ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รัก (ไม้พุ่ม)"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 15: | บรรทัด 15: | ||
| binomial_authority = ([[Carl Linnaeus|L.]]) [[W.T.Aiton]] |
| binomial_authority = ([[Carl Linnaeus|L.]]) [[W.T.Aiton]] |
||
|}} |
|}} |
||
⚫ | |||
'''รัก''' ([[ชื่อวิทยาศาสตร์]]: ''Calotropis gigantea'' (Linn.) R.Br.ex Ait.) เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กในวงศ์ [[Apocynaceae]] วงศ์ย่อย [[Asclepiadoideae]] สูง 1.5–3 เมตร ทุกส่วนมียางขาวเหมือนน้ำนม ตามกิ่งมีขน ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงกันข้าม รูปรีแกมขอบขนาน ปลายแหลมโคนเว้า กว้าง 6–8 เซนติเมตร ยาว 10–14 เซนติเมตร เนื้อใบหนา ใต้ใบมีขนนุ่ม ก้านสั้น ดอกสีขาวหรือสีม่วง ออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกัน เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลาง 2–3 เซนติเมตร มีรยางค์เป็นคล้ายมงกุฎ 5 สัน มีเกสรตัวผู้ 5 อัน ผลเป็นฝักคู่ กว้าง 3–4 เซนติเมตร ยาว 6–8 เซนติเมตร เมื่อแก่แตกได้เมล็ดแบนสีน้ำตาลจำนวนมาก มีขนสีขาวเป็นกระจุกอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งอยู่ตรงกลาง ส่วนนี้เองที่นำมาใช้ร้อยมาลัย ผลรักเป็นฝักรูปรีปลายแหลมยาว ๕-๗ ซม. เมื่อแก่จะแตกและปล่อยเมล็ดเล็กๆ ที่มีขนเป็นพู่ ปลิวไปตามลม |
'''รัก''' ([[ชื่อวิทยาศาสตร์]]: ''Calotropis gigantea'' (Linn.) R.Br.ex Ait.) เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กในวงศ์ [[Apocynaceae]] วงศ์ย่อย [[Asclepiadoideae]] สูง 1.5–3 เมตร ทุกส่วนมียางขาวเหมือนน้ำนม ตามกิ่งมีขน ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงกันข้าม รูปรีแกมขอบขนาน ปลายแหลมโคนเว้า กว้าง 6–8 เซนติเมตร ยาว 10–14 เซนติเมตร เนื้อใบหนา ใต้ใบมีขนนุ่ม ก้านสั้น ดอกสีขาวหรือสีม่วง ออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกัน เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลาง 2–3 เซนติเมตร มีรยางค์เป็นคล้ายมงกุฎ 5 สัน มีเกสรตัวผู้ 5 อัน ผลเป็นฝักคู่ กว้าง 3–4 เซนติเมตร ยาว 6–8 เซนติเมตร เมื่อแก่แตกได้เมล็ดแบนสีน้ำตาลจำนวนมาก มีขนสีขาวเป็นกระจุกอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งอยู่ตรงกลาง ส่วนนี้เองที่นำมาใช้ร้อยมาลัย ผลรักเป็นฝักรูปรีปลายแหลมยาว ๕-๗ ซม. เมื่อแก่จะแตกและปล่อยเมล็ดเล็กๆ ที่มีขนเป็นพู่ ปลิวไปตามลม |
||
== อ้างอิง == |
|||
{{รายการอ้างอิง}}http://www.kroobannok.com/blog/10702 |
|||
รักเป็นพืชพื้นเมืองของ[[อินโดนีเซีย]] [[มาเลเซีย]] [[ฟิลิปปินส์]] [[ไทย]] [[ศรีลังกา]] [[อินเดีย]] และ[[จีน]] ดอกของพืชชนิดนี้เรียกว่า ''ดอกรัก'' |
