ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ปูม้า"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Taweetham (คุย | ส่วนร่วม)
จัดรูปแบบ
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{Taxobox
{{Taxobox
| image = Portunus pelagicus male.jpg
| image = Portunus pelagicus male.jpg
| image_caption = ปูม้าตัวผู้
| image_caption = ปูม้าตัวผู้
| regnum = [[Animal]]ia
| regnum = [[Animal]]ia
| phylum = [[Arthropod]]a
| phylum = [[Arthropod]]a
บรรทัด 14: บรรทัด 14:
| binomial_authority = ([[Carolus Linnaeus|Linnaeus]], [[ค.ศ. 1758|1758]])
| binomial_authority = ([[Carolus Linnaeus|Linnaeus]], [[ค.ศ. 1758|1758]])
}}
}}
'''ปูม้า''' ([[ภาษาอังกฤษ|อังกฤษ]]: flower crab, blue crab, blue swimmer crab, blue manna crab, sand crab, [[ชื่อวิทยาศาสตร์]]: ''Portunus pelagicus'') จัดเป็น[[ปู]]ที่อาศัยอยู่ใน[[ทะเล]][[สปีชีส์|ชนิด]]หนึ่ง ที่อยู่ใน[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''Portunus'' ซึ่งพบทั้งหมด 90 ชนิดทั่ว[[โลก]] และพบในน่านน้ำ[[ไทย]]ราว 19 ชนิด<ref>[http://www.crab-trf.com/horse_crab.php ปูม้า]</ref>
'''ปูม้า''' ({{lang-en|flower crab, blue crab, blue swimmer crab, blue manna crab, sand crab}}, [[ชื่อวิทยาศาสตร์]]: ''Portunus pelagicus'') จัดเป็น[[ปู]]ที่อาศัยอยู่ใน[[ทะเล]][[สปีชีส์|ชนิด]]หนึ่ง ที่อยู่ใน[[สกุล (ชีววิทยา)|สกุล]] ''Portunus'' ซึ่งพบทั้งหมด 90 ชนิดทั่ว[[โลก]] และพบในน่านน้ำ[[ไทย]]ราว 19 ชนิด<ref>[http://www.crab-trf.com/horse_crab.php ปูม้า]</ref>


==ลักษณะ==
== ลักษณะ ==
ลักษณะทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนตัว, อก และท้อง ส่วนหัวและอกจะอยู่ติดกัน มีกระดองหุ้มอยู่ตอนบน ทางด้านข้างทั้งสองของกระดองจะเป็นรอยหยักคล้ายฟันเลื่อยเป็นหนามแหลมข้างละ 9 อัน ขามีทั้งหมด 5 คู่ด้วยกัน คู่แรกเปลี่ยนแปลงไปเป็นก้ามใหญ่เพื่อใช้ป้องกันตัวและจับอาหาร ขาคู่ที่ 2, 3 และ 4 จะมีขนาดเล็กปลายแหลมใช้เป็นขาเดิน ขาคู่สุดท้ายตอนปลายมีลักษณะเป็นใบพายใช้ในการ[[ว่ายน้ำ]] ขนาดกระดองสามารถโตเต็มที่ได้ราว 15-20 [[เซนติเมตร]]
ลักษณะทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนตัว, อก และท้อง ส่วนหัวและอกจะอยู่ติดกัน มีกระดองหุ้มอยู่ตอนบน ทางด้านข้างทั้งสองของกระดองจะเป็นรอยหยักคล้ายฟันเลื่อยเป็นหนามแหลมข้างละ 9 อัน ขามีทั้งหมด 5 คู่ด้วยกัน คู่แรกเปลี่ยนแปลงไปเป็นก้ามใหญ่เพื่อใช้ป้องกันตัวและจับอาหาร ขาคู่ที่ 2, 3 และ 4 จะมีขนาดเล็กปลายแหลมใช้เป็นขาเดิน ขาคู่สุดท้ายตอนปลายมีลักษณะเป็นใบพายใช้ในการ[[ว่ายน้ำ]] ขนาดกระดองสามารถโตเต็มที่ได้ราว 15-20 [[เซนติเมตร]]


==การกระจายพันธุ์==
== การกระจายพันธุ์ ==
สำหรับปูม้าในประเทศไทยสามารถพบได้แทบทุก[[จังหวัดในประเทศไทย|จังหวัด]]ทั้งฝั่ง[[ทะเลอันดามัน]]และ[[อ่าวไทย]] โดยอาศัยอยู่บริเวณปาก[[แม่น้ำ]]และแถบ[[ชายฝั่ง]]ทะเล
สำหรับปูม้าในประเทศไทยสามารถพบได้แทบทุก[[จังหวัดในประเทศไทย|จังหวัด]]ทั้งฝั่ง[[ทะเลอันดามัน]]และ[[อ่าวไทย]] โดยอาศัยอยู่บริเวณปาก[[แม่น้ำ]]และแถบ[[ชายฝั่ง]]ทะเล


