ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จักรวรรดิจีน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ธ.ธง คนนิยม (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ธ.ธง คนนิยม (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 44: บรรทัด 44:
|image_s1 =
|image_s1 =
|image_flag1 = YuanFlag1.svg
|image_flag1 = YuanFlag1.svg
|image_flag 2 = YuanFlag2.svg
|flag = List of Chinese flags
|flag = List of Chinese flags
|flag_type = <small>Flag of Empire of China in actual use<ref name="flag">[http://www.aiplus.idv.tw/soviet/FCHINA.HTM 中國的旗幟] (Flags of China) {{zh icon}}</ref></small>
|flag_type = <small>Flag of Empire of China in actual use<ref name="flag">[http://www.aiplus.idv.tw/soviet/FCHINA.HTM 中國的旗幟] (Flags of China) {{zh icon}}</ref></small>
บรรทัด 59: บรรทัด 58:
|
|
|national_motto =
|national_motto =
|national_anthem = [[Zhong guo xiong li yu zhou jian
|national_anthem = [[Zhong guo xiong li yu zhou jian]] <br>''China heroically stands in the Universe''
]]<br>''China heroically stands in the Universe''
|common_languages = [[ภาษาจีน]], [[ภาษามองโกล]], [[ภาษาแมนจู]], [[ภาษาเติร์ก]], [[ภาษาธิเบต]]
|common_languages = [[ภาษาจีน]], [[ภาษามองโกล]], [[ภาษาแมนจู]], [[ภาษาเติร์ก]], [[ภาษาธิเบต]]
|religion = [[Chinese folk religion]]
|religion = [[Chinese folk religion]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:29, 26 กันยายน 2551

จักรวรรดิจีน

中華帝國
2458–2459
เพลงชาติZhong guo xiong li yu zhou jian
China heroically stands in the Universe
สถานะจักรพรรดิ์
เมืองหลวงปักกิ่ง
ภาษาทั่วไปภาษาจีน, ภาษามองโกล, ภาษาแมนจู, ภาษาเติร์ก, ภาษาธิเบต
ศาสนา
Chinese folk religion
การปกครองพระมหากษัตริย์
จักรพรรดิ 
• 2458-2459
จักรพรรดิ์ฮกเซียน
ประวัติศาสตร์ 
• Established
12 ธันวาคม, พ.ศ.2458 2458
• Outbreak of the National Protection War
25 ธันวาคม, พ.ศ.2458
• Abolished
22 มีนาคม, พ.ศ.2459 2459
สกุลเงินหยวน, Cash
ก่อนหน้า
ถัดไป
Beiyang Government
Beiyang Government

จักรวรรดิจีนก่อตั้งโดยราชวงศ์ฉินนำโดยฉินซื่อหวงตี้ซึ่งได้รวบรวมรัฐของจีนที่แตกออกเป็น 7 รัฐให้เป็นหนึ่งเดียวได้ ฉินซื่อหวงตี้บริหารประเทศโดยใช้ระบบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางซึ่งจักรวรรดิจีนมีอายุยืนยาวมากประมาณ 2113ปี โดยเริ่มตั้งแต่ ราชวงศ์ฉิน ราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์จิ้น ราชวงศ์สุย ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ซ่ง ราชวงศ์หยวน ราชวงศ์หมิง โดยมาสิ้นสุดที่ ราชวงศ์ชิง    

เขตแดนราชวงศ์ฉิน
เขตแดนของราชวงศ์ฮั่น
เขตแดนของราชวงศ์จิ้น
เขตแดนของราชวงศ์สุย
เขตแดนของราชวงศ์ถัง
เขตแดนราชวงศ์ซ่ง
เขตแดนราชวงศ์หยวน
ไฟล์:Map Ming-China1.jpg
เขตแดนราชวงศ์หมิง
เขตแดนราชวงศ์ชิง


การขยายอำนาจของอาณาจักรฉิน

การขยายอำนาจของอาณาจักรฮั่นสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้

ไฟล์:漢朝.jpg
เขตแดนของราชวงศ์ฮั่น
ไฟล์:W020061009632608108189.jpg
จักรพรรดิฮั่นเกาจู ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น

ราชวงศ์ฮั่นรุ่งเรืองสูงสุดในสมัยจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ พระองค์ทรงขยายดินแดนอาณาจักรฮั่นออกไปกว้างขวางจนถึงเตอร์กีสถานในรัสเซียภูมิภาคเอเชียกลาง และทำสงครามขับไล่พวกซุงหนูออกไปจากภาคเหนือของจีนได้สำเร็จ ยึดครองดินแดนแมนจูเรีย เกาหลีทางตอนเหนือ ยึดครองดินแดน หนานเยียะ(กวางตุ้งและกว่างซี)และเวียดนามตอนเหนือ

