำแนกพันธุ์
| color =Lightblue
| name =
| status = LC
| name = นกแซงแซวหางปลา ''Dicrurus macrocercus''
| status_system = IUCN3.1
| image =
| status_ref = <ref>{{IUCN|id=106006034/0 |title=''Dicrurus macrocercus''| assessors = [[BirdLife International]] |version=2012.1 |year=2012 |accessdate=16 July 2012}}</ref>
| regnum = [[ANIMALIA]] (animals)
| image = Black_Drongo_(Dicrurus_macrocercus)_IMG_7702_(1)..JPG
| phylum = [[Chordata]] (chordates)
| image_caption =
| classis = [[Aves]] (birds)
| regnum = [[Animal]]ia
| ordo = [[Passeriformes]] (perching birds)
| familia = [[Corvidae]]
| phylum = [[Chordate|Chordata]]
| classis = [[bird|Aves]]
| ordo = [[Passeriformes]]
| familia = [[Dicruridae]]
| genus = ''[[Dicrurus]]''
| genus = ''[[Dicrurus]]''
| species = ''''' Dicrurus macrocercus'''''
| species = '''''D. macrocercus'''''
| binomial_authority = ([[Dicrurus macrocercus]])
| binomial = ''Dicrurus macrocercus''
| binomial_authority = ([[Louis Jean Pierre Vieillot|Vieillot]], 1817)
| synonyms = ''Buchanga atra''<br/>
''Bhuchanga albirictus''<ref name=nz>{{cite book|editor=Neave, Sheffield A. |year=1939|title=Nomenclator Zoologicus; a List of the Names of Genera and Subgenera in Zoology from the Tenth Edition of Linnaeus, 1758, to the End of 1935 (with supplements). Volume 1|publisher= Zoological Society of London, London|page= 425|url=http://www.ubio.org/NZ/detail.php?uid=24210&d=1}}</ref>
| subdivision_ranks = [[Subspecies]]
| subdivision = ''D. m. macrocercus'' <small>([[Louis Jean Pierre Vieillot|Vieillot]], 1817)</small><ref>{{cite journal|last=Vieillot|first=Louis Jean Pierre|year=1817|journal=Nouveau Dictionnaire d'Histoire Naturelle Appliquée aux Arts|volume=9|pages=588}}</ref><br/>
''D. m. albirictus'' <small>([[Brian Houghton Hodgson|Hodgson]], 1836)</small><ref>{{cite journal|last=Hodgson|first=Brian Houghton|year=1836|journal=The India Review and Journal of Foreign Science and the Arts|volume=1|issue=8|pages=326}}</ref><br/>
''D. m. minor'' <small>[[Edward Blyth|Blyth]], 1850</small><ref>{{cite journal|last=Blyth|first=Edward|year=1850|journal=The Journal of the Asiatic Society of Bengal |volume=19|pages=255}}</ref><br/>
''D. m. cathoecus'' <small>[[Robert Swinhoe|Swinhoe]], 1871</small><ref>{{cite journal|last=Swinhoe|first=Robert|year=1871|journal=Proceedings of the Scientific Meetings of the Zoological Society of London for the Year |volume=2|pages=377}}</ref><br/>
''D. m. thai'' <small>[[Cecil Boden Kloss|Kloss]], 1921</small><ref name=Kloss/><!--Same page as other subspecies--><br/>
''D. m. javanus'' <small>[[Cecil Boden Kloss|Kloss]], 1921</small><ref name=Kloss>{{cite journal|last=Kloss|first=Cecil Boden|series=10 |year=1921|journal=Journal of the Federated Malay States Museums |volume=pt. 3|pages=208}}</ref><br/>
''D. m. harterti'' <small>[[Edward Charles Stuart Baker|Baker]], 1918</small><ref>{{cite journal|last=Baker|first=Edward Charles Stuart|year=1918|journal=Novitates Zoologicae |volume=25|pages=299|url=http://biodiversitylibrary.org/page/3857129|title=Some Notes on the Dicruridae}}</ref><!--http://www.zoonomen.net/avtax/pa3g.html-->
|range_map = BlackDrongoMap.svg
|range_map_caption = การกระจายพันธุ์
}}
}}


