ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เยอ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
หน้าใหม่: == ประวัติ == '''เยอ''' หรือเผ่าเยอ อพยพย้ายถิ่นฐานมาจาก ประเทศจีนต...
 
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
== ประวัติ ==
== ประวัติ ==
'''เยอ''' หรือเผ่าเยอ อพยพย้ายถิ่นฐานมาจาก ประเทศจีนตอนบน ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าย้ายมาก่อน หรือหลังสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งคนเผ่าเยอ ย้ายมาถึงจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งถิ่นฐานอยู่ใน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ต่อมาเกิดโรคระบาดจึงได้ได้แบ่งออกเป็นหลาย 4 กลุ่ม ย้ายถิ่นที่อยู่ใหม่ กลุ่มแรก เดินทางไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองปราสาทเยอ ซึ่งในปัจจุบัน คือบ้านปราสาทเยอ ตั้งอยู่ใน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ กลุ่มที่ 2 ได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานใน อ.อำเภออุทุมพรพิสัย และ อ.ห้วยทับทัน ส่วนกลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 4 อาศัยอยู่ใน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ในปัจจุบัน ชื่อหมู่บ้านว่า บ้านขมิ้น อยู่ใน ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ และบ้านโพนค้อ ต.โพนค้อ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ


'''เยอ''' หรือเผ่าเยอ อพยพย้ายถิ่นฐานมาจาก ประเทศจีนตอนบน ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าย้ายมาก่อน หรือหลังสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งคนเผ่าเยอ ย้ายมาถึงจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งถิ่นฐานอยู่ใน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ
'''ภาษา'''
ต่อมาเกิดโรคระบาดจึงได้ได้แบ่งออกเป็นหลาย 4 กลุ่ม ย้ายถิ่นที่อยู่ใหม่ กลุ่มแรก เดินทางไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองปราสาทเยอ ซึ่งในปัจจุบัน คือบ้านปราสาทเยอ ตั้งอยู่ใน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ
กลุ่มที่ 2 ได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานใน อ.อุทุมพรพิสัย และ อ.ห้วยทับทัน ส่วนกลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 4 อาศัยอยู่ใน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ในปัจจุบัน ชื่อหมู่บ้านว่า บ้านขมิ้น อยู่ใน ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ
และบ้านโพนค้อ ต.โพนค้อ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ


== ภาษา ==

ภาษาเยอ เป็นภาษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนมากทุกๆคำจะพูดกันเป็นเสียง สามัญ (สามัญ เอก โท ตรี จัตวา)ในประโยคบอกเล่า แต่ในประโยคคำถาม พยางค์สุดท้ายจะเป็นเสียง ตรี หรือ จัตวา
ภาษาเยอ เป็นภาษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนมากทุกๆคำจะพูดกันเป็นเสียง สามัญ (สามัญ เอก โท ตรี จัตวา)ในประโยคบอกเล่า แต่ในประโยคคำถาม พยางค์สุดท้ายจะเป็นเสียง ตรี หรือ จัตวา
ในปัจจุบัน ภาษาเยอได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย และกลายเป็นภาษาเยอสมัยใหม่ เช่น จะมีบางคำที่เป็นภาษาไทยบ้างเช่น ฮัวใจ(หัวใจ) ภาษาอีสานบ้าง และภาษาที่เรียกสิ่งของที่ไม่เคยมีมาในสมัยโบราณ
ในปัจจุบัน ภาษาเยอได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย และกลายเป็นภาษาเยอสมัยใหม่ เช่น จะมีบางคำที่เป็นภาษาไทยบ้างเช่น ฮัวใจ(หัวใจ) ภาษาอีสานบ้าง และภาษาที่เรียกสิ่งของที่ไม่เคยมีมาในสมัยโบราณ



