ผลต่างระหว่างรุ่นของ "นกชนหิน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
AAAERTCM (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Chale yan (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{ต้องการวิกิลิงก์}}
{{Taxobox
{{Taxobox
| name = Helmeted Hornbill
| name =
| image = Helmeted Hornbill.jpg
| image = Helmeted Hornbill.jpg
| status = NT | status_system = IUCN3.1
| status = NT | status_system = IUCN3.1
บรรทัด 16: บรรทัด 15:
| synonyms = ''Buceros vigil''
| synonyms = ''Buceros vigil''
}}
}}
'''นกชนหิน''' (Helmeted Hornbill) เป็นนกขนาดใหญ่ในวงศ์[[นกเงือก]] พบในประเทศไทย มาเลเซีย [[สุมาตรา]] และ[[บอร์เนียว]]


== ลักษณะ ==
== ลักษณะ ==
นกเงือกชนิดนี้มีลักษณะเด่นกว่านกเงือกชนิดอื่นๆ ตรงที่สันบนจะงอยปากใหญ่หนาเนื้อในสีขาวคล้ายงาช้าง และมีขนหางพิเศษคู่หนึ่ง ซึ่งจะงอกยาวเลยขนหางเส้นอื่น ๆ ออกไปมากถึง 50 [[เซนติเมตร]] นกตัวผู้มีขนาดลำตัวยาวจากปลายจะงอยปากถึงปลายขนหาง 127 เซนติเมตร ขนลำตัวสีน้ำตาลเข้ม ใต้ท้องสีขาว หางสีขาวมีแถบสีดำพาดขวาง และปลายปีกสีขาวเป็นแถบกว้าง จะงอยปากตอนโคน และบนสันสีแดงคล้ำ ตอนปลายสีเหลืองเรื่อๆ บริเวณลำคอที่ไม่ขนในนกตัวผู้จะมีสีแดงคล้ำ ส่วนนกตัวเมียจะมีสีฟ้าซีดหรือสีฟ้า แต่นกวัยอ่อนเพศผู้ ลำคอจะมีสีแดงเรื่อ ๆ และนกเพศเมียหนังส่วนนี้จะเป็นสีม่วง นอกจากนี้สันบนจะงอยปากจะมีขนาดเล็กกว่า และขนหางยังเจริญไม่เต็มที่ มีลักษณะสั้นกว่านกโตเต็มวัย

นกเงือกชนิดเดียวที่มีลักษณะเด่นกว่านกเงือกชนิดอื่นๆตรงที่สันบนจะงอยปากใหญ่หนาเนื้อในสีขาวคล้ายงาช้างและมีขนหางพิเศษคู่หนึ่งซึ่งจะงอกยาวเลยขนหางเส้นอื่น ๆ ออกไปมากถึง 50 เซนติเมตร นกตัวผู้มีขนาดลำตัวยาวจากปลายจะงอยปากถึงปลายขนหาง 127เซนติเมตรขนลำตัวสีน้ำตาลเข้มใต้ท้องสีขาวหางสีขาวมีแถบสีดำพาดขวางและปลายปีกสีขาวเป็นแถบกว้างจะงอยปากตอนโคนและบนสัน สีแดงคล้ำตอนปลายสีเหลืองเรื่อๆบริเวณลำคอที่ไม่ขนในนกตัวผู้จะมีสีแดงคล้ำส่วนนกตัวเมียจะมีสีฟ้าซีดหรือสีฟ้าแต่นกที่มีอายุน้อยเพศผู้ ลำคอจะมีสีแดงเรื่อ ๆ และนกเพศเมียหนังส่วนนี้จะเป็นสีม่วง นอกจากนี้สันบนจะงอยปากจะมีขนาดเล็กกว่า และขนหางยังเจริญไม่เต็มที่ มีลักษณะสั้นกว่านกโตเต็มวัย