'''นกแซงแซวหางปลา''' ({{lang-en|Black Drongo }}, [[ชื่อวิทยาศาสตร์]] : '' Dicrurus macrocercus'') เป็นนกประจำถิ่น และนกย้ายถิ่น ทั้งชนิดย้ายเข้ามาหากิน และย้ายถิ่นผ่านในช่วงฤดูหนาว พบได้บ่อยมากทั่วประเทศ จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535<ref>[http://www.thaibiodiversity.org/Life/LifeDetail.aspx?LifeID=24337 ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย]. </ref>
'''นกแซงแซวหางปลา''' ({{lang-en|Black Drongo }}, [[ชื่อวิทยาศาสตร์]] : '' Dicrurus macrocercus'') เป็นนกจับคอนขนาดเล็กใน[[วงศ์นกแซงแซว]] พบทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอิหร่าน ไปทางตะวันออกถึง[[อินเดีย]]และ[[ศรีลังกา]] ทางใต้ไปถึงจีน และ[[อินโดนีเซีย]] ในประเทศไทยพบได้บ่อยมากทั่วประเทศ จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535<ref name="thaibio">[http://www.thaibiodiversity.org/Life/LifeDetail.aspx?LifeID=24337 นกแซงแซวหางปลา] ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย</ref>
นกแซงแซวหางปลาอยู่ในวงศ์ Corvidae วงศ์เดียวกันกับพวก [[Magpies]],[[Crows]],[[Orioles]],[[Minivets]],[[Fantails]] และอีกหลายชนิด <ref> [http://www.2uiop.com/all-thing-good/95-2011-07-19-13-21-37 นกแซงแซวหางปลา].</ref>


== อนุกรมวิธาน ==
== อนุกรมวิธาน ==
นกแซงแซวหางปลาจัดอยู่ในวงศ์นกแซงแซว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า '' Dicrurus macrocercus'' ชื่อสกุล Dicrurus มาจากภาษากรีก คือ dikroos, dikros หมายถึงแยกเป็นแฉก และ oura แปลว่า หาง ซึ่งรวมความแล้วหมายถึง สกุลของนกที่มีหางเป็นแฉก ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของนกแซงแซว


ชื่อบ่งชนิด macrocercus มาจากภาษากรีก คำว่า marokerkos แปลว่า หางยาว ดังนั้น ชื่อวิทยาศาสตร์ของนกแซงแซวหางปลาจึงหมายถึง นกที่มีหางยาวเป็นแฉก<ref>[http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view2.aspx?id=8512 นกแซงแซวหางปลา] ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน</ref>
นกแซงแซวหางปลาจัดอยู่ในวงศ์อีกา (Family Corvidae) วงศ์ย่อยนกแซงแซว (Dicrurinae) ทั่วโลกพบนกในวงศ์ย่อยของนกแซงแซวทั้งหมด 22 ชนิด
ในประเทศไทยพบ 7 ชนิด คือนกแซงแซวหางปลา (Black Drongo) [[นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่]](Greater Racket-tailed Drongo)
[[นกแซงแซวหางบ่วงเล็ก]] (Lesser Racket-tailed Drongo) [[นกแซงแซวเล็กเหลือบ]] (Bronzed Drongo) [[นกแซงแซวหงอนขน]] (Hair-creste Drongo)
[[นกแซงแซวปากกา]] (Crow-billed Drongo) และ[[นกแซงแซวสีเทา]] (Ashy Drongo) <ref>[http://past.talaythai.com/Bird/0041.php TeTee&B-Bird].</ref>

นกแซงแซวหางปลามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า '' Dicrurus macrocercus''

ชื่อสกุลคำว่า Dicrurus เป็นคำที่มาจากภาษากรีก 2 คำ คือ dikroos, dikros หมายถึงแยกเป็นแฉก และ oura แปลว่า หาง ซึ่งรวมความแล้วหมายถึง สกุลของนกที่มีหางเป็นแฉก ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของนกแซงแซว

ส่วนชื่อบ่งชนิด (specific epithet) macrocercus มาจากภาษากรีก คำว่า marokerkos แปลว่า หางยาว ดังนั้น ชื่อวิทยาศาสตร์ของนกแซงแซวหางปลา จึงหมายถึง นกที่มีหางยาวเป็นแฉก
ซึ่งสอดคล้องกับชื่อภาษาไทย<ref>[http://www.bedo.or.th/lcdb/biodiversity/view2.aspx?id=8512 ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน].</ref>


== ลักษณะ ==
== ลักษณะ ==
นกแซงแซวหางปลาตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะเหมือนกัน ขนาดความยาวลำตัวประมาณ 28 เซนติเมตร ขนทั่วลำตัวมีสีดำเหลือบน้ำเงิน ปลายหางเป็นแฉกคล้ายหางปลาตะเพียน ปากบนขบปากล่าง ปากสีดำ ขาสีดำ เท้าสีดำ ตาแดงที่ม่านตา แต่ตาดำเป็นสีดำ<ref> [http://www.2uiop.com/all-thing-good/95-2011-07-19-13-21-37 นกแซงแซวหางปลา].</ref>
นกแซงแซวหางปลาตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะเหมือนกัน ขนาดความยาวลำตัวประมาณ 28 เซนติเมตร ขนทั่วลำตัวมีสีดำเหลือบน้ำเงิน ปลายหางเป็นแฉกคล้ายหางปลาตะเพียน ปากบนขบปากล่าง ปากสีดำ ขาสีดำ เท้าสีดำ ตาแดงที่ม่านตา แต่ตาดำเป็นสีดำ
เป็นนกแซงแซวชนิดเดียวที่ชอบเกาะอยู่ ตามกิ่งไม้ที่โล่งแจ้ง ตามท้องทุ่งริมทางตามแหล่งน้ำ ไม่ชอบลงมาตามพื้นดิน มักหากินเพียงตัวเดียว หรืออยู่เป็นคู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เป็นนกที่ไม่กลัวนกอื่น
หากมีนกอื่นมาใกล้จะไล่จิกตี สามารถร้องเลียนเสียงนกชนิดอื่น กินอาหารโดยบินนออกจากที่เกาะโฉบจิกแมลงที่กำลังบินได้ บางครั้งออกหากินฝูงเล็กๆ 3-6 ตัว
นกชนิดนี้ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนเมษายน-สิงหาคม ทำรังอยู่บนต้นไม้สูงด้วยกิ่งไม้เล็ก ๆ ขัดสานเป็นรูปถ้วย มีแอ่งตรงกลางไว้วางไข่รองด้วยขนสัตว์และหญ้าอ่อน วางไข่ครั้งละ 3-4 ฟอง<ref> [http://www.thaibiodiversity.org/Life/LifeDetail.aspx?LifeID=24337 ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย]. </ref>


== การกระจายพันธุ์ ==
== ถิ่นอาศัย,อาหาร ==
พบในอิหร่าน อินเดีย จีน ไต้หวัน ชวา อินโดจีน และในประเทศไทยเป็นนกประจำถิ่น พบทั่วไปเกือบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรลงไป ซึ่งจะพบว่าเป็นนกอพยพมาในช่วงฤดูหนาว
พบในอิหร่าน อินเดีย จีน ไต้หวัน ชวา อินโดจีน และในประเทศไทยเป็นนกประจำถิ่น พบทั่วไปเกือบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรลงไป ซึ่งจะพบว่าเป็นนกอพยพมาในช่วงฤดูหนาว
นกแซงแซวหางปลากินแมลงต่างๆเป็นอาหาร <ref> [http://www.moohin.com/animals/birds-68.shtml นกแซงแซวหางปลา].</ref>


