พายุไต้ฝุ่นกระท้อน (พ.ศ. 2567)
พายุไต้ฝุ่นกระท้อนขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2567 | |
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา | |
---|---|
ก่อตัว | 26 กันยายน พ.ศ. 2567 |
สลายตัว | 4 ตุลาคม พ.ศ. 2567 |
พายุไต้ฝุ่นรุนแรง | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (JMA) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 215 กม./ชม. (130 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.58 นิ้วปรอท |
พายุไต้ฝุ่น | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (TMD) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 215 กม./ชม. (130 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.58 นิ้วปรอท |
พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 | |
1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS/JTWC) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 285 กม./ชม. (180 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.43 นิ้วปรอท |
ผลกระทบ | |
ผู้เสียชีวิต | 18 ราย |
ความเสียหาย | $48.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี พ.ศ. 2567 USD) |
พื้นที่ได้รับผลกระทบ | ฟิลิปปินส์, ไต้หวัน, หมู่เกาะรีวกีว |
IBTrACS | |
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2567 |
พายุไต้ฝุ่นกระท้อน (อักษรโรมัน: Krathon)[nb 1] หรือที่ในประเทศฟิลิปปินส์เรียกว่า พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นฮูเลียน (ตากาล็อก: Julian)[nb 2] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกในช่วงปี พ.ศ. 2567 และเป็นพายุที่ไม่แน่นอน ซึ่งเคลื่อนตัวไปตามแนวชายฝั่งของประเทศไต้หวัน และประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงต้นเดือนตุลาคมในปี พ.ศ. 2567 พายุไต้ฝุ่นกระท้อนเป็นพายุลูกแรกที่เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งทางตะวันตกของประเทศไต้หวันนับตั้งแต่พายุไต้ฝุ่นเทลมาในปี พ.ศ. 2520 และเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนลูกที่ 27, พายุโซนร้อนลูกที่ 18 และพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 7 ในฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2567 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567 พายุลูกนี้ได้พัฒนาเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนใกล้กับฐานทัพอากาศคาเดนาในประเทศญี่ปุ่น และได้กลายเป็นพายุโซนร้อนในวันที่ 28 กันยายน อย่างไรก็ตาม พายุได้เคลื่อนตัวช้าลงในช่วง 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา และอยู่ในบริเวณจุดตัดต่ำระหว่างพายุกึ่งเขตร้อนชั้นลึก 2 ลูก พายุได้เข้าสู่สถานะพายุไต้ฝุ่นระดับ 1 หลังจากที่พายุก่อตัวเป็นตาพายุที่กว้าง และมีขอบที่ไม่แน่นอน พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือระหว่างพายุกึ่งเขตร้อนระดับกลาง 2 ลูก ก่อนที่จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และผ่านไปใกล้จังหวัดบาตาเนส สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นรายงานว่าพายุมีกำลังแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 10 นาทีที่ 215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (130 ไมล์ต่อชั่วโมง)[nb 3] และความกดอากาศที่ 900 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.58 นิ้วของปรอท) ต่อมาพายุก็ได้กลายเป็นพายุที่มีความเร็วลมเทียบเท่ากับมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 5 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน โดยมีความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (180 ไมล์ต่อชั่วโมง) เมื่อเช้าวันที่ 1 ตุลาคม และในขณะที่พายุไต้ฝุ่นกระท้อนกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ทะเลจีนใต้ทางทิศเหนืออุณหภูมิยอดเมฆลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบ่งชี้ถึงวัฏจักรการแทนที่กำแพงตาพายุเห็นได้ชัดจากภาพเรดาร์โดยกำแพงตาพายุรองเกือบจะล้อมรอบตาพายุชั้นใน และเมื่อวัฏจักรการแทนที่กำแพงตาพายุเสร็จสมบูรณ์ พายุก็เริ่มทำให้ยอดเมฆอุ่นขึ้น และแสดงลักษณะตาพายุที่เต็มไปด้วยเมฆที่อ่อนลง จึงทำให้เกิดการยกตัวขึ้น และปริมาณความร้อนในมหาสมุทรเริ่มลดลง พายุไต้ฝุ่นกระท้อนได้เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งใกล้เขตเสียวกั่งในเกาสฺยงโดยแถบเกลียวของการพาความร้อนลึกจะอ่อนลงเรื่อย ๆ ในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ใจกลางประเทศไต้หวัน และใกล้กับขอบตะวันตกของเทือกเขาตอนกลางเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม หลังจากพายุเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่ง พายุก็เริ่มเคลื่อนตัวช้าลงอย่างรวดเร็ว และสลายลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพาความร้อนเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นพายุก็เริ่มเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือก่อนที่จะสลายตัวไปในวันที่ 4 ตุลาคม
