ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลัทธิ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Jtojung (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Thanit (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''ลัทธิ''' (Doctrine) คือคำสั่งสอน ที่มีผู้เชื่อถือและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นลัทธิทางการเมือง ลัทธิเศรษฐกิจ ลัทธิปรัชญา ลัทธิทางศาสนา เป็นต้น '''ลัทธิทางศาสนา'''จะมีความหมายแคบกว่าศาสนา ซึ่งเป็นคำสอนเฉพาะกลุ่มของผู้นับถือศาสนาเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันในสาระสำคัญ เช่น พุทธศาสนา มีลัทธิมหายาน ลัทธิหินยาน(เถรวาท) หรือใช้คำว่า นิกาย แทนก็ได้ ลัทธิที่แสดงถึงความเชื่อหรือแนวทางปฏิบัติเพื่อเพื่อความมั่นคงทางจิตใจของมนุษย์แต่ไม่มีลักษณะที่เรียกว่าศาสนาได้ เช่น ลัทธิบูชาบรรพบุรุษ ลัทธินับถือผีสางเทวดาของ เป็นต้น ลัทธิเหล่านี้มีแต่คำสั่งและพิธีกรรม แต่ไม่มีหลักคำสอนทางจริยธรรม ไม่มีคัมภีร์หรืองค์ศาสดา จึงไม่อาจเรียกว่าศาสนาได้
{{สั้นมาก}}
==ความแตกต่างระหว่าง ลัทธิ กับ ศาสนา==
#ลัทธิ อาจไม่มีคำสั่งสอนเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยาเหมือนอย่างศาสนาก็ได้ เช่นลัทธิความเชื่อของเผ่าต่าง ๆ ในสังคมบรุพกาล ที่เน้นแต่การทำพิธีกรรมบูชาเทพเจ้า ภูตผีปีศาจ แต่ไม่มีหลักคำสอนทางศีลธรรมจรรยา
#ลัทธิ มีคำสอนเรื่องจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตที่แตกต่างจากศาสนา กล่าวคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์ที่ศาสนากำหนด คือ ความสุขในทางธรรม ความสงบสุขทางจิตใจและมุ่งแก้ปัญหาที่เป็นลักษณะปัญหาสากลของมนุษย์ เช่น ความทุกข์ ความผิดหวัง และพฤติกรรมความดี ความชั่ว เป็นต้นแต่จุดมุ่งหมายของลัทธิ จะเน้นความสุขทางโลก มุ่งแก้ปัญหาของมนุษย์และสังคมและมีความเหมาะสมเฉพาะสังคมบางท้องถิ่นและเฉพาะสมัยเท่านั้น เช่น ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื้อ เป็นต้น
#ลัทธิอาจมีพิธีกรรมหรือไม่ก็ได้ แต่ศาสนาต้องมีพิธีกรรม
#คำสอนของลัทธิ เกิดจากความคิดและทัศนะส่วนตัวของเจ้าลัทธิเอง แต่สำหรับศาสนา คำสอนเกิดจากพระบัญชาของพระเจ้า โดยมีโองการผ่านทางศาสดา ศาสดามิได้คิดขึ้นเอง (ยกเว้น พุทธศาสนา ถือว่าคำสอนเป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ค้นพบและนำมาเผยแพร่ เนื่องด้วยเป็นศาสนาที่ไม่มีพระเจ้า)
#คำสอนของลัทธิไม่มีลักษณะความศักดิ์สิทธิ์ แต่ศาสนามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการะบูชาของศาสนิกชนผู้นับถือ ไม่พอใจเมื่อถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม
#ลัทธิไม่มีสถาบันที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสอนและไม่มีคัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนไว้เป็นหมวดหมู่ แต่ศาสนามีนักบวชทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนของศาสดาและมีคัมภีร์รวบรวมเป็นลายลักษณ์อักษรลัทธิอาจมีหนังสือที่เจ้าของลัทธิแต่งขั้น แต่มิใช่คัมภีร์ เช่น ลัทธิเศรษฐกิจ ลัทธิการเมือง เป็นต้น


==อ้างอิง==
ลัทธิ มีลักษณะคล้ายกับ [[ศาสนา]] มีความหมายตาม[[พจนานุกรม]]ว่า [[ความเชื่อ]]หรือ[[ความคิดเห็น]]
#สวลี บุญมูล [[http://www.kr.ac.th/ebook2/sawalee/02.html]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:40, 11 มกราคม 2550

