ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ผู้ใช้:Tmd/'"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 72: | บรรทัด 72: | ||
http://www.midnightuniv.org/midnight2544/0009999600.html |
http://www.midnightuniv.org/midnight2544/0009999600.html |
||
{{โครงพุทธ}} |
|||
[[หมวดหมู่:ญัตติจตุตถกรรมวาจา]] |
[[หมวดหมู่:ญัตติจตุตถกรรมวาจา]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:28, 4 กันยายน 2553
การบรรพชาอุปสมบท (เถรวาท)
ส่วนหนึ่งของชุดบทความ |
ศาสนาพุทธ |
---|
การบรรพชาอุปสมบท หรือที่เรียกว่า การอุปสมบท, การบวชพระ เป็นศัพท์เฉพาะในพระพุทธศาสนา1 เป็๋นคำกล่าวรวมหมายถึง พิธีการบวช หรือพิธีการเปลี่ยนสถานะชายผู้เป็นพุทธศาสนิกชนให้เป็นพระภิกษุสงฆ์หรือสามเณร ตามพระวินัยบรมพุทธานุญาตของคณะสงฆ์เถรวาท โดยคณะสงฆ์ฝ่ายมหายานก็มีการใช้คำนี้เช่นเดียวกัน แต่มีข้อแตกต่างกันไปตามแต่ละนิกาย อย่างไรก็ตามด้วยความหมายและที่มาของคำว่า การบรรพชาอุปสมบท จึงทำให้คำนี้เป็นศัพท์เฉพาะสำหรับพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่ใช้ทั่วไปกับศาสนาอื่น
การบรรพชา เป็นกระบวนการตามพระวินัยบัญญัติ ที่จะทำให้ชายผู้ประสงค์จะบวชเป็นสามเณร ได้เป็นสามเณร ผ่านการเปล่งวาจารับไตรสรณคมน์ ผ่านผู้ให้บวช คือพระอุปัชฌาย์เพียงรูปเดียว เพื่อฝึกตนในศีลและข้อวัตรขั้นต้น ก่อนที่จะทำการอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ต่อไป โดยตามพระวินัยบัญญัติ การอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ทุกครั้ง จำเป็นต้องมีการบรรพชาเป็นสามเณรก่อน จึงนิยมเรียกการบวชพระว่า การบรรพชาอุปสมบท เพราะมีการบวชสามเณรก่อนแล้วจึงบวชพระภิกษุสงฆ์ต่อไป
การอุปสมบท เป็นกระบวนการทางพระวินัยบัญญัติ ที่จะทำให้ผู้ประสงค์เป็นพระภิกษุสงฆ์ในคณะสงฆ์เถรวาท ได้รับการรับรอง หรือลงญัตติ (มติ) ยอมรับจากคณะสงฆ์มากกว่า 5 รูป (ในเขตปัจจันตประเทศ) หรือ 10 รูป (ในมัชฌิมประเทศ) ในเขตประชุมสงฆ์ตามพระวินัย (พัทธสีมา) เพื่อให้เป็นพระสงฆ์โดยถูกต้องตามข้อกำหนดในพระวินัยปิฎก ตามพระบรมพุทธานุญาติ ผ่านกระบวนการสังฆกรรมที่เรียกว่า "ญัตติจตุตถกรรมวาจา" ซึ่งมีวิธีคิดคล้ายกับกระบวนการในสภานิติบัญญัติ (Legislature) ตามการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตยในปัจจุบัน ที่พระสงฆ์ในที่ประชุมทุกคน สามารถมีสิทธิยกเหตุความไม่ถูกต้องตามพระวินัยขึ้นร้องคัดค้าน เพื่อไม่ยอมรับสังฆกรรมอุปสมบทและทำให้สังฆกรรมนั้นตกไปได้ เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงวางหลักเกณฑ์และระเบียบปฏิบัติการอุปสมบทไว้รัดกุมและละเอียดเช่นนี้ เพื่อให้ได้ศาสนทายาทที่ได้รับการยอมรับจากสังคมและคณะสงฆ์ไว้สืบสานพระพุทธศาสนาต่อไป
สำหรับในประเทศไทย การบรรพชาอุปสมบทโดยวิธีญัตติจตุตถกรรมวาจาในคณะสงฆ์ฝ่ายเถรวาทในประเทศไทย เป็นการบวชภายใต้การดูแลของมหาเถรสมาคมผ่านกฎและระเบียบของมหาเถรสมาคม โดยในปัจจุบัน ขั้นตอนทางสังฆกรรมในการอุปสมบทโดยวิธีญัตติจตุตถกรรมวาจานี้ เป็นรูปแบบการบรรพชาอุปสมบทของพระสงฆ์เถรวาททั่วโลก แบบเดียวกับที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลเมื่อกว่า 2,500 ปี ก่อน
