ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
บรรทัด 97: บรรทัด 97:
== ละครและภาพยนตร์ ==
== ละครและภาพยนตร์ ==


พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงก่อตั้ง [[บริษัทไทยฟิล์ม]] ร่วมกับนาย[[พจน์ สารสิน]] และนาย[[ประสาท สุขุม]] สร้างภาพยนตร์ 35 มม.ขาวดำ ระบบไวด์สกรีน เสียงในฟิล์มเรื่องแรก [[ถ่านไฟเก่า]] ฉายในช่วงปีใหม่ (เม.ย.) พ.ศ. 2481 ตามด้วยเรื่อง [[แม่สื่อสาว]] [[วันเพ็ญ จุดใต้ตำตอ ปิดทองหลังพระ]] และเรื่องสุดท้าย "ลูกทุ่ง" (2483) ก่อนยุติบทบาทลงเนื่องจากประสบภาวะขาดทุนและได้ขายกิจการกับโรงถ่ายให้แก่กองทัพอากาศไปในปีนั้น อย่างไรก็ตามเพลง "[[บัวขาว]]" และ "[[ลมหวน]]" ในภาพยนตร์เรื่องแรกยังคงเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน เสด็จพระองค์ชายใหญ่ทรงตั้งคณะอัศวินการละคร ในยุคละครเวทีเฟื่องฟู มีผลงานเช่น เมื่อ พ.ศ. 2494 ผู้ชมเรียกร้องให้นำนวนิยายเรื่อง [[บ้านทรายทอง]] ที่กำลังดังมากเวลานั้นมาทำเป็นละครเวที ทรงให้ [[สวลี ผกาพันธ์]] และ [[ฉลอง สิมะเสถียร]] แสดงนำ ได้รับความสำเร็จอย่างสูง ทั้งได้ทรงพระนิพนธ์คำร้องเพลงเอก ชื่อ " หากรู้สักนิด " ซึ่งกลายเป็นเพลงอมตะคู่กับบทประพันธ์ที่รู้จักกันดี ชื่อละครของอัศวินเรื่อง บุษบาริมทาง นำแสดงโดย [[เพ็ญศรี พุ่มชูศรี]] เสด็จฯได้ทรงประทานชื่อละครเรื่องนี้แก่คณะผู้บริหารโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทยตามที่ได้ขอประทานอนุญาตใช้เป็นชื่อภาษาไทยสำหรับภาพยนตร์เพลงยิ่งใหญ่จากฮอลลีวู๊ดเรื่อง My Fair Lady (2507) อีกเรื่องที่มีชื่อเสียงคือ [[พันท้ายนรสิงห์]] เสด็จฯได้ทรงนำบทละครเวทีของอัศวินที่เคยได้รับความนิยมมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของบริษัทอัศวินภาพยนตร์ ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 16 มม.สี พากย์สด นำแสดงโดย [[ชูชัย พระขรรค์ชัย]] และ [[สุพรรณ บูรณพิมพ์]] กำกับการแสดงโดย ครู[[มารุต]] ฉายที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง เมื่อปี พ.ศ. 2493 (ฉายซ้ำในปี พ.ศ. 2501 และ พ.ศ. 2509) ภายหลังอีกหลายปีได้ขยายภาพและบันทึกเสียงลงฟิล์ม 35 ม.ม.ฉายที่โรงภาพยนตร์พาราเมาท์ ประตูน้ำ (2518) ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆได้แก่ นางกลางเมือง (2497) และ ถ่านไฟเก่า (2498) ฉบับสร้างใหม่
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงก่อตั้ง [[บริษัทไทยฟิล์ม]] ร่วมกับนาย[[พจน์ สารสิน]] และนาย[[ประสาท สุขุม]] สร้างภาพยนตร์ 35 มม.ขาวดำ ระบบไวด์สกรีน เสียงในฟิล์มเรื่องแรก [[ถ่านไฟเก่า]] ฉายในช่วงปีใหม่ (เม.ย.) พ.ศ. 2481 ตามด้วยเรื่อง [[แม่สื่อสาว]] [[วันเพ็ญ จุดใต้ตำตอ ปิดทองหลังพระ]] และเรื่องสุดท้าย "ลูกทุ่ง" (2483) ก่อนยุติบทบาทลงเนื่องจากประสบภาวะขาดทุนและได้ขายกิจการกับโรงถ่ายให้แก่กองทัพอากาศไปในปีนั้น อย่างไรก็ตามเพลง "[[บัวขาว]]" และ "[[ลมหวน]]" ในภาพยนตร์เรื่องแรกยังคงเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน เสด็จพระองค์ชายใหญ่ทรงตั้งคณะอัศวินการละคร ในยุคละครเวทีเฟื่องฟู มีผลงานเช่น เมื่อ พ.ศ. 2494 ผู้ชมเรียกร้องให้นำนวนิยายเรื่อง [[บ้านทรายทอง]] ที่กำลังดังมากเวลานั้นมาทำเป็นละครเวที ทรงให้ [[สวลี ผกาพันธ์]] และ [[ฉลอง สิมะเสถียร]] แสดงนำ ได้รับความสำเร็จอย่างสูง ทั้งได้ทรงพระนิพนธ์คำร้องเพลงเอก ชื่อ " หากรู้สักนิด " ซึ่งกลายเป็นเพลงอมตะคู่กับบทประพันธ์ที่รู้จักกันดี ชื่อละครของอัศวินเรื่อง บุษบาริมทาง นำแสดงโดย [[เพ็ญศรี พุ่มชูศรี]] เสด็จฯได้ทรงประทานชื่อละครเรื่องนี้แก่คณะผู้บริหารโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทยตามที่ได้ขอประทานอนุญาตใช้เป็นชื่อภาษาไทยสำหรับภาพยนตร์เพลงยิ่งใหญ่จากฮอลลีวู๊ดเรื่อง My Fair Lady (2507) อีกเรื่องที่มีชื่อเสียงคือ [[พันท้ายนรสิงห์]] เสด็จฯได้ทรงนำบทละครเวทีของอัศวินที่เคยได้รับความนิยมมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของบริษัทอัศวินภาพยนตร์ ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 16 มม.สี พากย์สด นำแสดงโดย [[ชูชัย พระขรรค์ชัย]] และ [[สุพรรณ บูรณพิมพ์]] กำกับการแสดงโดย ครู[[มารุต]] ฉายที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง เมื่อปี พ.ศ. 2493 (ฉายซ้ำในปี พ.ศ. 2501 และ พ.ศ. 2509) ภายหลังอีกหลายปีได้ขยายภาพและบันทึกเสียงลงฟิล์ม 35 ม.ม.ฉายที่โรงภาพยนตร์พาราเมาท์ ประตูน้ำ (2518) ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆได้แก่ นางกลางเมือง (2497) และ ถ่านไฟเก่า (2500) ฉบับสร้างใหม่


