กีตาร์โปร่ง
กีตาร์โปร่ง หรือกีตาร์อคูสติก (อังกฤษ: acoustic guitar) เป็นกีตาร์ที่สร้างคลื่นเสียงจากการสั่นสะเทือนของการดีดสาย ส่งผ่านไปยัง “ไม้หน้า” ของโครงกีตาร์ และสะท้อนเสียงให้ก้องกังวานด้วยกล่องเสียง (กล่องเปล่าที่ด้านหลังของไม้หน้า) ในลักษณะการกำทอน (resonance) และส่งผ่านสุ่อากาศภายนอกอีกครั้งทางโพรงเสียง[1] ซึ่งเป็นข้อแตกต่างจากกีตาร์ไฟฟ้าซึ่งอาศัยการขยายสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์โดยตรง ที่ไม่มีโพรงเสียงและกล่องเสียงสร้างการกำทอน[2] ในบางครั้งกีตาร์โปร่งอาจติดตั้งอุปกรณ์ขยายเสียงซึ่งเรียก "กีตาร์โปร่งไฟฟ้า" สำหรับการแสดงในที่เปิดโล่งหรือการทำเสียงอิฟเฟ็คแบบกีตาร์ไฟฟ้าได้[3]
โครงสร้างและการสร้างเสียง
กีตาร์โปร่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ หัว (headstock) คอ (neck) และลำตัว (body) โดยสร้างคลื่นเสียงจากการสั่นสะเทือนของการดีดสาย ที่ขึงจากลูกบิด ลากผ่านนัท (หรือเรียก หย่องหน้า) ในส่วนหัว ผ่านคอที่เป็นส่วนกำหนดโทนเสียงโดยการใช้นิ้วกดสายแนบบนเฟรท คลื่นเสียงจากการดีดบริเวณโพรงเสียงของโครงกีตาร์ จะส่งผ่านไปยังไม้หน้า และสะท้อนเสียงให้ก้องกังวานด้วยกล่องเสียงหรือกล่องกำทอน ที่ประกอบจากไม้หลัง และไม้ข้าง
โดยที่ “ไม้หน้า” (sound board) มีผลอย่างมากต่อความกังวานของเสียง และขนาดของกล่องเสียงมีผลการขยายเสียง (การเพิ่มแอมพลิจูดของคลื่นเสียง) ซึ่งขนาดและรูปทรงของกล่องเสียงแบ่งได้ประมาณ 6 ขนาด (ดูด้านล่าง รูปทรงของกีต้าร์โปร่ง)
ส่วนหัว
หัว หรือ เฮดสต๊อก (headstock) เป็นส่วนปลายสุดโดยมากทำจากไม้แท้ (solid wood) และประกอบกับชุดลูกบิด (machine heads หรือ tuners หรือ turning pegs) 6 ชุด ทำจากโลหะ ทำหน้าที่ยึดสายกีตาร์ที่ขึงผ่านนัท (nut) หรือเรียก หย่องหน้า (saddle หรือ bridge) ที่ตรึงความห่างของสายแต่ละเส้นให้พอกันและคงที่
ส่วนคอ
คอกีตาร์ (neck) เป็นส่วนกำหนดโทนเสียง ประกอบด้วยแท่งไม้ยาว หน้าตัดรูปครึ่งวงกลมยึดจากส่วนลำตัวของกีตาร์ไปถึงส่วนหัว และแบ่งเป็นช่อง ๆ ด้วยเฟรท (fret) ที่ติดตั้งบนฟิงเกอร์บอร์ด (fingerboard หรือ fretboard)
เฟรท คือแท่งโลหะชิ้นเล็ก ติดตั้งตามแนวขวางกับแกนยาวของคอกีตาร์ โดยส่วนใหญ่มีจำนวน 20 อัน ทำหน้าที่แบ่งโน้ต (โทนเสียง) แยกออกจากกันตามระบบเสียงเจ็ดเสียง (heptatonic scale) หรือเรียกบันไดเสียงเมเจอร์ (major scale) ซึ่งวัสดุ รูปทรง (หน้าตัดและพื้นผิวของสันของเฟรทที่นิ้วต้องกด) ขนาด ความโค้ง การเก็บความเรียบร้อยตรงปลายเฟรท ล้วนมีผลต่อการเล่นและเนื้อเสียง[1]
ฟิงเกอร์บอร์ด คือแผ่นที่ประกบบนคอกีตาร์ด้ายหน้าเพื่อรองรับเฟรท โดยชนิดไม้ที่ใช้และความโค้งของฟิงเกอร์บอร์ด (fingerboard radius) ก็มีผลต่อเสียงและการเล่นด้วยเช่นกัน