ก่อนที่พายุไต้ฝุ่นกระท้อนจะเคลื่อนตัวพัดผ่านได้มีการประกาศเตือนภัยลมพายุหมุนเขตร้อนในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศฟิลิปปินส์ และได้ออกคำเตือนสีแดงสำหรับคาลายัน และซานตาอานา ในจังหวัดคากายัน สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ ในบัสโกได้มีการบันทึกปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ประมาณ 727.8 มิลลิเมตร (28.7 นิ้ว) ซึ่งเกินสองเดือนในเดือนกันยายน และแซงหน้าสถิติเดิมอยู่ที่ประมาณ 616.4 มิลลิเมตร (24.3 นิ้ว) ของพายุไต้ฝุ่นรูธในปี พ.ศ. 2534 พายุลูกนี้ได้ทำให้มีเสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย มีผู้สูญหายอีกประมาณ 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 8 ราย ในประเทศฟิลิปปินส์
สำนักงานอุตุนิยมวิทยากลางของประเทศไต้หวันได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับการเดินเรือสำหรับช่องแคบบาชิ จึงส่งผลให้ต้องอพยพผู้คนมากกว่าประมาณ 3,000 คน และต้องระดมทหารเกือบประมาณ 40,000 นาย เพื่อช่วยเหลือ มีผู้เสียชีวิตจากพายุอย่างน้อย 13 ราย ในประเทศไต้หวัน และรวมถึง 9 ราย จากเหตุไฟไหม้โรงพยาบาลอนุสรณ์สถานอันไท่ เทียนเซิง ในเทศมณฑลผิงตง พายุไต้ฝุ่นกระท้อนได้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 731 ราย มีผู้สูญหาย 1 ราย มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และสร้างความเสียหายมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 48.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[nb 4]
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา
[แก้]ประวัติทางอุตุนิยมวิทยาของพายุไต้ฝุ่นกระท้อน
- วันที่ 26 กันยายน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 5] ได้รายงานพายุดีเปรสชันเขตร้อนห่างจากฐานทัพอากาศคาเดนาในประเทศญี่ปุ่นไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 250 กิโลเมตร (155 ไมล์) ใกล้ลักษณะเด่น คือ ศูนย์กลางการหมุนเวียนระดับต่ำที่เปิดโล่งบางส่วนพร้อมกับการหมุนเวียนของอากาศลึกอย่างต่อเนื่องในครึ่งวงกลมทางทิศใต้ และแถบก่อตัวไปทางทิศเหนือ
- วันที่ 27 กันยายน ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 6] ได้ออกการแจ้งเตือนการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนโดยระบุว่าแถบพายุหมุนกำลังห่อหุ้มเข้าสู่ใจกลาง และการวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมบ่งชี้ว่าสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนา เนื่องจากลมเฉือนแนวตั้งต่ำ การไหลออกที่ดีไปทางเส้นศูนย์สูตรในระดับสูง และอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่อบอุ่นอยู่ที่ประมาณ 30 องศาเซลเซียส ในวันเดียวกันนั้นสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) ได้ประกาศว่าหย่อมความกดอากาศต่ำได้พัฒนาจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และได้กำหนดชื่อท้องถิ่นว่า ฮูเลียน เนื่องจากก่อตัวขึ้นภายในพื้นที่รับผิดชอบของประเทศฟิลิปปินส์ พายุดีเปรสชันเขตร้อนกำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เนื่องจากกระแสลมที่อ่อนกำลังลง ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมได้ยกระดับความรุนแรงของพายุดีเปรสชันเขตร้อนโดยสังเกตเห็นศูนย์กลางการหมุนเวียนระดับต่ำที่บดบัง ซึ่งสันนิษฐานว่าอยู่ใจกลางของแถบการหมุนเวียนของพาความร้อนที่จัดระเบียบเป็นหอคอยร้อนแบบกระแสน้ำวน ภาพถ่ายดาวเทียมระบุว่าพายุกำลังค่อย ๆ รวมตัวกันโดยมีแถบเกลียวของการหมุนเวียนลึกขยายไปทั่วสามจตุภาคของพายุ และล้อมรอบศูนย์กลางการหมุนเวียนระดับต่ำ เมื่อเวลา 16:00 น. (09:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด)
- วันที่ 28 กันยายน พายุดีเปรสชันเขตร้อนได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุโซนร้อน และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ใช้ชื่อกับพายุว่า กระท้อน โดยมีแรงกระตุ้นจากลมเฉือนแนวตั้งที่ต่ำ อุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่อบอุ่น และปริมาณความร้อนในมหาสมุทรที่สูง ขณะที่พายุเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ตามขอบตะวันออกเฉียงใต้ของความกดอากาศสูงกึ่งเขตร้อนระดับกลาง อย่างไรก็ตาม พายุโซนร้อนกระท้อนได้เคลื่อนตัวช้าลงในช่วงหกชั่วโมงที่ผ่านมา และตั้งอยู่ในพื้นที่บริเวณจุดตัดต่ำระหว่างชั้นบรรยากาศกึ่งร้อนชื้นสองชั้นลึก ภาพถ่ายดาวเทียมบ่งชี้ว่าลักษณะที่ปรากฏดีขึ้น เนื่องจากลักษณะเมฆปกคลุมหนาแน่นที่ศูนย์กลางการหมุนเวียนเมื่อเวลา 01:00 น. (18:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นได้ยกระดับจากพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรงโดยใช้เทคนิคดีโวรักเพื่อประเมินความรุนแรงโดยอาศัยภาพถ่ายดาวเทียม พายุได้แสดงการไหลออกที่รุนแรงไปทางเส้นศูนย์สูตรควบคู่ไปกับช่องขั้วโลกที่อ่อนลง และในขณะที่เมฆเซอร์รัสที่สังเกตได้บ่งชี้ว่าการไหลออกในแนวรัศมีเริ่มพัฒนาขึ้นเมื่อพายุมีความรุนแรงมากขึ้น
