ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ประตูเมืองนครราชสีมา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Kbambam (คุย | ส่วนร่วม)
Kbambam (คุย | ส่วนร่วม)
บรรทัด 108: บรรทัด 108:


==ดูเพิ่ม==
==ดูเพิ่ม==
* [[ประตูพระบรมมหาราชวัง]]
:* [[ประตูพระบรมมหาราชวัง]]
* [[ป้อมรอบกำแพงพระบรมมหาราชวัง]]
:* [[ป้อมรอบกำแพงพระบรมมหาราชวัง]]


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:33, 27 กันยายน 2551

ประวัติ

กำแพงเมือง และคูเมืองนครราชสีมา ในสมัยอดีต
กำแพงเมือง และคูเมืองนครราชสีมา ในสมัยอดีต

ในสมัยแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2199 - พ.ศ. 2231) ได้โปรดให้ย้ายเมืองนครราชสีมาจากท้องที่ อำเภอสูงเนินมาตั้งอยู่ในที่ตั้งปัจจุบัน โดยสร้างเมืองเป็นป้อมปราการ ในฐานะเมืองสำคัญชายพระราชอาณาเขตขึ้นใหม่ ซึ่งก็คือพื้นที่ตัวเมืองเก่าบริเวณ ภายในเขตกำแพงเมือง และ คูเมืองในปัจจจุบัน

มีพื้นที่ภายในประมาณ 1,000 ไร่ หรือ 1.60 ตารางกิโลเมตร มีนายช่างชาวฝรั่งเศสเป็นผู้วางผังเมือง ผังเมืองมีลักษณะเป็น รูปกลองชัยเภรี มีความกว้างประมาณ 1,000 เมตร (1 กิโลเมตร) ยาวประมาณ 1,700 เมตร (1.7 กิโลเมตร)โครงสร้างถนนภายในตัดกัน มีรูปแบบเป็น ตารางหมากรุก (grid pattern) ก่อสร้างกำแพงเมือง โดยก่ออิฐขึ้นจากหินศิลาแลง มีป้อมประจำกำแพง และ ป้อมตามมุมกำแพงรวม 15 ป้อม ประตูเมือง 4 ประตู พร้อมทั้งได้ทำการขุดคูล้อมรอบตัวเมือง โดยประตูเมืองทั้ง 4 เป็นทางเข้าออกเมืองทั้งสี่ทิศ [1]

บริเวณซุ้มประตูเมือง จะมีหอยามรักษาการณ์ - เชิงเทิน รูปแบบเป็นทรงไทยโบราณ ศิลปะสมัยอยุธยา หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา มีช่อฟ้าใบระกาเหมือนกันหมดทุกแห่ง มีชื่อเรียกประตูเมืองทั้ง 4 นี้ว่า

  1. ประตูชุมพล
  2. ประตูพลแสน
  3. ประตูพลล้าน
  4. ประตูไชยณรงค์

เมื่อระยะเวลาผ่านไป สิ่งก่อสร้างบางอย่างได้ถูกทำลายลง เมื่อครั้งที่ได้เกิดศึกกับเจ้าอนุวงศ์ แห่งกรุงเวียงจันทน์ ที่ได้เข้ามายึดเมืองนครราชสีมา กอร์ปกับส่วนหนึ่งถูกสภาพภูมิอากาศ และ ภัยธรรมชาติ เช่น แสงแดด ลม และ ฝน ทำลายเสียหายไปบ้าง ทำให้ทรุดโทรมลง เหลือแต่เพียง ประตูเดียวก็คือ ประตูชุมพล ที่ยังหลงเหลือโครงสร้างเดิมไว้อยู่

ประตูชุมพล

ไฟล์:20078232015441.jpg
ประตูชุมพล ก่อนการบูรณะ

ประตูชุมพล เป็นประตูเมืองด้านทิศตะวันตกของตัวเมืองนครราชสีมาเก่า เป็นประตูเมืองเพียงแห่งเดียวในบรรดาประตูเมืองทั้งหมดของเมืองนครราชสีมา ที่ยังคงสภาพเดิมอยู่พร้อมกำแพงเมืองเก่า โดยตัวเมืองปัจจุบันได้มีขยายออกไปยังพื้นที่รอบนอกไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตกของเขตเมืองเก่าเดิม ส่งผลทำให้ปัจจุบัน ประตูชุมพลจึงเหมือนตั้งอยู่กลางเมือง ต่อมาทางหน่วยราชการของจังหวัดนครราชสีมาได้สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม) แล้วนำมาประดิษฐานบนแท่นสูง ตรงบริเวณหน้าประตูชุมพล ซึ่งได้มีการถมคูเมืองทางด้านทิศตะวันตกบางส่วน เพื่อทำเป็นพื้นที่ก่อสร้าง แล้วเสร็จเมื่อปีพ.ศ. 2477 ส่วนหอยามรักษาการณ์ทรงไทย, ประตูเมือง และกำแพงเมืองโบราณที่ชำรุดทรุดโทรมพังลงไปมากนั้น ทางราชการได้บูรณะซ่อมแซม และสร้างขึ้นมาใหม่บางส่วน โดยคงไว้ซึ่งรูปแบบและศิลปะการก่อสร้างตามของเดิมไว้ทั้งหมด พร้อมกับได้อัญเชิญ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม) ทั้งหมดมาสร้างและตั้งขึ้น ณ บริเวณที่ปัจจุบัน ตราบเท่าทุกวันนี้