==การขยายพันธุ์==
== การขยายพันธุ์ ==
ปูม้าตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะแตกต่างกันที่จับปิ้งและ[[สี]] ตัวผู้มีก้ามยาวเรียวกว่า มี[[สีน้ำเงิน|สีฟ้า]]อ่อนและมีจุด[[ขาว]]ตกกระทั่วไปบนกระดองและก้าม พื้นท้องเป็นสีขาว จับปิ้งเป็นรูป[[สามเหลี่ยม]]เรียวสูง ตัวเมียจะมีก้ามสั้นกว่ากระดองและก้ามมีสีฟ้าอมน้ำตาลอ่อนและมีจุดขาวประทั่วไปทั้งกระดองและก้าม เมื่อถึงฤดูกาลวางไข่ ปูม้าตัวเมียจะมี[[ไข่]]ติดอยู่บริเวณระยางค์ซึ่งเคยเป็นขาว่ายน้ำในระยะวัยอ่อน โดยในระยะแรกไข่จะอยู่ภายในกระดองต่อมากระดองทางหน้าท้องเปิดออกมาทำให้สามารถเห็นไข่ชัดเจน จึงมักเรียกปูม้าในระยะนี้ว่าปูม้าที่มีไข่นอกกระดอง ไข่นอกกระดองนี้ในขณะที่เจริญแบ่ง[[เซลล์]]อยู่ภายในเปลือกไข่ สีของไข่จะค่อย ๆ เปลี่ยนจาก[[สีเหลือง]]อม[[สีส้ม|ส้ม]]เป็นสีเหลืองปน[[เทา]] สีเทาและสีเทาอม[[ดำ]] ปูม้าที่มีไข่สีเทาอมดำนั้นจะวางไข่ภายใน 1-2 วัน
ปูม้าตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะแตกต่างกันที่จับปิ้งและ[[สี]] ตัวผู้มีก้ามยาวเรียวกว่า มี[[สีน้ำเงิน|สีฟ้า]]อ่อนและมีจุด[[ขาว]]ตกกระทั่วไปบนกระดองและก้าม พื้นท้องเป็นสีขาว จับปิ้งเป็นรูป[[สามเหลี่ยม]]เรียวสูง ตัวเมียจะมีก้ามสั้นกว่ากระดองและก้ามมีสีฟ้าอมน้ำตาลอ่อนและมีจุดขาวประทั่วไปทั้งกระดองและก้าม เมื่อถึงฤดูกาลวางไข่ ปูม้าตัวเมียจะมี[[ไข่]]ติดอยู่บริเวณระยางค์ซึ่งเคยเป็นขาว่ายน้ำในระยะวัยอ่อน โดยในระยะแรกไข่จะอยู่ภายในกระดองต่อมากระดองทางหน้าท้องเปิดออกมาทำให้สามารถเห็นไข่ชัดเจน จึงมักเรียกปูม้าในระยะนี้ว่าปูม้าที่มีไข่นอกกระดอง ไข่นอกกระดองนี้ในขณะที่เจริญแบ่ง[[เซลล์]]อยู่ภายในเปลือกไข่ สีของไข่จะค่อย ๆ เปลี่ยนจาก[[สีเหลือง]]อม[[สีส้ม|ส้ม]]เป็นสีเหลืองปน[[เทา]] สีเทาและสีเทาอม[[ดำ]] ปูม้าที่มีไข่สีเทาอมดำนั้นจะวางไข่ภายใน 1-2 วัน


==ความสำคัญทางเศรษฐกิจ==
== ความสำคัญทางเศรษฐกิจ ==
ปูม้า นับเป็นปูอีกชนิดหนึ่งที่[[มนุษย์]]ใช้ปรุงเป็น[[อาหาร]]เช่นเดียวกับ[[ปูทะเล|ปูดำ]] (''Scylla serrata'') หรือปูทะเล โดยใช้ปรุงได้ทั้ง[[อาหารยุโรป]], [[อาหารจีน]], [[อาหารญี่ปุ่น]]และ[[อาหารไทย]] สำหรับอาหารไทยนั้นยังอาจปรุงเป็น[[ส้มตำ]]ปูม้าได้อีกด้วย
ปูม้า นับเป็นปูอีกชนิดหนึ่งที่[[มนุษย์]]ใช้ปรุงเป็น[[อาหาร]]เช่นเดียวกับ[[ปูทะเล|ปูดำ]] (''Scylla serrata'') หรือปูทะเล โดยใช้ปรุงได้ทั้ง[[อาหารยุโรป]], [[อาหารจีน]], [[อาหารญี่ปุ่น]]และ[[อาหารไทย]] สำหรับอาหารไทยนั้นยังอาจปรุงเป็น[[ส้มตำ]]ปูม้าได้อีกด้วย


