ผลต่างระหว่างรุ่นของ "สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 ซิธชำระแค้น"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Sli20Tw7N96mrv (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Sli20Tw7N96mrv (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{รอการตรวจสอบ}}
{{รอการตรวจสอบ}}
{{กล่องข้อมูล ภาพยนตร์
{{กล่องข้อมูล ภาพยนตร์
|ชื่อ = สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 : ซิธชำระแค้น<br>Star Wars Episode III: Revenge of the Sith
|ภาพ = [[ภาพ:Star wars episode three poster2.jpg|200px]]
|ภาพ = Star wars episode three poster2.jpg
|ชื่อ = สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3<br>ซิธชำระแค้น
|ชื่อภาษาเดิม = Star Wars Episode III: Revenge of the Sith
|คำบรรยาย = ภาพใบปิดภาพยนตร์
|คำบรรยาย = ภาพใบปิดภาพยนตร์
|ผู้กำกับ = [[จอร์จ ลูคัส]]
|ผู้กำกับ = [[จอร์จ ลูคัส]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:47, 15 กรกฎาคม 2551

สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 : ซิธชำระแค้น
Star Wars Episode III: Revenge of the Sith
ข้อมูลจาก All Movie Guide
ข้อมูลจาก IMDb
ข้อมูลจากสยามโซน

สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 : ซิธชำระแค้น (Star Wars Episode III: Revenge of the Sith) เป็นตอนที่สามในภาพยนตร์ชุดสตาร์ วอร์ส (แต่สร้างเป็นลำดับที่ 6) เริ่มฉายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 จัดจำหน่ายโดย 20th Century Fox กำกับและเขียนบทภาพยนตร์โดยจอร์จ ลูคัส

ข้อความเปิดเรื่อง

Episode III
REVENGE OF THE SITH
War! The Republic is crumbling
under attacks by the ruthless
Sith Lord, Count Dooku.
There are heroes on both sides.
Evil is everywhere.
In a stunning move, the
fiendish droid leader, General
Grievous, has swept into the
Republic capital and kidnapped
Chancellor Palpatine, leader of
the Galactic Senate.
As the Separatist Droid Army
attempts to flee the besieged
capital with their valuable
hostage, two Jedi Knights lead a
desperate mission to rescue the
captive Chancellor....

เนื้อเรื่อง

สงครามเหนือน่านฟ้าคอรัสซัง

ไฟล์:01724.jpeg
สงครามที่คอรัสซังค์

ความสนุกเพิ่งจะเริ่มต้น!

— อนาคิน สกายวอล์คเกอร์, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 : ซิธชำระแค้น

3 ปีหลังจากเหตุการณ์ในกองทัพโคลนส์จู่โจม สาธารณรัฐตกอยู่ในวงล้อมของสงครามแห่งยุคโดยฝ่ายแบ่งแยกดินแดนภายใต้ผู้นำของซิธลอร์ด เคานท์ ดูกู และหัวหน้าทางการทหารที่เป็นไซบอร์กของฝ่ายแบ่งแยกดินแดนนายพลกรีวัส(Grevious) แห่งกองทัพดรอยด์ได้แทรกซึมเข้าสู่คอรัสซานท์ (Coruscant)และจับตัวสมุหนายกพัลพาทีน (Palpatine) ซึ่งเป็นผู้นำของวุฒิสมาชิกแห่งกาแลคติก

ในขณะที่พวกดรอยด์พยายามหลบหนีออกจากคอรัสซานท์มหาสงครามอวกาศก็ระเบิดขึ้น อัศวินเจไดอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ (Anakin Skywalker)และอาจารย์เจไดโอบีวัน เคโนบี (Obi-wan Kenobi) กำลังปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยเหลือสมุหนายก เจไดสู้ตะลุยกองยานของฝ่ายแบ่งแยก ขณะปฏิบัติภารกิจยานของโอบีวันก็ถูกโจมตีโดยบัซดรอยด์และดรอยด์ของเขาอาร์โฟร์-พีวันเซเว่นก็ถูกทำลาย อนาคินพยายามที่จะยิงดรอยด์ให้ออกไปจากยาน ที่สำเร็จเห็นจะมีแต่การยิงให้ที่ทำให้ส่วนปีกยานของอาจารย์ตนเองหลุดออกไปเท่านั้น อนาคินต้องการที่จะช่วยโอบีวันอย่างถึงที่สุด ด้วยความช่วยเหลือจากอาร์ทูดีทูเจไดทั้งสองก็ลงจอดลงบนยานธงของฝ่ายแบ่งแยกดินแดน "อินวิซิเบิล แฮนด์" (Invisible Hand) ได้อย่างปลอดภัย