== วัฒนธรรม ==
== วัฒนธรรม ==

การแต่งตัวของชาวเผ่าเยอ ในดั้งเดิม ผู้ชายใส่เชิ้ตไม่มีคอปก สีกรมท่า กางเกงขายาว สีกรมท่า และมีผ้าขาวม้ามัดเอว ผู้หญิง ใส่เสื้อสีดำเทา ใส่ผ้าไหม(ผ้าถง)สีดำ และสีกรมท่า หรือสีอื่นๆ และมี ผ้าไหมพาดผ่านไหล่ซ้าย ลงไปบรรจบกัน บริเวร เอวด้านขวา
การแต่งตัวของชาวเผ่าเยอ ในดั้งเดิม ผู้ชายใส่เชิ้ตไม่มีคอปก สีกรมท่า กางเกงขายาว สีกรมท่า และมีผ้าขาวม้ามัดเอว ผู้หญิง ใส่เสื้อสีดำเทา ใส่ผ้าไหม(ผ้าถง)สีดำ และสีกรมท่า หรือสีอื่นๆ
และมีผ้าไหมพาดผ่านไหล่ซ้าย ลงไปบรรจบกัน บริเวร เอวด้านขวา
คนเผ่าเยอแท้ทุกคน จะมีสีผิวเหลืองขาว เหมือนจีน
คนเผ่าเยอแท้ทุกคน จะมีสีผิวเหลืองขาว เหมือนจีน
คนเผ่าเยอชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ เห็นได้จากการปลูกบ้านเป็นกลุ่มๆ ลักษณะของบ้าน จะเป็นบ้านสองชั้น ใต้ถุนโล่งเพื่อใช้เลี้ยงควาย หรือวัว หลังคาจะทำจากฟางข้าว ผนังหรือกั้นห้อง จะเป็นไม้ใผ่สาน ซึ่งในปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว ส่วนเสาและพื้นบ้าน จะเป็นไม้เนื้อแข็งทั่วไป
คนเผ่าเยอชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ เห็นได้จากการปลูกบ้านเป็นกลุ่มๆ ลักษณะของบ้าน จะเป็นบ้านสองชั้น ใต้ถุนโล่งเพื่อใช้เลี้ยงควาย หรือวัว หลังคาจะทำจากฟางข้าว ผนังหรือกั้นห้อง จะเป็นไม้ใผ่สาน
ซึ่งในปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว ส่วนเสาและพื้นบ้าน จะเป็นไม้เนื้อแข็งทั่วไป
ประเภณีและวัฒนธรรมของเผ่าเยอ ได้แก่
ประเภณีและวัฒนธรรมของเผ่าเยอ ได้แก่
- '''บุญข้าวสาก''' เป็นประเภณีที่มีขึ้นหลังจากการดำนาเสร็จสิ้น ประมาณเดือน สิงหาคม
- '''บุญข้าวสาก''' เป็นประเภณีที่มีขึ้นหลังจากการดำนาเสร็จสิ้น ประมาณเดือน สิงหาคม
บรรทัด 16: บรรทัด 26:


== ศาสนา ==
== ศาสนา ==
คนในเผ่าเยอ นับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก และมีศาสนาพราหมบ้าง เช่น การบายศรีสู่ขวัญ การขึ้นบ้านใหม่ การแต่งงาน และอื่นๆ อาจมีบางครอบครัว นับถือผีบ้านหรือผีบรรพบุรุษ และจะมีการรำแถน(รำผีฟ้า)เพื่อบวงศวง เชื่อกันว่า จะทำให้ลูกหลานอยู่ดี ไม่มีโรคเบียดเบียน
คนในเผ่าเยอ นับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก และมีศาสนาพราหมบ้าง เช่น การบายศรีสู่ขวัญ การขึ้นบ้านใหม่ การแต่งงาน และอื่นๆ อาจมีบางครอบครัว นับถือผีบ้านหรือผีบรรพบุรุษ และจะมีการรำแถน(รำผีฟ้า)
เพื่อบวงศวง เชื่อกันว่า จะทำให้ลูกหลานอยู่ดี ไม่มีโรคเบียดเบียน
สังเกตุจากเรื่องอาถรรต์ ที่ไม่น่าเชื่อ บางคนป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ พาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ก็ตรวจไม่พบว่าเป็นโรคอะไรทั้งนั้น คนๆนั้น สบายดีตอนหาหมอ แต่พอตอนอยู่ที่บ้าน กลับป่วยทรุดหนัก ว่ากันว่าบรรพบุรษเป็นผู้กระทำ จึงทำให้มีการรำแถน เพื่อบวงศวง คนป่วยคนนั้นก็หายวันหายคืน
สังเกตุจากเรื่องอาถรรต์ ที่ไม่น่าเชื่อ บางคนป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ พาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ก็ตรวจไม่พบว่าเป็นโรคอะไรทั้งนั้น คนๆนั้น สบายดีตอนหาหมอ แต่พอตอนอยู่ที่บ้าน กลับป่วยทรุดหนัก
ว่ากันว่าบรรพบุรษเป็นผู้กระทำ จึงทำให้มีการรำแถน เพื่อบวงศวง คนป่วยคนนั้นก็หายวันหายคืน
ผู้ชายที่บวชและศึกออกมาจากบวชเณร จะเรียกนำหน้าชื่อว่า เซียง และผู้ที่ศึกออกมาจากบวชพระ จะเรียกนำหน้าชื่อว่า ญีมอม(ทิศ)
ผู้ชายที่บวชและศึกออกมาจากบวชเณร จะเรียกนำหน้าชื่อว่า เซียง และผู้ที่ศึกออกมาจากบวชพระ จะเรียกนำหน้าชื่อว่า ญีมอม(ทิศ)

รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:51, 30 กันยายน 2552

ประวัติ

 เยอ หรือเผ่าเยอ อพยพย้ายถิ่นฐานมาจาก ประเทศจีนตอนบน ซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าย้ายมาก่อน หรือหลังสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งคนเผ่าเยอ ย้ายมาถึงจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งถิ่นฐานอยู่ใน อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ 

