ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แก๊สธรรมชาติอัด"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Sasakubo (คุย | ส่วนร่วม)
เปลี่ยนลิงกฺ์ภาษาอื่น
Sasakubo (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 42: บรรทัด 42:


== การใช้แก๊สธรรมชาติอัดในประเทศอื่น ==
== การใช้แก๊สธรรมชาติอัดในประเทศอื่น ==
จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2553 พบว่า ประเทศปากีสถาน, อิหร่าน, อาร์เจนติน่า, บราซิล และ อินเดีย มียานพาหนะที่ใช้แก๊สธรรมชาติอัดมากเป็นอันดับต้นๆของโลก
ในปัจจุบันประเทศ[[ปากีสถาน]]มีรถยนต์ที่ใช้แก๊สธรรมชาติอัดสูงที่สุดในโลก ตามมาด้วย [[อาร์เจนตินา]] [[บราซิล]] [[อิหร่าน]] ปากีสถานยังมีสถานนีบริการฯมากที่สุดในโลกกว่า 3600 แห่ง กลุ่มผู้ใช้หลักเป็นรถส่วนบุคคลซึ่งได้เปลี่ยนมาใช้แก๊สธรรมชาติอัดมากขึ้นเพราะราคาถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันเบนซิน เฉพาะรถหรูหราและรถของหน่วยงานของรัฐเท่านั้นที่ยังใช้น้ำมันเบนซิน
{| style="float:left;" class="wikitable"
! colspan=2| '''10 อันดับประเทศที่ใช้รถเชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติอัดในปี [[พ.ศ. 2553]]'''<br><small>(ล้านคัน)</small>
|-
| {{PAK}} || style="text-align:right;"| 2.74
|-
| {{IRN}}|| style="text-align:right;"| 2.60
|-
| {{ARG}}|| style="text-align:right;"| 1.90
|-
| {{BRA}} || style="text-align:right;"| 1.66
|-
| {{IND}} || style="text-align:right;"| 1.08
|-
| {{ITA}} || style="text-align:right;"| 0.73
|-
| {{PRC}} || style="text-align:right;"| 0.45
|-
| {{COL}} || style="text-align:right;"| 0.34
|-
| {{THA}} || style="text-align:right;"| 0.21
|-
| {{UKR}} || style="text-align:right;"| 0.20
|-
| '''รวม''' || style="text-align:right;"| 12.67
|-
|colspan=2 style="font-size:90%;"|''ที่มา:<ref name="iangv">[http://www.iangv.org/tools-resources/statistics.html Natural Gas Vehicle Statistics]{{en}}</ref>|}

ปากีสถานยังมีสถานนีบริการฯมากที่สุดในโลกกว่า 3600 แห่ง กลุ่มผู้ใช้หลักเป็นรถส่วนบุคคลซึ่งได้เปลี่ยนมาใช้แก๊สธรรมชาติอัดมากขึ้นเพราะราคาถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันเบนซิน เฉพาะรถหรูหราและรถของหน่วยงานของรัฐเท่านั้นที่ยังใช้น้ำมันเบนซิน


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:20, 21 เมษายน 2555

แก๊สธรรมชาติอัด[1] (อังกฤษ: Compressed Natural Gas, CNG) เป็นเชื้อเพลิงจากซากดึกดำบรรพ์อีกชนิดหนึ่งเช่นเดียวกับ น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และ แก๊สปิโตรเลียมเหลวสำหรับใช้เป็นพลังงานสะอาดทดแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปกติ มีใช้กับพาหนะได้ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก รถตู้ รถประจำทาง เป็นต้น ราคาถูกกว่าน้ำมัน และ ช่วงที่น้ำมันราคามาก จึงมีผู้นิยมใช้เพิ่มขึ้นอย่างสูง

การผลิต

ใช้แก๊สธรรมชาติ (ส่วนใหญ่เป็นมีเทน) มาอัดจนมี ความดันสูง ประมาณ 3,000 ปอนด์/ตารางนิ้ว (เป็นแรงดันที่ค่อนข้างสูงมากเท่ากับ 200 เท่าของ ความดันบรรยากาศ) แล้วนำไปเก็บไว้ในถัง ที่มีความแข็งแรง ทนทานสูงเป็นพิเศษ

สถานีบริการ เอ็นจีวี

แต่ก่อนเคยเป็นปัญหาว่ามีน้อย แต่ปัจจุบันมีเพิ่มขึ้นมาก ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน ผู้ใช้บริการจะได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ปัจจุบันยังมีผู้ให้บริการหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น ปตท. บางจาก ทีพีไอ และ คาลเท็กซ์

ข้อดี

  • ราคาถูก
  • สามารถขุดได้ในบริเวณอ่าวไทย (PTT ผลิตเพียงผู้เดียว)
  • ลดมลพิษในบรรยากาศ เนื่องจากเชื้อเพลิงเผาไหม้สมบูรณ์
  • ไม่มีกลิ่น

ข้อเสีย

  • ถังแก๊สทำให้รถหนักขึ้นและที่วางของน้อยลง
  • ต้องเติมบ่อย
  • ค่าติดตั้งราคาสูง
  • แรงดันในถังสูงมาก หากระเบิดจะรุนแรงและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบสภาพถัง และอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบของ NGV อยู่เสมอ
  • กำลังของเครื่องยนต์จะตกลงประมาณ 10 - 15%
  • ให้ความร้อนสูงกว่า LPG