หลังจากอนาคินและโอบีวันฝ่าไปถึงยานธงได้สำเร็จ ขณะที่ทั้ง 2 กำลังต่อสู้กับกองทัพดรอยด์ อาร์ทูดีทูก็ช่วยเหลือพวกเขาจากโรงจอดยานพร้อมกับปกป้องตนเองจากพวกดรอยด์ไปด้วย

อาร์ทูดีทูทำลายดรอยด์โดยทำให้พวกมันลุกเป็นไฟ

ช่วยชีวิตสมุหนายก

ข้ารู้สึกถึงความกลัวอย่างยิ่งในตัวเจ้า สกายวอล์คเกอร์ เจ้าเกลียด เจ้าโกรธ แต่เจ้าไม่ใช้มัน

— ดูกูบอกอนาคิน สกายวอล์คเกอร์, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 : ซิธชำระแค้น

เจไดได้พบตัวสมุหนายกพัลพาทีนที่ถูกจับในห้องโถงใหญ่ แต่ในระหว่างนั้นพวกเขาได้เผชิญหน้ากับเคาท์นดูกูด้วยตัวพวกเขาเอง และการต่อสู้ด้วยกระบี่แสงก็เริ่มต้นขึ้น ขณะทำการต่อสู้โอบีวันก็หมดสติเมื่อดูกูใช้พลังยึดเขาไว้กลางอากาศก่อนที่จะเหวี่ยงเขาไปชนกับราว

ไฟล์:Dooku force.JPG
ดูกูโจมตีโอบีวันด้วยพลัง

อนาคินต้องสู้ต่อไป แต่สุดท้ายก็ชนะการต่อสู้ด้วยความโกรธของเขาเอง โดยตัดมือทั้งสองข้างของดูกูออกและหยิบกระบี่แสงของซิธลอร์ด โดยพัลพาทีนที่มองดูเหตุการณ์อยู่ได้เห็นว่าดูกูหมดประโยชน์แล้ว และอยากจะให้อนาคินเป็นลูกศิษย์แทนดูกูเนื่องจากอนาคินมีความสามารถมากกว่า จึงแกล้งยั่วยุให้อนาคินฆ่าดูกูซะ โดยกล่าวว่าดูกูได้ตัดแขนของอนาคิน เป็นธรรมดาที่จะแก้แค้น ด้วยความโกรธและความยั่วยุจากพัลพาทีนอนาคินจึงฆ่าดูกูทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่วิถีของเจได

ด้วยการระเบิดจากภายในของยานจากการโจมตีของยานพิฆาตดารา วีเนเตอร์-คลาสกัวอาลารา(Guarlara) ทำให้ "อินวินซิเบิล แฮนด์" ไม่สามารถควบคุมได้และเข้าสู่บรรยากาศของคอรัสซานท์ แม้ว่าพัลพาทีนจะเชื้อชวนให้อนาคินทิ้งโอบีวันไว้ อนาคินก็ยังแบกเอาโอบีวันที่หมดสติขึ้นบนหลังและพยายามหาทางออกจากยานกับสมุหนายก

เผชิญหน้ากับนายพลกรีวัส

ไฟล์:Generalgrevious.jpg
นายพลกรีวัสอยู่บนสะพานเดินเรือบนยานธงของเขาใน อินวิซิเบิล แฮนด์

หลังจากกรีวัสสั่งการลูกเรือให้ควบคุมยานด้วยการเปิดเครื่องแรงดันฉุกเฉิน เขาก็ได้กักตัวเจไดและสมุหนายกไว้ด้วยกับดักเกราะแสง ทำให้ทั้งสามต้องถูกพาไปที่สะพานเดินเรือภายใต้การอารักขา แต่อาร์ทูก็สามารถหันเหความสนใจของนายพลกรีวัส ทำให้เจไดสามารถแก้สถานะการณ์ได้ และได้กระบี่แสงคืนมาและเป็นอิสระ