ต่อมาเกิดโรคระบาดจึงได้ได้แบ่งออกเป็นหลาย 4 กลุ่ม ย้ายถิ่นที่อยู่ใหม่ กลุ่มแรก เดินทางไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองปราสาทเยอ ซึ่งในปัจจุบัน คือบ้านปราสาทเยอ ตั้งอยู่ใน อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ กลุ่มที่ 2 ได้ย้ายไปตั้งถิ่นฐานใน อ.อุทุมพรพิสัย และ อ.ห้วยทับทัน ส่วนกลุ่มที่ 3 และกลุ่มที่ 4 อาศัยอยู่ใน อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ในปัจจุบัน ชื่อหมู่บ้านว่า บ้านขมิ้น อยู่ใน ต.ทุ่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ และบ้านโพนค้อ ต.โพนค้อ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ


ภาษา

ภาษาเยอ เป็นภาษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนมากทุกๆคำจะพูดกันเป็นเสียง สามัญ (สามัญ เอก โท ตรี จัตวา)ในประโยคบอกเล่า แต่ในประโยคคำถาม พยางค์สุดท้ายจะเป็นเสียง ตรี หรือ จัตวา
 ในปัจจุบัน ภาษาเยอได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย และกลายเป็นภาษาเยอสมัยใหม่ เช่น จะมีบางคำที่เป็นภาษาไทยบ้างเช่น ฮัวใจ(หัวใจ) ภาษาอีสานบ้าง และภาษาที่เรียกสิ่งของที่ไม่เคยมีมาในสมัยโบราณ


วัฒนธรรม

การแต่งตัวของชาวเผ่าเยอ ในดั้งเดิม ผู้ชายใส่เชิ้ตไม่มีคอปก สีกรมท่า กางเกงขายาว สีกรมท่า และมีผ้าขาวม้ามัดเอว ผู้หญิง ใส่เสื้อสีดำเทา ใส่ผ้าไหม(ผ้าถง)สีดำ และสีกรมท่า หรือสีอื่นๆ 

และมีผ้าไหมพาดผ่านไหล่ซ้าย ลงไปบรรจบกัน บริเวร เอวด้านขวา

 คนเผ่าเยอแท้ทุกคน จะมีสีผิวเหลืองขาว เหมือนจีน
 คนเผ่าเยอชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ เห็นได้จากการปลูกบ้านเป็นกลุ่มๆ ลักษณะของบ้าน จะเป็นบ้านสองชั้น ใต้ถุนโล่งเพื่อใช้เลี้ยงควาย หรือวัว หลังคาจะทำจากฟางข้าว ผนังหรือกั้นห้อง จะเป็นไม้ใผ่สาน 

ซึ่งในปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว ส่วนเสาและพื้นบ้าน จะเป็นไม้เนื้อแข็งทั่วไป

 ประเภณีและวัฒนธรรมของเผ่าเยอ ได้แก่ 
- บุญข้าวสาก เป็นประเภณีที่มีขึ้นหลังจากการดำนาเสร็จสิ้น ประมาณเดือน สิงหาคม
- บุญข้าวจี่ มีขึ้นหลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จ ประมาณเดือน ธันวาคม
- และประเภณีอื่นๆ ซึ่ได้รับอิธพลจากประเภณีของชาวพื้นถิ่นรอบๆนั้น รวมไปถึง วัฒนธรรมไทยเกือบทั้งหมด

ศาสนา

 คนในเผ่าเยอ นับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก และมีศาสนาพราหมบ้าง เช่น การบายศรีสู่ขวัญ การขึ้นบ้านใหม่ การแต่งงาน และอื่นๆ อาจมีบางครอบครัว นับถือผีบ้านหรือผีบรรพบุรุษ และจะมีการรำแถน(รำผีฟ้า)

เพื่อบวงศวง เชื่อกันว่า จะทำให้ลูกหลานอยู่ดี ไม่มีโรคเบียดเบียน

  สังเกตุจากเรื่องอาถรรต์ ที่ไม่น่าเชื่อ บางคนป่วยโดยไม่รู้สาเหตุ พาไปหาหมอที่โรงพยาบาล ก็ตรวจไม่พบว่าเป็นโรคอะไรทั้งนั้น คนๆนั้น สบายดีตอนหาหมอ แต่พอตอนอยู่ที่บ้าน กลับป่วยทรุดหนัก 

ว่ากันว่าบรรพบุรษเป็นผู้กระทำ จึงทำให้มีการรำแถน เพื่อบวงศวง คนป่วยคนนั้นก็หายวันหายคืน

  ผู้ชายที่บวชและศึกออกมาจากบวชเณร จะเรียกนำหน้าชื่อว่า เซียง และผู้ที่ศึกออกมาจากบวชพระ จะเรียกนำหน้าชื่อว่า ญีมอม(ทิศ)