ระบบที่ติดตั้ง

เครื่องยนต์เบนซินแบ่งการทำงานเป็น 2 ระบบ คือระบบติดตั้งแก๊สหัวฉีด และระบบดูดแก๊ส ระบบดูดแก๊สเหมาะกับรถยนต์รุ่นเก่าที่เป็นเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ ระบบนี้บำรุงรักษาง่าย คุ้มทุนเร็ว ราคาค่าติดตั้ง 30,000-50,000 บาท ส่วนระบบฉีดแก๊สเหมาะกับรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นระบบไฮเทค ให้อัตราการเร่งเครื่องยนต์ใกล้เคียงกับการใช้น้ำมันเบนซินมากกว่าระบบดูดแก๊ส อัตราการประหยัดการวิ่งเชื้อเพลิงต่อวันคุ้มกว่าระบบดูดแก๊ส ราคาค่าติดตั้ง 52,000-65,000 บาท สำหรับการติดตั้ง เอ็นจีวี ในเครื่องยนต์เบนซินสามารถเลือกใช้ เอ็นจีวี หรือเบนซินก็ได้ เพียงกดปุ่ม

ในเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ เช่น เครื่องยนต์รถสิบล้อ หรือ เครื่องยนต์ในเรือ หากต้องการจะติดตั้งแก๊ส NGV สามารถทำได้เช่นกัน โดยสามารถทำได้ 2 แบบ

  1. ใช้วิธีผสมระหว่าง NGV กับ ดีเซล อัตราส่วนผสม ขึ้นอยู่กับความสามารถของเครื่องแต่ละตัว ราคาค่าติดตั้งประมาณ 100,000 บาท อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนถังแก๊สที่ใส่เข้าไป
  2. ใช้วิธีแปลงเครื่องมาใช้ NGV 100% แต่ไม่สามารถกลับไปใช้น้ำมันดีเซลได้ ราคาค่าดัดแปลงพร้อมระบบแก๊สอยู่ที่ประมาณ 400,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับจำนวนถังแก๊สที่ใส่เข้าไป

ตอนนี้ได้มีการทำการทดลองนำ LNG (liquid natural gas) มาติดตั้งในเรือหาปลาทะเล ระบบการทำงานจะคล้ายของเดิมแต่วัสดุของถังจะต่างกัน

ถังแก๊ส

ปัจจุบันมีการผลิตถังแก๊สอยู่ 4 ประเภท ได้แก่

  1. ถังที่ทำด้วยเหล็ก หรือ อะลูมิเนียม
  2. ถังที่ทำด้วยเหล็ก หรือ อะลูมิเนียม และหุ้มด้วยวัสดุใยแก้ว หรือ เส้นใยคาร์บอน
  3. ถังที่ทำด้วยแผ่นอะลูมิเนียมที่บางกว่าชนิดที่ 2 และหุ้มด้วยวัสดุใยแก้วหรือเส้นใยคาร์บอนตลอดตัวถัง
  4. ถังที่ทำด้วยแผ่นพลาสติกและหุ้มด้วยวัสดุใยแก้วและเส้นใยคาร์บอนผสมกันวัสดุใยแก้ว (Fiberglass)

ส่วนการระเบิดนั้น หากระบบแก๊สยังอยู่ในสภาพดี ทำงานได้เป็นปกติ จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากเมื่อแก๊สรั่วจะพุ่งออกมาแล้วฟุ้งกระจายขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็วทำให้ไม่ลุกไหม้ ระเบิด และเรื่องของการทนความดัน ถังทุกใบทนความดันได้ถึง 2.5 เท่าของความดันปกติ ต่อให้มีไฟมาเผาถังแก๊สก็จะไม่มีอันตราย เพราะวาล์วหัวถังก็ระบายแก๊สออกมาจากถัง โดยอัตโนมัติ

การใช้แก๊สธรรมชาติอัดในประเทศอื่น

จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2553 พบว่า ประเทศปากีสถาน, อิหร่าน, อาร์เจนติน่า, บราซิล และ อินเดีย มียานพาหนะที่ใช้แก๊สธรรมชาติอัดมากเป็นอันดับต้นๆของโลก

10 อันดับประเทศที่ใช้รถเชื้อเพลิงแก๊สธรรมชาติอัดในปี พ.ศ. 2553
(ล้านคัน)
ธงของประเทศปากีสถาน ปากีสถาน 2.74
ธงของประเทศอิหร่าน อิหร่าน 2.60
ธงของประเทศอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา 1.90
ธงของประเทศบราซิล บราซิล 1.66
ธงของประเทศอินเดีย อินเดีย 1.08
ธงของประเทศอิตาลี อิตาลี 0.73
 สาธารณรัฐประชาชนจีน 0.45
ธงของประเทศโคลอมเบีย โคลอมเบีย 0.34
 ไทย 0.21
ธงของประเทศยูเครน ยูเครน 0.20
รวม 12.67
ที่มา:[2]|}

ปากีสถานยังมีสถานนีบริการฯมากที่สุดในโลกกว่า 3600 แห่ง กลุ่มผู้ใช้หลักเป็นรถส่วนบุคคลซึ่งได้เปลี่ยนมาใช้แก๊สธรรมชาติอัดมากขึ้นเพราะราคาถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันเบนซิน เฉพาะรถหรูหราและรถของหน่วยงานของรัฐเท่านั้นที่ยังใช้น้ำมันเบนซิน

อ้างอิง

  1. ราชบัณฑิตยสถานกำหนดให้คำว่า natural gas เป็น "แก๊สธรรมชาติ" ดังนั้นจึงควรใช้ว่า "แก๊สธรรมชาติอัด" ด้วย
  2. Natural Gas Vehicle Statistics(อังกฤษ)

th:แก๊สธรรมชาติอัด