- วันที่ 29 กันยายน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) และศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยกระดับจากพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่น หลังจากที่พายุได้เปิดตาพายุที่กว้าง และมีลักษณะขรุขระ ซึ่งต่อมาก็กลายเป็นเมฆ และพายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือระหว่างความกดอากาศสูงกึ่งเขตร้อนระดับกลาง 2 ลูก
- วันที่ 30 กันยายน ภาพถ่ายดาวเทียมอินฟราเรดได้แสดงให้เห็นว่าตาพายุของพายุไต้ฝุ่นกระท้อน ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 37 กิโลเมตร (23 ไมล์) ล้อมรอบด้วยอุณหภูมิที่อบอุ่นอยู่ที่ประมาณ 14 องศาเซลเซียส ในขณะที่พายุค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และผ่านไปใกล้จังหวัดบาตาเนส พายุมีรูปร่างเป็นวงกลมที่ชัดเจนบนยอดเมฆที่ปกคลุมบริเวณตาพายุโดยมีตาพายุที่หดตัว ซึ่งถูกบดบังอยู่ตรงกลางเมื่อเวลา 04:00 น. (21:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด)
- วันที่ 1 ตุลาคม ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานว่าพายุไต้ฝุ่นกระท้อนถึงระดับความรุนแรงสูงสุดกลายเป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 ด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (160 ไมล์ต่อชั่วโมง) ในเวลา 04:00 น. (21:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ได้ยกระดับความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นกระท้อนให้กลายเป็นพายุไต้ฝุ่นรุนแรงโดยประเมินว่าพายุมีความเร็วลมสูงสุด 10 นาทีที่ 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (120 ไมล์ต่อชั่วโมง) และความกดอากาศที่ 915 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 27.02 นิ้วของปรอท) ในขณะที่พายุเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่ทางตอนเหนือของทะเลจีนใต้ ยอดเมฆของพายุลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 6 ชั่วโมง ที่ผ่านมาท่ามกลางสภาพอากาศที่อบอุ่นวัฏจักรการแทนที่กำแพงตาปรากฎให้เห็นชัดเจนในภาพเรดาร์โดยกำแพงตาชั้นที่สองเกือบจะล้อมรอบตาชั้นในทั้งหมด หลังจากนั้นพายุก็เริ่มอุ่นยอดเมฆขึ้น และแสดงลักษณะตาชั้นที่เต็มไปด้วยเมฆที่อ่อนลง จึงทำให้เกิดการยกตัวขึ้น และปริมาณความร้อนในมหาสมุทรลดลง ในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไต้หวัน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสันเขากึ่งเขตร้อนทางทิศตะวันออก สันเขาอีกแห่งอยู่เหนือทางตอนใต้ของประเทศจีน และทางตอนเหนือของเวียดนาม
- วันที่ 2 ตุลาคม ภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นว่าพายุยังคงสมมาตร และยอดเมฆที่อุ่นขึ้นกลับถูกเปิดเผย เนื่องจากลมเฉือนแนวตั้งที่เพิ่มขึ้น
- วันที่ 3 ตุลาคม พายุไต้ฝุ่นกระท้อนได้เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งเกาสฺยงในประเทศไต้หวันโดยแถบเกลียวของพายุฝนฟ้าคะนองลึกจะค่อย ๆ อ่อนกำลังลงเมื่อเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่ตอนกลางของประเทศไต้หวัน และใกล้กับขอบตะวันตกของเทือกเขาตอนกลาง พายุไต้ฝุ่นกระท้อนเป็นพายุลูกแรกที่เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งทางตะวันตกของประเทศไต้หวัน ซึ่งมีประชากรหนาแน่น และนับตั้งแต่พายุไต้ฝุ่นเทลมาในปี พ.ศ. 2520 หลังจากพายุเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่ง พายุก็เริ่มเคลื่อนตัวช้าลงอย่างรวดเร็ว และสลายลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพาความร้อนเพียงเล็กน้อย และสุดท้ายพายุก็อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุโซนร้อน ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ยุติการเตือนภัยเกี่ยวกับพายุลูกนี้เมื่อเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่ง ซึ่งเทือกเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ที่ขรุขระของประเทศไต้หวันกัดเซาะการหมุนเวียนอากาศลึกที่เกี่ยวข้องกับศูนย์กลางการหมุนเวียนอากาศเป็นส่วนใหญ่ และพายุได้อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนก่อนที่จะสลายตัวในวันต่อมา
การเตรียมการ
[แก้]ประเทศฟิลิปปินส์