รักเป็นพืชพื้นเมืองของ[[อินโดนีเซีย]] [[มาเลเซีย]] [[ฟิลิปปินส์]] [[ไทย]] [[ศรีลังกา]] [[อินเดีย]] และ[[จีน]] ดอกของพืชชนิดนี้เรียกว่า ''ดอกรัก'' |
||
บรรทัด 33: | บรรทัด 28: | ||
== ประเพณีและความเชื่อ == |
== ประเพณีและความเชื่อ == |
||
⚫ | |||
ใน[[ประเทศไทย]]นิยมนำดอกรักมาร้อยเป็น[[มาลัย]]ร่วมกับดอก[[มะลิ]] [[ดาวเรือง]] [[จำปา]] หรือ[[กุหลาบ]] ใช้ในงานมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับ[[ความรัก]] เพราะดอกรักสื่อความหมายถึงความรัก เช่น งานหมั้น และงานแต่งงาน โดยใช้ในขันหมากหมั้น ขันหมากแต่ง จัดพานรองรับน้ำสังข์ ร้อยเป็นมาลัยบ่าวสาว และโปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอน ส่วนชาว[[ฮาวาย]]ถือว่ามาลัยดอกรักที่ทำเป็นสร้อยคอ (lei) คือสัญลักษณ์ของความเป็น[[กษัตริย์]]ตามประเพณีไทย มักจะใช้ดอกรักร่วมกับดอกไม้อื่นที่มีความหมายเป็นมงคลในงานมงคลที่เกี่ยวเนื่อง กับความรัก เช่น งานหมั้น และงานแต่งงาน โดยใช้ในขันหมากหมั้น ขันหมากแต่ง จัดพานรองรับน้ำสังข์ ร้อยเป็นมาลัยบ่าวสาว และโปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอน เป็นต้น |
ใน[[ประเทศไทย]]นิยมนำดอกรักมาร้อยเป็น[[มาลัย]]ร่วมกับดอก[[มะลิ]] [[ดาวเรือง]] [[จำปา]] หรือ[[กุหลาบ]] ใช้ในงานมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับ[[ความรัก]] เพราะดอกรักสื่อความหมายถึงความรัก เช่น งานหมั้น และงานแต่งงาน โดยใช้ในขันหมากหมั้น ขันหมากแต่ง จัดพานรองรับน้ำสังข์ ร้อยเป็นมาลัยบ่าวสาว และโปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอน ส่วนชาว[[ฮาวาย]]ถือว่ามาลัยดอกรักที่ทำเป็นสร้อยคอ (lei) คือสัญลักษณ์ของความเป็น[[กษัตริย์]]ตามประเพณีไทย มักจะใช้ดอกรักร่วมกับดอกไม้อื่นที่มีความหมายเป็นมงคลในงานมงคลที่เกี่ยวเนื่อง กับความรัก เช่น งานหมั้น และงานแต่งงาน โดยใช้ในขันหมากหมั้น ขันหมากแต่ง จัดพานรองรับน้ำสังข์ ร้อยเป็นมาลัยบ่าวสาว และโปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอน เป็นต้น |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:57, 18 พฤศจิกายน 2553
ต้นรัก | |
---|---|
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Angiosperms |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Eudicots |
ไม่ได้จัดลำดับ: | Asterids |
อันดับ: | Gentianales |
วงศ์: | Apocynaceae |
วงศ์ย่อย: | Asclepiadoideae |
สกุล: | Calotropis |
สปีชีส์: | C. gigantea |
ชื่อทวินาม | |
Calotropis gigantea (L.) W.T.Aiton |
