ผลต่างระหว่างรุ่นของ "อบเชย"
Nipisiquit (คุย | ส่วนร่วม) ล -lt:, no:, tr:, zh:, modify ar:, ca:, de:, es:, et:, fr:, it:, hu:, ml:, pl:, sv: |
|||
บรรทัด 33: | บรรทัด 33: | ||
{{โครงพืช}} |
{{โครงพืช}} |
||
[[ar: |
[[ar:قرفة]] |
||
[[bg:Канела]] |
[[bg:Канела]] |
||
[[ca: |
[[ca:Canyeller]] |
||
[[cs:Skořice]] |
[[cs:Skořice]] |
||
[[da:Kanel]] |
[[da:Kanel]] |
||
[[de: |
[[de:Ceylon-Zimtbaum]] |
||
[[en:Cinnamon]] |
[[en:Cinnamon]] |
||
[[eo:Cinamo]] |
[[eo:Cinamo]] |
||
[[es:Cinnamomum verum]] |
[[es:Cinnamomum verum]] |
||
[[et: |
[[et:Tseiloni kaneelipuu]] |
||
[[fa:دارچین]] |
[[fa:دارچین]] |
||
[[fi:Ceyloninkaneli]] |
[[fi:Ceyloninkaneli]] |
||
[[fr: |
[[fr:Cannelier de Ceylan]] |
||
[[gd:Caineal]] |
[[gd:Caineal]] |
||
[[gl:Canela]] |
[[gl:Canela]] |
||
บรรทัด 51: | บรรทัด 51: | ||
[[hr:Cimet]] |
[[hr:Cimet]] |
||
[[hsb:Skoričnik]] |
[[hsb:Skoričnik]] |
||
[[hu: |
[[hu:Fahéjfa]] |
||
[[id:Kayu manis]] |
[[id:Kayu manis]] |
||
[[it: |
[[it:Cinnamomum zeylanicum]] |
||
[[ja:シナモン]] |
[[ja:シナモン]] |
||
[[ |
[[ml:കറുവ]] |
||
[[ml:കറവപ്പട്ട]] |
|||
[[nl:Kaneel]] |
[[nl:Kaneel]] |
||
[[nn:Kaneltre]] |
[[nn:Kaneltre]] |
||
⚫ | |||
[[no:Kanel]] |
|||
⚫ | |||
[[pt:Cinnamomum zeylanicum]] |
[[pt:Cinnamomum zeylanicum]] |
||
[[ro:Scorţişoară]] |
[[ro:Scorţişoară]] |
||
บรรทัด 67: | บรรทัด 65: | ||
[[sl:Cimet]] |
[[sl:Cimet]] |
||
[[sr:Цимет]] |
[[sr:Цимет]] |
||
[[sv: |
[[sv:Äkta kanel]] |
||
[[ta:கருவா]] |
[[ta:கருவா]] |
||
[[tr:Tarçın]] |
|||
[[ur:دار چینی]] |
[[ur:دار چینی]] |
||
[[zh:桂皮]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:35, 5 กรกฎาคม 2551
อบเชย | |
---|---|
ใบและดอกของต้นอบเชย | |
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์ | |
อาณาจักร: | Plantae |
หมวด: | Magnoliophyta |
ชั้น: | Magnoliopsida |
อันดับ: | Laurales |
วงศ์: | Lauraceae |
สกุล: | Cinnamomum |
สปีชีส์: | C. verum |
ชื่อทวินาม | |
Cinnamomum verum J.Presl |
อบเชย (อังกฤษ: Cinnamon) เป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม ได้มาจากเปลือกไม้ชั้นในที่แห้งแล้วของต้นอบเชย แท่งอบเชยมีสีน้ำตาลแดง มีลักษณะเหมือนแผ่นไม้แห้งที่หดงอหลังจากโดนความชื้น มักจะเรียกตามแหล่งเพาะปลูกเช่น อบเชยจีน อบเชยลังกา อบเชยญวณ เป็นต้น ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกเพราะภูมิอากาศไม่เหมาะสม
ลักษณะทั่วไปเป็นไม้ยืนต้น ตัวต้นจะสูงประมาณ 4 - 10 เมตร ส่วนเปลือกและใบมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ใบมีลักษณะเป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้ามกัน เส้นใบหยัก 3 เส้น เวลาออกดอกจะออกที่บริเวณซอกใบ หรือปลายกิ่ง โดยออกดอกย่อยสีเหลืองอ่อนรวมกันเป็นช่อ พืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกับอบเชยได้เแก่ ชะเอม กะเพราต้น ข่าต้น สมุแว้ง การบูร เทพธาโร
ในการทำอาหารไทย มักใช้อบเชยในการทำเครื่องแกงเช่น พริกแกงกระหรี่ประเภทผัดที่ใช้ผงกระหรี่ ใช้เป็นไส้กระหรี่ปั๊ป หรือใช้ร่วมกับโป๊ยกั้กในอาหารคาวประเภทต้มเช่น พะโล้และเนื้อตุ๋น ส่วนในประเทศแถบตะวันตก มักใส่อบเชยในของหวาน เช่น ซินนามอนโรลล์ ใช้ผงอบเชยละเอียดโรยหน้ากาแฟใส่นม ใช้ผงอบเชยกับน้ำตาลโรยหน้าเพรทส์เซล และนอกจากนี้ยังมีลูกอม หมากฝรั่ง และยาสีฟันรสอบเชยอีกด้วย
อบเชยมีสรรพคุณทางยา เนื่องจากมีแทนนินสูงที่ให้รสฝาดจึงนิยมใช้ในยาตำรับแผนโบราณเช่น เป็นส่วนผสมในยาหอมต่าง ๆ โดยใช้ส่วนของเปลือกลำต้น ใช้ในการแก้จุกเสียด แน่นท้อง หรือใช้ในการทำยานัตถุ์ใช้สูดดม เพื่อเพิ่มความสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย แก้โรคท้องร่วงเพราะมีส่วนช่วยต้านแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ขับปัสสาวะ ช่วยในการย่อยอาหาร และสลายไขมัน ส่วนเปลือกลำต้นอายุมากกว่า 6 ปี หรือใบกิ่งยังนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยได้อีกด้วย (Essential oil) ซึ่งจะมีมากในอบเชยญวณที่ให้น้ำมันหอมระเหย 2.5%
อ้างอิง
- นิตยสารแม่บ้าน ปีที่ 31 ฉบับที่ 451, ธันวาคม 2549, หน้า 55