จากนั้นกรีวัสก็ส่งไอจี-100 แมคนาการ์ดของเขาที่ทรงพลังไปต่อกรกับเจได โอบีวันรีบตัดหัวของไอจี-101ด้วยดาบของเขาในทันที แต่ดรอยด์ก็ยังสู้ต่อได้อีก โอบีวันต้องตัดตัวของมันออกเป็นครึ่งถึงจะหยุดมันได้ อนาคินเอาชนะไอจี-102และทำลายดรอยด์รบ(Battle Droids) ที่จะลากพัลพาทีนออกจากสะพานเดินเรือ เจไดเข้าใกล้กรีวัสในที่สุดแต่นายพลใช้แผนเจ้าเล่ห์โดยการทำให้กระจกหน้าต่างแตก ทำให้อากาศภายในยานถูกดูดออกไปทำให้กรีวัสสามารถหลบหนีออกไปได้ ด้วยการใช้เคเบิลกรีวัสดึงตัวเขาเข้ายานแล้วหนีไปที่ยานนิรภัย โดยในตอนนี้ยานธงได้รับความเสียหายหนักทำให้ยานเริ่มตกลงไปในคอรัสซานท์ แต่ในที่สุดอนาคินก็เข้าควบคุมและร่อนมันจนลงถึงพื้นได้อย่างทุลักทุเล และสามารถลงจอดบนที่ลงจอดแห่งหนึ่งบนคอรัสซานท์

การพบกันใหม่อีกครั้ง

ลงจอดสวยงามอีกครั้ง

— โอบี-วัน เคนโนบี, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 : ซิธชำระแค้น

ณ คอรัสซัง อนาคินได้รับการยกย่องจากการกระทำอย่างวีรบุรุษของเขา เขาพบกับแพดเม่ อมิดาล่า(Padme Amidala)อย่างลับๆ และพวกเขาก็แบ่งปันจุมพิตของพวกเขาในเงามืดของอาคารแผนกบริหารของสาธารณรัฐ(Republic Executive Building) ซึ่งเพดเม่ได้บอกเรื่องน่าตื่นใจกับเขาว่าเธอได้ตั้งครรภ์ ในคืนวันนั้นอนาคินก็ตื่นขึ้นกลางดึกด้วยความตกใจ เขาบอกแพดเม่ว่าเขาได้ฝันถึงเธอกำลังจะตายตอนคลอดเด็กและคำสาบานของเขาคือเขาจะไม่ปล่อยให้ฝันนั้นเป็นจริง

สมุหนายกพัลพาทีนขออนาคินให้เข้าพบเขาและพวกเขาพบกันที่ห้องทำงานของสมุหนายก วุฒิสภาได้มอบอำนาจฉุกเฉินให้กับเขาทำให้เขาสามารถควบคุมสภาสูงเจได(Jedi High Council)โดยตรง พัลพาทีนไว้ใจในตัวอนาคิน จากความกลัวของอนาคิน, ความไม่ไว้ใจ, และความดูถูกจากอาจารย์หลายคน พัลพาทีนได้แต่งตั้งอนาคินให้เป็นผู้แทนส่วนตัวของเขาในสภา

ไฟล์:Councilep3.jpg
สภาสูงเจได

สภาสูงเริ่มเคลือบแคลงใจในการเลื่อนตำแหน่งของอนาคิน แต่สุดท้ายสภาเจไดก็ไม่ได้ยกตำแหน่งอาจารย์ให้กับอนาคิน ทำให้อนาคินแสดงอาการโมโหเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยิน สภาเจไดดำเนินการหารือเกี่ยวกับสงครามต่อ นั่นตัดสินในให้อนาคินคอยอารักขาสมุหนายก และทางอาจารย์โยดา(Yoda) จะนำกองพันทหารโคลนส์เพื่อสนับสนุนพวกวูคกี้(Wookiee)บนดาวคาชีค(Kashyyyk) อนาคินรู้สึกโมโหและผิดหวัง

ต่อมาโอบีวันได้บอกอนาคินว่าสภาต้องการให้อนาคินรายงานทุกความเคลื่อนไหวของสมุหนายก มีจุดสำคัญคือให้เขาสอดแนม อนาคินดูไม่พอใจและสับสน และรู้สึกถูกตัดขาดระหว่างการเป็นเพื่อนและความจงรักภักดี โอบีวันเองก็ไม่พอใจนักกับสถานการณ์เช่นนี้

โศกนาฎกรรมของดาร์ธเพลกัส

เป็นไปได้ไหมที่จะเรียนรู้พลังนี้? "
"ไม่ จากเจได.

