ผลต่างระหว่างรุ่นของ "หม่อมราชวงศ์เทวาธิราช ป. มาลากุล"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ธนูเทพ (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
BotKung (คุย | ส่วนร่วม)
เก็บกวาดบทความด้วยบอต
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{เรซูเม}}
{{เรซูเม}}
'''พระยาเทวาธิราช''' นามเดิม หม่อมราชวงศ์โป้ย ( ภายหลังใช้นามว่า ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล จนอนิจกรรม ) เกิดในราชสกุล มาลากุล เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2432 ณ วังซึ่งเป็นที่ทำการ[[กรมศิลปากร]] ในบัดนี้ เป็นโอรสของ พลเรือโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ และ หม่อมสุ่น มีพี่น้องร่วมพระบิดา ดังรายนามต่อไปนี้
'''พระยาเทวาธิราช''' นามเดิม หม่อมราชวงศ์โป้ย ( ภายหลังใช้นามว่า ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล จนอนิจกรรม ) เกิดในราชสกุล มาลากุล เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 ณ วังซึ่งเป็นที่ทำการ[[กรมศิลปากร]] ในบัดนี้ เป็นโอรสของ พลเรือโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ และ หม่อมสุ่น มีพี่น้องร่วมพระบิดา ดังรายนามต่อไปนี้
*[[เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี]] ( ม.ร.ว.เปีย มาลากุล )
*[[เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี]] ( ม.ร.ว.เปีย มาลากุล )
*เจ้าจอม ม.ร.ว.แป้น มาลากุล
*เจ้าจอม ม.ร.ว.แป้น มาลากุล
บรรทัด 24: บรรทัด 24:
ทั้งหมดนี้นับเป็นนักเรียนญี่ปุ่น รุ่นแรก ของประเทศไทย
ทั้งหมดนี้นับเป็นนักเรียนญี่ปุ่น รุ่นแรก ของประเทศไทย


เมื่อเรียนสำเร็จแล้ว เดินทางกลับมาประเทศไทยในปลายรัชกาลที่ 5 เริ่มฝึกราชการในกรมพระราชพิธี [[กระทรวงวัง]] จนถึง พ.ศ.2453 ในรัชกาลที่ 6 จึงได้รับราชการ ทรงพระกรุณาฯพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น จมื่นศิริวังรัตน์ ตำแหน่งกรมวังในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และรับราชการเรื่อยมามีความเจริญโดยลำดับ จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "พระยาเทวาธิราช" ในที่สุด
เมื่อเรียนสำเร็จแล้ว เดินทางกลับมาประเทศไทยในปลายรัชกาลที่ 5 เริ่มฝึกราชการในกรมพระราชพิธี [[กระทรวงวัง]] จนถึง พ.ศ. 2453 ในรัชกาลที่ 6 จึงได้รับราชการ ทรงพระกรุณาฯพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น จมื่นศิริวังรัตน์ ตำแหน่งกรมวังในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และรับราชการเรื่อยมามีความเจริญโดยลำดับ จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "พระยาเทวาธิราช" ในที่สุด


ได้รับราชการโดยลำดับ ดังนี้
ได้รับราชการโดยลำดับ ดังนี้
*พ.ศ.2453 เป็นเจ้ากรมพระตำรวจ ในราชสำนักสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
*พ.ศ. 2453 เป็นเจ้ากรมพระตำรวจ ในราชสำนักสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
*พ.ศ.2463 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี ในกระทรวงวัง
*พ.ศ. 2463 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี ในกระทรวงวัง
*พ.ศ.2470 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี และ เจ้ากรมกรมวัง ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
*พ.ศ. 2470 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี และ เจ้ากรมกรมวัง ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
*พ.ศ.2471 เป็นสมุหพระราชพิธี
*พ.ศ. 2471 เป็นสมุหพระราชพิธี
*พ.ศ.2476 เป็นสมุหพระราชพิธี และทำการในตำแหน่งเจ้ากรม กองพระราชพิธี
*พ.ศ. 2476 เป็นสมุหพระราชพิธี และทำการในตำแหน่งเจ้ากรม กองพระราชพิธี
*พ.ศ.2478 เป็นหัวหน้ากองวัง และ พระราชพิธี สำนักพระราชวัง
*พ.ศ. 2478 เป็นหัวหน้ากองวัง และ พระราชพิธี สำนักพระราชวัง
*พ.ศ.2479 เป็นสมุหพระราชพิธี กรรมการพระราชวัง เพื่อปรึกษากิจการพระราชสำนัก
*พ.ศ. 2479 เป็นสมุหพระราชพิธี กรรมการพระราชวัง เพื่อปรึกษากิจการพระราชสำนัก
*พ.ศ.2486 เป็นข้าราชการพลเรื่อนในพระองค์ชั้นพิเศษ
*พ.ศ. 2486 เป็นข้าราชการพลเรื่อนในพระองค์ชั้นพิเศษ
*พ.ศ.2492 เป็นสมุหพระราชพิธี และที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง
*พ.ศ. 2492 เป็นสมุหพระราชพิธี และที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง


ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เกือบครึ่งชีวิตในเวลาราชการ ของพระยาเทวาธิราช ท่านได้ครองตำแหน่งสมุหพระราชพิธี ยาวนานถึง 3 แผ่นดิน ตราบจนเกษียณอายุ ออกรับพระราชทานบำนาญ เมื่อ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2501 รวมอายุเวลาราชการ 47 ปี 6 เดือน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถและรอบรู้ในเรื่องพิธีการในพระราชสำนัก อันจะหาผู้เสมอได้ยาก ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ , ปถมาภรณ์ช้างเผือก , ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ , และเหรียญรัตนาภรณ์ ในรัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเกียรติยศ
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เกือบครึ่งชีวิตในเวลาราชการ ของพระยาเทวาธิราช ท่านได้ครองตำแหน่งสมุหพระราชพิธี ยาวนานถึง 3 แผ่นดิน ตราบจนเกษียณอายุ ออกรับพระราชทานบำนาญ เมื่อ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2501 รวมอายุเวลาราชการ 47 ปี 6 เดือน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถและรอบรู้ในเรื่องพิธีการในพระราชสำนัก อันจะหาผู้เสมอได้ยาก ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ , ปถมาภรณ์ช้างเผือก , ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ , และเหรียญรัตนาภรณ์ ในรัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเกียรติยศ


และมีราชการพิเศษ ดังนี้
และมีราชการพิเศษ ดังนี้
*พ.ศ.2478 เป็นประธานกรรมการปรึกษากิจการระหว่างพระราชสำนัก และ กรมศิลปากร
*พ.ศ. 2478 เป็นประธานกรรมการปรึกษากิจการระหว่างพระราชสำนัก และ กรมศิลปากร
*พ.ศ.2478 เป็นกรรมการสอบแข่งขันส่งนักเรียนไปต่างประเทศ
*พ.ศ. 2478 เป็นกรรมการสอบแข่งขันส่งนักเรียนไปต่างประเทศ
*พ.ศ.2478 เป็นกรรมการพิจารณาทรัพย์สิน สำนักพระราชวัง และ กรรมการพิจารณาหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา
*พ.ศ. 2478 เป็นกรรมการพิจารณาทรัพย์สิน สำนักพระราชวัง และ กรรมการพิจารณาหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา
*พ.ศ.2485 เป็นกรรมการชำระปทานุกรม
*พ.ศ. 2485 เป็นกรรมการชำระปทานุกรม
*พ.ศ.2486 เป็นกรรมการที่ปรึกษาวัฒนธรรม เรื่อง ชีวิตในบ้าน
*พ.ศ. 2486 เป็นกรรมการที่ปรึกษาวัฒนธรรม เรื่อง ชีวิตในบ้าน
*พ.ศ.2490 เป็นกรรมการสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ
*พ.ศ. 2490 เป็นกรรมการสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ
*พ.ศ.2491 เป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ
*พ.ศ. 2491 เป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ
*พ.ศ.2495 เป็นประธานกรรมการดำเนินงานพระเมรุ พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรทร
*พ.ศ. 2495 เป็นประธานกรรมการดำเนินงานพระเมรุ พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรทร
*พ.ศ.2496 เป็นประธานกรรมการพิจารณาจัดวางแผนผังดัดแปลง และ ซ่อมทำพระราชฐาน
*พ.ศ. 2496 เป็นประธานกรรมการพิจารณาจัดวางแผนผังดัดแปลง และ ซ่อมทำพระราชฐาน