การขยายอำนาจของอาณาจักรจิ้น

เพิ่มเติมเนื้อหา

การขยายอำนาจของอาณาจักรสุย

เพิ่มเติมเนื้อหา

การขยายอำนาจของอาณาจักรถังสมัยจักรพรรดิถังไท่จง

ไฟล์:唐朝.jpg
ภาพเขตแดนราชวงศ์ถัง

ทิศเหนือรบชนะพวกเติร์กมีอำนาจเหนือมองโกเลีย

ทิศตะวันออกมีอำนาจเหนือคาบสมุทรเกาหลี

ทิศใต้มีอำนาจเหนือเวียดนาม

ทิศตะวันตกรบชนะพวกอุยเกอร์มีอำนาจเหนือซินเจียง

การขยายอำนาจของอาณาจักรซ่ง

เนื่องจากเผชิญการคุกคามจาก ทัพเหลียว ทัพซีเซี่ย และทัพจินตามลำดับ อาณาจักรซ่งจึงไม่สามารถขยายอำนาจออกไปได้เหมือนอาณาจักรฮั่นและอาณาจักรถังได้ แต่อาณาจักรซ่งก็มีแม่ทัพที่เก่งอยู่ที่ทำสงครามชนะทัพจินอันเป็นชนเผ่าป่าเถื่อนที่ชอบขยายอำนาจเข้ามายังอาณาจักรซ่ง แม่ทัพที่มีชื่อ ได้แก่ งักฮุย หานซื่อจง จางจุ้น เช่นการรบกับพวกจินในทุกๆครั้งที่ทัพของงักฮุยไม่เคยพ่ายแพ้เลย ในปี ค.ศ.1140 ภายในอาณาจักจินเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยแม่ทัพสายเหยี่ยวอย่างอูจู๋ขึ้นมามีอิทธิพลในราชสำนักจิน ส่งผลให้ในเวลาต่อมากองทัพจินยกทัพลงมารุกรานอาณาจักรซ่งใต้อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการแบ่งการเดินทัพออกเป็นหลายสาย อย่างไรก็ตามด้วยการต่อต้านอันเข้มแข็งของประชาชนและทหารซ่งทำให้สามารถยันกองทัพจินเอาไว้ได้ นอกจากนี้ด้วยความกล้าหาญและสามารถของแม่ทัพแห่งราชวงศ์ซ่งหลายต่อหลายนายอย่างเช่น หานซื่อจง (韩世忠), จางจุ้น (张俊) รวมไปถึงงักฮุย ทำให้นอกจากจะสามารถป้องกันอาณาเขตไว้ได้แล้ว กองทัพซ่งยังสามารถรุกเอาดินแดนคืนได้อีกมากมายด้วย โดยกองทัพของงักฮุยสามารถยึดเอาไช่โจว (蔡州; ปัจจุบันอยู่ในมณฑลเหอหนาน) อิ่งชาง (颍昌; ปัจจุบันอยู่ในเหอหนาน) เจิ้งโจว และลั่วหยาง คืนมาจากจินได้ โดยในเวลาต่อมากองทหารม้าของงักฮุยยังสามารถรักษาเหยี่ยนเฉิง (郾城; ปัจจุบันอยู่ในเหอหนาน) และตีกองทัพทหารม้าอันเข้มแข็งของอูจู๋เสียกระเจิงอีกด้วย โดยชัยชนะครั้งนั้นในหน้าประวัติศาสตร์จีนบันทึกเอาไว้ว่าคือ “ชัยชนะที่เหยี่ยนเฉิง (郾城大捷)”

