ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระธรรม (ศาสนาพุทธ)"
ล r2.7.2) (โรบอต ลบ: rmy:धर्म |
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) →แหล่งข้อมูลอื่น: แก้ลิงก์ |
||
บรรทัด 61: | บรรทัด 61: | ||
[[หมวดหมู่:อภิธานศัพท์ศาสนาพุทธ]] |
[[หมวดหมู่:อภิธานศัพท์ศาสนาพุทธ]] |
||
[[ |
[[en:Dharma (Buddhism)]] |
||
[[fa:دین دارمایی]] |
|||
[[ar:دارما]] |
|||
[[ |
[[ko:법 (불교)]] |
||
⚫ | |||
[[bg:Дхарма]] |
|||
[[mr:धम्म]] |
|||
[[bo:ལྷ་ཆོས།]] |
|||
[[ |
[[simple:Dharma (Buddhism)]] |
||
[[ |
[[tr:Dharma (Budizm)]] |
||
[[ |
[[zh:法 (佛教)]] |
||
[[de:Dharma]] |
|||
[[el:Ντάρμα]] |
|||
[[en:Dharma]] |
|||
[[eo:Darmo]] |
|||
[[es:Dharma]] |
|||
[[et:Dharma]] |
|||
[[eu:Dharma]] |
|||
[[fa:درمه]] |
|||
[[fi:Dharma]] |
|||
[[fr:Dharma]] |
|||
[[he:דהרמה]] |
|||
[[hr:Dharma]] |
|||
⚫ | |||
[[id:Dharma]] |
|||
[[it:Dharma]] |
|||
[[ja:法 (仏教)]] |
|||
[[ka:დჰარმა]] |
|||
[[kk:Дхарма]] |
|||
[[km:ព្រះធម៌]] |
|||
[[kn:ಧರ್ಮ]] |
|||
[[lt:Dharma]] |
|||
[[mdf:Дхарма]] |
|||
[[mk:Дарма]] |
|||
[[nl:Dharma]] |
|||
[[nn:Dharma]] |
|||
[[no:Dharma]] |
|||
[[pl:Dharma]] |
|||
[[pnb:تعرم]] |
|||
[[ps:دهرما]] |
|||
[[pt:Darma]] |
|||
[[ro:Dharma]] |
|||
[[ru:Дхарма]] |
|||
[[simple:Dharma]] |
|||
[[sk:Dharma]] |
|||
[[sr:Дарма]] |
|||
[[sv:Dharma]] |
|||
[[te:ధర్మము]] |
|||
[[tr:Dharma]] |
|||
[[uk:Дгарма]] |
|||
[[ur:دھرم]] |
|||
[[vi:Pháp (Phật giáo)]] |
|||
[[zh:法 (印度哲學)]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:45, 1 มีนาคม 2555
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
พระธรรม[1] หมายถึงธรรมะซึ่งพระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำออกเผยแผ่ หรือคำสอนของพระพุทธเจ้า เกี่ยวกับความจริงตามธรรมชาติของทุกข์และวิธีการดับทุกข์ ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นแต่เริ่มสืบทอดกันด้วยวิธีท่องจำแบบปากต่อปาก เรียกว่า "มุขปาฐะ" สมัยต่อมาจึงได้มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร คัมภีร์ที่บันทึกพระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น เรียกว่า พระไตรปิฎก และยังมีคัมภีร์อื่นๆ ที่แต่งภายหลังเพื่อขยายความอีก ได้แก่ อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา ตามลำดับ
ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบนั้น เป็นสิ่งที่มีอยู่แต่เดิมแล้ว ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมพระพุทธองค์ แต่ทรงเป็นผู้ค้นพบแล้วนำมาประกาศ อาจพอกล่าวได้ว่าการเรียนรู้พระธรรม ก็คือการเรียนรู้ธรรมดาโลก และเรียนรู้สิ่งที่เป็นปกติที่มีบ่อเกิดที่มาว่ามาอย่างไร เป็นไปได้อย่างไร
พระธรรมคุณ
พระพุทธธรรมนั้นมีลักษณะสำคัญอยู่ 6 อย่างคือ:
- สวากขาโต (Pali: Svakkhato). พระธรรมไม่ใช้ปรัชญาที่ปรุงแต่งขึ้น แต่เป็นกฎธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าท่านวิเคราะห์, สรุป, และอธิบาย ออกมาอย่างเที่ยงตรง ดังนั้นจึงเป็นคุณทั้งจุดเริ่มต้น--ศีล (Sīla หลักการของความถูกต้อง), เป็นคุณทั้งตอนกลาง--สมาธิ (Samadhi ความมุ่งมั่นจดจ่อ) และ เป็นคุณทั้งตอนปลาย--ปัญญา (Pańña — ความเฉลียดฉลาด การรู้คิด การไตร่ตรอง ความรู้ซึ้ง).