รัก (ชื่อวิทยาศาสตร์: Calotropis gigantea (Linn.) R.Br.ex Ait.) เป็นไม้พุ่มขนาดเล็กในวงศ์ Apocynaceae วงศ์ย่อย Asclepiadoideae สูง 1.5–3 เมตร ทุกส่วนมียางขาวเหมือนน้ำนม ตามกิ่งมีขน ใบเป็นใบเดี่ยวออกตรงกันข้าม รูปรีแกมขอบขนาน ปลายแหลมโคนเว้า กว้าง 6–8 เซนติเมตร ยาว 10–14 เซนติเมตร เนื้อใบหนา ใต้ใบมีขนนุ่ม ก้านสั้น ดอกสีขาวหรือสีม่วง ออกเป็นช่อตามซอกใบหรือปลายกิ่ง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนเชื่อมติดกัน เมื่อบานเส้นผ่าศูนย์กลาง 2–3 เซนติเมตร มีรยางค์เป็นคล้ายมงกุฎ 5 สัน มีเกสรตัวผู้ 5 อัน ผลเป็นฝักคู่ กว้าง 3–4 เซนติเมตร ยาว 6–8 เซนติเมตร เมื่อแก่แตกได้เมล็ดแบนสีน้ำตาลจำนวนมาก มีขนสีขาวเป็นกระจุกอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งอยู่ตรงกลาง ส่วนนี้เองที่นำมาใช้ร้อยมาลัย ผลรักเป็นฝักรูปรีปลายแหลมยาว ๕-๗ ซม. เมื่อแก่จะแตกและปล่อยเมล็ดเล็กๆ ที่มีขนเป็นพู่ ปลิวไปตามลม
รักเป็นพืชพื้นเมืองของอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย ศรีลังกา อินเดีย และจีน ดอกของพืชชนิดนี้เรียกว่า ดอกรัก
การขยายพันธุ์
ปกติแล้วต้นรักมักขึ้นอยู่ตามที่รกร้าง ไม่ค่อยมีการเพาะปลูกกัน แต่สำหรับอุตสาหกรรมในครัวเรือนอาจจะต้องปลูกไว้ใช้ รักขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด หรือการปักชำ ระยะเวลาเติบโตจนออกดอกประมาณ 8 เดือน ใส่ปุ๋ย 16-16-16 เดือนละ 1 ครั้ง
สรรพคุณ
- ดอก รักษาอาการไอ หอบหืด และหวัด ช่วยให้เจริญอาหาร
- เปลือกและราก ใช้รักษาโรคบิด ขับเหงื่อ ขับเสมหะ ขับน้ำเหลืองเสีย และทำให้อาเจียน
- ยาง ถ้าถูกผิวหนังจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง แต่ก็มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย สามารถอาการปวดฟัน ปวดหู ขับพยาธิ รักษากลากเกลื้อน และใช้เป็นยาขับเลือด
ประเพณีและความเชื่อ
ในประเทศไทยนิยมนำดอกรักมาร้อยเป็นมาลัยร่วมกับดอกมะลิ ดาวเรือง จำปา หรือกุหลาบ ใช้ในงานมงคลที่เกี่ยวเนื่องกับความรัก เพราะดอกรักสื่อความหมายถึงความรัก เช่น งานหมั้น และงานแต่งงาน โดยใช้ในขันหมากหมั้น ขันหมากแต่ง จัดพานรองรับน้ำสังข์ ร้อยเป็นมาลัยบ่าวสาว และโปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอน ส่วนชาวฮาวายถือว่ามาลัยดอกรักที่ทำเป็นสร้อยคอ (lei) คือสัญลักษณ์ของความเป็นกษัตริย์ตามประเพณีไทย มักจะใช้ดอกรักร่วมกับดอกไม้อื่นที่มีความหมายเป็นมงคลในงานมงคลที่เกี่ยวเนื่อง กับความรัก เช่น งานหมั้น และงานแต่งงาน โดยใช้ในขันหมากหมั้น ขันหมากแต่ง จัดพานรองรับน้ำสังข์ ร้อยเป็นมาลัยบ่าวสาว และโปรยบนที่นอนในพิธีปูที่นอน เป็นต้น
อ้างอิง
- http://cholja.tripod.com/html/herb_gig.html
- http://www.samutprakan.net/5800/WebarcheepNew/archeep8.html
- http://202.143.137.109/0538/amazing%20village44.htm
- http://kanchanapisek.or.th/kp6/BOOK23/chapter7/t23-7-l5.htm
- http://www.kroobannok.com/blog/10702
- http://www.kroobannok.com/10702