— อนาคิน สกายวอล์คเกอร์และพัลพาทีน, สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 3 : ซิธชำระแค้น
ไฟล์:Palpatine und Anakin.jpg
สมุหนายกพัลพาทีนและอนาคิน สกายวอร์คเกอร์ที่กาแลคซี่โอเปร่าเฮาซ์

ณ กาแลคซี่โอเปร่าเฮาซ์ในเขตอัสครู อนาคินร่วมชมการแสดงกับพัลพาทีน พัลพาทีนบอกกับอนาคินว่าหน่วยข่าวกรองโคลนได้พบตัวนายพลกรีวัสแล้วและทราบว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ระบบยูทาเปา อนาคินตื่นเต้นกับการที่รู้ว่าในที่สุดพวกเขาก็จะจับตัวนายพลกรีวัสและยุติสงครามได้สักที พัลพาทีนบอกกับอนาคินคินว่าเขาคงเคลือบแคลงใจในอำนาจของสภาเจไดหากพวกเขาไม่ส่งอนาคินไปทำภารกิจนี้ พัลพาทีนให้ผู้ช่วยของเขาออกจากระเบียงให้หมด เหลือเพียงพัลพาทีนกับอนาคิน(และเรดการ์ด 2 คนที่ประตู) ที่ระเบียง พัลพาทีนเริ่มการชักจูงอนาคินเข้าสู่ด้านมืด ทำให้เขาไม่ไว้ใจเจไดด้วยการบอกว่าเจไดต้องการที่จะครอบครองสาธารณัฐและหากเขาเองคือผู้ต้องสงสัย อนาคินก็น่าจะรู้สึกได้ อนาคินยืนยันว่าเจไดไม่ไว้ใจพัลพาทีน ด้วยความจริงที่พัลพาทีนเข้าครอบครองวุฒิสภา,สาธารณรัฐ,และประชาธิปไตยทั้งหมด อนาคินบอกพัลพาทีนว่าความไว้ใจของเจไดในตัวสมุหนายกนั้นสั่นคลอนและพัลพาทีนเห็นว่าสภาต้องการให้อนาคินสืบเรื่องของเขาและนั่นทำให้อนาคินรู้สึกไม่ซื่อตรง พัลพาทีนพาอนาคินกลับไปยังคำสอนเก่าๆ ที่พัลพาทีนเบื่อที่จะต้องสอนเขา เกี่ยวกับคนที่มีพลังอำนาจและกลัวที่จะสูญเสียมันไปซึ่งรวมทั้งเจได แต่อนาคินพยายามที่จะปกป้องเจไดด้วยการพูดว่าพวกเขาใช้พลังในทางที่ถูก แต่ตามที่พัลพาทีนพูดความดีเป็นเพียงมุมมองเท่านั้น รวมทั้งการโหยหาในพลัง ซิธและเจไดต่างเหมือนกันทั้งนั้น อนาคินเปรียบเทียบพวกเขาด้วยการพูดว่าซิธมีความต้องการเพื่อที่ทำให้ตนเองแข็งแกร่ง คิดแค่ตนเองเท่านั้น เจไดไม่เห็นแก่ตัว พวกเขาคิดถึงแต่ผู้อื่น หลังจากหยุดการสนทนาไปเล็กน้อย พัลพาทีนถามอนาคินว่าเคยได้ยินเรื่องโศกนาฎกรรมของดาร์ธเพลกัสผู้ปราดเปรื่องหรือไม่และอนาคินตอบว่าเขาไม่เคย นั่นไม่ทำให้พัลพาทีนแปลกใจเลยเขาบอกว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เจไดจะไม่มีทางเล่าให้เขาฟัง พัลพาทีนบรรยายเกี่ยวกับดาร์ธเพลกัสว่าเขาคือดาร์ธลอร์ดแห่งซิธผู้ที่มากด้วยพลังและความรู้ เขาสามารถรวมมิดิ-คลอเรี่ยนเพื่อสร้างชีวิต มีความรู้และพลังทางด้านมืดซึ่งเขาใช้มันเพื่อช่วยเหลือคนที่เขารักจากความตาย ประโยคนั้นถึงกับดึงดูดความสนใจของอนาคิน(ซึ่งเป็นสิ่งที่พัลพาทีนต้องการ)และพัลพาทีนบรรยายเกี่ยวกับด้านมืดของพลังว่าเป็นหนทางสู่ความสามารถหลายหลากที่ถูกพิจารณาว่าผิดธรรมชาติ เมื่ออนาคินถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับดาร์ธเพลกัส พัลพาทีนจบเรื่องด้วยการตอบอนาคินว่าเพลกัสมีอำนาจมหาศาลจนกลัวว่าเขาจะสูญเสียมันไปซึ่งจริงๆ แล้วเขาก็เสียมันในที่สุด โชคร้ายสำหรับเพลกัส เขาสอนศิษย์ทุกอย่างที่เขารู้และศิษย์ก็สังหารเขาตอนที่เขาหลับ พัลพาทีนพูดประชดประชันด้วยว่าเพลกัสสามารถชุบชีวิตของผู้อื่นได้แต่ไม่กับตัวเอง เมื่ออนาคินถามว่าเป็นไปได้ไหมที่จะเรียนรู้พลังนี้เพื่อหยุดความตาย พัลพาทีนตอบอย่างง่ายดาย "ไม่ จากเจได"