อนึ่ง ประตูชุมพล ทางกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2480[2]และ กำแพงเมืองโคราช ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2479[3]

ประตูพลแสน ในปี ค.ศ.1893
ประตู และกำแพงเมือง ก่อนได้รับการบูรณะ

ประตูอื่นๆ

ประตูพลแสน

เป็นประตูทางด้านทิศเหนือ เรียกกันทั่วไปว่า "ประตูน้ำ" เป็นเพราะประตูนี้หันหน้าสู่ลำตะคองซึ่งเป็นคลองกั้นคูเมืองอีกชั้นหนึ่ง ลำตะคอง เป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำมูล ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคม และการชลประทาน สำหรับชื่อประตู "พลแสน" นั้นหมายถึง ต้องมีกำลังพลถึงแสนหนึ่ง จึงจะสามารถบุกเข้ามายังประตูนี้ได้[4]

ประตูไชยณรงค์

เป็นประตูทางด้านทิศใต้ ชาวเมืองเรียกประตูนี้ว่า "ประตูผี" เนื่องจากในอดีต มีประเพณีความเชื่อว่า เมื่อมีคนตายในเมืองห้ามเผา หรือห้ามฝังไว้ในเมือง ให้ออกไปจัดการกันที่นอกเมือง โดยให้นำศพผ่านออกทางประตูนี้เพียงประตูเดียว นอกจากนั้นแล้ว ทางทิศใต้นี้ยังมีบึงใหญ่ มีชื่อเรียกว่า "หนองบัว" อีกด้วย สำหรับชื่อประตู "ไชยณรงค์" นั้น เนื่องมาตาก เมื่อยามเกิดศึกสงคราม ประตูนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ยากต่อการโจมตีของข้าศึก เพราะภูมิประเทศด้านนี้ เต็มไปด้วยหนองน้ำขนาดใหญ่ และเล็ก แต่ในปัจจุบัน หนองน้ำเหล่านั้นได้ถูกถมไปหมดแล้ว[4]

ประตูพลล้าน

เป็นประตูทางด้านตะวันออก ชาวเมืองเรียกประตูนี้ว่า "ประตูตะวันออก" หรือ "ประตูทุ่งสว่าง" แต่เดิม ทิศนี้มีบึงใหญ่ที่เรียกว่า "ทะเลหญ้าขวาง" มีพื้นที่กว้างไม่น้อยกว่า 10 ตารางกิโลเมตร ส่วนกลางเป็นบึงใหญ่ และมีพื้นที่สำหรับเลี้ยงสัตว์พาหนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "วัดทุ่งสว่าง" สำหรับชื่อประตู "พลล้าน" นั้น นัยว่าเพื่อเป็นการข่มขวัญข้าศึก ที่ถึงจะยกทัพมาสักล้าน ก็ยังต่อสู้ได้[4]

ในปัจจุบัน ประตูเมืองทั้ง 3 ประตู ได้มีการบูรณะ และ ก่อสร้างใหม่ โดยทำการรื้อถอนประตูเมืองและกำแพงเมืองเดิมที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ในลักษณะของซุ้มประตูทั้ง 3 นั้น ได้ออกแบบลักษณะเป็นศิลปะร่วมสมัย โดยยึดเค้าโครงเดิมของประตูเมือง และกำแพงเมืองแบบเดิม ทั้งนี้ในช่วงเวลาที่ก่อสร้างซุ้มประตูใหม่นั้น พื้นที่ตัวเมืองมีการขยายเพิ่มขึ้น และได้มีการขยายถนนออกไปทางประตูเมืองทั้ง 3 จากเดิมในอดีตมาก จึงทำให้การออกแบบซุ้มประตูมีความกว้างเพื่อรองรับกับการจราจรและรถยนต์ที่สัญจรเข้าออกผ่านซุ้มประตูเมืองทั้ง 3 เป็นอย่างดี

การบูรณะ และก่อสร้าง ประตูพลแสน
ประตูพลล้าน และประตูไชยณรงค์

รายละเอียดของการก่อสร้าง[5]