- สันทิฏฐิโก (Pali: Sanditthiko). พระธรรม สามารถถูกทดสอบ/ตรวจสอบได้ด้วยการปฎิบัติ ดังนั้นผู้ที่ปฎิบัติจะเห็นผลได้ด้วยตนเอง
- อะกาลิโก (Pali: Akāliko). พระธรรม นั้นมีคุณค่า และผลของการปฎิบัติสามารถรับรู้ได้ โดยไม่จำกัดกาลเวลา (พระธรรม มีคุณประโยชน์ 2,500 ปีก่อน มีคุณประโยชน์ในปัจจุบัน และ จะยังมีคุณประโยชน์ในอนาคต)
- เอหิปัสสิโก (Pali: Ehipassiko). พระธรรม นั้นมีคุณค่าไม่จำกัดกับบุคคล สามารถปฏิบัติและรับรู้ผลได้ทุกๆผู้คน (พระธรรม มีคุณประโยชน์กับผู้ปฎิบัติ ไม่ว่าผู้ปฎิบัติจะเป็นหญิง เป็นชาย เกิดในชาติตระกูลใด มีสถานะเป็นอย่างไร)
- โอปะนะยิโก (Pali: Opāneyiko). พระธรรม นั้นปฎิบัติได้ และดังนั้น ควรนำมาปฎิบัติเพื่อประโยชน์ของตนเอง (พระธรรม เป็นหลักการที่นำมาปฎิบัติได้ ไม่ได้ยากเกินไป)
- ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วัญญูหิติ (Pali: Paccattam veditabbo viññūhi). พระธรรมนั้น จะรู้แจ้งได้ก็เฉพาะตนผู้ปฎิบัติเองจนรู้แจ้ง (อริยะ Pali: ariyas) ดังนั้นเพื่อเข้าใจพระธรรมอย่างแท้จริง จึงควรปฎิบัติเอง (การอ่านหรือฟังธรรมจากอริยะก็ไม่อาจทำให้เข้าใจแจ้งได้ หากไม่นำพระธรรมไปปฎิบัติ)
การปฎิบัติพระธรรมจะนำมาซึ่ง ความสงบ และ ความสุข แก่ตนผู้ปฎิบัติ ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของตนเองในการปฎิบัติพระธรรม
ความหมายของพระธรรม
พระธรรม หรือ ธรรมะ มาจาก Dhamma (บาลี: धम्म) หรือ Dharma (สันสกฤต: धर्म) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า "ธรรม" ที่หมายถึง ยก, พยุง, สนับสนุน, เกื้อหนุน ซึ่ง ธรรมะ นั้นหมายถึง สิ่งที่จะพยุง เกื้อหนุน ผู้ปฎิบัติธรรม และ ปกป้องผู้ปฎิบัติธรรม จากการตกอยู่ในความทุกข์ ลำเค็ญ เดือดร้อน
สำหรับคำศัพท์ในพุทธศาสนาทั้งหมด "ธรรมะ" มีความหมายที่กว้าง ครอบคลุมมากที่สุด[1] ธรรมะ จะช่วยปลูกสร้าง ความรู้ และ ความเข้าใจ เกี่ยวกับ กฎและหลักการที่เชื่อมโยงความจริงต่างๆ ปรากฎการณ์ต่างๆ บุคคลต่างๆ และปฎิสัมพันธ์ระหว่างกัน เข้าด้วยกัน นอกจากนั้น ธรรมะยังจะช่วยเพาะบ่ม การฝึกฝนการใช้ชีวิต ภายใต้กฎและหลักการนั้น อย่างสมดุลย์และกลมกลืน
การค้นพบธรรมะของพระพุทธเจ้า
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่มได้ที่ พระพุทธศาสนา
การเผยแพร่พระธรรม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่มได้ที่ ประวัติพุทธศาสนา
คัมภีร์ที่บันทึกพระธรรม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
ดูเพิ่มได้ที่ พระไตรปิฎก อรรถกถา
การศึกษาพระธรรมในปัจจุบัน
ปัจจุบัน การศึกษาพุทธธรรมหรือพระพุทธศาสนาในประเทศพุทธเถรวาทและมหายาน นิยมจัดการเรียนการสอนแบบมหาวิทยาลัย โดยอาจจัดควบคู่ไปกับการเรียนการสอนตามแบบที่สืบทอดกันมาแต่โบราณในประเทศนั้น ๆ เช่น ในประเทศไทย นอกจากจะมีมหาวิทยาลัยสงฆ์แล้ว ยังคงมีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม และบาลีอยู่ เป็นต้น
การศึกษาพุทธศาสนาในระดับนานาชาติในปัจจุบัน เป็นที่สนใจของตะวันตกอย่างกว้างขวาง หลังจากมีการจัดตั้งสมาคมบาลีปกรณ์ และองค์กรพุทธต่างๆ ขึ้นมามากมายหลายแห่ง ทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฯลฯ เพื่อค้นคว้าหลักพุทธธรรมที่ปรากฏในคัมภีร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ภาษาทิเบต และ ภาษาจีน ทำให้การศึกษาพุทธธรรมขยายตัวอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยทั้งยุโรปและอเมริกาหลายแห่งอาจเปิดสอนพุทธธรรมทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาเอก ปริญญาโท ปริญญาตรี
บทความที่เกี่ยวข้อง
- อิทัปปัจจยตา หลักของเหตุและผล
- ปฏิจสมุปบาท องค์ประกอบ 12 อย่างของห่วงโซ่เหตุแห่งทุกข์
- ไตรลักษณ์ หลักของความไม่แน่นอน
- อริยสัจ ความจริงสูงสุดของชีวิต
- ไตรสิกขา
- มรรค ๘
- เบญจธรรม
อ้างอิง
- ↑ ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรมศัพท์ศาสนาสากล อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน, พิมพ์ครั้งที่ 3, ราชบัณฑิตยสถาน, 2552, หน้า 454