[แก้]หลังจากที่สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) ตั้งชื่อพายุก็ได้มีการประกาศสัญญาณลมพายุหมุนเขตร้อนหมายเลข 1 สำหรับจังหวัดบาตาเนส จังหวัดคากายัน จังหวัดอีซาเบลา จังหวัดอาปาเยา จังหวัดอาบรา จังหวัดคาลิงกา ทางตะวันออกและตอนกลางของจังหวัดบูลูบุนดูคิน ทางตะวันออกของจังหวัดอีฟูเกา จังหวัดอีโลโคสนอร์เต ทางเหนือของจังหวัดอีโลโคสซูร์ และทางเหนือของจังหวัดเอาโรรา ในขณะที่พายุโซนร้อนกระท้อนทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง จึงได้ส่งสัญญาณหมายเลข 2 สำหรับทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดคากายัน และทางตะวันออกของหมู่เกาะบาบูยัน ในขณะที่พายุยังคงทวีกำลังแรงขึ้นสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ ได้ยกระดับสัญญาณเตือนภัยระดับ 3 สำหรับทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่เกาะบาบูยันเมื่อวันที่ 29 กันยายน หน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นต่าง ๆ ได้ประกาศระงับการเรียนการสอนในวันที่ 30 กันยายน เนื่องจากพายุมีสภาพอากาศเลวร้าย[3] สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ ได้ยกระดับสัญญาณเตือนภัยระดับ 4 บนจังหวัดบาตาเนส และเกาะบาบูยัน[4] มีการประกาศเตือนภัยสีแดงในคาลายัน และซานตาอานา ในจังหวัดคากายัน[5] เขื่อนมากาตได้เปิดทางน้ำล้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน เพื่อเตรียมรับมือกับระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากพายุ[6] คณะกรรมการการเลือกตั้งได้สั่งขยายระยะเวลาการลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปของดในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดจะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน และในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุ[7] ประชาชนประมาณ 1,110 คน ได้รับการอพยพออกจากหุบเขาเขตลัมบักนางคากายัน[8]
ประเทศไต้หวัน
[แก้]ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินกลางแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ชายฝั่ง และภูเขา ในขณะที่ชายหาดหลายแห่ง อุทยานแห่งชาติ และบริการเรือข้ามฟาก ได้ถูกปิดให้บริการทั่วทั้งเกาะ อ่างเก็บน้ำประมาณ 25 แห่ง ในเกาสฺยงถูกระบายน้ำออกทั้งหมดเพื่อเตรียมรับมือกับพายุ[9][10] สำนักงานอุตุนิยมวิทยากลาง (CWA) ได้ส่งคำเตือนเกี่ยวกับการเดินเรือในช่องแคบบาชิตามด้วยคำเตือนทางชายฝั่งเกี่ยวกับพายุไต้ฝุ่นกระท้อนในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ประเทศไต้หวัน[11] โรงเรียน สำนักงาน และรัฐบาล ทั้งหมดบนเกาะได้รับคำสั่งให้ปิดทำการเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม[12] ผู้คนมากกว่าประมาณ 3,000 คน ได้ถูกอพยพ[13] ในขณะที่ทหารเกือบประมาณ 40,000 นาย ถูกระดมกำลังเพื่อช่วยเหลือ[14] เจ้าหน้าที่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติไต้หวันเถา-ยฺเหวียน ยังได้เตือนถึงการหยุดชะงักของเที่ยวบินอีกด้วย และเจ้าหน้าที่ที่เกาสฺยงได้เรียกร้องให้ประชาชนระมัดระวังเกี่ยวกับพายุโดยระลึกถึงความเสียหายที่เกิดจากพายุไต้ฝุ่นเทลมาในปี พ.ศ. 2520 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเมือง[15]
ผลกระทบ
[แก้]ประเทศฟิลิปปินส์
[แก้]พายุไต้ฝุ่นกระท้อนได้ทำให้เกิดน้ำท่วมในจังหวัดบาตาเนส จังหวัดอีโลโคสนอร์เต และจังหวัดอีโลโคสซูร์[16] ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีผู้สูญหายอีก 1 ราย เนื่องจากกระแสคลื่นลมแรง[17] มีผู้เสียชีวิต 1 ราย หลังจากถูกสายไฟฟ้าที่หล่นลงมาเพราะลมแรงพัดในจังหวัดคากายัน[18] ครอบครัว 2 ครัวเรือน ไร้ที่อยู่อาศัย เนื่องจากดินถล่มในบาเกียว[19] และในขณะที่ครอบครัวประมาณ 26 ครัวเรือน ไร้ที่อยู่อาศัย เนื่องจากน้ำท่วมในจังหวัดอาบรา[20] ดินถล่มได้ปิดกั้นถนนในจังหวัดลาอูนยอน จังหวัดอาบรา และจังหวัดอาปาเยา[21] เครื่องบินขนาดเล็กที่จอดอยู่ที่ท่าอากาศยานบาสโกได้รับความเสียหายจากลมแรง[22] และในขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติลาวักได้รับความเสียหายเล็กน้อย น้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อรันเวย์ของท่าอากาศยานลิงกาเยน และท่าอากาศยานวิกัน การดำเนินงานได้ถูกระงับที่ท่าอากาศยานโลอากัน และท่าอากาศยานซานเฟอร์นันโด เนื่องจากทัศนวิสัยของเมฆต่ำ[23][24]