การขยายอำนาจของอาณาจักรหยวน

มองโกล เผ่าพันธุ์ลูกหลานแห่งเจงกีสข่านผู้ยิ่งใหญ่ ชนชาติจากแผ่นดินทุ่งหญ้าอันเวิ้งว้าง นักล่าผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักขี่ม้าและนักยิงธนูตัวยง ได้เริ่มต้นประกาศแสนยานุภาพด้วยการยาตราทัพอันแข็งแกร่งบุกสู่ยุโรป ผนวกแผ่นดินซี่เซี่ยและจิน กระทั่งยึดครองลงใต้มายังราชธานีของราชวงศ์ซ่ง จนจีนต้องถึงกาลผลัดแผ่นดินอีกครั้งราชวงศ์หยวน หรือที่เรียกในนามว่าต้าหยวน (大元)เป็นมหาอาณาจักรที่ถูกสถาปนาขึ้นโดยชนชาติมองโกลที่อาศัยอยู่บนที่ราบสูงทางตอนเหนือของประเทศจีน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีชนกลุ่มน้อยสามารถเข้ายึดครองอำนาจการปกครองทั่วทั้งแผ่นดินจีนได้ ชาวมองโกลที่เชี่ยวชาญด้านการสัประยุทธ์ ไม่เพียงแต่ใช้กำลังทหารยึดครองเขตภาคกลางและพื้นที่ทางตอนใต้ของแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ของจีนเท่านั้น แต่ยังได้แผ่ขยายแสนยานุภาพควบคุมไปจนถึงเขตเอเชียตะวันตก กลางเป็นราชวงศ์ที่มีขอบเขตการปกครองที่กว้างใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีประวัติศาสตร์จีนเป็นต้นมาชนชาติมองโกล(蒙古族)จัดเป็นชนเผ่าเก่าแก่หนึ่ง ที่อาศัยการเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ในการดำรงชีวิต เนื่องจากอาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่แห้งแล้ง ทุรกันดาร มีอากาศหนาวจัด และเป็นที่ราบอันกว้างใหญ่ไพศาล ทำให้ชาวมองโกลเป็นคนที่มีความทรหดอดทน และเก่งกล้าสามารถในการขี่ม้าและยิงธนู กระทั่งช่วงศตวรรษที่ 12 ในชนเผ่ามองโกลได้บังเกิดยอดคนที่เป็นผู้นำขึ้นคนหนึ่งนามว่า เถี่ยมู่เจิน (铁木真) หรือเตมูจินที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของชนเผ่าด้วยการรวบรวมชาวมองโกลที่แตกแยกกระจัดกระจายได้สำเร็จ จนได้รับการขนานนามเป็น “เจงกิสข่าน” (成吉思汗)ในปีค.ศ. 1206ภายใต้การนำของเจงกีสข่าน ชนเผ่ามองโกลได้เติบโตและเข้มแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นกองกำลังทางเหนือของจีนที่ไม่อาจดูแคลนได้อีกต่อไป ในขณะนั้น นอกจากอาณาจักรซ่งใต้ (南宋)แล้ว ยังมีอาณาจักรซีเซี่ย(西夏) และอาณาจักรจิน(金国)ที่จัดว่าเป็นดินแดนที่มีเอกราชอธิปไตยของตนอยู่ จนกระทั่งปี 1227 เจงกิสข่านได้นำทัพเข้าพิชิตดินแดนซีเซี่ย และสิ้นพระชนม์จบชีวิตอันเกรียงไกรของตนลงในปีเดียวกันแม้ว่าเจงกิสข่านจะสิ้นชีพไปแล้ว ทว่าด้วยรากฐานที่ได้วางเอาไว้ ส่งผลให้อาณาจักรของมองโกลมิเพียงไม่ถดถอย ซ้ำยังรุดหน้าขยายแผ่นดินไปเรื่อยๆ หลังจากกลืนแผ่นดินซีเซี่ยเป็นผลสำเร็จ ก็เบนเข็มต่อมายังอาณาจักรจิน ซึ่งถือว่าเป็นรัฐกันชนระหว่างอาณาจักรซ่งใต้กับมองโกล ซึ่งในช่วงเวลานั้น ราชสำนักซ่งใต้ ได้เลือกที่จะจับมือเป็นพันธมิตรกับมองโกล จนกระทั่งในปีค.ศ. 1234 กองทัพอันเหี้ยมหาญของชนชาติที่ยิ่งใหญ่บนทุ่งหญ้า ก็สามารถพิชิตอาณาจักรจินที่กำลังเสื่อมถอยลงได้หลังจากผ่านการสืบทอดอำนาจมาหลายรุ่น จากเจงกีสข่าน มาสู่วอคั่วข่าน กุ้ยโหยวข่าน เมิ่งเกอข่าน และเมื่อมาถึงสมัยของกุบไลข่าน หรือฮูปี้เลี่ย (忽必烈) หลานของเจงกีสข่านผู้ขนานนามตนเองว่าหยวนซื่อจู่ (元世祖)ได้ยอมรับความคิดเห็นของขุนนางนามหลิวปิ่งจง, หวังเอ้อ สถาปนาราชวงศ์ต้าหยวนขึ้นในปีค.ศ. 1271 และย้ายราชธานีมาอยู่ที่ต้าตู (大都) หรือปักกิ่งในปัจจุบันโดยคำว่าหยวนมาจากคำในคัมภีร์โบราณของจีน “อี้จิง” (易经) โดยยังคงรักษาซั่งตู ให้เป็นเมืองหลวงทางตอนเหนือเอาไว้ ซึ่งเหตุการณ์นี้นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนของอาณาจักรมองโกลผู้แผ่ขยายอาณาเขตไปจนถึงเปอร์เซีย รัสเซีย ที่แต่เดิมสนใจเพียงปล้นชิงขูดรีดจากแผ่นดินจีน กลายมาเป็นถือเป็นแผ่นจีนเป็นศูนย์กลางในการปกครองอาณาจักร อีกทั้งเป็นจุดเริ่มต้นที่ผลักดันให้ปักกิ่งค่อยๆกลายเป็นแหล่งศูนย์รวมทางการปกครอง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมแม้ว่าจะมีการตั้งเมืองหลวงอยู่ในต้าตูแล้ว ทว่า ณ เวลานั้นชนชาติมองโกลยังไม่สามารถครอบครองแผ่นดินจีนทั้งหมด ด้วยปณิธานที่ต้องการจะรวบรวมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น กุบไลข่านจึงนำทัพบุกดินแดนซ่งใต้แล้วจับตัวฮ่องเต้ซ่งกงตี้กับพระมารดาไป ในห้วงเวลาดังกล่าวก็ยังมีขุนนางซ่งผู้จงรักภักดีอีกกลุ่มหนึ่งที่ต่อต้านกองทัพมองโกลอย่างกล้าหาญ ทว่าในที่สุดราชวงศ์ซ่งใต้ก็ถูกพิชิตอย่างราบคาบในปี 1279 ราชวงศ์หยวนสามารถรวมแผ่นดินจีนเป็นปึกแผ่นโดยมีอาณาเขตทางเหนือจรดแผ่นดินมองโกล ไซบีเรีย ทางใต้จรดหนันไห่ (ทะเลใต้) ตะวันตกเฉียงใต้ครอบคลุมไปถึงมณฑลหยุนหนัน (ยูนนาน) และทิเบตในปัจจุบัน ตะวันตกเฉียงเหนือไปถึงทางตะวันออกของซินเจียง (ซินเกียง) ตะวันออกเฉียงเหนือไปถึงทะเลโอคอตสค์ เป็นมหาจักรวรรดิแห่งแรกที่ครองพื้นที่ไปทั่วทั้งเอเชียและยุโรป