== พฤติกรรม ==
== สถานที่ชม ==
นกแซงแซวหางปลาเป็นนกแซงแซวชนิดเดียวที่ชอบเกาะอยู่ ตามกิ่งไม้ที่โล่งแจ้ง ตามท้องทุ่งริมทางตามแหล่งน้ำ ไม่ชอบลงมาตามพื้นดิน มักหากินเพียงตัวเดียว หรืออยู่เป็นคู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เป็นนกที่ไม่กลัวนกอื่น หากมีนกอื่นมาใกล้จะไล่จิกตี สามารถร้องเลียนเสียงนกชนิดอื่น กินอาหารโดยบินออกจากที่เกาะโฉบจิกแมลงที่กำลังบิน<ref>Chari, N.; Janaki Rama Rao, N., Ramesh, R. & Sattaiah, G. (1982). "Comparative studies on flight characteristics, moment of inertia and flight behaviour of two fly-catchers, Dicrurus adsimilis and Merops orientalis". Ind. J. Exp. Biol. 20: 894–896.</ref> บางครั้งออกหากินฝูงเล็กๆ 3-6 ตัว
[[สวนสัตว์ดุสิต]],[[สวนสัตว์เปิดเขาเขียว]],[[สวนสัตว์เชียงใหม่]],[[ สวนสัตว์นครราชสีมา]],[[สวนสัตว์สงขลา]]<ref> [http://www.moohin.com/animals/birds-68.shtml นกแซงแซวหางปลา].</ref>


นกชนิดนี้ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนเมษายน-สิงหาคม ทำรังอยู่บนต้นไม้สูงด้วยกิ่งไม้เล็ก ๆ ขัดสานเป็นรูปถ้วย มีแอ่งตรงกลางไว้วางไข่รองด้วยขนสัตว์และหญ้าอ่อน วางไข่ครั้งละ 3-4 ฟอง<ref name="thaibio" />


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==
{{wikispecies|Dicrurus macrocercus}}
{{รายการอ้างอิง}}
{{รายการอ้างอิง}}

[[หมวดหมู่:วงศ์นกแซงแซว]]
[[หมวดหมู่:นกที่พบในประเทศไทย]]

[[bn:ফিঙে]]
[[zh-min-nan:O͘-chhiu]]
[[br:Drongo roueel]]
[[en:Black Drongo]]
[[es:Dicrurus macrocercus]]
[[eu:Dicrurus macrocercus]]
[[fr:Drongo royal]]
[[gu:કાળો કોશી]]
[[ko:검은바람까마귀]]
[[hu:Királydrongó]]
[[ml:ആനറാഞ്ചി പക്ഷി]]
[[mr:कोतवाल (पक्षी)]]
[[ms:Burung Cecawi Hitam]]
[[my:ငှက်တော်]]
[[ja:オウチュウ]]
[[sv:Svart drongo]]
[[ta:இரட்டைவால் குருவி]]
[[zh:黑卷尾]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:22, 21 สิงหาคม 2555

นกแซงแซวหางปลา
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Aves
อันดับ: Passeriformes
วงศ์: Dicruridae
สกุล: Dicrurus
สปีชีส์: D.  macrocercus
ชื่อทวินาม
Dicrurus macrocercus
(Vieillot, 1817)
Subspecies

D. m. macrocercus (Vieillot, 1817)[2]
D. m. albirictus (Hodgson, 1836)[3]
D. m. minor Blyth, 1850[4]
D. m. cathoecus Swinhoe, 1871[5]
D. m. thai Kloss, 1921[6]
D. m. javanus Kloss, 1921[6]
D. m. harterti Baker, 1918[7]

การกระจายพันธุ์
ชื่อพ้อง

Buchanga atra
Bhuchanga albirictus[8]

นกแซงแซวหางปลา (อังกฤษ: Black Drongo, ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dicrurus macrocercus) เป็นนกจับคอนขนาดเล็กในวงศ์นกแซงแซว พบทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอิหร่าน ไปทางตะวันออกถึงอินเดียและศรีลังกา ทางใต้ไปถึงจีน และอินโดนีเซีย ในประเทศไทยพบได้บ่อยมากทั่วประเทศ จัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535[9]

อนุกรมวิธาน

นกแซงแซวหางปลาจัดอยู่ในวงศ์นกแซงแซว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dicrurus macrocercus ชื่อสกุล Dicrurus มาจากภาษากรีก คือ dikroos, dikros หมายถึงแยกเป็นแฉก และ oura แปลว่า หาง ซึ่งรวมความแล้วหมายถึง สกุลของนกที่มีหางเป็นแฉก ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของนกแซงแซว

ชื่อบ่งชนิด macrocercus มาจากภาษากรีก คำว่า marokerkos แปลว่า หางยาว ดังนั้น ชื่อวิทยาศาสตร์ของนกแซงแซวหางปลาจึงหมายถึง นกที่มีหางยาวเป็นแฉก[10]

