ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 6: | บรรทัด 6: | ||
เนื้อหาสาระสำคัญเป็นเรื่องราวการเทศนาสั่งสอนของ[[พระพุทธเจ้า]]กับ[[พระสุภูติ]]ซึ่งเป็น[[พระอรหันต์|พระอรหันต]][[สาวก]] ที่พระเชตวันมหาวิหาร ว่าด้วยการบำเพ็ญบารมีของ[[พระโพธิสัตว์]] จะต้องกระทำด้วยความไม่ยึดมั่นถือมั่นในสรรพสิ่งทั้งปวง เป็นการอรรถาธิบายถึงหลัก[[ศูนยตา]] ความว่างเปล่าปราศจากแก่นสารของอัตตาตัวตนและสรรพสิ่งทั้งปวง แม้[[ธรรมะ]]และพระ[[นิพพาน]]ก็มีสภาวะเป็นศูนยตาด้วยเช่นเดียวกัน สรรพสิ่งเป็นแต่เพียงสักว่าชื่อเรียกสมมติขึ้นกล่าวขาน หาได้มีแก่นสารแท้จริงอย่างใดไม่ เพราะสิ่งทั้งปวงอาศัยเหตุปัจจัยประชุมพร้อมกันเป็นแดนเกิด หาได้ดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเอง เช่นนี้สิ่งทั้งปวงจึงเป็นมายา พระโพธิสัตว์เมื่อบำเพ็ญบารมีพึงมองเห็นสรรพสิ่งในลักษณะเช่นนี้ เพื่อมิให้ยึดติดในมายาของโลก ท้ายที่สุด พระพุทธองค์ได้สรุปว่าผู้เห็นภัยใน[[วัฏสงสาร]]พึงยังจิตมิให้บังเกิดความยึดมั่นผูกพันในสรรพสิ่งทั้งปวง เพราะสังขตธรรมนั้นอุปมาดั่งภาพมายา ดั่งเงา ดั่งความฝัน ดั่งฟองในน้ำ และดั่งสายฟ้าแลบ เกิดจากการอิงอาศัยไม่มีสิ่งใดเป็นแก่นสารจีรังยั่งยืน |
เนื้อหาสาระสำคัญเป็นเรื่องราวการเทศนาสั่งสอนของ[[พระพุทธเจ้า]]กับ[[พระสุภูติ]]ซึ่งเป็น[[พระอรหันต์|พระอรหันต]][[สาวก]] ที่พระเชตวันมหาวิหาร ว่าด้วยการบำเพ็ญบารมีของ[[พระโพธิสัตว์]] จะต้องกระทำด้วยความไม่ยึดมั่นถือมั่นในสรรพสิ่งทั้งปวง เป็นการอรรถาธิบายถึงหลัก[[ศูนยตา]] ความว่างเปล่าปราศจากแก่นสารของอัตตาตัวตนและสรรพสิ่งทั้งปวง แม้[[ธรรมะ]]และพระ[[นิพพาน]]ก็มีสภาวะเป็นศูนยตาด้วยเช่นเดียวกัน สรรพสิ่งเป็นแต่เพียงสักว่าชื่อเรียกสมมติขึ้นกล่าวขาน หาได้มีแก่นสารแท้จริงอย่างใดไม่ เพราะสิ่งทั้งปวงอาศัยเหตุปัจจัยประชุมพร้อมกันเป็นแดนเกิด หาได้ดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเอง เช่นนี้สิ่งทั้งปวงจึงเป็นมายา พระโพธิสัตว์เมื่อบำเพ็ญบารมีพึงมองเห็นสรรพสิ่งในลักษณะเช่นนี้ เพื่อมิให้ยึดติดในมายาของโลก ท้ายที่สุด พระพุทธองค์ได้สรุปว่าผู้เห็นภัยใน[[วัฏสงสาร]]พึงยังจิตมิให้บังเกิดความยึดมั่นผูกพันในสรรพสิ่งทั้งปวง เพราะสังขตธรรมนั้นอุปมาดั่งภาพมายา ดั่งเงา ดั่งความฝัน ดั่งฟองในน้ำ และดั่งสายฟ้าแลบ เกิดจากการอิงอาศัยไม่มีสิ่งใดเป็นแก่นสารจีรังยั่งยืน |
||
แนวคิดเรื่องศูนยตานี้ได้พัฒนาต่อไปโดยท่านคุรุ[[นาคารชุน]]แห่งนิกายมาธยมิกะ จนกลายเป็นความคิดหลักทางพุทธปรัชญาที่ลึกล้ำและโดดเด่นในโลกจนทุกวันนี้ พระสูตรนี้มีแปลเป็นภาษาไทยโดย [[เสถียร โพธินันทะ]] |
แนวคิดเรื่องศูนยตานี้ได้พัฒนาต่อไปโดยท่านคุรุ[[นาคารชุน]]แห่ง[[นิกายมาธยมิกะ]] จนกลายเป็นความคิดหลักทางพุทธปรัชญาที่ลึกล้ำและโดดเด่นในโลกจนทุกวันนี้ พระสูตรนี้มีแปลเป็นภาษาไทยโดย [[เสถียร โพธินันทะ]] |
||
== ชื่อพระสูตร == |
== ชื่อพระสูตร == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:18, 8 สิงหาคม 2554
