ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ดอน โจวันนี"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
2T (คุย | ส่วนร่วม)
ลบ หมวดหมู่:อุปรากร ออก ด้วยสจห.
2T (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 68: บรรทัด 68:
[[หมวดหมู่:อุปรากรภาษาอิตาลี]]
[[หมวดหมู่:อุปรากรภาษาอิตาลี]]
[[หมวดหมู่:อุปรากรคริสต์ทศวรรษ 1780]]
[[หมวดหมู่:อุปรากรคริสต์ทศวรรษ 1780]]
{{workinyr|1787}}


[[ca:Don Giovanni]]
[[ca:Don Giovanni]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:38, 11 กรกฎาคม 2553

ดาปอนเต้

ดอน โจวานนี (Don Giovanni, KV 527) เป็นอุปรากรตะวันตกซึ่งประพันธ์บทโดย ลอเร็นโซ ดาปอนเต้ (Lorenzo da Ponte) เป็นภาษาอิตาเลียน และประพันธ์ดนตรีโดย โวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมตสาร์ต (Wolfgang Amadeus Mozart) ดอนโจวานนี เป็นอุปรากรตลกที่แฝงไปด้วยความมืดโดยมีทั้งหมดสององก์และเปิดแสดงครั้งแรกที่กรุงปรากใน พ.ศ. 2330

ตัวละคร

  • ดอน โจวานนี (Don Giovanni - Bass Baritone หรือ Baritone) หนุ่มชนชั้นสูงผู้เต็มไปด้วยความยโสและเจ้าชู้
  • เลโปเรลโล่ (Leporello - Bass) หนุ่มรับใช้ของดอน โจวานนี
  • ดอน เปโดร (Don Pedro, il Commendatore - Bass) ทหารระดับสูงผู้มีชื่อเสียง
  • ดอนน่า อันนา (Donna Anna - Soprano) ลูกสาวของดอนเปโดร
  • ดอน ออตตาวิโอ (Don Ottavio - Tenor) คู่หมั้นของดอนน่า อันนา
  • ดอนน่า เอลวิร่า (Donna Elvira - Soprano) หนึ่งในคนรักเก่าของดอน โจวานนี่
  • มาเซตโต้ (Masetto - Bass) หนุ่มพื้นบ้าน
  • เซอร์ลิน่า (Zerlina - Soprano) คู่หมั้นของมาเซตโต้

นอกจากนี้ยังมีชาวนา คนรับใช้ นักดนตรี และหญิงชาวบ้าน ซึ่งเป็นคอรัสในเรื่องอีกด้วย

เนื้อเรื่องย่อ

ดอน โจวานนีเป็นอุปรากรที่แต่งจากตำนานของ ดอน ฆวน หนุ่มนักรักชาวสเปน อุปรากรเรื่องนี้กล่าวถึงจุดจบอันน่าสะพรึงกลัวของดอน ฆวน หรือ ดอนโจวานนีในภาษาอิตาลี ผู้ที่ทำทุกอย่างเพื่อจะได้หญิงสาวที่หมายปองมาเชยชมแม้จะต้องสังหารใครก็ตามที่ขวางทาง

สถานที่: เมืองเซบีญ่า ประเทศสเปน ในคริสต์ศตวรรษที่สิบเจ็ด

องก์ที่หนึ่ง

โจวานนีแอบเข้าไปในบ้านของอันนาเพื่อที่จะลักหลับนาง แต่นางกลับไหวตัวทันเรียกให้คนมาช่วย โจวานนีวิ่งหนีมาพบเปโดรที่สวน เปโดรพยายามที่จะจับตัวโจวานนีแต่โดนโจวานนีสังหารก่อนที่จะหลบหนีไป อันนาและคู่หมั้นของนางจึงสาบานที่จะล้างแค้นให้พ่อของนาง

โจวานนีหนีมาถึงจตุรัสแห่งหนึ่งและได้เข้าไปเกี้ยวพาราสีกับหญิงที่พบ แต่เมื่อเห็นหน้าจะๆ จึงพบว่าเป็นเอลวิร่าคนรักเก่าที่เพิ่งทิ้งมา เอลวิร่าพยายามที่จะจัดการกับโจวานนีแต่โจวานนีเอาตัวของเลโปเรลโล่มาบังและหลบหนีไป เลปโปเรลโล่จึงบอกให้นางทำใจเนื่องจากนางเป็นแค่หนึ่งในผู้หญิงนับพันของโจวานนี เอลวิร่าโกรธมากเมื่อได้ยิน และมุ่งมั่นที่จะชำระแค้นนี้