เมื่อ พ.ศ. 2530 นายสมบูรณ์ ไทยวัชรามาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาในขณะนั้น ได้พิจารณาเห็นว่าเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช จะทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2530 และรัฐบาลได้กำหนดให้เป็นปีเฉลิมพระเกียรติแต่พระเจ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเป็นปีท่องเที่ยวไทย สมควรจะได้ดำเนินการก่อสร้างถาวรวัตถุให้เป็นกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้จัดทำโครงการก่อสร้างกำแพงและซุ้มประตูเมืองนครราชสีมาอีก 3 ประตู ซึ่งหักพัง และถูกรื้อสูญไปแล้ว ให้มีครบทั้ง 4 ประตู ตามที่เคยมีมาตั้งแต่โบราณ

ไฟล์:1135381600.jpg
การก่อสร้างประตูเมืองขึ้นใหม่ 1 ใน 3 ประตู ปี 2530

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายความจงรักภักดีแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาศ ที่ทรงมีพระชนมายุ 60 พรรษา(5รอบ) เมื่อปี พ.ศ. 2530
  2. เพื่ออนุรักษ์โบราณสถานซึ่งเคยมีมาแต่ก่อน
  3. เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาโบราณสถาน และประวัติศาสตร์เมืองนครราชสีมาในอดีต และปัจจุบันต่อเนื่องกัน
  4. เพื่อสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสวยงามให้เกิดขึ้นแก่บ้านเมือง
  5. เพื่อสนับสนุนปีการท่องเที่ยวไทย ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ปี 2530 เป็นปีท่องเที่ยวไทย จะได้มีแหล่งท่องเที่ยวให้ชาวไทย และชาวต่างประเทศมีโอกาสได้ท่องเที่ยว
ไฟล์:ชุมพล ตะวันตก2.jpg
ประตูชุมพลในปัจจุบัน

ขั้นตอนในการก่อสร้าง

ขั้นตอนที่ 1

การคัดเลือกสถานที่ก่อสร้าง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายคัดเลือกสถานที่ขึ้น ประกอบด้วยนายเด็ดดวง สุคนธรัตน์ นายกเทศมนตรีเมืองนครราชสีมา เป็นประธาน นายสถิตย์ ภักดิ์ศรีแพง หัวหน้าฝ่ายบริหาร สำนักงานจังหวัดนครราชสีมา เป็นกรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ศึกษาและค้นคว้าประวัติ และตำนานของเมืองนครราชสีมา และกำหนดจุดก่อสร้างให้ตรงตามประวัติและสถานที่ดั่งเดิม และประสานขอใช้สถานที่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากการศึกษาของคณะกรรมการ จึงได้กำหนดจุดก่อสร้างประตูทั้งสาม ดังนี้

ไฟล์:พลแสน เหนือ.jpg
ประตูพลแสนในปัจจุบัน
  1. ก่อสร้างประตูพลแสน ที่บริเวณด้านในคูเมือง ด้านทิศเหนือ ตรงใกล้สี่แยกถนนพลแสนตัดกับถนนประจักษ์ (หน้าวัดสามัคคี)
  2. ก่อสร้างประตูไชยณรงค์ ที่บริเวณด้านในคูเมือง ด้านทิศใต้ ตรงบริเวณใกล้ห้าแยกราชนิกูล (ใกล้บริเวณตลาดสดประตูผี)
  3. ก่อสร้างประตูพลล้าน ที่บริเวณด้านในคูเมือง ด้านทิศตะวันออก ตรงใกล้สี่แยกถนนจอมพลตัดกับถนนพลล้าน (ใกล้ทางเข้าทุ่งสว่าง)

จังหวัดได้ขอใช้ที่ราชพัสดุทั้ง 3 แห่ง ในการก่อสร้าง และได้รับอนุญาตจากกรมธนารักษ์ตามหนังสือด่วนมาก ที่ กค 0507/3788 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2530 และจังหวัดได้ขอรับความเห็นจากกรมศิลปากรเกี่ยวกับจุดก่อสร้างประตูเมืองทั้ง 3 แห่ง และแบบแปลน

ไฟล์:ไชยณรงค์ ใต้.jpg
ประตูไชยณรงค์ในปัจจุบัน

ซึ่งสำนักงานโยธาธิการจังหวัดนครราชสีมาเขียนขึ้น (แบบแปลนที่ ยธ.นม.232) ตลอดจนขอทราบว่า แต่เดิมกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนประตูเมืองทั้ง 3 แห่ง เป็นโบราณสถานหรือไม่ และยินยอมให้จังหวัดนครราชสีมา ก่อสร้างประตูเมืองตามแบบแปลนที่ ยธ.นม.232 ดังกล่าวหรือไม่ กรมศิลปากรแจ้งให้ทราบว่า กรมศิลปากรมิได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานประตูเมืองทั้งสามไว้ จึงเป็นเรื่องที่อยู่ในดุลยพินิจของจังหวัดที่จะดำเนินการ (ตามหนังสือด่วนที่สุดที่ ศธ 0704/2016 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2530)

