ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แมงอีนูน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Dolkungbighead (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 21: บรรทัด 21:
มีรูปร่างอ้วนป้อมเป็นรูปไข่ หัวมันเรียบ มีหนวดแบบใบไม้ 1 คู่ที่ปาก ปากเป็นแบบปากกัด ตามีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัด ที่อกปล้องแรกเห็นชัดกว่าปล้องอื่น ๆ ปีกมี 2 คู่ คู่หน้ามีลักษณะแข็งเรียบเป็นมันมีหน้าที่เป็นเปลือกหุ้มตัว ส่วนปีกคู่ที่สองนั้นบางใส ใช้สำหรับบิน ส่วนท้องอยู่ด้านล่างมีปีกที่แข็งคลุม หัว อกและขามี[[สีน้ำตาล]]ไปจนถึง[[สีดำ]] ปีกที่แข็งมีสีน้ำตาลอ่อน ขนาดลำตัวยาวประมาณ 30 [[มิลลิเมตร]]
มีรูปร่างอ้วนป้อมเป็นรูปไข่ หัวมันเรียบ มีหนวดแบบใบไม้ 1 คู่ที่ปาก ปากเป็นแบบปากกัด ตามีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัด ที่อกปล้องแรกเห็นชัดกว่าปล้องอื่น ๆ ปีกมี 2 คู่ คู่หน้ามีลักษณะแข็งเรียบเป็นมันมีหน้าที่เป็นเปลือกหุ้มตัว ส่วนปีกคู่ที่สองนั้นบางใส ใช้สำหรับบิน ส่วนท้องอยู่ด้านล่างมีปีกที่แข็งคลุม หัว อกและขามี[[สีน้ำตาล]]ไปจนถึง[[สีดำ]] ปีกที่แข็งมีสีน้ำตาลอ่อน ขนาดลำตัวยาวประมาณ 30 [[มิลลิเมตร]]


แมงอีนูน จัดเป็นแมลงศัตรูพืช เพราะกัดแทะใบของพืชที่เป็นพืชเศรษฐกิจ อาทิ [[มะขามเทศ]], [[มะขาม]], [[อ้อย]], [[มันสำปะหลัง]], [[พุทรา]] แมงอีนูนมีวงจรชีวิตเป็น[[หนอน]]อยูใต้ดินนานนับปี ก่อนจะเข้าสู่ระยะ[[ดักแด้]]และเป็นตัวเต็มวัยในช่วงต้น[[ฤดูฝน]]ของทุกปี ซึ่งจะพบแมงอีนูนเป็นจำนวนมากในเวลานี้
แมงอีนูน จัดเป็นแมลงศัตรูพืช เพราะกัดแทะใบของพืชที่เป็นพืชเศรษฐกิจ อาทิ [[มะขามเทศ]], [[มะขาม]], [[อ้อย]], [[มันสำปะหลัง]], [[พุทรา]] แมงอีนูนมีวงจรชีวิตเป็น[[หนอน]]อยู่ใต้ดินนานนับปี ก่อนจะเข้าสู่ระยะ[[ดักแด้]]และเป็นตัวเต็มวัยในช่วงต้น[[ฤดูฝน]]ของทุกปี ซึ่งจะพบแมงอีนูนเป็นจำนวนมากในเวลานี้


