ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ของเหลวผลควบแน่นโพส–ไอน์สไตน์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Movses-bot (คุย | ส่วนร่วม)
r2.6.2) (โรบอต เพิ่ม: kk:Бозе–Эйнштейн конденсаттануы
Bakacircle (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{สั้นมาก}}
{{สั้นมาก}}


'''สสารควบแน่นโบส-ไอน์สไตน์''' ({{lang-en|Bose–Einstein condensate}}) เกิดขึ้นเมื่อเราลด[[อุณหภูมิ]]ของ[[ธาตุ]]ลงให้ต่ำมากๆ โดยปกติจะสูงกว่า[[ศูนย์องศาสัมบูรณ์]] (-273 องศาเซลเซียส) เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวของ 1 องศา[[เซลเซียส]] ซึ่งเป็นอุณหภูมิในทางทฤษฎีที่ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหวนิ่งสนิท
'''สสารควบแน่นโบส-ไอน์สไตน์''' ({{lang-en|Bose–Einstein condensate}}) เกิดขึ้นเมื่อเราลด[[อุณหภูมิ]]ของ[[ธาตุ]]ลงให้ต่ำมากๆ โดยปกติจะสูงกว่า[[ศูนย์องศาสัมบูรณ์]] (-273.15 องศาเซลเซียส) เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวของ 1 องศา[[เซลเซียส]] ซึ่งเป็นอุณหภูมิในทางทฤษฎีที่ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหวนิ่งสนิท


พฤติกรรมที่โดยปกติจะเห็นได้ในระดับอะตอมก็สามารถเห็นได้ในระดับที่กว้างขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้านำสสารควบแน่นโบส-ไอน์สไตน์มาใส่ในถ้วยแก้ว และรักษาระดับความเย็นให้เพียงพอ สสารดังกล่าวจะไหลคลานออกมาข้างนอกถ้วยแก้วด้วยตัวมันเอง
พฤติกรรมที่โดยปกติจะเห็นได้ในระดับอะตอมก็สามารถเห็นได้ในระดับที่กว้างขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้านำสสารควบแน่นโบส-ไอน์สไตน์มาใส่ในถ้วยแก้ว และรักษาระดับความเย็นให้เพียงพอ สสารดังกล่าวจะไหลคลานออกมาข้างนอกถ้วยแก้วด้วยตัวมันเอง

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:39, 31 ตุลาคม 2554


สสารควบแน่นโบส-ไอน์สไตน์ (อังกฤษ: Bose–Einstein condensate) เกิดขึ้นเมื่อเราลดอุณหภูมิของธาตุลงให้ต่ำมากๆ โดยปกติจะสูงกว่าศูนย์องศาสัมบูรณ์ (-273.15 องศาเซลเซียส) เพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวของ 1 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิในทางทฤษฎีที่ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหวนิ่งสนิท

พฤติกรรมที่โดยปกติจะเห็นได้ในระดับอะตอมก็สามารถเห็นได้ในระดับที่กว้างขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้านำสสารควบแน่นโบส-ไอน์สไตน์มาใส่ในถ้วยแก้ว และรักษาระดับความเย็นให้เพียงพอ สสารดังกล่าวจะไหลคลานออกมาข้างนอกถ้วยแก้วด้วยตัวมันเอง

สสารควบแน่นโบส-ไอน์สไตน์ได้รับการพยากรณ์ว่ามีอยู่จริงโดยไอน์สไตน์ในปี ค.ศ. 1925 หลังจากที่ศึกษาผลงานของสัตเยนตรานาถ โบส (Satyendra Nath Bose) แต่ก็ไม่มีใครทำให้สสารดังกล่าวเกิดขึ้นได้จริงจนกระทั่งถึงปี 1995 ซึ่งส่งผลให้การค้นพบดังกล่าวได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 2001 ต้นฉบับงานเขียนของไอน์สไตน์ก็เพิ่งถูกค้นพบอีกครั้งในปี 2005 นี่เอง