อัศวินยังคงสร้างภาพยนตร์ 16 มม.ต่อมาอีกหลายเรื่อง เช่น นเรศวรมหาราช (2500) รวมทั้งภาพยนตร์สารคดีเรื่อง 15 นาทีในอินเดีย (2503) ก่อนเปลี่ยนไปสร้างภาพยนตร์ 35 มม.จอโค้งระบบซีเนมาสโคปซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลกขณะนั้น ใช้กล้องและเลนส์รวมทั้งอุปกรณ์บันทึกเสียงระดับสตูดิโอฮอลลีวู๊ดมูลค่านับสิบล้านบาท (มีเฉพาะที่โรงถ่ายอัศวิน ต.หนองแขม เขตธนบุรี เพียงแห่งเดียวในเมืองไทย) ระหว่าง พ.ศ. 2504 - 2519 เริ่มจาก เรือนแพ จำปูน เป็ดน้อย ละครเร่ เรารักกันไม่ได้ น้ำผึ้งขม และ ทะเลฤๅอิ่ม ตามลำดับ (สามเรื่องแรกได้ดาราของชอว์ บราเดอร์ส ร่วมแสดงด้วย) ตามด้วยโครงการสร้างภาพยนตร์อีก 3-4 เรื่องในนามอัศวินอินเตอร์เนชั่นแนล แต่ยกเลิกไป ภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย ทรงสร้างบทภาพยนตร์จากบทพระราชนิพนธ์ร้อยกรองใน[[รัชกาลที่ 5]] และทรงกำกับการแสดงร่วมกับ[[เปี๊ยก โปสเตอร์]] เรื่อง[[เงาะป่า]] โดย อัศวินภาพยนตร์ - ไฟวสตาร์ โปรดักชั่น พ.ศ. 2523
อัศวินยังคงสร้างภาพยนตร์ 16 มม.ต่อมาอีกหลายเรื่อง เช่น นเรศวรมหาราช (2500) รวมทั้งภาพยนตร์สารคดีเรื่อง 15 นาทีในอินเดีย (2503) ก่อนเปลี่ยนไปสร้างภาพยนตร์จอโค้งระบบซีเนมาสโคป 35 มม.ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลกขณะนั้น ใช้กล้องและเลนส์รวมทั้งอุปกรณ์บันทึกเสียงระดับสตูดิโอฮอลลีวู๊ดมูลค่านับสิบล้านบาท (มีเฉพาะที่โรงถ่ายอัศวิน ต.หนองแขม เขตธนบุรี เพียงแห่งเดียวในเมืองไทย) ระหว่าง พ.ศ. 2504 - 2519 เริ่มจาก เรือนแพ จำปูน เป็ดน้อย ละครเร่ เรารักกันไม่ได้ น้ำผึ้งขม และ ทะเลฤๅอิ่ม ตามลำดับ (สามเรื่องแรกได้ดาราของชอว์ บราเดอร์ส ร่วมแสดงด้วย) ตามด้วยโครงการสร้างภาพยนตร์อีก 3-4 เรื่องในนามอัศวินอินเตอร์เนชั่นแนล แต่ยกเลิกไป ภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย ทรงสร้างบทภาพยนตร์จากบทพระราชนิพนธ์ร้อยกรองใน[[รัชกาลที่ 5]] และทรงกำกับการแสดงร่วมกับ[[เปี๊ยก โปสเตอร์]] เรื่อง[[เงาะป่า]] โดย อัศวินภาพยนตร์ - ไฟวสตาร์ โปรดักชั่น พ.ศ. 2523


