ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แกร์ท ฟ็อน รุนท์ชเต็ท"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
|||
บรรทัด 7: | บรรทัด 7: | ||
|สถานที่เกิด= อัสเชอร์เลเบน [[จักรวรรดิเยอรมัน]] |
|สถานที่เกิด= อัสเชอร์เลเบน [[จักรวรรดิเยอรมัน]] |
||
|สถานที่ถึงแก่กรรม=[[ฮานโนเฟอร์]] [[โลว์เออร์แซกโซนี]] [[ประเทศเยอรมนี|สหพันธรัฐเยอรมนี]] |
|สถานที่ถึงแก่กรรม=[[ฮานโนเฟอร์]] [[โลว์เออร์แซกโซนี]] [[ประเทศเยอรมนี|สหพันธรัฐเยอรมนี]] |
||
|ฉายา= "อัศวิน |
|ฉายา= "อัศวินดำ" |
||
|เหล่าทัพ=[[กองทัพบก]] |
|เหล่าทัพ=[[กองทัพบก]] |
||
|รับราชการทหาร= ค.ศ. 1892 - 1938<br> |
|รับราชการทหาร= ค.ศ. 1892 - 1938<br> |
||
บรรทัด 17: | บรรทัด 17: | ||
|บัญชาการ= |
|บัญชาการ= |
||
|สงคราม=[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] |
|สงคราม=[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] |
||
|รางวัล=[[ |
|รางวัล=[[เครื่องอิสริยาภรณ์อัศวินชั้นกางเขนเหล็ก]]<br> |
||
[[กางเขนเหล็ก]] |
[[กางเขนเหล็ก]] |
||
|อาชีพอื่น= |
|อาชีพอื่น= |
||
}} |
}} |
||
'''คาร์ล รูดอล์ฟ เกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์''' ({{lang-de|Karl Rudolf Gerd von Rundstedt}}; [[12 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1875]] - [[24 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 1953]]) เป็น[[จอมพล]]แห่งกองทัพเยอรมัน ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ผู้ได้รับสมญานามว่า "อัศวิน |
'''คาร์ล รูดอล์ฟ เกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์''' ({{lang-de|Karl Rudolf Gerd von Rundstedt}}; [[12 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1875]] - [[24 กุมภาพันธ์]] [[ค.ศ. 1953]]) เป็น[[จอมพล]]แห่งกองทัพเยอรมัน ในช่วง[[สงครามโลกครั้งที่สอง]] ผู้ได้รับสมญานามว่า "อัศวินดำ" (Black Knight) |
||
== สงครามโลกครั้งที่สอง == |
== สงครามโลกครั้งที่สอง == |
||
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น เขาถูกเรียกตัวกลับมารับ |
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น เขาถูกเรียกตัวกลับมารับราชการทหารอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำกองทัพกลุ่มใต้ระหว่างการรุกรานโปแลนด์ และในระหว่างการรบในฝรั่งเศส เขาได้บัญชาการกองพลแพนเซอร์ 7 หน่วย กองพลยานยนต์ทหารราบ 3 หน่วย และกองพลทหารราบ 35 หน่วย |
||
เกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจอมพลเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม [[ค.ศ. 1940]] และมีส่วนในการวางแผน[[ปฏิบัติการสิงโตทะเล]] เมื่อแผนการบุกดังกล่าวถูกเลื่อนเวลาออกไป เขาจึงเป็นผู้บัญชาการกองกำลังยึดครองและได้รับมอบหมายให้สร้างแนวป้องกันทางทะเลตามชายฝั่งของ[[ประเทศเนเธอร์แลนด์|เนเธอร์แลนด์]] [[ประเทศเบลเยี่ยม|เบลเยี่ยม]] และ[[ประเทศฝรั่งเศส|ฝรั่งเศส]] |
เกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจอมพลเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม [[ค.ศ. 1940]] และมีส่วนในการวางแผน[[ปฏิบัติการสิงโตทะเล]] เมื่อแผนการบุกดังกล่าวถูกเลื่อนเวลาออกไป เขาจึงเป็นผู้บัญชาการกองกำลังยึดครองและได้รับมอบหมายให้สร้างแนวป้องกันทางทะเลตามชายฝั่งของ[[ประเทศเนเธอร์แลนด์|เนเธอร์แลนด์]] [[ประเทศเบลเยี่ยม|เบลเยี่ยม]] และ[[ประเทศฝรั่งเศส|ฝรั่งเศส]] |
||
บรรทัด 34: | บรรทัด 34: | ||
{{ดูเพิ่มที่|ปฏิบัติการบาร์บารอสซา|แนวรบด้านตะวันออก (สงครามโลกครั้งที่สอง)}} |
{{ดูเพิ่มที่|ปฏิบัติการบาร์บารอสซา|แนวรบด้านตะวันออก (สงครามโลกครั้งที่สอง)}} |
||
ระหว่างปฏิบัติการบาร์บารอสซา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน [[ค.ศ. 1941]] เขาได้รับมอบอำนาจบัญชาการกองทัพกลุ่มใต้ ซึ่งประกอบด้วย |
ระหว่างปฏิบัติการบาร์บารอสซา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน [[ค.ศ. 1941]] เขาได้รับมอบอำนาจบัญชาการกองทัพกลุ่มใต้ ซึ่งประกอบด้วยกองพลทหารราบ 52 หน่วย และกองพลแพนเซอร์ 5 หน่วย บุกเข้าไปใน[[สหภาพโซเวียต]] เมื่อถึงเดือนกันยายน กองทัพกลุ่มใต้สามารถยึด[[เคียฟ]] ในปฏิบัติการโอบล้อมสองครั้ง ทำให้สตาลินจำเป็นต้องละทิ้งเมืองไว้ กองทัพเยอรมันอ้างว่าตนสามารถจับเชลยศึกชาวโซเวียตได้กว่า 665,000 นาย หลังจากนั้น จึงเป็นผู้บัญชาการการโจมตีคาร์คอฟและรอสตอฟในเวลาต่อมา เขามีความเห็นคัดค้านการเดินหน้ารุกรานสหภาพโซเวียตต่อไปในฤดูหนาวและแนะนำให้ฮิตเลอร์สั่งหยุดการโจมตีไว้ก่อน แต่ข้อเสนอของเขาไม่ได้รับความเห็นชอบ |
||
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1941 เขาเกิดอาการ[[กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด]] แต่เขาปฏิเสธที่จะได้รับการรักษาพยาบาล และยืนยันที่จะบัญชาการรบต่อไป หลังจากตีได้รอสตอฟ เมื่อวันที่ [[21 พฤศจิกายน]] แล้ว แต่กองทัพเยอรมันถูกตีโต้กลับมา เขาจึงสั่งการให้กองทัพบางส่วนล่าถอย ฮิตเลอร์โกรธมาก จึงสั่งให้นายพล[[วัลเทอร์ ฟอน ไรเชนนาว]] บัญชาการรบแทน |
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1941 เขาเกิดอาการ[[กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด]] แต่เขาปฏิเสธที่จะได้รับการรักษาพยาบาล และยืนยันที่จะบัญชาการรบต่อไป หลังจากตีได้รอสตอฟ เมื่อวันที่ [[21 พฤศจิกายน]] แล้ว แต่กองทัพเยอรมันถูกตีโต้กลับมา เขาจึงสั่งการให้กองทัพบางส่วนล่าถอย ฮิตเลอร์โกรธมาก จึงสั่งให้นายพล[[วัลเทอร์ ฟอน ไรเชนนาว]] บัญชาการรบแทน |
||
บรรทัด 42: | บรรทัด 42: | ||
{{ดูเพิ่มที่|แนวรบด้านตะวันตก (สงครามโลกครั้งที่สอง)}} |
{{ดูเพิ่มที่|แนวรบด้านตะวันตก (สงครามโลกครั้งที่สอง)}} |
||
ฮิตเลอร์เรียกตัวเกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์กลับเข้ารับหน้าที่ดังเดิมในกองบัญชาการกองทัพเยอรมันด้านตะวันตก ในเดือนมีนาคม [[ค.ศ. 1942]] แต่การทำงานของเขาล่าช้า จนกระทั่งถึงฤดูใบไม้ผลิ [[ค.ศ. 1943]] ก็ยังไม่มีการสร้างป้อมปราการตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเลย |
ฮิตเลอร์เรียกตัวเกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์กลับเข้ารับหน้าที่ดังเดิมในกองบัญชาการกองทัพเยอรมันด้านตะวันตก ในเดือนมีนาคม [[ค.ศ. 1942]] แต่การทำงานของเขาล่าช้า จนกระทั่งถึงฤดูใบไม้ผลิ [[ค.ศ. 1943]] ก็ยังแทบไม่มีการสร้างป้อมปราการใดตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเลย จนเมื่อเออร์วิน รอมเมล ได้รับมอบหมายมาอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา จึงค่อยได้เห็นความคืบหน้าการก่อสร้างบ้าง |
||
ส่วนแผนการป้องกันทางทะเล เขาเห็นว่า ควรจะมีการจัดวางกำลังยานเกราะอยู่ในแนวหลัง เพื่อที่จะได้สั่งโจมตีพื้นที่ที่กองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกมา แต่จอมพลรอมเมลไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดดังกล่าว เขาเห็นว่า ควรจะจัดวางกำลังยานเกราะใกล้กับแนวชายฝั่ง โดยอยู่นอกวิถีของปืนใหญ่ฝ่ายสัมพันธมิตร ส่วนทางด้านฟอน รุนด์ชเทดท์ถูกชักจูงให้เชื่อว่า การยกพลขึ้นบกตามแนวชายฝั่งทางด้านตะวันตกของฝรั่งเศสจะไม่เกิดขึ้น และควรจะมีการวางกำลังยานเกราะเพียงเล็กน้อยไว้ที่นั้น ทำให้มีกองกำลังยานเกราะเพียงสองกองพลป้องกันเขต[[นอร์มองดี]] ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียมหาศาลเมื่อการโจมตีของฝ่ายสัมพันธมิตรมาถึง |
ส่วนแผนการป้องกันทางทะเล เขาเห็นว่า ควรจะมีการจัดวางกำลังยานเกราะอยู่ในแนวหลัง เพื่อที่จะได้สั่งโจมตีพื้นที่ที่กองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกมา แต่จอมพลรอมเมลไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดดังกล่าว เขาเห็นว่า ควรจะจัดวางกำลังยานเกราะใกล้กับแนวชายฝั่ง โดยอยู่นอกวิถีของปืนใหญ่ฝ่ายสัมพันธมิตร ส่วนทางด้านฟอน รุนด์ชเทดท์ถูกชักจูงให้เชื่อว่า การยกพลขึ้นบกตามแนวชายฝั่งทางด้านตะวันตกของฝรั่งเศสจะไม่เกิดขึ้น และควรจะมีการวางกำลังยานเกราะเพียงเล็กน้อยไว้ที่นั้น ทำให้มีกองกำลังยานเกราะเพียงสองกองพลป้องกันเขต[[นอร์มองดี]] ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียมหาศาลเมื่อการโจมตีของฝ่ายสัมพันธมิตรมาถึง |
||
หลังจาก[[การยกพลขึ้นบกในนอร์มองดี]] เมื่อเดือนมิถุนายน [[ค.ศ. 1944]] เขาได้กระตุ้นให้ฮิตเลอร์เจรจาสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตร แต่เมื่อเขาถูกปฏิเสธ ว่ากันว่า เขาได้ระเบิดออกมาว่า ''" |
หลังจาก[[การยกพลขึ้นบกในนอร์มองดี]] เมื่อเดือนมิถุนายน [[ค.ศ. 1944]] เขาได้กระตุ้นให้ฮิตเลอร์เจรจาสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตร แต่เมื่อเขาถูกปฏิเสธ ว่ากันว่า เขาได้ระเบิดออกมาว่า ''"สงบศึกซะ ไอ้โง่"'' ฮิตเลอร์ได้ปลดเขาออก และแทนที่โดยจอมพล[[กึนเธอร์ ฟอน คลุจ]] |
||
กลางเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 เขาได้รับตำแหน่งในกองบัญชาการกองทัพเยอรมันด้านตะวันตกอีกครั้งหนึ่ง เขาได้รวบรวมกองกำลังเพื่อต่อกรกับ[[ปฏิบัติการมาร์เก็ตการ์เดน]]อย่างรวดเร็ว และได้รับชัยชนะ เขาถูกปลดออกจากกองบัญชาการอีกครั้งหนึ่งในเดือนมีนาคม [[ค.ศ. 1945]] เนื่องจากเขาบอกกับเคย์เทลว่า ฮิตเลอร์ควรจะเจรจาสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตร ดีกว่าสู้รบในสงครามอันสิ้นหวังนี้ |
กลางเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 เขาได้รับตำแหน่งในกองบัญชาการกองทัพเยอรมันด้านตะวันตกอีกครั้งหนึ่ง เขาได้รวบรวมกองกำลังเพื่อต่อกรกับ[[ปฏิบัติการมาร์เก็ตการ์เดน]]อย่างรวดเร็ว และได้รับชัยชนะ เขาถูกปลดออกจากกองบัญชาการอีกครั้งหนึ่งในเดือนมีนาคม [[ค.ศ. 1945]] เนื่องจากเขาบอกกับเคย์เทลว่า ฮิตเลอร์ควรจะเจรจาสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตร ดีกว่าสู้รบในสงครามอันสิ้นหวังนี้ |
||
บรรทัด 64: | บรรทัด 64: | ||
* Schaulen, Fritjof (2005). ''Eichenlaubträger 1940 - 1945 Zeitgeschichte in Farbe III Radusch - Zwernemann'' (in German). Selent, Germany: Pour le Mérite. ISBN 3-932381-22-X. |
* Schaulen, Fritjof (2005). ''Eichenlaubträger 1940 - 1945 Zeitgeschichte in Farbe III Radusch - Zwernemann'' (in German). Selent, Germany: Pour le Mérite. ISBN 3-932381-22-X. |
||
* Ziemke, Earl, "Gerd Von Rundstedt" in ''Hitler's Generals'', ed. Correlli Barnet, New York: Grove Weidenfeld, 1989 |
* Ziemke, Earl, "Gerd Von Rundstedt" in ''Hitler's Generals'', ed. Correlli Barnet, New York: Grove Weidenfeld, 1989 |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
[[หมวดหมู่:ผู้นำการทหารในสงครามโลกครั้งที่สอง]] |
[[หมวดหมู่:ผู้นำการทหารในสงครามโลกครั้งที่สอง]] |
||
[[หมวดหมู่:อาชญากรสงครามชาวเยอรมัน]] |
[[หมวดหมู่:อาชญากรสงครามชาวเยอรมัน]] |
||
[[หมวดหมู่:ทหารชาวเยอรมัน]] |
[[หมวดหมู่:ทหารชาวเยอรมัน]] |
||
⚫ | |||
⚫ | |||
{{โครงบุคคล}} |
{{โครงบุคคล}} |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:20, 5 กรกฎาคม 2552
แกร์ท ฟ็อน รุนท์ชเต็ท | |
---|---|
12 ธันวาคม ค.ศ. 1875 – 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1953 | |
ไฟล์:Bundesarchiv Bild 146-1987-047-20, Gerd v. Rundstedt.jpg คาร์ล รูดอล์ฟ เกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์ | |
ฉายา/ราชทินนาม | "อัศวินดำ" |
เกิดที่ | อัสเชอร์เลเบน จักรวรรดิเยอรมัน |
อนิจกรรมที่ | ฮานโนเฟอร์ โลว์เออร์แซกโซนี สหพันธรัฐเยอรมนี |
เหล่าทัพ | กองทัพบก |
ปีปฏิบัติงาน | ค.ศ. 1892 - 1938 ค.ศ. 1939 - 1945 |
ยศสูงสุด | จอมพล |
รับใช้ | จักรวรรดิเยอรมัน (ค.ศ. 1892-1918) สาธารณรัฐไวมาร์ (ค.ศ. 1918-1933) |
การยุทธ | สงครามโลกครั้งที่สอง |
บำเหน็จ | เครื่องอิสริยาภรณ์อัศวินชั้นกางเขนเหล็ก |