โจวานนีหนีต่อมาจนถึงงานแต่งงานหนึ่ง เมื่อพบเจ้าสาวโจวานนีก็ได้หมายปองนางจึงบอกจะจัดงานที่ปราสาทให้และให้เลโปเรลโล่พามาเซตโต้ผู้เป็นเจ้าบ่าวพร้อมทั้งคนอื่นๆล่วงหน้าไปที่ปราสาทก่อน เหลือเพียงเจ้าสาวเซอร์ลิน่าอยู่แต่ผู้เดียว โจวานนีจึงเข้าไปเกี้ยวพาราสีนางโดยออกอุบายต่างๆนานา แต่ทันใดนั้น เอลวิร่าก็เข้ามาขัดขวางและปรามไม่ให้เซอร์ลิน่าตกหลุมพรางจองโจวานนี ไม่นานหลังจากนั้นอันนากับออตตาวิโอก็วิ่งตามมาพบกับทั้งสาม โดยที่โจวานนีกำลังพยายามแก้ตัวกับเซอร์ลิน่าและหาว่านางเอลวิร่านั้นสติฟั่นเฟือน พออันนาเริ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าโจวานนีอาจจะเป็นผู้ที่สังหารพ่อของเธอโจวานนีก็ไหวตัวทันและก็หลบหนีไป

โจวานนีมาพบกับเลโปเรลโล่ซึ่งบอกเค้าว่าเซอร์ลิน่ากับเอลวิร่าเกือบทำให้งานที่ปราสาทล่ม แต่โจวานนีบอกไม่ต้องห่วงและให้จัดงานฉลองอย่างเต็มที่ ระหว่างทางกลับ ดอนไปพบกับเซอร์ลิน่าและพยายามจะเกี้ยวนางอีกครั้ง แต่มาเซตโตซึ่งแอบอยู่ก็โผล่มา โจวานนีจึงปล่อยนางคืนให้กับเจ้าบ่าว และพาทั้งสองไปยังงานฉลองโดยโจวานนีพยายามที่จะจีบเซอร์ลิน่าอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น อันนา เอลวิร่า และออตตาวิโอก็โผล่เข้ามาเพื่อที่จะจัดการกับโจวานนีซึ่งก็เกือบถูกจับได้แต่ก็หลบหนีไปได้ทัน

องก์ที่สอง

ดอน โจวานนีขณะกำลังออกปากเชิญรูปปั้นดอน เปโดรไปทานอาหารค่ำ โดยมีเลโปเรลโล่หลบอยู่ด้านหลัง

เลโปเรลโล่ซึ่งเกือบถูกจับได้ด้วยพยายามที่จะลาออกจากการเป็นหนุ่มรับใช้ แต่โจวานนีก็เอาเงินฟาดหัวให้เขาอยู่ต่อ หลังจากนั้นโจวานนีก็เปลี่ยนชุดกับเลปโปเรลโล่โดยให้หนุ่มรับใช้ปลอมตัวเป็นเขาเพื่อที่จะล่อนางเอลวิร่าออกมาเพื่อที่เขาเองจะได้เข้าไปเกี้ยวสาวใช้ของเอลวิร่า ขณะกำลังจีบนางอยู่โจวานนีซึ่งก็พบกับกลุ่มของมาเซตโต้ที่จะมาจัดการกับโจวานนีด้วยความหึงหวงนางเซอร์ลิน่า โจวานนีอยู่ในชุดเลปโปเรลโลจึงได้ใช้อุบายลอบทำร้ายมาเซตโต้และหนีไปอีกครั้ง เซอร์ลิน่ามาพบเข้าจึงเข้าไปดูแลสามีของนาง

ขณะที่เลโปเรลโล่กำลังอยู่กับเอลวิร่า เขาก็ต้องพบกับออตตาวิโอและอันนาผู้คิดว่าเขาคือโจวานนีจึงพยายามที่จะฆ่า เอลวิร่าซึ่งยังรักโจวานนีอยู่เข้าไปปกป้อง เลโปเรลโล่จึงอาศัยจังหวะชุลมุนเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงและหนีไป เลโปเรลโล่มาพบกับโจวานนี ณ สุสานแห่งนึง และพบกับรูปปั้นทหารที่มีลักษณะคล้ายเปโดรซึ่งพยายามเตือนโจวานนี โจวานนีคิดเป็นเรื่องขบขันที่พบรูปปั้นพูดได้จึงเอ่ยปากชวนรูปปั้นนั้นไปทานอาหารเย็นด้วย

ที่ปราสาทของโจวานนี เขากำลังรื่นเริงกับอาหารเย็นอยู่ โดยมีวงดนตรีเล่นเพลงของโมสาร์ทประกอบด้วย เอลวิร่าเข้ามาหาโจวานนีและพยายามบอกให้โจวานนีเลิกนิสัยเสียของเขา โจวานนีไล่นางอยู่ แต่ในขณะกำลังออกนางก็ตกใจร้องลั่น เลโปเรลโล่ออกไปดูและวิ่งตกใจกลับมาเช่นกัน ทันใดนั้นรูปปั้นเปโดรก็พังประตูเข้ามาบอกว่ามาตามที่นัดไว้ เขาบอกให้โจวานนีเลิกนิสัยของเขาเสีย แต่โจวานนีปฏิเสธ รูปปั้นจึงจมลงไปสู่นรกแล้วก็ลากตัวโจวานนีซึ่งจับมือเขาอยู่ตามลงไปด้วย กลุ่มคนทั้งห้าที่แค้นโจวานนีตามเข้ามาเพื่อที่จะฆ่าเขาแต่ก็พบว่าเขาได้พบจุดจบไปเรียบร้อยแล้ว