ขั้นตอนที่ 2

การออกแบบก่อสร้าง คณะกรรมการฝ่ายช่าง ซึ่งประกอบด้วย นายประชา จิตรภิรมย์ศรี โยธาธิการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธาน นายสมศักดิ์ กุลนรากร นายช่างโยธา 4 เป็นกรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่ออกแบบกำแพง และซุ้มประตูเมืองให้มีรูปลักษณะคล้ายของเดิมตามประวัติศาสตร์ โดยให้ถือประตูชุมพลเป็นแบบ คณะกรรมการฝ่ายช่างได้ออกแบบตามแบบ ยธ.นม.232 และประมาณการก่อสร้างประมาณประตูละ 1.3 ล้านบาทเศษ

ประตูพลล้านในปัจจุบัน

ขั้นตอนที่ 3

การจัดหาทุนก่อสร้าง คณะกรรมการฝ่ายจัดหาทุนก่อสร้าง ซึ่งประกอบไปด้วย นายสมบูรณ์ ไทยวัชรามาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน นายสถิตย์ ภักดิ์ศรีแพง หัวหน้าฝ่ายบริหาร สำนักงานจังหวัดนครราชสีมา เป็นกรรมการและเลขานุการ มีหน้าที่จัดหาทุนจากผู้มีจิตศรัทธาบริจาค โดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการ ผลการดำเนินการของคณะกรรมการฝ่ายจัดหาทุนก่อสร้าง ปรากฏว่า มีผู้บริจาคเงินก่อสร้าง ดังนี้

ประตูพลแสน

เดิมนายเหรียญ จึงวัฒนาภรณ์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดคิงส์ยนต์ รับบริจาคแต่ผู้เดียว แต่เนื่องจากการก่อสร้างประตูเมืองเป็นถาวรวัตถุเป็นประวัติศาสตร์ และเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลของผู้บริจาคเงินก่อสร้าง จึงมีผู้ขอร่วมบริจาคเงินก่อสร้างขึ้นในประตูนี้รวม 8 คนคือ

  • นายสมบูรณ์ ไทยวัชรามาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
  • นายเหรียญ จึงวิวัฒนาภรณ์
  • นายวิชัย เชิดชัย
  • นายบรรยง หล่อธาราประเสริฐ
  • นายมุข วงษ์ชวลิตกุล
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ภาคอีสานพาณิชย์ (ตังปัก)
  • นายประพัฒน์ อินทนากรวิวัฒน์
  • นายทศพล ตันติวงษ์
  • นายป่วยเฮียง แซ่โค้ว
ประตูพลล้าน
  • นายอาคม ไตรบัญญัติกุล เจ้าของ และผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดไทยเย็น และครอบครัว รับเป็นผู้บริจาคค่าก่อสร้างแต่เพียงผู้เดียว
ประตูไชยณรงค์
  • บริษัท เอกศิลป์ จำกัด และบริษัท เค.เค.พัฒนาก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้บริจาค

ขั้นตอนที่ 4

ขั้นตอนการก่อสร้างได้มีการแต่งตั้งกรรมการขึ้นเป็น 3 คณะ คือ คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ จากการรับจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างประตูเมืองทั้ง 3 แห่ง ปรากฏผลดังนี้

  • ประตูพลแสน ห้างหุ้นส่วนจำกัดยงประเสริฐ โดย นายประพัฒน์ อินทนากรวิวัฒน์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง
  • ประตูพลล้าน ห้างหุ้นส่วนจำกัดวรรณาวดี โดย นางชุลี เตชะธีระปรีดา เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง
  • ประตูไชยณรงค์ บริษัท เอกศิลป์ จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง

สถานที่ใกล้เคียง

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. ประวัติศาสตร์จังหวัดนครราชสีมา
  2. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กำหนดจำนวนโบราณสถานสำหรับชาติ ,เล่มที่ ๕๔, หน้า ๒๒๘๕
  3. ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กำหนดจำนวนโบราณสถานสำหรับชาติ ,เล่มที่ ๕๓, หน้า ๑๕๒๗
  4. 4.0 4.1 4.2 ประวัติจังหวัดนครราชสีมา, เมืองโคราช
  5. คัดจากหนังสือที่ระลึก เนื่องในพิธีเปิดหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่9 จังหวัดนครราชสีมา