รูปหน้าตัดโดยรวมของคอกีตาร์ (neck profile) ที่รวมไม้โครงคอกีตาร์กับฟิงเกอร์บอร์ด เป็นคุณลักษณ์ที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกสบายหรืออึดอัด[1] โดยความสัมพันธ์กันของขนาดมือผู้เล่นกับความกว้างและความหนาของรูปหน้าตัดนี้ พื้นผิวที่แบนด้านหน้าของฟิงเกอร์บอร์ดแท้จริงแล้วมีความโค้งเล็กน้อยเพื่อเข้ากับการยศาสตร์ (ergonomics) ของนิ้ว (สรีระของนิ้ว) ซึ่งหากแบนเกินไปจะสร้างความเกร็งของนิ้วขณะกด เมื่อเล่นในเวลานาน แต่หากโค้งมากเกินไปจะต้องออกแรงมากกว่าปกติในการกดนิ้ว ซึ่งต้องเลือกให้พอดีกัน
ส่วนลำตัว
ลำตัว (body) เป็นส่วนสำคัญในการสะท้อนเสียงจากการดีดสายและการขยายเสียง ประกอบด้วยไม้หน้า ที่มีรูตรงกลางเรียก โพรงเสียง (sound hole) ทำหน้าที่รับการสะท้อนเสียงจากสาย และการส่งเสียงที่กำทอนออกมาจากกล่องเสียงด้านหลังของไม้หน้า
ไม้หน้า แผ่นไม้ด้านหน้าสุด (เรียกว่า top wood หรือ soundboard) คือส่วนสำคัญที่สุดในการส่งเสียงของกีตาร์โปร่ง ทำหน้าที่เสมือน “ดอกลำโพง” ของกีตาร์โปร่ง[1]
กล่องเสียงด้านหลัง ประกอบด้วย ไม้หลัง (back) และไม้ข้าง (sides) ไม้หลังอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ top ไม้ข้างก็คือส่วนด้านข้างของกีตาร์โปร่งที่ถูกดัดให้เป็นส่วนโค้งของกีตาร์ ไม้ทั้งสองส่วนนี้ถูกจับมาประกบเข้าคู่กันให้เป็นเสมือน “กล่องเปล่า” ที่ทำหน้าที่สะท้อนเสียงก้องกังวาน (resonance) ออกมาด้านหน้าของกีตาร์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้กีตาร์โปร่งแตกต่างจากกีตาร์ไฟฟ้า[1][4]
ส่วนโค้งของกีตาร์ (cutaway) ที่เป็นรูปทรงเว้ากลางเพื่อการกระชับในการเล่น และความสะดวกในการเล่นเฟรทที่ลึกกว่า 14 โดยเฉพาะการเล่นโซโล่ ปริมาตรอากาศในบอดี้มีผลต่อเสียง หมายถึง การมีทรงเว้ามากเกินไปทำให้ปริมาตรอากาศในบอดี้ลดลงไป ความกังวานของเสียงจะลดลง[1]
ทั้งนี้ชนิดไม้ที่นำมาใช้ทำทั้งสองส่วนล้วนมีผลต่อเสียง เนื่องจากไม้แต่ละชนิดมีคุณสมบัติตามธรรมชาติที่แตกต่างกัน ดังนั้นการสะท้อนเสียงก็ย่อมแตกต่างกันตามไปด้วย นอกจากนี้การวางโครง bracing ใต้แผ่นท็อปยังมีผลโดยตรงต่อเสียงอีกด้วย[1]
ปิ๊คการ์ด (pickguard หรือแผ่นรองนิ้ว fingerplate) หน้าที่ให้การป้องกันปิ๊ค ไม่ให้ขีดข่วนกับไม้หน้า (ตัวกีตาร์) เพื่อไม่ให้เกิดรอย และยังช่วยตกแต่งให้กีต้าร์โปร่งมีความสวยงามมากขึ้น[1]
สะพานสาย (Bridge) และ หย่อง (Saddle) หรือ หย่องหลัง สะพานสายหรือบริดจ์ คือแผ่นไม้ที่แปะอยู่กับไม้หน้าเป็นตัวรองรับหย่องและหมุดยึดสาย (Pin) โดยมากสะพานสายทำมาจากไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้แดง (Rosewood) หรือมะเกลือ (Ebony) หย่องและหมุดยึดสายทำจากพลาสติก, กระดูก, ไนลอน หรือวัสดุอื่น ๆ
รูปทรงของกีต้าร์โปร่ง