ตอนจบของเรื่อง ออตตาวิโอก็จะแต่งงานกับอันนา เอลวิร่าจะไปอาศัยอยู่ที่คอนแวนต์ และเซอร์ลินากับมาเซตโต้ก็จะกลับบ้าน ตอนจบอุปรากรเรื่องนี้ก็ฝากข้อคิดว่าคนชั่วก็พบจุดจบที่เลวร้ายไม่ต่างกับสิ่งที่เขาได้ทำมา

การแสดง

อุปรากรดอน โจวานนี แสดงครั้งแรกที่โรงละคร Stavovské divadlo ในกรุงปราก ในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2330 ในชื่อ Il Dissoluto Punito ossia il Don Giovanni Dramma giocoso in due atti โดยมี Luigi Bassi รับบทเป็นดอน โจวานนี และ Giuseppe Lolli เป็นดอน เปโดร การแสดงครั้งแรกนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง

ต่อมาโมตสาร์ตได้ประพันธ์ดนตรีเพิ่มอีกสามท่อนและนำออกแสดงเป็นครั้งแรกในวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2331 ที่กรุงเวียนนา โดยมี Francesco Albertarelli รับบทเป็นดอน โจวานนี และ Francesco Busani เป็นดอน เปโดร แม้จะได้รับคำชมจากจักพรรดิโจเซฟแต่การแสดงไม่ค่อยถูกอรรถรสชาวเวียนนาเท่ากับที่ปราก ทำให้อุปรากรดอน โจวานนีเล่นที่เวียนนาได้เพียงสิบห้าครั้งในปีนั้นและกว่าจะถูกนำมาเล่นอีกทีก็หลังจากที่โม้ตสาร์ตได้เสียชีวิตลงแล้ว

ปัจจุบันดอน โจวานนีได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในอุปรากรที่ยอดเยี่ยมที่สุด มีการจัดแสดงอุปรากรเรื่องนี้บ่อยที่สุดเป็นอันดับที่เจ็ด[1] ซึ่งการแสดงอุปรากรเรื่องนี้ในแต่ละครั้งจะใช้เวลาโดยทั่วไปประมาณสองชั่วโมงครึ่ง

นอกจากนี้ ดอน โจวานนี ยังได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2522 กำกับภาพยนตร์โดย Joseph Losey

ดนตรี

โมตสาร์ต

ดอน โจวานนีสามารถเล่นได้ด้วยวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีดังต่อไปนี้: ไวโอลิน วิโอลา เชลโล เบส บาสโซคอนทินิวโอ ขลุ่ย คลาริเน็ต โอโบ บาสซูน แตร ทรัมเป็ต ทรอมโบน และทิมปะนี โดยมีมานโดลินเป็นเครื่องดนตรีประกอบการแสดงฉากที่โจวานนีกำลังเกี้ยวสาวใช้ของนางเอลวิร่าอยู่ด้วย

เพลงในอุปรากรที่คุ้นหู ได้แก่

  • Overture เพลงโหมโรงของอุปรากร
  • Là ci darem la mano เพลงเกี้ยวพาราสีระหว่างโจวานนีกับเซอร์ลินา
  • Don Giovanni, a cenar teco m'invitasti เพลงตอนที่รูปปั้นของเปโดรพังประตูเข้ามาหาโจวานนี

อะมาเดอุส

อุปรากรเรื่องนี้อยู่ในภาพยนตร์เรื่องอะมาเดอุสตอนนี้หุ่นยักษ์พังกำแพงเข้ามาในเวทีอุปรากร ซึ่งซาลิเอรี่กล่าวว่านั่นคือพ่อของโมสาร์ท ถึงแม้เรื่องนี้จะแต่งขึ้นในปีเดียวกับที่พ่อของเขาเสียก็เป็นไปได้ยากที่เรื่องนี้จะเป็นจรืงเนื่องจากเรื่องของรูปปั้นตามล้างแค้นนี้ได้ถูกแต่งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2173 โดยกวี เทียร์โซ เด โมลิน่า ชื่อเรื่องว่า ชายจอมลวงแห่งเซบีญ่าและแขกผู้เป็นหิน (El burlador de Sevilla y convidado de piedra) ทั้งนี้ ยังมีการลืออีกว่า ดา ปอนเต้ ได้ลอกเนื้อร้องส่วนหนึ่งมาจาก โจวานนี แบร์ตาตี ซึ่งมีโอเปร่าเรื่องเดียวกันออกแสดงก่อนเขาไม่นาน อย่างไรก็ดี ยังมีความเป็นไปได้ที่ดนตรีที่ค่อนข้างมืดในเรื่องนี้อาจจะได้รับแรงบันดาลใจจากการจากไปของบิดาของโมสาร์ท

อ้างอิง

  1. http://www.operaamerica.org/audiences/learningcenter/cornerstones/operalist2.html#don

แหล่งข้อมูลอื่น