== อุปนิสัย ==
== อุปนิสัย ==
ปกติจะหากินในระดับยอดไม้ กินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ลูกไทร บางครั้งพบว่ากินสัตว์อื่น ๆ เช่น กิ้งก่ากระรอกและนกอีกด้วย มักจะอยู่โดดเดี่ยวหรืออยู่เป็นคู่ฤดูผสมพันธุ์เริ่มราวปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ทำรังในต้นไม้สูงและใช้วัสดุปิดปากรังเช่นเดียวกับนกเงือกชนิดอื่นๆนกชนหินมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่นๆโดยนกตัวผู้จะร้องติดๆกันดังตู๊ก…ตู๊กทอดเป็นจังหวะร้องติดต่อกันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับเมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ 4-6 ครั้งเมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร
ปกติจะหากินในระดับยอดไม้ กินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ลูกไทร บางครั้งพบว่ากินสัตว์อื่น ๆ เช่น [[กิ้งก่า]] กระรอก และนกอีกด้วย มักจะอยู่โดดเดี่ยวหรืออยู่เป็นคู่ ฤดูผสมพันธุ์เริ่มราวปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทำรังในต้นไม้สูง และใช้วัสดุปิดปากรังเช่นเดียวกับนกเงือกชนิดอื่นๆ นกชนหินมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่นๆ โดยนกตัวผู้จะร้องติดๆกันดัง ตู๊ก…ตู๊ก ทอดเป็นจังหวะ ร้องติดต่อกันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับ เมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ 4-6 ครั้งเมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร


== ที่อยู่อาศัย ==
== ถิ่นอาศัยและการกระจายพันธุ์ ==
นกชนหินเป็นนกประจำถิ่นที่พบในป่าดิบชิ้นระดับต่ำ
นกชนหินเป็นนกประจำถิ่นที่พบในป่าดิบชิ้นระดับต่ำ พบตั้งแต่แถบเทือกเขาตะนาวศรีลงมาทางใต้จนถึง[[ประเทศมาเลเซีย]] [[สุมาตรา]] และ[[บอร์เนียว]]


== สถานการอนุรักษ์ ==
== เขตแพร่กระจาย ==
ปัจจุบันนกชนหินจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และอนุสัญญา[[อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์|ไซเตส]] จัดเอาไว้ในบัญชีที่ 1 นกชนหินถูกล่าอย่างหนักเพื่อเอาสันบนจะงอยปากบนไปแกะสลักทำเป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่มีคุณค่าสูงมาก และจากการสูญเสียแหล่งอาศัย จำนวนประชากรจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนในทุกบริเวณที่อาศัย
พบแพร่กระจายตั้งแต่แถบเทือกเขาตะนาวศรีลงมาทางใต้จนถึงประเทศมาเลเซีย สุมาตรา และบอร์เนียว


== สถานภาพ ==
== อ้างอิง ==
* {{cite book|author=[[Christopher Perrins|Perrins, Christopher]] (ed.)|title=Firefly Encyclopedia of Birds|publisher=Firefly Books|year=2003|isbn=1-55297-777-3}}
ปัจจุบันนกชนหินจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และอนุสัญญา CITES จัดเอาไว้ใน Appendix 1 นกชนหินจะถูกล่าอย่างหนักเพื่อเอาสันบนจะงอยปากบนไปแกะสลักทำเป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่มีคุณค่าสูงมากจำนวนประชากรนกชนิดนี้จึงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนในทุกบริเวณที่อาศัยนอกจากนั้นนกชนหินยังเป็นนกที่ต้องการพื้นที่อาศัยเป็นบริเวณกว้าง การสูญเสียแหล่งอาศัย
* {{cite book|author=Kemp, Allen|title=Hornbills: Bucerotidae|publisher=Oxford University Press|year=1994|isbn=0-19-857729-X}} Quoted at [http://www.montereybay.com/creagrus/hornbills.html]


[[หมวดหมู่:นกเงือก]]
[[หมวดหมู่:นกเงือก]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:58, 22 ตุลาคม 2554

นกชนหิน
สถานะการอนุรักษ์
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Aves
อันดับ: Coraciiformes
วงศ์: Bucerotidae
สกุล: Rhinoplax
Gloger, 1841
สปีชีส์: R.  vigil
ชื่อทวินาม
Rhinoplax vigil
Forster, 1781
ชื่อพ้อง