ข้าเห็นว่า อาจารย์เคโนบีควรไป

ต่อมาในการประชุมที่สภาเจได อนาคินเปิดเผยเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับกรีวัส อธิยาบว่าได้รับข้อความมาจากสมุหนายกบนอูทาเปา โยดากล่าวว่าพวกเขาควรรีบๆ จัดการเสียและตกลงในข้อมูลนี้ เมื่ออนาคินเสนอความสนใจที่จะไปตามคำเรียกร้องของพัลพาทีน เมซ วินดูพูดด้วยน้ำเสียงห้าวว่าสภาจะเป็นคนตัดสินเองว่าใครไปไม่ใช่สมุหนายก โยดาเชื่อว่าอาจารย์ที่มีประสบการณ์มากสมควรไปเผชิญหน้าและเอาชนะกรีวัสเสีย คิ-อดิ-มันดิตกลงและเสนอชื่อโอบีวัน ด้วยความเห็นตรงกัน สภาตัดสินใจให้โอบีวันเตรียมพร้อมที่จะไปอูทาเปา

เปิดฉากสงครามบนอูทาเปาและคาชี้ก

โอบีวันได้เดินทางไปที่อูทาเปาโดยมีเป้าหมายคือเพื่อกำจัดนายพลกรีวัสเพื่อยุติสงคราม และทางอาจารย์โยดาได้ไปที่คาชี้กเพื่อสมทบกับกองทัพวูคกี้ โอบีวันได้ล่วงหน้ากองทัพโคลนไปก่อน เพื่อไปค้นหานายพลกรีวัส เมื่อไปถึงเขาพบว่ากรีวัสประชุมกับอุปราชของสมพันธ์การค้า และส่งพวกเขาไปที่ดาวมุทตาฟา โอบีวันจึงได้เผชิญหน้ากับกรีวัสและได้ต่อสู้กันขึ้น เนื่องจากกรีวัสเคยถูกอาจารย์วินดูใช้พลังทำลายเกราะหน้าอก ทำให้กรีวัสไม่สามารถสู้ได้อย่างคล่องตัว โอบีวันจึงใช้โอกาสนี้ตัดมือของกรีวัสอย่างรวดเร็ว และขณะนั้นเองกองกำลังทหารโคลนก็มาสมทบพอดี และเกิดสงครามขึ้น กรีวัสจึงรีบหนีไป โอบีวันก็ได้ตามไปติดๆ แต่เขาทำกระบี่แสงหลุดมือขณะลงมาจากที่สูง ทางด้านคาชี้ก กองทัพโคลนและวูคกี้ร่วมมือกันรบกับกองทัพดรอยด์อย่างเต็มที่ ทางด้านโอบีวัน เขาได้ต่อสู้กับกรีวัสอีกครั้ง แล้วเขาใช้ปืนบลาสเตอร์ของกรีวัสเองยิงไปที่แผงหน้าอกของกรีวัส ทำให้เขากำจัดกรีวัสได้