คาร์ล รูดอล์ฟ เกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์ (เยอรมัน: Karl Rudolf Gerd von Rundstedt; 12 ธันวาคม ค.ศ. 1875 - 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1953) เป็นจอมพลแห่งกองทัพเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้ได้รับสมญานามว่า "อัศวินดำ" (Black Knight)
สงครามโลกครั้งที่สอง
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น เขาถูกเรียกตัวกลับมารับราชการทหารอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำกองทัพกลุ่มใต้ระหว่างการรุกรานโปแลนด์ และในระหว่างการรบในฝรั่งเศส เขาได้บัญชาการกองพลแพนเซอร์ 7 หน่วย กองพลยานยนต์ทหารราบ 3 หน่วย และกองพลทหารราบ 35 หน่วย
เกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจอมพลเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1940 และมีส่วนในการวางแผนปฏิบัติการสิงโตทะเล เมื่อแผนการบุกดังกล่าวถูกเลื่อนเวลาออกไป เขาจึงเป็นผู้บัญชาการกองกำลังยึดครองและได้รับมอบหมายให้สร้างแนวป้องกันทางทะเลตามชายฝั่งของเนเธอร์แลนด์ เบลเยี่ยม และฝรั่งเศส
ปฏิบัติการบาร์บารอสซา
ระหว่างปฏิบัติการบาร์บารอสซา ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ค.ศ. 1941 เขาได้รับมอบอำนาจบัญชาการกองทัพกลุ่มใต้ ซึ่งประกอบด้วยกองพลทหารราบ 52 หน่วย และกองพลแพนเซอร์ 5 หน่วย บุกเข้าไปในสหภาพโซเวียต เมื่อถึงเดือนกันยายน กองทัพกลุ่มใต้สามารถยึดเคียฟ ในปฏิบัติการโอบล้อมสองครั้ง ทำให้สตาลินจำเป็นต้องละทิ้งเมืองไว้ กองทัพเยอรมันอ้างว่าตนสามารถจับเชลยศึกชาวโซเวียตได้กว่า 665,000 นาย หลังจากนั้น จึงเป็นผู้บัญชาการการโจมตีคาร์คอฟและรอสตอฟในเวลาต่อมา เขามีความเห็นคัดค้านการเดินหน้ารุกรานสหภาพโซเวียตต่อไปในฤดูหนาวและแนะนำให้ฮิตเลอร์สั่งหยุดการโจมตีไว้ก่อน แต่ข้อเสนอของเขาไม่ได้รับความเห็นชอบ
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1941 เขาเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด แต่เขาปฏิเสธที่จะได้รับการรักษาพยาบาล และยืนยันที่จะบัญชาการรบต่อไป หลังจากตีได้รอสตอฟ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน แล้ว แต่กองทัพเยอรมันถูกตีโต้กลับมา เขาจึงสั่งการให้กองทัพบางส่วนล่าถอย ฮิตเลอร์โกรธมาก จึงสั่งให้นายพลวัลเทอร์ ฟอน ไรเชนนาว บัญชาการรบแทน
แนวรบด้านตะวันตก
ฮิตเลอร์เรียกตัวเกอร์ด ฟอน รุนด์ชเทดท์กลับเข้ารับหน้าที่ดังเดิมในกองบัญชาการกองทัพเยอรมันด้านตะวันตก ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1942 แต่การทำงานของเขาล่าช้า จนกระทั่งถึงฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1943 ก็ยังแทบไม่มีการสร้างป้อมปราการใดตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกเลย จนเมื่อเออร์วิน รอมเมล ได้รับมอบหมายมาอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา จึงค่อยได้เห็นความคืบหน้าการก่อสร้างบ้าง