สำนักงานการกุศลฟิลิปปินส์ได้แจกอาหารประมาณ 3,000 ชุด แก่ชาวจังหวัดอีโลโคสนอร์เตที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นกระท้อน[25] รัฐบาลสหรัฐผ่านเหล่านาวิกโยธินสหรัฐให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน และสนับสนุนการขนส่งทางอากาศ เพื่อตอบสนองต่อความเสียหายที่เกิดจากพายุไต้ฝุ่นกระท้อนโดยเฉพาะในจังหวัดบาตาเนส[26][27] สหรัฐได้ส่งเจ้าหน้าที่ และเครื่องบิน ไปยังประเทศฟิลิปปินส์เพื่อช่วยเหลือในการบรรเทาทุกข์ในจังหวัดบาตาเนสโดยมีเครื่องบินล็อกฮีด มาร์ติน KC-130 2 ลำ จากกองทหารนาวิกโยธินที่ 3 ขนส่งเจ้าหน้าที่ และอุปกรณ์ไปยังฐานทัพอากาศวิลลามอร์ในปาไซ[28] รัฐบาลสหรัฐผ่านหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐได้จัดสรรเงินประมาณ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากพายุในจังหวัดบาตาเนส[29] ในขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ส่งกำลังทหารไปช่วยเหลือกองทัพฟิลิปปินส์ และสำนักงานป้องกันพลเรือนในการจัดส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังพื้นที่ดังกล่าว[30] กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ PZL W-3 โซโคล เพื่อจัดหาเสบียงฉุกเฉิน และบุคลากร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามบรรเทาทุกข์อย่างต่อเนื่องของรัฐบาลสำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุในจังหวัดบาตาเนส[31] ในขณะเดียวกันเรือยูเอสเอส บ็อกเซอร์ (LHD-4) และหน่วยปฏิบัติการนาวิกโยธินที่ 15 กำลังเดินทางถึงประเทศฟิลิปปินส์เพื่อสนับสนุนความพยายามบรรเทาทุกข์หลังจากพายุไต้ฝุ่นกระท้อน[32] ประธานาธิบดีบองบอง มาร์กอส ได้ตรวจสอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในจังหวัดบาตาเนส และจังหวัดอีโลโคสนอร์เต[33] มีการประกาศพื้นที่ 58 แห่ง อยู่ในภาวะภัยพิบัติรวมถึงจังหวัดอีโลโคสนอร์เต จังหวัดบาตาเนส และจังหวัดคากายัน[34] เนื่องจากผลกระทบรุนแรงของพายุ[35][36]
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม คณะกรรมการลดและจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งชาติ (NDRRMC) รายงานว่ามีผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมดประมาณ 119,582 คน โดยผู้คนประมาณ 4,745 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ไฟฟ้าดับใน 19 เมือง และเทศบาล บ้านเรือนประมาณ 39 หลัง ได้รับความเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 8 คน[37] ว่าการมาริลู เคย์โค ได้ประกาศว่าบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ของทั้งหมด บ้านเรือนอีกประมาณ 2,463 หลัง ได้รับความเสียหายทั้งหมดอยูที่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ ในจังหวัดบาตาเนส[38] ระหว่างวันที่ 30 กันยายน ถึง 1 ตุลาคม สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) ในบัสโกได้มีการบันทึกปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ประมาณ 727.8 มิลลิเมตร (28.7 นิ้ว) ซึ่งเกินปริมาณฝนในเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 และทำลายสถิติเดิมของพายุที่มีฝนตกชุกที่สุดในพื้นที่ ซึ่งวัดได้ประมาณ 616.4 มิลลิเมตร (24.3 นิ้ว) ของพายุไต้ฝุ่นรูธในปี พ.ศ. 2534[39] มีการประกาศภาวะภัยพิบัติในจังหวัดอีโลโคสนอร์เต และจังหวัดบาตาเนส เนื่องจากผลกระทบรุนแรงของพายุ[40]
พายุไต้ฝุ่นกระท้อนได้สร้างความเสียหายมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (12.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในจังหวัดบาตาเนส[41] พื้นที่เกษตรกรรมอย่างน้อยประมาณ 147 เฮกตาร์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และพร้อมกับพื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 526.7 เฮกตาร์ ด้วยมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 35.21 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ (714,912.5 ดอลลาร์สหรัฐ) ในเขตอีโลโคส สำนักงานชลประทานแห่งชาติยังกล่าวอีกว่าได้บันทึกความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.57 พันล้านเปโซฟิลิปปินส์ (31.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[42] รัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์มูลค่าอยู่ที่ประมาณ 21.59 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ ( 438,340.61 ดอลลาร์สหรัฐ) และส่งเครื่องบินขนส่งซี-130 เฮอร์คิวลิส ไปส่งมอบความช่วยเหลือ และอพยพผู้คนประมาณ 200 คน ที่ติดค้างอยู่ในจังหวัดบาตาเนส[43][44]
ประเทศไต้หวัน
[แก้]พายุไต้ฝุ่นกระท้อนได้ทำให้ฝนตกหนักนอกชายฝั่ง และเกิดดินถล่มปิดกั้นทางหลวงซู่หัวในเทศมณฑลฮวาเหลียนเมื่อวันที่ 30 กันยายน[45] เรือบรรทุกสินค้าได้เกยตื้นใกล้เกาะออร์คิด ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำมันรั่วไหล และลูกเรือทั้งหมด 19 คน ได้รับการช่วยเหลือ[46] มีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากการพลัดตกในขณะตัดแต่งต้นไม้ในเทศมณฑลฮวาเหลียน[47] และส่วนอีกรายเสียชีวิตในเทศมณฑลไถตง หลังจากรถของเขาชนกับหินที่ร่วงหล่น[48] มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากพายุอย่างน้อยประมาณ 219 คน มีผู้สูญหายอย่างน้อย 2 ราย[49] บ้านเรือนเกือบประมาณ 176,506 หลัง ไม่มีไฟฟ้าใช้[50][51] พายุมักจะเคลื่อนตัวพัดถล่มทางชายฝั่งตะวันออก แต่พายุไต้ฝุ่นกระท้อนกลับไม่ปกติเมื่อเคลื่อนตัวพัดถล่มทางชายฝั่งตะวันตก จึงทำให้สื่อของประเทศไต้หวันบรรยายพายุลูกนี้ว่าเป็นพายุ "ประหลาด"[52]