การขยายอำนาจของอาณาจักรต้าหมิง

เริ่มการโจมตีราชวงศ์หยวน กัวจื่อซิงเห็นแววความสามารถของเขาจึงได้ยกหม่าชิวเซียงธิดาบุญธรรมให้เป็นภรรยา ในปี พ.ศ. 1895 จูหยวนจางปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็งมีผลงานโดดเด่นกว่าผู้อื่นจึงได้รับเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็วแต่ทำให้ถูกกัวจื่อซิงกับบุตรชายระแวงอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งกัวจื่อซิงจับเขาไปขังแต่หม่าชิงเซียงกับมารดาไปอ้อนวอนขอจึงได้รับการปล่อยตัว จูหยวนจางจึงตัดสินใจพาภรรยากลับไปอยู่ที่ตำบลจงหลีบ้านเกิดและได้ชักชวนเพื่อนในวัยเยาว์กับคนอื่นๆ จัดตั้งกองกำลังเป็นของตนเอง จาก 700 คนก็เพิ่มจำนวนมากกว่า 20,000 คนภายในระยะเวลา 2 ปีพ.ศ. 1898 (ค.ศ. 1355) ฉีโจวหวางหรือกัวจื่อซิงพ่อตาของเขาสิ้นพระชนม์ลง บุตรชายทั้งสองไม่มีความสามารถพอ จูหยวนจางจึงได้ขึ้นเป็นผู้นำกองกำลังแทน พ.ศ. 1899 (ค.ศ. 1356) จูหยวนจางยกกำลังบุกเมืองจี้ซิงเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองอิ้งเทียน ( ปัจจุบันคือเมืองหนานจิง ) ใช้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการทยอยกำจัดกลุ่มอำนาจอื่นๆ ที่ตั้งตัวเป็นอิสระเช่นกัน พร้อมกับใช้คำสั่ง สามไม่ คือ ไม่เผาบ้าน ไม่ฆ่าคน ไม่ปล้นชิง ทำให้ชาวเมืองอื่นๆ ต่างพากันยินยอมอย่างง่ายดาย พ.ศ. 1907 (ค.ศ. 1364) สถาปนาตนเองขึ้นเป็นหวู่หวาง ปกครองดินแดนแถบใต้แม่น้ำฉางเจียง

การขยายอำนาจของอาณาจักรชิง

เพิ่มเติมเนื้อหา

แม่แบบ:Link FA

  1. 中國的旗幟 (Flags of China) (จีน)