ลักษณะ

นกแซงแซวหางปลาตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะเหมือนกัน ขนาดความยาวลำตัวประมาณ 28 เซนติเมตร ขนทั่วลำตัวมีสีดำเหลือบน้ำเงิน ปลายหางเป็นแฉกคล้ายหางปลาตะเพียน ปากบนขบปากล่าง ปากสีดำ ขาสีดำ เท้าสีดำ ตาแดงที่ม่านตา แต่ตาดำเป็นสีดำ

การกระจายพันธุ์

พบในอิหร่าน อินเดีย จีน ไต้หวัน ชวา อินโดจีน และในประเทศไทยเป็นนกประจำถิ่น พบทั่วไปเกือบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ตั้งแต่ชุมพรลงไป ซึ่งจะพบว่าเป็นนกอพยพมาในช่วงฤดูหนาว

พฤติกรรม

นกแซงแซวหางปลาเป็นนกแซงแซวชนิดเดียวที่ชอบเกาะอยู่ ตามกิ่งไม้ที่โล่งแจ้ง ตามท้องทุ่งริมทางตามแหล่งน้ำ ไม่ชอบลงมาตามพื้นดิน มักหากินเพียงตัวเดียว หรืออยู่เป็นคู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ เป็นนกที่ไม่กลัวนกอื่น หากมีนกอื่นมาใกล้จะไล่จิกตี สามารถร้องเลียนเสียงนกชนิดอื่น กินอาหารโดยบินออกจากที่เกาะโฉบจิกแมลงที่กำลังบิน[11] บางครั้งออกหากินฝูงเล็กๆ 3-6 ตัว

นกชนิดนี้ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนเมษายน-สิงหาคม ทำรังอยู่บนต้นไม้สูงด้วยกิ่งไม้เล็ก ๆ ขัดสานเป็นรูปถ้วย มีแอ่งตรงกลางไว้วางไข่รองด้วยขนสัตว์และหญ้าอ่อน วางไข่ครั้งละ 3-4 ฟอง[9]

อ้างอิง

  1. BirdLife International (2012). "Dicrurus macrocercus". IUCN Red List of Threatened Species. Version 2012.1. สืบค้นเมื่อ 16 July 2012.
  2. Vieillot, Louis Jean Pierre (1817). Nouveau Dictionnaire d'Histoire Naturelle Appliquée aux Arts. 9: 588. {{cite journal}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)
  3. Hodgson, Brian Houghton (1836). The India Review and Journal of Foreign Science and the Arts. 1 (8): 326. {{cite journal}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)
  4. Blyth, Edward (1850). The Journal of the Asiatic Society of Bengal. 19: 255. {{cite journal}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)
  5. Swinhoe, Robert (1871). Proceedings of the Scientific Meetings of the Zoological Society of London for the Year. 2: 377. {{cite journal}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)
  6. 6.0 6.1 Kloss, Cecil Boden (1921). Journal of the Federated Malay States Museums. 10. pt. 3: 208. {{cite journal}}: |title= ไม่มีหรือว่างเปล่า (help)
  7. Baker, Edward Charles Stuart (1918). "Some Notes on the Dicruridae". Novitates Zoologicae. 25: 299.
  8. Neave, Sheffield A., บ.ก. (1939). Nomenclator Zoologicus; a List of the Names of Genera and Subgenera in Zoology from the Tenth Edition of Linnaeus, 1758, to the End of 1935 (with supplements). Volume 1. Zoological Society of London, London. p. 425.
  9. 9.0 9.1 นกแซงแซวหางปลา ศูนย์รวมข้อมูลสิ่งมีชีวิตในประเทศไทย
  10. นกแซงแซวหางปลา ระบบฐานข้อมูลทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน
  11. Chari, N.; Janaki Rama Rao, N., Ramesh, R. & Sattaiah, G. (1982). "Comparative studies on flight characteristics, moment of inertia and flight behaviour of two fly-catchers, Dicrurus adsimilis and Merops orientalis". Ind. J. Exp. Biol. 20: 894–896.