ดูเพิ่ม
[แก้]หมายเหตุ
[แก้]- ↑ "กระท้อน" เป็นชื่อพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 1 ลำดับที่ 26 ของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกฝั่งเหนือ และส่งโดยประเทศไทย
- ↑ พายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น "ฮูเลียน" (28 ถึง 30 กันยายน พ.ศ. 2557) จากรายงานของสำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA)
- ↑ ความเร็วลมเฉลี่ยนี้ใช้ความเร็วลมเฉลี่ยใน 10 นาที เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ ตัวเลขความเสียหายในบทความนี้เป็นค่าเงินในปี พ.ศ. 2567 เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก[1]
- ↑ ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ – กองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งจะออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และภูมิภาคอื่น ๆ[2]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Annual Report on Activities of the RSMC Tokyo – Typhoon Center 2000" (PDF). Japan Meteorological Agency. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ "Joint Typhoon Warning Center Mission Statement". Joint Typhoon Warning Center. United States Navy. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ "#WalangPasok: Class suspensions on Monday, September 30". ABS-CBN (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-29. สืบค้นเมื่อ 29 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Signal No. 4 up in Batanes as Julian intensifies". ABS-CBN (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-29. สืบค้นเมื่อ 29 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Dalawang bayan sa Cagayan, isinailalim sa red alert dahil kay bagyong Julian". Bombo Radyo Tuguegarao (ภาษาฟิลิปปินส์). 2024-09-29. สืบค้นเมื่อ 29 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Magat Dam in Isabela releases water amid heavy rains due to storm Julian". Philippine Daily Inquirer (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-29. สืบค้นเมื่อ 29 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Comelec to allow voter registration extension in areas affected by Julian". GMA News (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-30. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 September 2024. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
- ↑ "Power failure causes service outage in selected areas hit by 'Agaton'". SUNSTAR (ภาษาอังกฤษ). 2022-04-11. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 April 2022. สืบค้นเมื่อ 13 April 2022.
- ↑ "Schools, offices closed in 6 cities and counties across Taiwan Tuesday". Focus Taiwan (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-30. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 October 2024. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
- ↑ "Taiwan issues land warning for Typhoon Krathon - Focus Taiwan". Focus Taiwan - CNA English News (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-30. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 October 2024. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
- ↑ "Typhoon Krathon landfall in Taiwan more likely in latest forecast". Focus Taiwan (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-29. สืบค้นเมื่อ 29 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Offices, schools across Taiwan to close on Wednesday due to typhoon". Focus Taiwan (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-01. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Taiwan evacuates thousands ahead of Typhoon Krathon". Focus Taiwan (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-01. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Taiwan shuts schools and offices ahead a direct hit from powerful typhoon". Associated Press (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-01. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 October 2024. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