ในราชการพิเศษที่ได้กล่าวมานี้ ที่สำคัญที่สุด คือ ในปี พ.ศ.2493 ได้เป็นผู้อำนวยการ งานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และ งานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเทียร ได้มีโอกาสถวายน้ำจากพระเต้าแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วย
ในราชการพิเศษที่ได้กล่าวมานี้ ที่สำคัญที่สุด คือ ในปี พ.ศ. 2493 ได้เป็นผู้อำนวยการ งานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และ งานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเทียร ได้มีโอกาสถวายน้ำจากพระเต้าแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วย


นอกจากหน้าที่ในพระราชสำนักแล้ว ยามว่าง พระยาเทวาธิราช จะเพลิดเพลินอยู่กับการสะสมวัตถุโบราณ และ หาความรู้ในหนังสือ จากห้องสมุด ภายในบ้านของท่าน ซึ่งได้รับพระราชทานจาก[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ที่ถนนประแจจีน ( บ้านเลขที่ 408 สี่แยกราชเทวี ถนนเพชรบุรี ในปัจจุบัน )และเขียนบทความสารคดีต่างๆ เกี่ยวกับประเพณีทั้งใน-นอกวัง อาทิ
นอกจากหน้าที่ในพระราชสำนักแล้ว ยามว่าง พระยาเทวาธิราช จะเพลิดเพลินอยู่กับการสะสมวัตถุโบราณ และ หาความรู้ในหนังสือ จากห้องสมุด ภายในบ้านของท่าน ซึ่งได้รับพระราชทานจาก[[พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ที่ถนนประแจจีน ( บ้านเลขที่ 408 สี่แยกราชเทวี ถนนเพชรบุรี ในปัจจุบัน )และเขียนบทความสารคดีต่างๆ เกี่ยวกับประเพณีทั้งใน-นอกวัง อาทิ
บรรทัด 69: บรรทัด 69:
==ครอบครัว==
==ครอบครัว==


ในปี พ.ศ.2458 ท่านได้ทำการสมรส กับ คุณหญิงเผื่อน มาลากุล (สกุลเดิม บุนนาค) มีบุตร-ธิดา รวม 9 ท่าน คือ
ในปี พ.ศ. 2458 ท่านได้ทำการสมรส กับ คุณหญิงเผื่อน มาลากุล (สกุลเดิม บุนนาค) มีบุตร-ธิดา รวม 9 ท่าน คือ
*ม.ล.ปุณฑริก ชุมสาย
*ม.ล.ปุณฑริก ชุมสาย
*ม.ล.ปัณยา มาลากุล
*ม.ล.ปัณยา มาลากุล
บรรทัด 80: บรรทัด 80:
*ม.ล.โปรพ มาลากุล
*ม.ล.โปรพ มาลากุล


บั้นปลายชีวิต พระยาเทวาธิราช หรือ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ป่วยเป็น[[โรคมะเร็ง]] ได้ทำการรักษาเรื่อยมา อาการมีแต่ทรงและทรุด จนในที่สุด ก็ถึงอนิจกรรม ณ [[โรงพยาบาลศิริราช]] เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2510 สิริรวมอายุได้ 78 ปี
บั้นปลายชีวิต พระยาเทวาธิราช หรือ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ป่วยเป็น[[โรคมะเร็ง]] ได้ทำการรักษาเรื่อยมา อาการมีแต่ทรงและทรุด จนในที่สุด ก็ถึงอนิจกรรม ณ [[โรงพยาบาลศิริราช]] เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 สิริรวมอายุได้ 78 ปี


==อ้างอิง==
==อ้างอิง==
*ปกิณกะ ของ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ( พิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2510 )
*ปกิณกะ ของ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ( พิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2510 )


[[หมวดหมู่:ราชสกุลมาลากุล]]
[[หมวดหมู่:ราชสกุลมาลากุล]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:46, 29 กรกฎาคม 2551

พระยาเทวาธิราช นามเดิม หม่อมราชวงศ์โป้ย ( ภายหลังใช้นามว่า ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล จนอนิจกรรม ) เกิดในราชสกุล มาลากุล เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2432 ณ วังซึ่งเป็นที่ทำการกรมศิลปากร ในบัดนี้ เป็นโอรสของ พลเรือโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ กรมหมื่นปราบปรปักษ์ และ หม่อมสุ่น มีพี่น้องร่วมพระบิดา ดังรายนามต่อไปนี้