เสด็จพระองค์ชายใหญ่ทรงได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ประจำปี พ.ศ. 2540 บุคคลยอดเยี่ยมแห่งวงการภาพยนตร์ไทย (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล และ [[สักกะ จารุจินดา]])
เสด็จพระองค์ชายใหญ่ทรงได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ประจำปี พ.ศ. 2540 บุคคลยอดเยี่ยมแห่งวงการภาพยนตร์ไทย (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล และ [[สักกะ จารุจินดา]])

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:10, 25 เมษายน 2555

แม่แบบ:กล่องข้อมูล เจ้านายหรือพระบรมวงศานุวงศ์

พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล หรือ พระองค์ชายใหญ่ (27 พฤศจิกายน 2453 - 5 กุมภาพันธ์ 2538) เป็นพระโอรสใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล ทรงเป็นผู้อำนวยการสร้างและกำกับภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมทั้ง บทพระนิพนธ์คำร้องเพลงหลายเพลง อาทิ เพลงบัวขาว เพลงเรือนแพ เพลงลมหวน อีกทั้งโปรดการสะสมโบราณวัตถุด้วย

พระประวัติ

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล เป็นพระโอรสใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตรมงคล (พระธิดาใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ซึ่งเป็นพระอนุชาร่วมพระครรโภทรกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ทรงมีพระอนุชา 2 พระองค์ คือ

ทรงศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ เสด็จไปทรงศึกษาที่โรงเรียนแฮร์โรว์ ประเทศอังกฤษ แล้วเสด็จกลับมาทรงศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก ทรงรับราชการที่กองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ทรงเป็นผู้แทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่าง ๆ ในหลายประเทศ โปรดการละครและภาพยนตร์ ทรงเป็นผู้อำนวยการสร้างและกำกับภาพยนตร์หลายเรื่อง ในด้านดนตรีโปรดนิพนธ์คำร้องเพลงต่าง ๆ หลายเพลง อาทิ เพลงบัวขาว เพลงเรือนแพ เพลงลมหวน อีกทั้งโปรดการสะสมโบราณวัตถุด้วย

ในช่วงต้นรัชกาลที่ 9 เคยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์อยู่บ่อยครั้ง คนทั่วไปจึงออกพระนามของพระองค์ว่า เสด็จพระองค์ชายใหญ่

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 พระชันษา 85 พรรษา

ครอบครัว

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงเสกสมรสกับหม่อมหลวงสร้อยระย้า ยุคล หม่อมบุญล้อม ยุคล ณ อยุธยา หม่อมปริม ยุคล ณ อยุธยา และหม่อมไฉไล ยุคล ณ อยุธยา โดยมีโอรสธิดาดังนี้

หม่อมหลวงสร้อยระย้า ยุคล

หม่อมหลวงสร้อยระย้า ยุคล เดิม หม่อมหลวงสร้อยระย้า สนิทวงศ์ ธิดา หม่อมราชวงศ์สุวพรรณ สนิทวงศ์ กับนางยี่สุ่น สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (มังกรพันธ์) มีพระโอรสธิดา [1] ได้แก่

หม่อมบุญล้อม ยุคล ณ อยุธยา

มีพระโอรส คือ

หม่อมปริม ยุคล ณ อยุธยา (บุนนาค)

แต่ไม่มีพระทายาท

หม่อมไฉไล ยุคล ณ อยุธยา

มีพระโอรสธิดา ได้แก่

  • หม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคล หรือ ท่านปีใหม่ (1 ม.ค. 2521 - ) เษกสมรสกับ หม่อมอัญวิดา ยุคล ณ อยุธยา (สง่าศิลป์) มีธิดาดังนี้
    • หม่อมราชวงศ์หญิงพริมา ยุคล (คุณหญิงชะพลู)
    • หม่อมราชวงศ์หญิงนภพิมพ์ ยุคล (คุณหญิงกะทิ)
  • ท่านหญิงภาณุมา พิพิธโภคา หรือ ท่านหญิง (20 มิ.ย. 2524 - ) ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ เพื่อเษกสมรสกับนายเมธ พิพิธโภคา