- ↑ "Typhoon, National Day to cause flight disruptions at Taoyuan airport". Focus Taiwan (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-29. สืบค้นเมื่อ 29 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Pagbaha sa Uyugan, Batanes dala ni Bagyong Julian". ABS-CBN (ภาษาฟิลิปปินส์). 2024-09-30. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Typhoon Julian causes flooding in parts of northern Luzon". GMA News (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-29. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Lalaki patay nang mabagsakan ng kable ng kuryente sa Cagayan". Bombo Radyo Tuguegarao (ภาษาฟิลิปปินส์). 2024-09-30. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Rains cause flood, landslides in Baguio City". GMA News (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-30. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Julian forces evacuations, road closures, work suspensions in Northern Luzon". Rappler (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-30. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Julian may become super typhoon; Signal 4 in Batanes". The Philippine Star (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-30. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "5-seater plane damaged due to Julian". GMA News (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-30. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Provincial airports incur damage from Typhoon Julian". Daily Tribune (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-01. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "5 Luzon airports closed due to Super Typhoon Julian, says Caap". Philippine Daily Inquirer (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-01. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Standard, Manila (2024-10-16). "PCSO Extends Aid to "Typhoon Julian" Victims in Ilocos Norte". Manila Standard (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 19 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Rocamora, Joyce Ann (2024-10-05). "US brings emergency aid to 'Julian'-hit northern Luzon". Philippine News Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 5 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "AFP, US troops team up in relief operations for typhoon-hit Batanes" (ภาษาอังกฤษ). ABS-CBN. 2024-10-05. สืบค้นเมื่อ 5 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Esguerra, Darryl John (2024-10-06). "US sends aircraft, personnel to assist in Batanes relief ops". Philippine News Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 6 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Lee-Brago, Pia (2024-10-09). "US to provide P28 million aid for Julian-affected communities". Philstar.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 9 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "US gov't provides assistance as 'Julian' hits Batanes". Manila Bulletin (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-06. สืบค้นเมื่อ 6 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Nepomuceno, Priam (2024-10-10). "PH Air Force deploys 'Sokol' chopper anew for Batanes relief ops". Philippine News Agency (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 10 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Mahadzir, Dzirhan (2024-10-10). "USS Boxer in Philippines for Typhoon Relief, New Zealand to Investigate Sinking of HMNZS Manawanui". news.usni.org (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 13 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Marcos Jr. inspects damaged dike in Ilocos Norte". ABS-CBN (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-04. สืบค้นเมื่อ 4 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Felina, Jason (2024-10-01). "Calayan, Cagayan isinailalim na sa state of calamity dahil sa epekto ng bagyong Julian". Bombo Radyo News (ภาษาฟิลิปปินส์). สืบค้นเมื่อ 4 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Galang, Jovino (2024-10-01). "Batanes at Ilocos Norte nagdeklara na ng State of Calamity dahil sa bagyong Julian". Bombo Radyo News (ภาษาฟิลิปปินส์). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 October 2024. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