ในวัยเยาว์ พระบิดาได้ถวายตัวพร้อมกับพี่น้องทั้งหมด ให้อยู่ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในพระบรมมหาราชวัง ได้ทรงพระกรุณาฯ ส่งไปศึกษาในขั้นแรก ที่โรงเรียนราชวิทยาลัย และต่อมา ที่ Higher Technological School ณ ประเทศญี่ปุ่น โดยส่งไปพร้อมกับบุคคล ดังมีรายพระนาม และ รายนามต่อไปนี้

  • ม.จ.พงษ์ภูวนารถ ทวีวงศ์ ในกรมหมื่นภูธเรศธำรงศํกดิ์
  • ม.ร.ว.โป้ย มาลากุล
  • นายเจริญ สวัสดิ-ชูโต ( ภายหลังเป็น พระยานรเทพปรีดา )
  • นายเสริม ภูมิรัตน ( ภายหลังเป็น หลวงประภาศโกศัยวิทย์ )
  • นางสาวขจร ( ท่านผู้หญิงขจร ภะรตราชา )
  • นางสาวพิศ ( นางประภาศโกศัยวิทย์ พิศ ภูมิรัตน )
  • นางสาวนวล
  • นางสาวหลี ( คุณศรีนาฏ บูรณะฤกษ์ )

ทั้งหมดนี้นับเป็นนักเรียนญี่ปุ่น รุ่นแรก ของประเทศไทย

เมื่อเรียนสำเร็จแล้ว เดินทางกลับมาประเทศไทยในปลายรัชกาลที่ 5 เริ่มฝึกราชการในกรมพระราชพิธี กระทรวงวัง จนถึง พ.ศ. 2453 ในรัชกาลที่ 6 จึงได้รับราชการ ทรงพระกรุณาฯพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น จมื่นศิริวังรัตน์ ตำแหน่งกรมวังในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และรับราชการเรื่อยมามีความเจริญโดยลำดับ จนได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "พระยาเทวาธิราช" ในที่สุด

ได้รับราชการโดยลำดับ ดังนี้

  • พ.ศ. 2453 เป็นเจ้ากรมพระตำรวจ ในราชสำนักสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
  • พ.ศ. 2463 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี ในกระทรวงวัง
  • พ.ศ. 2470 เป็นผู้ช่วยสมุหพระราชพิธี และ เจ้ากรมกรมวัง ในสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
  • พ.ศ. 2471 เป็นสมุหพระราชพิธี
  • พ.ศ. 2476 เป็นสมุหพระราชพิธี และทำการในตำแหน่งเจ้ากรม กองพระราชพิธี
  • พ.ศ. 2478 เป็นหัวหน้ากองวัง และ พระราชพิธี สำนักพระราชวัง
  • พ.ศ. 2479 เป็นสมุหพระราชพิธี กรรมการพระราชวัง เพื่อปรึกษากิจการพระราชสำนัก
  • พ.ศ. 2486 เป็นข้าราชการพลเรื่อนในพระองค์ชั้นพิเศษ
  • พ.ศ. 2492 เป็นสมุหพระราชพิธี และที่ปรึกษาสำนักพระราชวัง

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า เกือบครึ่งชีวิตในเวลาราชการ ของพระยาเทวาธิราช ท่านได้ครองตำแหน่งสมุหพระราชพิธี ยาวนานถึง 3 แผ่นดิน ตราบจนเกษียณอายุ ออกรับพระราชทานบำนาญ เมื่อ เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2501 รวมอายุเวลาราชการ 47 ปี 6 เดือน เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถและรอบรู้ในเรื่องพิธีการในพระราชสำนัก อันจะหาผู้เสมอได้ยาก ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มหาวชิรมงกุฎ , ปถมาภรณ์ช้างเผือก , ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ , และเหรียญรัตนาภรณ์ ในรัชกาลที่ 6-7-8-9 เป็นเกียรติยศ