ลัทธิ (Doctrine) คือคำสั่งสอน ที่มีผู้เชื่อถือและมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่นลัทธิทางการเมือง ลัทธิเศรษฐกิจ ลัทธิปรัชญา ลัทธิทางศาสนา เป็นต้น ลัทธิทางศาสนาจะมีความหมายแคบกว่าศาสนา ซึ่งเป็นคำสอนเฉพาะกลุ่มของผู้นับถือศาสนาเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกันในสาระสำคัญ เช่น พุทธศาสนา มีลัทธิมหายาน ลัทธิหินยาน(เถรวาท) หรือใช้คำว่า นิกาย แทนก็ได้ ลัทธิที่แสดงถึงความเชื่อหรือแนวทางปฏิบัติเพื่อเพื่อความมั่นคงทางจิตใจของมนุษย์แต่ไม่มีลักษณะที่เรียกว่าศาสนาได้ เช่น ลัทธิบูชาบรรพบุรุษ ลัทธินับถือผีสางเทวดาของ เป็นต้น ลัทธิเหล่านี้มีแต่คำสั่งและพิธีกรรม แต่ไม่มีหลักคำสอนทางจริยธรรม ไม่มีคัมภีร์หรืองค์ศาสดา จึงไม่อาจเรียกว่าศาสนาได้


ความแตกต่างระหว่าง ลัทธิ กับ ศาสนา

  1. ลัทธิ อาจไม่มีคำสั่งสอนเกี่ยวกับศีลธรรมจรรยาเหมือนอย่างศาสนาก็ได้ เช่นลัทธิความเชื่อของเผ่าต่าง ๆ ในสังคมบรุพกาล ที่เน้นแต่การทำพิธีกรรมบูชาเทพเจ้า ภูตผีปีศาจ แต่ไม่มีหลักคำสอนทางศีลธรรมจรรยา
  2. ลัทธิ มีคำสอนเรื่องจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตที่แตกต่างจากศาสนา กล่าวคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตมนุษย์ที่ศาสนากำหนด คือ ความสุขในทางธรรม ความสงบสุขทางจิตใจและมุ่งแก้ปัญหาที่เป็นลักษณะปัญหาสากลของมนุษย์ เช่น ความทุกข์ ความผิดหวัง และพฤติกรรมความดี ความชั่ว เป็นต้นแต่จุดมุ่งหมายของลัทธิ จะเน้นความสุขทางโลก มุ่งแก้ปัญหาของมนุษย์และสังคมและมีความเหมาะสมเฉพาะสังคมบางท้องถิ่นและเฉพาะสมัยเท่านั้น เช่น ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื้อ เป็นต้น
  3. ลัทธิอาจมีพิธีกรรมหรือไม่ก็ได้ แต่ศาสนาต้องมีพิธีกรรม
  4. คำสอนของลัทธิ เกิดจากความคิดและทัศนะส่วนตัวของเจ้าลัทธิเอง แต่สำหรับศาสนา คำสอนเกิดจากพระบัญชาของพระเจ้า โดยมีโองการผ่านทางศาสดา ศาสดามิได้คิดขึ้นเอง (ยกเว้น พุทธศาสนา ถือว่าคำสอนเป็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ค้นพบและนำมาเผยแพร่ เนื่องด้วยเป็นศาสนาที่ไม่มีพระเจ้า)
  5. คำสอนของลัทธิไม่มีลักษณะความศักดิ์สิทธิ์ แต่ศาสนามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เคารพสักการะบูชาของศาสนิกชนผู้นับถือ ไม่พอใจเมื่อถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม
  6. ลัทธิไม่มีสถาบันที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสอนและไม่มีคัมภีร์ที่รวบรวมคำสอนไว้เป็นหมวดหมู่ แต่ศาสนามีนักบวชทำหน้าที่เผยแพร่คำสอนของศาสดาและมีคัมภีร์รวบรวมเป็นลายลักษณ์อักษรลัทธิอาจมีหนังสือที่เจ้าของลัทธิแต่งขั้น แต่มิใช่คัมภีร์ เช่น ลัทธิเศรษฐกิจ ลัทธิการเมือง เป็นต้น

อ้างอิง

  1. สวลี บุญมูล [[1]]