แมงอีนูนจัดเป็นอาหารรับประทานในวิถีชีวิตของชาวเหนือและชาวอีสาน อีกทั้งยังเป็นการกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยการจับแมงอีนูนจะกระทำในช่วงหัวค่ำ ใช้แสงไฟจาก[[นีออน]]เป็นตัวล่อ หรือเขย่าจากต้นไม้ที่มีแมงอีนูนจำนวนอาศัยอยู่ก็จะหล่นลงมาให้จับได้ง่าย ๆ ซึ่ง[[การทำอาหาร|การปรุง]]แมงอีนูนทำได้ทั้งวิธีการ[[ต้ม]]และ[[ทอด]] ในบางพื้นที่ เช่น [[จังหวัดกำแพงเพชร]] มีการค้าขายกันเป็นล่ำเป็นสันด้วย<ref>[https://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=593 แมงนูน]</ref><ref>[http://www.kpp-local.go.th/index.php?options=news&mode=detail_rss&id=294 ฤดูกาลล่าแมงอีนูนกำแพงเพชรเริ่มแล้ว]</ref>
แมงอีนูนจัดเป็นอาหารรับประทานในวิถีชีวิตของชาวเหนือและชาวอีสาน อีกทั้งยังเป็นการกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยการจับแมงอีนูนจะกระทำในช่วงหัวค่ำ ใช้แสงไฟจาก[[นีออน]]เป็นตัวล่อ หรือเขย่าจากต้นไม้ที่มีแมงอีนูนจำนวนอาศัยอยู่ก็จะหล่นลงมาให้จับได้ง่าย ๆ ซึ่ง[[การทำอาหาร|การปรุง]]แมงอีนูนทำได้ทั้งวิธีการ[[ต้ม]]และ[[ทอด]] ในบางพื้นที่ เช่น [[จังหวัดกำแพงเพชร]] มีการค้าขายกันเป็นล่ำเป็นสันด้วย<ref>[https://www.myfirstbrain.com/student_view.aspx?ID=593 แมงนูน]</ref><ref>[http://www.kpp-local.go.th/index.php?options=news&mode=detail_rss&id=294 ฤดูกาลล่าแมงอีนูนกำแพงเพชรเริ่มแล้ว]</ref>

รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:45, 18 พฤษภาคม 2554

แมงอีนูน
แมงอีนูน
การรับประทานแมงอีนูน
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Arthropoda
ชั้น: Insecta
อันดับ: Coleoptera
วงศ์: Scarabaeidae
สกุล: Melolontha
สปีชีส์: M.  melolontha
ชื่อทวินาม
Melolontha melolontha
(Linnaeus, 1758)

แมงอีนูน หรือ แมงกีนูน หรือ แมงนูน หรือ กุดกีนูน (อีสาน) หรือ แมงนูนหลวง (อังกฤษ: Cockchafer) เป็นแมลงปีกแข็งชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Melolontha melolontha อยู่ในวงศ์ Scarabaeidae

มีรูปร่างอ้วนป้อมเป็นรูปไข่ หัวมันเรียบ มีหนวดแบบใบไม้ 1 คู่ที่ปาก ปากเป็นแบบปากกัด ตามีขนาดใหญ่มองเห็นได้ชัด ที่อกปล้องแรกเห็นชัดกว่าปล้องอื่น ๆ ปีกมี 2 คู่ คู่หน้ามีลักษณะแข็งเรียบเป็นมันมีหน้าที่เป็นเปลือกหุ้มตัว ส่วนปีกคู่ที่สองนั้นบางใส ใช้สำหรับบิน ส่วนท้องอยู่ด้านล่างมีปีกที่แข็งคลุม หัว อกและขามีสีน้ำตาลไปจนถึงสีดำ ปีกที่แข็งมีสีน้ำตาลอ่อน ขนาดลำตัวยาวประมาณ 30 มิลลิเมตร

แมงอีนูน จัดเป็นแมลงศัตรูพืช เพราะกัดแทะใบของพืชที่เป็นพืชเศรษฐกิจ อาทิ มะขามเทศ, มะขาม, อ้อย, มันสำปะหลัง, พุทรา แมงอีนูนมีวงจรชีวิตเป็นหนอนอยู่ใต้ดินนานนับปี ก่อนจะเข้าสู่ระยะดักแด้และเป็นตัวเต็มวัยในช่วงต้นฤดูฝนของทุกปี ซึ่งจะพบแมงอีนูนเป็นจำนวนมากในเวลานี้

แมงอีนูนจัดเป็นอาหารรับประทานในวิถีชีวิตของชาวเหนือและชาวอีสาน อีกทั้งยังเป็นการกำจัดแมลงศัตรูพืช โดยการจับแมงอีนูนจะกระทำในช่วงหัวค่ำ ใช้แสงไฟจากนีออนเป็นตัวล่อ หรือเขย่าจากต้นไม้ที่มีแมงอีนูนจำนวนอาศัยอยู่ก็จะหล่นลงมาให้จับได้ง่าย ๆ ซึ่งการปรุงแมงอีนูนทำได้ทั้งวิธีการต้มและทอด ในบางพื้นที่ เช่น จังหวัดกำแพงเพชร มีการค้าขายกันเป็นล่ำเป็นสันด้วย[1][2]

อ้างอิง