ละครและภาพยนตร์

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ทรงก่อตั้ง บริษัทไทยฟิล์ม ร่วมกับนายพจน์ สารสิน และนายประสาท สุขุม สร้างภาพยนตร์ 35 มม.ขาวดำ ระบบไวด์สกรีน เสียงในฟิล์มเรื่องแรก ถ่านไฟเก่า ฉายในช่วงปีใหม่ (เม.ย.) พ.ศ. 2481 ตามด้วยเรื่อง แม่สื่อสาว วันเพ็ญ จุดใต้ตำตอ ปิดทองหลังพระ และเรื่องสุดท้าย "ลูกทุ่ง" (2483) ก่อนยุติบทบาทลงเนื่องจากประสบภาวะขาดทุนและได้ขายกิจการกับโรงถ่ายให้แก่กองทัพอากาศไปในปีนั้น อย่างไรก็ตามเพลง "บัวขาว" และ "ลมหวน" ในภาพยนตร์เรื่องแรกยังคงเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบัน เสด็จพระองค์ชายใหญ่ทรงตั้งคณะอัศวินการละคร ในยุคละครเวทีเฟื่องฟู มีผลงานเช่น เมื่อ พ.ศ. 2494 ผู้ชมเรียกร้องให้นำนวนิยายเรื่อง บ้านทรายทอง ที่กำลังดังมากเวลานั้นมาทำเป็นละครเวที ทรงให้ สวลี ผกาพันธ์ และ ฉลอง สิมะเสถียร แสดงนำ ได้รับความสำเร็จอย่างสูง ทั้งได้ทรงพระนิพนธ์คำร้องเพลงเอก ชื่อ " หากรู้สักนิด " ซึ่งกลายเป็นเพลงอมตะคู่กับบทประพันธ์ที่รู้จักกันดี ชื่อละครของอัศวินเรื่อง บุษบาริมทาง นำแสดงโดย เพ็ญศรี พุ่มชูศรี เสด็จฯได้ทรงประทานชื่อละครเรื่องนี้แก่คณะผู้บริหารโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทยตามที่ได้ขอประทานอนุญาตใช้เป็นชื่อภาษาไทยสำหรับภาพยนตร์เพลงยิ่งใหญ่จากฮอลลีวู๊ดเรื่อง My Fair Lady (2507) อีกเรื่องที่มีชื่อเสียงคือ พันท้ายนรสิงห์ เสด็จฯได้ทรงนำบทละครเวทีของอัศวินที่เคยได้รับความนิยมมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของบริษัทอัศวินภาพยนตร์ ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 16 มม.สี พากย์สด นำแสดงโดย ชูชัย พระขรรค์ชัย และ สุพรรณ บูรณพิมพ์ กำกับการแสดงโดย ครูมารุต ฉายที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง เมื่อปี พ.ศ. 2493 (ฉายซ้ำในปี พ.ศ. 2501 และ พ.ศ. 2509) ภายหลังอีกหลายปีได้ขยายภาพและบันทึกเสียงลงฟิล์ม 35 ม.ม.ฉายที่โรงภาพยนตร์พาราเมาท์ ประตูน้ำ (2518) ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆได้แก่ นางกลางเมือง (2497) และ ถ่านไฟเก่า (2500) ฉบับสร้างใหม่

อัศวินยังคงสร้างภาพยนตร์ 16 มม.ต่อมาอีกหลายเรื่อง เช่น นเรศวรมหาราช (2500) รวมทั้งภาพยนตร์สารคดีเรื่อง 15 นาทีในอินเดีย (2503) ก่อนเปลี่ยนไปสร้างภาพยนตร์จอโค้งระบบซีเนมาสโคป 35 มม.ซึ่งกำลังได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลกขณะนั้น ใช้กล้องและเลนส์รวมทั้งอุปกรณ์บันทึกเสียงระดับสตูดิโอฮอลลีวู๊ดมูลค่านับสิบล้านบาท (มีเฉพาะที่โรงถ่ายอัศวิน ต.หนองแขม เขตธนบุรี เพียงแห่งเดียวในเมืองไทย) ระหว่าง พ.ศ. 2504 - 2519 เริ่มจาก เรือนแพ จำปูน เป็ดน้อย ละครเร่ เรารักกันไม่ได้ น้ำผึ้งขม และ ทะเลฤๅอิ่ม ตามลำดับ (สามเรื่องแรกได้ดาราของชอว์ บราเดอร์ส ร่วมแสดงด้วย) ตามด้วยโครงการสร้างภาพยนตร์อีก 3-4 เรื่องในนามอัศวินอินเตอร์เนชั่นแนล แต่ยกเลิกไป ภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย ทรงสร้างบทภาพยนตร์จากบทพระราชนิพนธ์ร้อยกรองในรัชกาลที่ 5 และทรงกำกับการแสดงร่วมกับเปี๊ยก โปสเตอร์ เรื่องเงาะป่า โดย อัศวินภาพยนตร์ - ไฟวสตาร์ โปรดักชั่น พ.ศ. 2523

เสด็จพระองค์ชายใหญ่ทรงได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ประจำปี พ.ศ. 2540 บุคคลยอดเยี่ยมแห่งวงการภาพยนตร์ไทย (พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล และ สักกะ จารุจินดา)

