ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จู เต๋อ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''นายพลจูเต๋อ''' ([[Zh-all|朱德]]) ([[1 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1886|1886]]- [[6 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 1976|1976]]) ผู้นำกำลังทหารสำคัญของ[[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]]
'''นายพลจูเต๋อ''' ({{Zh-all|朱德}}) ([[1 ธันวาคม]] [[ค.ศ. 1886|1886]]- [[6 กรกฎาคม]] [[ค.ศ. 1976|1976]]) ผู้นำกำลังทหารสำคัญของ[[พรรคคอมมิวนิสต์จีน]]


== ประวัติ ==
== ประวัติ ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:33, 3 มีนาคม 2552

นายพลจูเต๋อ (จีน: 朱德) (1 ธันวาคม 1886- 6 กรกฎาคม 1976) ผู้นำกำลังทหารสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ประวัติ

จูเต๋อเกิดในครอบครัวเศรษฐี จูเต๋อเป็นผู้มีอิทธิพลเขามีลูกน้องมาก ชอบใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย แต่จูเต๋อเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาด ทำงานเก่ง จูเต๋อเป็นนักอ่านและชื่นชอบวรรณกรรมเรื่อง "ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน"


การรับราชการระยะแรก

จูเต๋อเข้าเรียนในวิทยาลัยการทหารของมณฑลยูนนาน และได้ทำงานในกองทัพบก ในปีค.ศ. 1911ดร.ซุนยัดเซ็นทำการปฏิวัติราชวงศ์ชิงจูเต๋อเข้าร่วมทำการปฏิวัติในมณฑลยูนนานด้วย ต่อมาในปี ค.ศ. 1921 เขาเป็นผู้บัญชาการตำรวจมณฑลยูนนาน และได้เป็นเจ้ากรมการคลัง และช่วงนั้น เขารับเงินใต้โต๊ะ ติดผู้หญิง สูบฝิ่น จนได้รับฉายาว่า ขุนพลขี้ยา จูเต๋อมีภรรยา 9 คน


พรรคคอมมิวนิสต์จีน

ค.ศ. 1921 จูเต๋อเริ่มศึกษาแนวคิดของลัทธิมาร์กซิสต์ จนกระทั่งจูเต๋อได้พบกับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่กำลังศึกษาและใช้แนวความคิดของมาร์กซ์ในทางการเมืองกันอยู่ แต่ไม่มีใครสนใจจูเต๋อเพราะเขาเป็นเพียงแค่ "ขุนพลขี้ยา" จูเต๋อจึงเดินทางไปศึกษาแนวคิดของลัทธิมาร์กซ์ที่ประเทศเยอรมนี ปีต่อมาค.ศ. 1922 ในประเทศเยอรมนี จูเต๋อพบกับโจวเอินไหลเขาจึงได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในที่สุด ค.ศ. 1925 จูเต๋อไปเรียนวิชาทางการทหารต่อในกรุงมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย และกลับมายังจีน แต่ฐานะของความเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับ


รัฐบาลจีนก๊กมินตั๋ง

จูเต๋อกลับไปทำงานในกองทัพของรัฐบาลจีนก๊กมินตั๋งของเจียงไคเชคเมื่อ ดร.ซุนยัดเซ็นได้ถึงแก่กรรม และขณะนั้นนายพลเจียงไคเชคดำรงตำแหน่งแม่ทัพของก๊กมินตั๋ง จูเต๋ออยู่ในฐานะของทหารของพรรคก๊กมินตั๋งได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการตำรวจ และเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนนายทหารของเมืองหนันชาง เมืองหลวงมณฑลฝูเจี้ยน


การเปลี่ยนสู่พรรคคอมมิวนิสต์จีน

ค.ศ. 1927 เกิดสงครามกลางเมือง โจวเอินไหลได้ปฏิวัติหนันชางได้จนสำเร็จ โดย จูเต๋อ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งหนันชางในขณะนั้น ได้เชิญนายทหารของพรรคก๊กมินตั๋งไปกินเลี้ยงร่ำสุรากัน และถูกกันตัวไปไหนไม่ได้ ขณะในเมืองทั้งสองฝ่ายรบกันอย่างดุเดือดถึง 4 ชั่วโมง และในที่สุดจูเต๋อและหลินเปียวได้สบทบกำลังเป็นทหารของจีนคอมมิวนิสต์อย่างเต็มตัว และ จากนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนยึดหนันชางได้เพียงสัปดาห์เดียว ทหารก๊กมินตั๋งเข้ามายึดเมืองคืนได้สำเร็จ

จูเต๋อ พร้อมด้วยหลินอี้ หลินเปียว เข้ายึดเมืองเซียนจ้าง ที่พรรคก๊กมินตั๋งปกครองอยู่ได้สำเร็จ โดยเจียงไคเชคเริ่มเห็นบทบาทของจูเต๋อมากขึ้น จึงสั่งการให้กำจัด จนในที่สุดจูเต๋อต้องล่าถอยหนีและได้พบกับเหมาเจ๋อตง ที่เขาจิงกัง ฐานที่มั่นของเหมาเจ๋อตง จูเต๋อได้รวมกำลังกับเหมาเจ๋อตงนำกองกำลังชาวนาเข้าร่วมเป็นกองกำลังจรยุทธ์ ในฤดูหนาวปี 1927-1928 เขาสามารถรวบรวมกำลังผลที่ผสมระหว่างชาวนาและกรรมกรถึง 10,000 คน โดยจูเต๋อเป็นผู้บัญชาการทหาร ส่วนเหมาเจ๋อตงเป็นประธานทางการเมือง จากนั้นเหมาเจ๋อตงกับจูเต๋อช่วยกันตีเมืองต่างๆ จนประชาชนได้เรียกทั้ง 2 คนเป็นเสียงเดียวกันว่า "จูเหมา"

ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1930 ถึงเดือนตุลาคม ค.ศ. 1933 เจียงไคเชคได้ทำการล้อมปราบคอมมิวนิสต์จีนเขาจิงกัง จนครั้งสุดท้าย เจียงไคเชคได้นำกองทหารจำนวนหนึ่งล้านคน และเครื่องบินอีก 200 ลำ เข้าล้อมปราบ และปี ค.ศ. 1934 โดยยุทธวิธีการปิดล้อมทางเศรษฐกิจของเจียงไคเชคทำให้ "จูเหมา" เสียฐานที่มั่นเขาจิงกัง

สงครามกับญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นได้บุกเข้ายึดแมนจูเรีย และเจียงไคเชคจึงยุติสงครามกลางเมืองกับ "จูเหมา" หันไปต่อต้านญี่ปุ่นแทน ด้านเหมาเจ๋อตงและจูเต๋อ ก็มุ่งเดินทัพทางไกลเพื่อไปต่อต้านญี่ปุ่นเช่นกัน

การประกาศสถาปนาจีนใหม่

ค.ศ. 1949 จูเต๋ออายุ 63 ปี ได้ยืนข้างเหมาเจ๋อตง ในฐานะ รองประธานคณะกรรมาธิการทหาร ต่อหน้าประชาชนในการประกาศสถาปนาจีนใหม่


อ้างอิง