ผลต่างระหว่างรุ่นของ "เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (พุ่ม ศรีไชยยันต์)"
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
[[ภาพ:เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์.jpg|thumb|เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (พุ่ม ศรีไชยยันต์)]] |
|||
'''เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (พุ่ม ศรีไชยยันต์)''' เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ดำรงตำแหน่งสูงสุดของขุนนาง(ข้าราชการ)ไทยในสมัยนั้น คือตำแหน่ง[[สมุหกลาโหม]] เมื่อ [[พ.ศ. 2438|พ.ศ. ๒๔๓๘]] นอกจากจะเป็นข้าราชการที่กล้าหาญ ซื่อตรงจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองและ[[พระมหากษัตริย์]]แล้ว ท่านยังเป็นบุคคลที่ใจบุญใฝ่ในธรรมะ มีเมตตากรุณา เมื่อครั้งที่ท่านมา[[ทอดกฐิน]] ณ [[วัดบางขวาง]] [[อำเภอเมืองนนทบุรี|อำเภอเมือง]] [[จังหวัดนนทบุรี]] ท่านทราบว่าพระครูศีลาภิรมต้องการเงินสร้างโรงเรียน ท่านจึงบริจาคเงินจำนวน ๑๐๐ [[ชั่ง]]สร้างอาคารหลังแรกขึ้นได้รับการขนานนามว่า '''โรงเรียนรัตนาธิเบศร์''' เป็นโรงเรียนแห่งแรกของจังหวัดนนทบุรี จึงถือได้ว่าท่านเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์นอกจากจะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ของประเทศแล้วท่านยังเป็นผู้ให้กำเนิดสถาบันการศึกษาแห่งแรก ของจังหวัดนนทบุรีด้วย |
'''เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (พุ่ม ศรีไชยยันต์)''' เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัย[[พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว]] ดำรงตำแหน่งสูงสุดของขุนนาง(ข้าราชการ)ไทยในสมัยนั้น คือตำแหน่ง[[สมุหกลาโหม]] เมื่อ [[พ.ศ. 2438|พ.ศ. ๒๔๓๘]] นอกจากจะเป็นข้าราชการที่กล้าหาญ ซื่อตรงจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองและ[[พระมหากษัตริย์]]แล้ว ท่านยังเป็นบุคคลที่ใจบุญใฝ่ในธรรมะ มีเมตตากรุณา เมื่อครั้งที่ท่านมา[[ทอดกฐิน]] ณ [[วัดบางขวาง]] [[อำเภอเมืองนนทบุรี|อำเภอเมือง]] [[จังหวัดนนทบุรี]] ท่านทราบว่าพระครูศีลาภิรมต้องการเงินสร้างโรงเรียน ท่านจึงบริจาคเงินจำนวน ๑๐๐ [[ชั่ง]]สร้างอาคารหลังแรกขึ้นได้รับการขนานนามว่า '''โรงเรียนรัตนาธิเบศร์''' เป็นโรงเรียนแห่งแรกของจังหวัดนนทบุรี จึงถือได้ว่าท่านเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์นอกจากจะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ของประเทศแล้วท่านยังเป็นผู้ให้กำเนิดสถาบันการศึกษาแห่งแรก ของจังหวัดนนทบุรีด้วย |
||
บรรทัด 7: | บรรทัด 8: | ||
=== สมัยรัชกาลที่ ๕ === |
=== สมัยรัชกาลที่ ๕ === |
||
* พระนรินทรราชเสนี ปลัดบัญชี กรมพระกลาโหม |
* พระนรินทรราชเสนี ปลัดบัญชี กรมพระกลาโหม |
||
* พระยาเทพ |
* พระยาเทพประชุน ปลัดทูลฉลอง กรมพระกลาโหม |
||
* เจ้าพระยาพลเทพ ตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงเกษตราธิการ ([[พ.ศ. 2429|พ.ศ. ๒๔๒๙]]) |
* เจ้าพระยาพลเทพ ตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงเกษตราธิการ ([[พ.ศ. 2429|พ.ศ. ๒๔๒๙]]) |
||
* เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ ตำแหน่งสมุหกลาโหม (พ.ศ. ๒๔๓๘) |
* เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ ตำแหน่งสมุหกลาโหม (พ.ศ. ๒๔๓๘) |
||
บรรทัด 17: | บรรทัด 18: | ||
{{รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม}} |
{{รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม}} |
||
{{รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์}} |
{{รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์}} |
||
{{ตายปี|2444}} |
{{เกิดปี|2363}}{{ตายปี|2444}} |
||
[[หมวดหมู่:บรรดาศักดิ์ชั้นเจ้าพระยา|รัตนาธิเบศร์ (พุ่ม ศรีไชยยันต์)]] |
[[หมวดหมู่:บรรดาศักดิ์ชั้นเจ้าพระยา|รัตนาธิเบศร์ (พุ่ม ศรีไชยยันต์)]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:39, 2 มิถุนายน 2551
เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (พุ่ม ศรีไชยยันต์) เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรงตำแหน่งสูงสุดของขุนนาง(ข้าราชการ)ไทยในสมัยนั้น คือตำแหน่งสมุหกลาโหม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๘ นอกจากจะเป็นข้าราชการที่กล้าหาญ ซื่อตรงจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองและพระมหากษัตริย์แล้ว ท่านยังเป็นบุคคลที่ใจบุญใฝ่ในธรรมะ มีเมตตากรุณา เมื่อครั้งที่ท่านมาทอดกฐิน ณ วัดบางขวาง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี ท่านทราบว่าพระครูศีลาภิรมต้องการเงินสร้างโรงเรียน ท่านจึงบริจาคเงินจำนวน ๑๐๐ ชั่งสร้างอาคารหลังแรกขึ้นได้รับการขนานนามว่า โรงเรียนรัตนาธิเบศร์ เป็นโรงเรียนแห่งแรกของจังหวัดนนทบุรี จึงถือได้ว่าท่านเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์นอกจากจะเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ของประเทศแล้วท่านยังเป็นผู้ให้กำเนิดสถาบันการศึกษาแห่งแรก ของจังหวัดนนทบุรีด้วย
ตำแหน่ง
ตำแหน่งทางราชการของเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (พุ่ม ศรีไชยยันต์)
สมัยรัชกาลที่ ๔
- ขุนสมุทรโคจร กรมมหาดเล็ก
สมัยรัชกาลที่ ๕
- พระนรินทรราชเสนี ปลัดบัญชี กรมพระกลาโหม
- พระยาเทพประชุน ปลัดทูลฉลอง กรมพระกลาโหม
- เจ้าพระยาพลเทพ ตำแหน่งเสนาบดี กระทรวงเกษตราธิการ (พ.ศ. ๒๔๒๙)
- เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ ตำแหน่งสมุหกลาโหม (พ.ศ. ๒๔๓๘)
เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์เป็นข้าราชการตัวอย่างที่มีความดีพร้อม เป็นผู้ที่เสียสละเห็นแก่ความสงบความเจริญของบ้านเมือง จึงเป็นที่รักใคร่โปรดปรานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เห็นได้จากการดำรงตำแหน่งสูงสุดทางราชการได้ยาวนานตลอดจนสิ้นอายุขัย
ท่านถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๔ รวมอายุได้ ๘๑ ปี