การตายของอาจารย์วินดู

อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ได้รู้ว่าสมุนายกคือ ดาร์ธซีเดียส แต่อนาคินกลัวว่าจะเสียแพดเม่ อมิดาล่าไป ซึ่งสมุหนายกได้บอกกับอนาคินว่าตนนั้นสามารถทำให้คนตายสามารถคืนชีพขึ้นมาได้ ทำให้อนาคินเริ่มคิดหนักเกี่ยวกับซิทลอร์ด และสุดท้ายก็ยอมที่จะบอกอาจารย์วินดูว่าสมุหนายกก็คือซิทลอร์ด อาจารย์วินดูจึงรีบไปพบสมุหนายก และได้มีการต่อสู้กันเกิดขึ้น และอนาคินก็เข้ามาพอดีขณะที่วินดูจะฆ่าพัลพาทีน สมุหนายกจึงเริ่มเป่าหูอนาคินว่า"เจไดจะเข้าทำการยึดครอง ลบล้างสภาสูง" โดยอาจารย์วินดูได้เตือนอนาคินว่าอย่าไปฟังสมุหนายก แต่สุดท้ายอนาคินจากความที่ไม่อยากให้เพดเม่ตาย จึงฟันมือของวินดูขณะที่เขากำลังจะฟันสมุหนายก พัลพาทีนจึงใช้พลังสายฟ้าของซิทฆ่าวินดูทันที หลังจากนั้นพัลพาทีนจึงได้เอาอนาคินเป็นศิษย์และแต่งตั้งให้เป็น ลอร์ด เวเดอร์(ถ้าเจ้าหน้าที่ในจักรวรรดิเองจะเรียกว่า "ลอร์ด เวเดอร์" แต่คนทั่วไปจะเรียกว่า "ดาร์ธ เวเดอร์")

คำสั่งที่ 66

พัลพาทีนได้มอบหมายภารกิจแรกให้กับเวเดอร์ คือการเข้าโจมตีและสังหารเหล่า "กบฎ" เจไดในวิหารเจได เวเดอร์รับคำสั่งนั้นและนำกองทหารที่ 501 เข้าร่วมปฏิบัติการ เวเดอร์ฆ่าเจไดทุกคนที่พบ รวมไปถึงจอมดาบอย่างซิน ดราลลิก และแม้แต่เหล่ายังลิงที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องประชุมสภาเจได

ระหว่างนั้นเอง พัลพาทีนออกคำสั่งไปถึงเหล่าผู้บังคับบัญชาโคลนทรูปเปอร์ทั่วกาแล็กซีให้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ 66 ซึ่งนำไปสู่การกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่และสงครามกลางเมืองกาแลกติก

โคลนทรูปเปอร์ทั่วกาแลกซีแปรพักตร์เป็นปฏิปักษ์กับเหล่านายพลเจไดในทันที ที่ยูทาเปา โอบีวัน เคโนบี ถูกยิงตกจากหน้าผาแต่รอดชีวิต, ที่ไมกีโต้ อาจารย์เจไดกิ-อะดิ-มุนดิ ถูกยิงโดยโคลนทรูปเปอร์หมายเลข CC-1138, ที่เฟลูเซีย อัศวินเจไดเอย์ลา เซคูรา ถูกยิงโดยโคลนทรูปเปอร์หมายเลข CC-5052, ที่คาโต้ เนโมเดีย ยานเจไดสตาร์ไฟท์เตอร์ของโพล คูน ถูกยิงตก และที่ซาลูคามี สปีดเดอร์ไบค์ของสตราสส์ อัลลี ถูกยิงโดยโคลนทรูปเปอร์หมายเลข CC-8826 และเจ้าหน้าที่ร่วม ส่วนที่คาชี้ก โยดาเกือบถูกลอบสังหารโดยผู้บังคับบัญชากรีและร้อยโท แต่โยดารู้ตัวก่อน และตัดศีรษะทั้งสองก่อนที่จะถูกทำร้าย

วุฒิสมาชิกเบล ออร์กานา มาถึงวิหารเจไดที่ถูกไฟลุกท่วมและได้เป็นพยานรู้เห็นการสังหารพาดาวันเจไดนามเซตต์ จูคาสซา โดยผู้บังคับบัญชาอัปโป เบลหนีออกจากวิหารด้วยความหวาดกลัวและเดินทางออกจากคอรัสซานท์ด้วยยานแทนทีฟ 4 เพื่อพยายามติดต่อกับเจไดที่ยังรอดชีวิต