ผลงานภาพยนตร์

ยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2

ใบปิดภาพยนตร์ พันท้ายนรสิงห์ (2493)

ไทยฟิล์ม ภาพยนตร์ขาวดำ 35 มม.ระบบไวด์สกรีน เทคนิคอคาเดมิค บันทึกเสียงขณะถ่ายทำ

  • ถ่านไฟเก่า (2481) - สร้างปี 2480 ในนามบริษัทภาพยนตร์ไทย จำกัด ประพันธ์เรื่องและกำกับการแสดงโดยพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ถ่ายภาพโดยประสาท สุขุม บันทึกเสียงโดยชาญ บุนนาค แสดงโดย ทองแท้ สดศรีทอง ตัวแสดงประกอบไพฑูรย์ และสุ่น ถ่ายทำที่ จ. สงขลา เป็นเรื่องราวความรักของลูกครึ่งจีนไทยชาวใต้ ที่เกิดความวุ่นวายสุดท้ายต้องสลับคู่กันในวันแต่งงาน
  • แม่สื่อสาว (2481) - มีเพลงอมตะประกอบ 3 เพลง ได้แก่ บัวขาว ลมหวน เพลิน
  • วันเพ็ญ (2482) - สร้างปี พ.ศ. 2482 ประพันธ์เรื่องและกำกับการแสดงโดยพระองค์เจ้าภาณุพันธ์ นำแสดงโดย ปริม บุนนาค และ ประดิษฐ์ อุตตะมัง
  • ปิดทองหลังพระ (2482) - ฉายที่ศาลาเฉลิมกรุง อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงและประพันธ์เรื่องโดยพระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ถ่ายภาพโดยประสาท สุขุม บันทึกเสียงโดยชาญ บุนนาค มีเพลงประกอบ 6 เพลง อาทิ เพลงสายสิโหมง และฮัชชัชชา ประพันธ์ โดย ม.ล. พวงร้อย อภัยวงศ์ นำแสดงโดย ทวี ณ บางช้าง (ทวี มณีสุนทร) และสุภาพ สง่าเมือง มีตัวแสดงประกอบได้แก่ พระยาบำรุงราชบริพาร, ลิขิต สารสนอง, อบ บุญติด, รวมพันธุ์, ศรี กุลศรี, ไพฑูรย์, สุ่น, พนม สุทธาศิริ
  • ลูกทุ่ง (2483) - สร้างปี พ.ศ. 2482 ฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2483 ที่ศาลาเฉลิมกรุง สร้างและกำกับโดยทีมงานเดียวกับเรื่องปิดทองหลังพระ นำแสดงโดยโปร่ง แสงโสภณ และสมพร เฉลิมศรี พร้อมนักแสดงประกอบได้แก่ ละม่อม พุ่มเสนาะ, เสริม ประสพชัย, อบ บุญติด, โต คุ้มสอน และพรรณี กาญจนันทุ