โดยพุทธศาสนิกชนเถรวาทในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย มีความเชื่อว่า บุตรชายในตระกูลต้องบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ให้ได้หนึ่งครั้งในชีวิต โดยเชื่อว่าการบวชนั้นจะเป็นการทดแทนคุณบิดามารดา สืบต่ออายุพระพุทธศาสนา และเมื่อบวชแล้วก็สามารถลาสิกขาได้ตามความสมัครใจ ซึ่งความเชื่อเช่นนี้ มีความแตกต่างกันไปในประเทศศรีลังกา พม่า และบังคลาเทศ ที่เชื่อว่าการบรรพชาอุปสมบท เป็นการตั้งใจสละทิ้งสถานะเดิมโดยสิ้นเชิง เพื่อบำเพ็ญตนให้ถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดตามหลักพระพุทธศาสนา (นิพพาน) ผู้ที่ลาสิกขา (สึก) กลับออกมาในสถานะเดิมจึงถือว่าเป็นผู้มีจิตใจไม่มั่นคง และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ซึ่งแตกต่างจากในประเทศไทย ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย ที่มีฐานความคิดที่ยืดหยุ่นผ่อนปรนมากกว่า
วัตถุประสงค์การบรรพชาอุปสมบท
ความเป็นมา
สมัยพุทธกาล
(เกิดจากการที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้สงฆ์เป็นผู้ตัดสินใจในการให้อนุญาติ กุลบุตรผู้มาขออุปสมบท)
หลังพุทธกาล
การสูญวงศ์ภิกษุณี
ประเทศไทยในปัจจุบัน
ประเภทการบรรพชาอุปสมบทของคณะสงฆ์ไทย
แบบมหานิกาย
แบบธรรมยุตินิกาย
ขั้นตอนการบรรพชาอุปสมบทในคณะสงฆ์ไทย
สำหรับสตรี การบรรพชาและอุปสมบทเป็นภิกษุณี (พระผู้หญิง) ของคณะสงฆ์ฝ่ายเถรวาท ไม่ถือว่ามีอยู่แล้วในปัจจุบัน เพราะวงศ์ภิกษุณีที่จะทำการอุปสมบทให้แก่สตรีผู้ประสงค์จะเป็นภิกษุณี ได้สูญไปนานแล้ว ปัจจุบันคงเหลือเพียงในฝ่ายมหายานเท่านั้น[3] บทความนี้จึงมีเนื้อหาเฉพาะเพียงขั้นตอนการบวชของชายผู้ประสงค์จะบรรพชาอุปสมบทตามพระวินัยปิฎกเถรวาทเท่านั้น
ภาคคุณสมบัติ
ภาคพิธีกรรม
ภาคสังฆกรรม
สังฆกรรมแบบมหานิกาย
สังฆกรรมแบบธรรมยุตินิกาย
การวิบัติของสังฆกรรม
หน้าที่ของพระอุปัชฌาย์หลังบรรพชาอุปสมบทให้กุลบุตร
ประวัติใบสุทธิ กฎมหาเถรฯ หน้าที่อุปัชฌาย์
ความเชื่อ
เชิงอรรถ
หมายเหตุ 1: ในพระไตรปิฎกบาลี ปรากฎใช้คำว่า ปพฺพชฺช และ อุปสมฺปท คู่กันโดยไม่ทำสมาสไวยากรณ์ ดังตัวอย่าง "อนุชานามิ ภิกฺขเว อิเมหิ ตีหิ สรณคมเนหิ ปพฺพชฺชํ อุปสมฺปทนฺติ"[4][5] แต่ในอรรถกถาบาลี ปรากฎการใช้คำบรรพชาอุปสมบทโดยสมาสกัน ดังตัวอย่าง "ลทฺธปพฺพชฺชูปสมฺปโท" [6][7]อย่างไรก็ตาม พระไตรปิฎกและอรรถกถาภาษาไทย แปลศัพท์ทั้งหมดนี้ว่า บรรพชาอุปสมบท
อ้างอิง
- ↑ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=4&A=1866&Z=1938&pagebreak=0
- ↑ http://budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/SearchItem?mode=1&valume=4&item=85&Roman=0
- ↑ กาลานุกรม พระพรหมคุณาภรณ์
- ↑ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=4&A=778&Z=823
- ↑ http://budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/SearchItem?mode=1&valume=4&item=34&Roman=0
- ↑ http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=11&p=1
- ↑ พระพุทธโฆษาจารย์. (2539). ธมฺมปทฏฺฐกถา ปฐโม ภาโค. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย. หน้า ๗