บรรทัด 32: บรรทัด 32:
{{commons|Category:Portunus pelagicus}}
{{commons|Category:Portunus pelagicus}}


==อ้างอิง==
== อ้างอิง ==
*{{รายการอ้างอิง}}
* {{รายการอ้างอิง}}
[[หมวดหมู่:ปู]]
[[หมวดหมู่:ปู]]
[[หมวดหมู่:สัตว์เศรษฐกิจ]]
[[หมวดหมู่:สัตว์เศรษฐกิจ]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:27, 11 มิถุนายน 2553

ปูม้า
ปูม้าตัวผู้
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Arthropoda
ไฟลัมย่อย: Crustacea
ชั้น: Malacostraca
อันดับ: Decapoda
อันดับฐาน: Brachyura
วงศ์: Portunidae
สกุล: Portunus
สปีชีส์: P.  pelagicus
ชื่อทวินาม
Portunus pelagicus
(Linnaeus, 1758)

ปูม้า (อังกฤษ: flower crab, blue crab, blue swimmer crab, blue manna crab, sand crab, ชื่อวิทยาศาสตร์: Portunus pelagicus) จัดเป็นปูที่อาศัยอยู่ในทะเลชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในสกุล Portunus ซึ่งพบทั้งหมด 90 ชนิดทั่วโลก และพบในน่านน้ำไทยราว 19 ชนิด[1]

ลักษณะ

ลักษณะทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนตัว, อก และท้อง ส่วนหัวและอกจะอยู่ติดกัน มีกระดองหุ้มอยู่ตอนบน ทางด้านข้างทั้งสองของกระดองจะเป็นรอยหยักคล้ายฟันเลื่อยเป็นหนามแหลมข้างละ 9 อัน ขามีทั้งหมด 5 คู่ด้วยกัน คู่แรกเปลี่ยนแปลงไปเป็นก้ามใหญ่เพื่อใช้ป้องกันตัวและจับอาหาร ขาคู่ที่ 2, 3 และ 4 จะมีขนาดเล็กปลายแหลมใช้เป็นขาเดิน ขาคู่สุดท้ายตอนปลายมีลักษณะเป็นใบพายใช้ในการว่ายน้ำ ขนาดกระดองสามารถโตเต็มที่ได้ราว 15-20 เซนติเมตร

การกระจายพันธุ์

สำหรับปูม้าในประเทศไทยสามารถพบได้แทบทุกจังหวัดทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย โดยอาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำและแถบชายฝั่งทะเล

การขยายพันธุ์

ปูม้าตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะแตกต่างกันที่จับปิ้งและสี ตัวผู้มีก้ามยาวเรียวกว่า มีสีฟ้าอ่อนและมีจุดขาวตกกระทั่วไปบนกระดองและก้าม พื้นท้องเป็นสีขาว จับปิ้งเป็นรูปสามเหลี่ยมเรียวสูง ตัวเมียจะมีก้ามสั้นกว่ากระดองและก้ามมีสีฟ้าอมน้ำตาลอ่อนและมีจุดขาวประทั่วไปทั้งกระดองและก้าม เมื่อถึงฤดูกาลวางไข่ ปูม้าตัวเมียจะมีไข่ติดอยู่บริเวณระยางค์ซึ่งเคยเป็นขาว่ายน้ำในระยะวัยอ่อน โดยในระยะแรกไข่จะอยู่ภายในกระดองต่อมากระดองทางหน้าท้องเปิดออกมาทำให้สามารถเห็นไข่ชัดเจน จึงมักเรียกปูม้าในระยะนี้ว่าปูม้าที่มีไข่นอกกระดอง ไข่นอกกระดองนี้ในขณะที่เจริญแบ่งเซลล์อยู่ภายในเปลือกไข่ สีของไข่จะค่อย ๆ เปลี่ยนจากสีเหลืองอมส้มเป็นสีเหลืองปนเทา สีเทาและสีเทาอมดำ ปูม้าที่มีไข่สีเทาอมดำนั้นจะวางไข่ภายใน 1-2 วัน

ความสำคัญทางเศรษฐกิจ

ปูม้า นับเป็นปูอีกชนิดหนึ่งที่มนุษย์ใช้ปรุงเป็นอาหารเช่นเดียวกับปูดำ (Scylla serrata) หรือปูทะเล โดยใช้ปรุงได้ทั้งอาหารยุโรป, อาหารจีน, อาหารญี่ปุ่นและอาหารไทย สำหรับอาหารไทยนั้นยังอาจปรุงเป็นส้มตำปูม้าได้อีกด้วย

ปูม้า จึงเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่หน่วยงานภาครัฐ คือ กรมประมงได้ทำการเพาะขยายพันธุ์ในที่เลี้ยงและส่งเสริมให้เกษตรกรชาวไทยเลี้ยงในเชิงพาณิชย์[2] เช่น ที่จังหวัดกระบี่ เป็นต้น[3]

อ้างอิง