อัศวินภาพยนตร์ ภาพยนตร์สีธรรมชาติ 16 มม.พากย์สด

ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ไฟล์:เรือนแพ(2504).jpg
ใบปิดภาพยนตร์ เรือนแพ (2504)
  • นเรศวรมหาราช (2500) - ภาพยนตร์สงครามอิงประวัติศาสตร์ การกอบกู้เอกราชของไทยจากพม่า ฉายครั้งแรก เมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2500 ที่ศาลาเฉลิมไทย นำแสดงโดย ชูชัย พระขรรค์ชัย และ รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง (ณ ราชสีมา) ร่วมด้วย สุรชัย ลูกสุรินทร์, ถนอม อัครเศรณี, สถาพร มุกดาประกร, สมถวิล มุกดาประกร, ทัต เอกทัต, พูนสวัสดิ์ ธีมากร, สมพงษ์ พงษ์มิตร, ล้อต๊อก, ดอกดิน กัญญามาลย์, อธึก อรรถจินดา และ ชูศรี โรจน์ประดิษฐ์ ได้รับรางวัลสำเภาทอง งานรางวัลตุ๊กตาทอง "ละคอนรำ" ประจำปี 2500 (กำกับศิลป์ สำหรับภาพยนตร์ 16 มม.)
  • ถ่านไฟเก่า (2500) - ภาพยนตร์ฟิล์มสี 35 มม. นำเรื่องเดียวกับถ่ายไฟเก่า (2480) มาสร้างใหม่ ในชื่อ สะใภ้หยก ใช้เทคนิคการถ่ายทำสโคป พากย์ในฟิล์ม นำแสดงโดย สมบัติ คงจำเนียร และ วิไลวรรณ วัฒนพานิช ฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2500 ที่ศาลาเฉลิมไทย
  • สองพี่น้อง (2501) - นำเรื่องเดียวกับลูกทุ่ง (2483) มาสร้างใหม่ ฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2501 ที่เอ็มไพร์ นำแสดงโดย สถาพร มุกดาประกร, เรณู พิบูลย์ภาณุวัฒน (ภมรมนตรี) , ปิต กำเนิดพลอย, สมจิตร มุกดาประกร, สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย และ อบ บุญติด *
  • สุดชีวิต (2503) - นำแสดงโดย สุพรรณ บูรณพิมพ์ , ไชยา สุริยัน , อมรา อัศวนนท์ และ อาคม มกรานนท์
  • 15 นาทีในอินเดีย - ภาพยนตร์สารคดี ได้รับรางวัลประเภทภาพยนตร์สารคดี งานรางวัลพระสุรัสวดี ประจำปี 2503 (ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม บทภาพยนตร์)

ภาพยนตร์สีอัศวินอีสต์แมน 35 มม. ระบบอัศวินซูเปอร์ซีเนสโคป (พากย์ในฟิล์ม 2504-2523)