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร (สันสกฤต: वज्रच्छेदिका प्रज्ञापारमितासूत्र, จีน: 金剛般若波羅蜜經, อังกฤษ: Diamond Sutra) เป็นชื่อพระสูตรสำคัญหมวดปรัชญาปารมิตาของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เชื่อกันว่าพระสูตรหมวดปรัชญาปารมิตานี้เป็นพระสูตรมหายานรุ่นแรก ๆ ที่เกิดขึ้น
เนื้อหาสาระสำคัญเป็นเรื่องราวการเทศนาสั่งสอนของพระพุทธเจ้ากับพระสุภูติซึ่งเป็นพระอรหันตสาวก ที่พระเชตวันมหาวิหาร ว่าด้วยการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ จะต้องกระทำด้วยความไม่ยึดมั่นถือมั่นในสรรพสิ่งทั้งปวง เป็นการอรรถาธิบายถึงหลักศูนยตา ความว่างเปล่าปราศจากแก่นสารของอัตตาตัวตนและสรรพสิ่งทั้งปวง แม้ธรรมะและพระนิพพานก็มีสภาวะเป็นศูนยตาด้วยเช่นเดียวกัน สรรพสิ่งเป็นแต่เพียงสักว่าชื่อเรียกสมมติขึ้นกล่าวขาน หาได้มีแก่นสารแท้จริงอย่างใดไม่ เพราะสิ่งทั้งปวงอาศัยเหตุปัจจัยประชุมพร้อมกันเป็นแดนเกิด หาได้ดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเอง เช่นนี้สิ่งทั้งปวงจึงเป็นมายา พระโพธิสัตว์เมื่อบำเพ็ญบารมีพึงมองเห็นสรรพสิ่งในลักษณะเช่นนี้ เพื่อมิให้ยึดติดในมายาของโลก ท้ายที่สุด พระพุทธองค์ได้สรุปว่าผู้เห็นภัยในวัฏสงสารพึงยังจิตมิให้บังเกิดความยึดมั่นผูกพันในสรรพสิ่งทั้งปวง เพราะสังขตธรรมนั้นอุปมาดั่งภาพมายา ดั่งเงา ดั่งความฝัน ดั่งฟองในน้ำ และดั่งสายฟ้าแลบ เกิดจากการอิงอาศัยไม่มีสิ่งใดเป็นแก่นสารจีรังยั่งยืน
แนวคิดเรื่องศูนยตานี้ได้พัฒนาต่อไปโดยท่านคุรุนาคารชุนแห่งนิกายมาธยมิกะ จนกลายเป็นความคิดหลักทางพุทธปรัชญาที่ลึกล้ำและโดดเด่นในโลกจนทุกวันนี้ พระสูตรนี้มีแปลเป็นภาษาไทยโดย เสถียร โพธินันทะ
ชื่อพระสูตร
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
วัชรปรัชญาปารมิตาสูตรมีชื่อเต็มในภาษาสันสกฤตว่า วัชรัจเฉทิกาปรัชญาปารมิตาสูตร (สันสกฤต: वज्रच्छेदिका प्रज्ञापारमितासूत्र; วชฺรจฺเฉทิกา ปฺรชฺญาปารมิตาสูตฺร) หมายถึงพระสูตรว่าด้วยปัญญาญาณอันสมบูรณ์ประดุจเพชรที่จะตัดภาพมายา คืออวิชชาและอุปาทานอันเป็นเครื่องกีดขวางมิให้บุคคลบรรลุถึงความรู้แจ้ง ในภาษาอังกฤษเรียกทั้วไปโดยย่อว่า "Diamond Sūtra" (พระสูตรเพชร) หรือ "Vajra Sūtra" (วัชรสูตร) ส่วนชื่อพระสูตรในภาษาอื่นมีดังนี้
- จีน: 金剛般若波羅蜜多經, jīngāng bōrěbōluómìduō jīng, เรียกโดยย่อว่า 金剛經, jīngāng jīng
- ญี่ปุ่น: 金剛般若波羅蜜多経, kongou hannyaharamita kyou (คงโง ฮันเนียฮะระมิตะ เคียว), เรียกโดยย่อว่า 金剛経, kongou kyou (คงโงเคียว)
- เกาหลี: 금강반야바라밀경, geumgang banyabaramil gyeong, เรียกโดยย่อว่า 금강경, geumgang gyeong
- [Kim cương bát-nhã-ba-la-mật-đa kinh] ข้อผิดพลาด: {{Lang-xx}}: ข้อความมีมาร์กอัปตัวเอียง (ช่วยเหลือ) เรียกโดยย่อว่า Kim cương kinh
- ทิเบต: ’phags pa shes rab kyi pha rol tu phyin pa rdo rje gcod pa zhes bya ba theg pa chen po’i mdo
แหล่งข้อมูลอื่น
- Vajracchedikā Prajñāpāramitā Sūtra: English Translation, Lapis Lazuli Texts
- Diamond Sutra: English Translation, by A. F. Price and Wong Mou-Lam
- The Diamond of Perfect Wisdom Sutra: English Translation, by Chung Tai Translation Committee
- Romanized Sanskrit and Devanagari of the Diamond Sutra in the Digital Sanskrit Buddhist Canon.
|