- ↑ Anselmo A. Banan (2024-10-07). "State of Calamity, idineklara sa Cagayan dahil sa pinsala ng bagyong Julian". Bombo Radyo Tuguegarao (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 8 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Situational Report No. 5 for TC Julian (2024) (PDF) (Report). Quezon City, Philippines: National Disaster Risk Reduction and Management Council. 1 October 2024. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
- ↑ Rita, Joviland (2024-10-01). "Over 2,400 houses in Batanes damaged due to Julian —gov". GMA News Online (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Rojas, Ariel (2024-10-01). "Wettest day in Batanes: Julian dumps more than two month's rain in 24 hours". ABS-CBN (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 October 2024. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
- ↑ Galang, Bombo Jovino (2024-10-01). "Batanes at Ilocos Norte nagdeklara na ng State of Calamity dahil sa bagyong Julian". Bombo Radyo News (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Julian leaves P600 million worth of damage in Batanes". GMA News (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-02. สืบค้นเมื่อ 2 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Antonio, Jhene Vie (2024-10-02). "Mahigit 147 hectares na taniman, sinira ng bagyong Julian sa Batanes; DA sec., inaasahang darating bukas sa Tuguegarao City". Bombo Radyo News (ภาษาฟิลิปปินส์). สืบค้นเมื่อ 2 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Tourists, residents stranded in Batanes due to Typhoon Julian". GMA News (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-03. สืบค้นเมื่อ 3 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Recovery from Typhoon Julian may take two months, says Batanes governor". Rappler (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-03. สืบค้นเมื่อ 3 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Typhoon Krathon causes mudslides, disrupts traffic". Focus Taiwan (ภาษาอังกฤษ). 2024-09-30. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 October 2024. สืบค้นเมื่อ 30 September 2024.
- ↑ "Grounded ship's crew rescued amid oil spill report near Orchid Island". Focus Taiwan (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-01. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Taiwan shuts down as Typhoon Krathon approaches". France 24 (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-02. สืบค้นเมื่อ 2 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Taiwan shuts down as Typhoon Krathon bears down on island's southwest". Al Jazeera (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-02. สืบค้นเมื่อ 2 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "颱風山陀兒尚未登陸已247件災情2失蹤70傷 公路預警性封閉路段12處|不斷更新". Yahoo News (ภาษาจีน). 2024-10-02. สืบค้นเมื่อ 2 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Taiwan shuts down as Typhoon Krathon approaches". France 24 (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-02. สืบค้นเมื่อ 2 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Grounded ship's crew rescued amid oil spill report near Orchid Island". Focus Taiwan (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-01. สืบค้นเมื่อ 1 October 2024.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Two killed as 'weird' Typhoon Krathon crashes into southwestern Taiwan". aljazeera.com (ภาษาอังกฤษ). 2024-10-03. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 October 2024. สืบค้นเมื่อ 3 October 2024.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- พายุหมุนเขตร้อนระบบดิจิทัล (Digital Typhoon) ข้อมูลของพายุไต้ฝุ่นกระท้อน (2418)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นกระท้อน (2418)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไทย (TMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุไต้ฝุ่นกระท้อน (2418)
- ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ข้อมูลเส้นทางของพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่นกระท้อน (20W)