กีต้าร์โปร่งนั้นมีหลายทรงมาก เช่น D (Dreadnought) , OM (Orchestar Model) , GA (Grand Auditorium) ในแต่ละทรงก็จะแบ่งออกไปได้อีกว่าเป็นแบบ Cutaway หรือไม่ และก็มีหลายขนาด เช่น 3/4 นิ้ว , 41 นิ้ว , 36 นิ้ว และอีกหลายขนาด
กีตาร์โปร่งไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้า หรือปิคอัพ (acoustic pickups) กีตาร์โปร่งบางตัวมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าเพื่อขยายเสียงของกีตาร์โปร่งด้วยอุปกรณ์ขยายเสียง สำหรับการแสดงในที่เปิดโล่งหรือการทำเสียงอิฟเฟ็คแบบกีตาร์ไฟฟ้าได้ ซึ่งเรียกกีตาร์โปร่งที่ติดปิคอัพว่า “กีตาร์โปร่งไฟฟ้า” [1][3]
ประเภทของกีตาร์โปร่ง
- Classical guitars
- กีตาร์คลาสสิก ถือเป็นต้นแบบกีตาร์ในยุคปัจจุบัน มีลูกบิดและแกนพันสายเป็นพลาสติก มีคอหรือฟิงเกอร์บอร์ดขนาดใหญ่ประมาณ 2 นิ้ว ลักษณะแบนราบ สายที่1 และ2 เป็นสายไนล่อน
- Portuguese guitar
- มี 12 สาย ใช้กับเพลงพื้นเพลงชื่อ Fado ในประเทศโปรตุเกส
- Flat-top (steel-string) guitars
- มีขนาดใหญ่กว่ากีตาร์คลาสสิก และเสริมความแข็งแรงที่คอ เพื่อรองรับแรงตึงของสาย ให้เสียงที่ใสและดังกว่า สายที่ใช้ สาย1และ2 มีลักษณะเป็นเส้นลวดเปลือย สายที่3-6 เป็นเส้นลวดและมีขดลวดเล็กๆพันเป็นเกลียวเพื่อเพิ่มขนาดของสาย
- Archtop guitars
- ด้านหน้าจะโค้ง โพรงเสียงไม่เป็นช่องกลม สะพานยึดสายด้านล่างมักเป็นแบบหางปลา นิยมใช้เล่นในดนตรีแจ๊ส
- Resonator
- หรือ Resophonic หรือ dobro คล้ายกับกีตาร์ Flat-top
- 12 string guitars
- นิยมใช้ใน folk music, blues และ rock and roll มีสายโลหะ 12 สาย
- Russian guitars
- มี 7 สาย พบในรัสเซีย และ บางประเทศที่แยกจากสหภาพโซเวียตเท่านั้น
- Acoustic bass guitars
- เป็นกีตาร์เบสในรูปแบบอคูสติก มีสายและเสียงเหมือนกัน โน้ตที่เล่นจะใช้ "กุญแจฟา" ให้เสียงทุ้มต่ำ นุ่มนวล
- Tenor guitars
- มี 4 สาย
- Harp guitars
- จะมีสาย harp เพิ่มขึ้นมา จากปกติที่มี 6 สาย สาย harp จะให้เสียงต่ำหรือเสียงในช่วงเบส ปกติจะไม่มีฟิงเกอร์บอร์ดหรือเฟร็ต
- Guitar battente
- มีขนาดเล็กกว่ากีตาร์คลาสสิก นิยมใช้เล่นกับเครื่องสายอีก 4-5 ชิ้น
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 1.8 Bigtone. ส่วนประกอบของกีต้าร์โปร่ง ที่ทำให้กีต้าร์แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ต่างกัน. สืบค้นเมื่อ 22 มกราคม 2564.
- ↑ เต่าแดง. กีต้าร์โปร่ง VS กีต้าร์ไฟฟ้า แตกต่างกันอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี้เลย. 27 สิงหาคม 2560.
- ↑ 3.0 3.1 Anaramanung. 3 ข้อดีของกีต้าร์โปร่งไฟฟ้า จะเล่นธรรมดาหรือไฟฟ้าก็ได้ True ID, 31 มกราคม 2563.
- ↑ ai-impulse. กีต้าร์โปร่ง VS กีต้าร์ไฟฟ้า แตกต่างกันอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี้เลย. 27 สิงหาคม 2560.