และมีราชการพิเศษ ดังนี้

  • พ.ศ. 2478 เป็นประธานกรรมการปรึกษากิจการระหว่างพระราชสำนัก และ กรมศิลปากร
  • พ.ศ. 2478 เป็นกรรมการสอบแข่งขันส่งนักเรียนไปต่างประเทศ
  • พ.ศ. 2478 เป็นกรรมการพิจารณาทรัพย์สิน สำนักพระราชวัง และ กรรมการพิจารณาหลักสูตรประถมและมัธยมศึกษา
  • พ.ศ. 2485 เป็นกรรมการชำระปทานุกรม
  • พ.ศ. 2486 เป็นกรรมการที่ปรึกษาวัฒนธรรม เรื่อง ชีวิตในบ้าน
  • พ.ศ. 2490 เป็นกรรมการสภาการพิพิธภัณฑ์ระหว่างชาติ
  • พ.ศ. 2491 เป็นกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ
  • พ.ศ. 2495 เป็นประธานกรรมการดำเนินงานพระเมรุ พระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรทร
  • พ.ศ. 2496 เป็นประธานกรรมการพิจารณาจัดวางแผนผังดัดแปลง และ ซ่อมทำพระราชฐาน

ในราชการพิเศษที่ได้กล่าวมานี้ ที่สำคัญที่สุด คือ ในปี พ.ศ. 2493 ได้เป็นผู้อำนวยการ งานพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และ งานพระราชพิธีเฉลิมพระราชมณเทียร ได้มีโอกาสถวายน้ำจากพระเต้าแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วย

นอกจากหน้าที่ในพระราชสำนักแล้ว ยามว่าง พระยาเทวาธิราช จะเพลิดเพลินอยู่กับการสะสมวัตถุโบราณ และ หาความรู้ในหนังสือ จากห้องสมุด ภายในบ้านของท่าน ซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ถนนประแจจีน ( บ้านเลขที่ 408 สี่แยกราชเทวี ถนนเพชรบุรี ในปัจจุบัน )และเขียนบทความสารคดีต่างๆ เกี่ยวกับประเพณีทั้งใน-นอกวัง อาทิ

  • ราชาภิสดุดี
  • ประเพณีวัง
  • เจ้า
  • เบญจราชกกุธภัณฑ์ และ ราชูปโภค
  • วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
  • ประเพณีการสมรส
  • เรื่องเรือนหอ
  • เพชร-พลอย
  • เครื่องประดับของไทย
  • ช่าง 10 หมู่
  • บทสนทนา เรื่อง "เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์" ฯลฯ

ที่สำคัญที่สุด คือได้รับพระเมตตา จากสมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ให้เขียนจดหมายทูลถามความรู้ โต้ตอบกับพระองค์ท่าน เป็นเวลาหลายปี ซึ่งมีบุคคลเพียงไม่กี่ท่าน ที่จะได้รับพระเมตตาเช่นนี้ นอกจากการแสวงหาความรู้จากหนังสือแล้ว พระยาเทวาธิราช ยังมีความสามารถในการถ่ายภาพนิ่ง และ ภาพยนตร์ ภายในตึกของท่านจะมีห้องสำหรับล้างฟิล์ม และห้องฉายภาพยนตร์ด้วย เรื่องที่ท่านกำกับ มีอาทิ เจ้าหญิงกุณฑลทิพย์ ฯลฯ

ครอบครัว

ในปี พ.ศ. 2458 ท่านได้ทำการสมรส กับ คุณหญิงเผื่อน มาลากุล (สกุลเดิม บุนนาค) มีบุตร-ธิดา รวม 9 ท่าน คือ

  • ม.ล.ปุณฑริก ชุมสาย
  • ม.ล.ปัณยา มาลากุล
  • ม.ล.ปิลันธน์ มาลากุล
  • ม.ล.ปานีย์ เพชรไทย
  • ม.ล.ปฤศนี ศรีศุภอรรถ
  • ม.ล.ปัทมาวดี มาลากุล
  • ม.ล.ปารวดี กันภัย
  • ม.ล.ปราลี ประสมทรัพย์
  • ม.ล.โปรพ มาลากุล

บั้นปลายชีวิต พระยาเทวาธิราช หรือ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ได้ทำการรักษาเรื่อยมา อาการมีแต่ทรงและทรุด จนในที่สุด ก็ถึงอนิจกรรม ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 สิริรวมอายุได้ 78 ปี

อ้างอิง

  • ปกิณกะ ของ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ( พิมพ์เป็นอนุสรณ์ ในงานพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ พระราชทานเพลิงศพ ม.ร.ว.เทวาธิราช ป.มาลากุล ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2510 )