ส่วนแผนการป้องกันทางทะเล เขาเห็นว่า ควรจะมีการจัดวางกำลังยานเกราะอยู่ในแนวหลัง เพื่อที่จะได้สั่งโจมตีพื้นที่ที่กองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรยกพลขึ้นบกมา แต่จอมพลรอมเมลไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดดังกล่าว เขาเห็นว่า ควรจะจัดวางกำลังยานเกราะใกล้กับแนวชายฝั่ง โดยอยู่นอกวิถีของปืนใหญ่ฝ่ายสัมพันธมิตร ส่วนทางด้านฟอน รุนด์ชเทดท์ถูกชักจูงให้เชื่อว่า การยกพลขึ้นบกตามแนวชายฝั่งทางด้านตะวันตกของฝรั่งเศสจะไม่เกิดขึ้น และควรจะมีการวางกำลังยานเกราะเพียงเล็กน้อยไว้ที่นั้น ทำให้มีกองกำลังยานเกราะเพียงสองกองพลป้องกันเขตนอร์มองดี ซึ่งก่อให้เกิดความสูญเสียมหาศาลเมื่อการโจมตีของฝ่ายสัมพันธมิตรมาถึง
หลังจากการยกพลขึ้นบกในนอร์มองดี เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944 เขาได้กระตุ้นให้ฮิตเลอร์เจรจาสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตร แต่เมื่อเขาถูกปฏิเสธ ว่ากันว่า เขาได้ระเบิดออกมาว่า "สงบศึกซะ ไอ้โง่" ฮิตเลอร์ได้ปลดเขาออก และแทนที่โดยจอมพลกึนเธอร์ ฟอน คลุจ
กลางเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 เขาได้รับตำแหน่งในกองบัญชาการกองทัพเยอรมันด้านตะวันตกอีกครั้งหนึ่ง เขาได้รวบรวมกองกำลังเพื่อต่อกรกับปฏิบัติการมาร์เก็ตการ์เดนอย่างรวดเร็ว และได้รับชัยชนะ เขาถูกปลดออกจากกองบัญชาการอีกครั้งหนึ่งในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1945 เนื่องจากเขาบอกกับเคย์เทลว่า ฮิตเลอร์ควรจะเจรจาสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตร ดีกว่าสู้รบในสงครามอันสิ้นหวังนี้
หลังสงคราม
ในวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 เขาถูกจับกุมตัวโดยกองพลทหารราบที่ 36 แห่งสหรัฐอเมริกา ระหว่างการถูกควบคุมตัว เขาประสบกับภาวะหัวใจขาดเลือดอีกครั้งหนึ่ง และได้ถูกนำตัวไปพิจารณาคดีที่เกาะอังกฤษ รัฐบาลอังกฤษแจ้งข้อกล่าวหาเขาในฐานะอาชญากรสงคราม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสุขภาพอันย่ำแย่ของเขา เขาจึงถูกปล่อยตัวโดยไม่มีการพิจารณาคดีในปี ค.ศ. 1948 และอาศัยอยู่ในฮานโนเฟอร์ จนกระทั่งเสียชีวิต
อ้างอิง
- Bungay, Stephen. The Most Dangerous Enemy: A History of the Battle of Britain. London: Aurum Press 2000. ISBN 1-85410-721-6(hardcover), ISBN 1-85410-801-8(paperback 2002).
- Günther Blumentritt, Von Rundstedt: The Man and the Soldier, London: Odhams Press, 1952
- B. H. Liddell Hart, The German Generals Talk, New York: William and Morrow, 1948, chap. 7
- Charles Messenger, The Last Prussian: A Biography of Field Marshal Gerd von Rundstedt, 1875-1953, London: Brassey's, 1991 ISBN 0-08-036707-0
- Schaulen, Fritjof (2005). Eichenlaubträger 1940 - 1945 Zeitgeschichte in Farbe III Radusch - Zwernemann (in German). Selent, Germany: Pour le Mérite. ISBN 3-932381-22-X.
- Ziemke, Earl, "Gerd Von Rundstedt" in Hitler's Generals, ed. Correlli Barnet, New York: Grove Weidenfeld, 1989