Buceros vigil

นกชนหิน (Helmeted Hornbill) เป็นนกขนาดใหญ่ในวงศ์นกเงือก พบในประเทศไทย มาเลเซีย สุมาตรา และบอร์เนียว

ลักษณะ

นกเงือกชนิดนี้มีลักษณะเด่นกว่านกเงือกชนิดอื่นๆ ตรงที่สันบนจะงอยปากใหญ่หนาเนื้อในสีขาวคล้ายงาช้าง และมีขนหางพิเศษคู่หนึ่ง ซึ่งจะงอกยาวเลยขนหางเส้นอื่น ๆ ออกไปมากถึง 50 เซนติเมตร นกตัวผู้มีขนาดลำตัวยาวจากปลายจะงอยปากถึงปลายขนหาง 127 เซนติเมตร ขนลำตัวสีน้ำตาลเข้ม ใต้ท้องสีขาว หางสีขาวมีแถบสีดำพาดขวาง และปลายปีกสีขาวเป็นแถบกว้าง จะงอยปากตอนโคน และบนสันสีแดงคล้ำ ตอนปลายสีเหลืองเรื่อๆ บริเวณลำคอที่ไม่ขนในนกตัวผู้จะมีสีแดงคล้ำ ส่วนนกตัวเมียจะมีสีฟ้าซีดหรือสีฟ้า แต่นกวัยอ่อนเพศผู้ ลำคอจะมีสีแดงเรื่อ ๆ และนกเพศเมียหนังส่วนนี้จะเป็นสีม่วง นอกจากนี้สันบนจะงอยปากจะมีขนาดเล็กกว่า และขนหางยังเจริญไม่เต็มที่ มีลักษณะสั้นกว่านกโตเต็มวัย

อุปนิสัย

ปกติจะหากินในระดับยอดไม้ กินผลไม้เป็นส่วนใหญ่ เช่น ลูกไทร บางครั้งพบว่ากินสัตว์อื่น ๆ เช่น กิ้งก่า กระรอก และนกอีกด้วย มักจะอยู่โดดเดี่ยวหรืออยู่เป็นคู่ ฤดูผสมพันธุ์เริ่มราวปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทำรังในต้นไม้สูง และใช้วัสดุปิดปากรังเช่นเดียวกับนกเงือกชนิดอื่นๆ นกชนหินมีเสียงร้องที่ไม่เหมือนนกชนิดอื่นๆ โดยนกตัวผู้จะร้องติดๆกันดัง ตู๊ก…ตู๊ก ทอดเป็นจังหวะ ร้องติดต่อกันยาวเสียงร้องจะกระชั้นขั้นตามลำดับ เมื่อจะสุดเสียงเสียงร้องจะคล้ายเสียงหัวเราะประมาณ 4-6 ครั้งเมื่อตกใจจะแผดเสียงสูงคล้ายเสียงแตร

ถิ่นอาศัยและการกระจายพันธุ์

นกชนหินเป็นนกประจำถิ่นที่พบในป่าดิบชิ้นระดับต่ำ พบตั้งแต่แถบเทือกเขาตะนาวศรีลงมาทางใต้จนถึงประเทศมาเลเซีย สุมาตรา และบอร์เนียว

สถานการอนุรักษ์

ปัจจุบันนกชนหินจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 และอนุสัญญาไซเตส จัดเอาไว้ในบัญชีที่ 1 นกชนหินถูกล่าอย่างหนักเพื่อเอาสันบนจะงอยปากบนไปแกะสลักทำเป็นเครื่องใช้และเครื่องประดับที่มีคุณค่าสูงมาก และจากการสูญเสียแหล่งอาศัย จำนวนประชากรจึงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจนในทุกบริเวณที่อาศัย

อ้างอิง

  • Perrins, Christopher (ed.) (2003). Firefly Encyclopedia of Birds. Firefly Books. ISBN 1-55297-777-3. {{cite book}}: |author= มีชื่อเรียกทั่วไป (help)
  • Kemp, Allen (1994). Hornbills: Bucerotidae. Oxford University Press. ISBN 0-19-857729-X. Quoted at [1]