  • เรือนแพ (2504) - นำแสดงโดย ไชยา สุริยัน , มาเรีย จาง, จินฟง และ ส.อาสนจินดา ฉายครั้งแรกในเปี พ.ศ. 2504 ที่ศาลาเฉลิมไทย รางวัลพระสุรัสวดี ประจำปี 2505 (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ดารานำชาย ดาราประกอบชาย ออกแบบและสร้างฉาก บันทึกเสียง)
  • จำปูน (2507) - นำแสดงโดย แมน ธีระพล, จูลี่ ซีเหย่น ,ทัต เอกทัต ,ทักษิณ แจ่มผล และ มาลี เวชประเสริฐ ฉายที่เฉลิมเขตร์ รางวัลพระสุรัสวดี ประจำปี 2507 (ดาราประกอบหญิง)
  • เป็ดน้อย (2511) - นำแสดงโดย สุทิศา พัฒนุช (เรื่องแรก), ไชยา สุริยัน ,จินฟง เรื่องความรักต่างชนชั้นของสาวชนบทกับหนุ่มผู้ดีมีศักดิ์ท่ามกลางความรังเกียจของญาตพี่น้องฝ่ายชาย (เสด็จพระองค์ชายใหญ่ ทรงเคยทดลองทำเป็นละครโทรทัศน์ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ขาวดำ นำแสดงโดย ทม วิศวชาติ ,บุศรา นฤมิตร และจันตรี สาริกบุตร ก่อนขยายบทสร้างเป็นภาพยนตร์ประกอบเพลงเรื่องนี้)
  • ละครเร่ (2512) - นำแสดงโดย มานพ อัศวเทพ (เรื่องแรก) ,สุทิศา พัฒนุช และ ดอกดิน กัญญามาลย์ เป็นนักแสดงรับเชิญ ร่วมด้วยดาราประกอบ ได้แก่ กนกวรรณ ด่านอุดม (เรื่องแรก), ชรินทร์ นันทนาคร, จารุวรรณ ปัญโญภาส (เรื่องแรก), สมพงษ์ พงษ์มิตร, สายัณห์ จันทรวิบูลย์ (เรื่องแรก)เรื่องการต่อสู้ดิ้นรนของคณะละครรำในสังคมยุคใหม่ ฉายที่เฉลิมเขตร์ รางวัลชมเชยกำกับศิลป์ งานมหกรรมภาพยนตร์เอเซียแปซิฟิค ครั้งที่ 15 ณ กรุงมนิลา ฟิลิปปินส์ 2512
  • เรารักกันไม่ได้ (2513) - เรื่องของคอมมิวนิสต์สาวที่ฝ่าฝืนกฎของลัทธิข้อห้ามมีความรักใคร่ผสมแนวผีปีศาจ นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี ,สุทิศา พัฒนุช, เมตตา รุ่งรัตน์ ,วิไลวรรณ วัฒนพานิช , มานพ อัศวเทพ และ สมชาย สามิภักดิ์ ฉายที่ศาลาเฉลิมกรุง
  • น้ำผึ้งขม (2517) - สร้างจากบทประพันธ์ของ กฤษณา อโศกสิน เรื่องของชายหนุ่มนักธุรกิจมีความแค้นฝังใจกับแฟนสาวที่ทิ้งเขาไป เมื่อหญิงสาวกลับมาขอความช่วยเหลือจากเขา เขาจึงแก้แค้นด้วยการซื้อตัวลูกสาวของเธอ ก่อนที่ความรักจะหลอมละลายให้ความแค้นในใจเขาดับไป [2] นำแสดงโดย นฤมล นิลวรรณ, สะอาด เปี่ยมพงสานต์ , อมรา อัศวนนท์ , ภัทราวดี ศรีไตรรัตน์ ฉายที่พาราเมาท์ ประตูน้ำ
  • ทะเลฤๅอิ่ม (2519) - บทประพันธ์ของ สุวรรณี สุคนธา เรื่องของสาววัยรุ่นที่หลงเดินทางผิด นำตนเองไปสู่ความมืดมนของชีวิต นำแสดงโดย สรพงษ์ ชาตรี ,วิยะดา อุมารินทร์ ฉายที่พาราเมาท์ ประตูน้ำ
  • วันเพ็ญ (2521) - สร้างใหม่ กำกับการแสดงโดย ม.จ. ฐิติพันธุ์ ยุคล (พระโอรสของพระองค์เจ้าภาณุพันธ์) นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี, นิภาพร นงนุช, มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช, จักรกฤษณ์ พันธุ์ชัย และ วาสนา รัตนงาม
  • เงาะป่า (2523) - เรื่องสุดท้ายที่ทรงสร้างร่วมกับไฟว์สตาร์โปรดักชั่น ดัดแปลงจากบทพระราชนิพนธ์ เรื่องเงาะป่าของ รัชกาลที่ 5 นำแสดงโดย จตุพล ภูอภิรมย์ และ ศศิธร ปิยะกาญจน์ ได้รับรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำ ประจำปี 2523 (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม กำกับการแสดง ดารานำชาย บทภาพยนตร์ ประพันธ์เพลง เพลงและดนตรีประกอบ บันทึกเสียง) และรางวัลพระสุรัสวดี ประจำปี 2524 (ผู้แสดงประกอบชาย ดนตรีประกอบ)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์

อ้างอิง

  1. กิติวัฒนา (ไชยันต์) ปกมนตรี, หม่อมราชวงศ์. สายพระโลหิตในพระพุทธเจ้าหลวง. กรุงเทพฯ : ดีเอ็มดี, พ.ศ. 2551. 290 หน้า. ISBN 978-974-312-022-0
  2. http://www.fapot.org/index.php/en/jevents/icalrepeat.detail/2011/07/24/28/62/MmI1NDRhYzZmZDI1YTJjYWMxZjRhNDA1YzlkMDg1ZWY=
  3. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๖๓, ตอน ๑๗ ง, ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๘๙, หน้า ๔๒๖
  4. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๗๐, ตอน ๑๗ ง, ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๖, หน้า ๑๐๑๐