ผู้รอดชีวิต

วุฒิสมาชิก เบล ออร์กานา พาเจไดผู้รอดชีวิตอยู่ทั้งสอง คือ โอบีวัน เคโนบีและโยดามาที่วิหารเจได ณ วิหารเจได ทั้งหมด ต่างตะลึงกับร่างอันไร้วิญญาณของเหล่ายังลิงและพาดาวันที่เห็นเบื้องหน้า โอบีวันพยายามส่งสัญญาณหาเจไดผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ รวมทั้งอนาคิน โอบีวันเปิดเข้าไปดูในระบบรักษาการณ์แต่ต้องพบกับความเจ็บปวดที่เห็น อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ที่ไปภักดีต่อ ซิธลอร์ด โอบีวันตัดสินใจที่จะออกตามหาเวเดอร์ และสังหารเขา ก่อนไป โอบีวันได้บอกความจริงแก่แพดเม่ แต่เธอไม่ยอมรับ จึงขับยานเพื่อเดินทางไปยังระบบดาวมุสตาฟาเพื่อหาอนาคิน ซึ่งโอบีวันได้แอบลักลอบขึ้นยานมาด้วย

การต่อสู้บนมุสตาฟา

แพดเม่พยายามเกลี้ยกล่อมให้อนาคินหนีไปใช้ชีวิตอย่างสงบกับตน แต่อนาคินหลงมั่วเมากับอำนาจของตน โอบีวันที่แอบลอบขึ้นยานมาได้ปรากฏตัวขึ้น ทำให้อนาคินโกรธ และคิดว่าแพดเม่พาโอบีวันมาเพื่อฆ่าตน จึงใช้พลังบีบคอแพดเม่จนสลบ และชักชวนให้โอบีวันร่วมมือกับตน แต่โอบีวันปฏิเสธทั้งสองจึงดวลกระบี่แสงกัน ในระหว่างที่โอบีวันสู้กับอนาคิน อาจารย์โยดาก็มาพบดาร์ธ ซีเดียส ทั้งสองเริ่มประลองพลังกัน ก่อนที่จะสู้กันด้วยกระบี่แสง ในขณะที่สู้กันโยดาพลาดท่า จึงหลบหนี ทางโอบีวันที่สู้กับอนาคิน ตั้งแต่ห้องโถงจนถึงลาวา โอบีวันกระโดดขึ้นไปอยู่บนที่สูง จึงเตือนอนาคิน แต่อนาคินไม่ฟังพร้องทั้งกระโดดขึ้นมา โอบีวันใช้กระบี่แสงตัดแขนซ้ายของอนาคินและขาทั้งสองข้าง โอบีวันพูดกันอนาคินว่า "เจ้าเป็นผู้ถูกเลือก ควรจะทำลายล้างซิธไม่ใช่เข้าร่วม นำสมดุลมาสู่พลังไม่ใช่ทิ้งไว้ในความมืด" โอบีวันปล่อยให้ไฟคลอกอนาคิน โดยไม่ใยดี พร้อมทั้งเดินจากไป และขึ้นยานพาแพดเม่กลับ แต่ดาร์ธ ซีเดียส ได้นำยานมารับตัวอนาคินที่บาดเจ็บปางตายกลับไปเช่นกัน

การเริ่มของจักรวรรดิเอ็มไพร์

หลังจากการต่อสู้บนมุสตาฟา อนาคินได้ถูกทำให้เป็นไซบอร์กโดยเสริมแขนขาเทียมเข้าไปและสวมหน้ากาก พร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิต ส่วนแพดเม่ก็คลอดลูกสองคนก่อนนางจะเสียชีวิต โดยเด็กผู้ชายตั้งชื่อว่า ลุค เด็กผู้หญิงตั้งชื่อว่า เลอา (มาตั้งนามสกุลตอนหลัง) ดาร์ธ เวเดอร์ เดินไปมองดาวมรณะที่กำลังก่อสร้างอยู่ โอบีวัน โยดาและวุฒิสมาชิกออร์การน่าปรึกษากันเรื่องลูกทั้งสองคนของแพดเม่ เพื่อไม่ให้พวกซิธหาพบ วุฒิสมาชิกออร์กาน่าสั่งให้ลบข้อมูลการทูตของซีทรีพีโอออกทั้งหมด และวุฒิสมาชิกออร์กาน่าและภรรยาได้นำเลอาไปเลี้ยง ส่วนลุค โอบีวันนำไปให้น้องชายของอนาคินกับภรรยาที่ทาทูอินเลี้ยงดู ส่วนตัวเขาจะเฝ้าดูอยู่ห่างๆ พร้อมกับการฝึกที่อาจารย์โยดาเตรียมให้

ตัวละคร

แม่แบบ:Link FA แม่แบบ:Link FA