พายุไซโคลนไพลิน (พ.ศ. 2556)
พายุไซโคลนไพลินขณะมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556 | |
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา | |
---|---|
ก่อตัว | 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556 |
สลายตัว | 14 ตุลาคม พ.ศ. 2556 |
พายุซูเปอร์ไซโคลน | |
3-นาที ของเฉลี่ยลม (IMD) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 260 กม./ชม. (160 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.43 นิ้วปรอท |
พายุไต้ฝุ่น | |
10-นาที ของเฉลี่ยลม (TMD) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 230 กม./ชม. (145 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.43 นิ้วปรอท |
พายุหมุนเขตร้อนระดับ 5 | |
1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS) | |
ความเร็วลมสูงสุด | 315 กม./ชม. (195 ไมล์/ชม.) |
ความกดอากาศต่ำสุด | 890 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์) ; 26.28 นิ้วปรอท |
ผลกระทบ | |
ผู้เสียชีวิต | 46 ราย |
ความเสียหาย | $4.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ค่าเงินปี พ.ศ. 2556 USD) |
พื้นที่ได้รับผลกระทบ | ไทย, พม่า, อินเดีย, เนปาล |
IBTrACS | |
ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุไซโคลนมหาสมุทร อินเดียเหนือ พ.ศ. 2556 |
พายุซูเปอร์ไซโคลนไพลิน (อักษรโรมัน: Phailin)[nb 1] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดในบริเวณมหาสมุทรอินเดียเหนือในช่วงปี พ.ศ. 2556[1] และเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดที่เข้าชายฝั่งประเทศอินเดียนับตั้งแต่พายุไซโคลนรัฐโอฑิศาในปี พ.ศ. 2542 พายุลูกนี้ถูกบันทึกครั้งแรกว่าเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ภายในอ่าวไทยทางตะวันตกของพนมเปญ และในอีกไม่กี่วันต่อมา พายุก็ได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกภายในบริเวณที่มีลมเฉือนแนวตั้งระดับต่ำถึงปานกลางก่อนที่พายุจะเคลื่อนตัวออกจากแอ่งมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกในวันที่ 6 ตุลาคม เมื่อพายุเคลื่อนตัวผ่านคาบสมุทรมลายู และเคลื่อนตัวเข้าสู่ทะเลอันดามันในวันต่อมา และพายุก็เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นเพื่อการพัฒนาต่อไปก่อนที่พายุลูกนี้จะได้รับการตั้งชื่อในวันที่ 9 ตุลาคม หลังจากที่พายุได้พัฒนาเป็นพายุไซโคลน และเคลื่อนตัวผ่านหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์เพื่อเข้าสู่อ่าวเบงกอล[2]
วันต่อมาพายุไซโคลนไพลินได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และได้กลายเป็นพายุไซโคลนกำลังแรงมากเทียบเท่ากับมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 1 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน ในวันที่ 10 ตุลาคม วันต่อมาพายุลูกนี้ก็ได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุซูเปอร์ไซโคลนที่มีความเร็วลมเทียบเท่ากับมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 5 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน หลังจากนั้นพายุก็เริ่มอ่อนกำลังลงในขณะที่เคลื่อนตัวเข้าใกล้รัฐโอฑิศา และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งใกล้กับโกปาลปุระในชายฝั่งรัฐโอฑิศาของวันที่ 12 ตุลาคม พายุไซโคลนไพลินอ่อนกำลังลงเมื่อขึ้นฝั่ง และกลายเป็นพายุหมุนเขตร้อนระดับ 1 อันเป็นผลมาจากแรงเสียดทานก่อนที่จะถูกบันทึกเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม เนื่องจากพายุอ่อนกำลังลงเป็นบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำที่ชัดเจน
เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลรัฐโอฑิศาเปิดเผยว่าอาจมีประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 12 ล้านคน พายุไซโคลนไพลินทำให้ประเทศอินเดียต้องอพยพประชาชนครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 23 ปี โดยมีประชาชนมากกว่าประมาณ 550,000 คน อพยพจากแนวชายฝั่งในรัฐโอฑิศา และรัฐอานธรประเทศ ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัยกว่า พายุได้ทำให้เกิดความเสียหายในประเทศอินเดียอยู่ที่ประมาณ 260 พันล้านรูปี (4.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)[3][nb 2][nb 3]
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา
[แก้]ประวัติทางอุตุนิยมวิทยาของพายุไซโคลนไพลิน
- วันที่ 4 ตุลาคม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA)[nb 4] เริ่มติดตามความเคลื่อนไหวของพายุดีเปรสชันเขตร้อนที่กำลังก่อตัวในอ่าวไทยห่างจากนครโฮจิมินห์ไปทางตะวันตกประมาณ 400 กิโลเมตร (250 ไมล์) ของประเทศเวียดนาม และในอีกสองสามวันต่อมา พายุก็ได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกภายในบริเวณที่มีลมเฉือนแนวตั้งระดับต่ำถึงปานกลางก่อนที่จะเคลื่อนตัวผ่านคาบสมุทรมลายู
- วันที่ 6 ตุลาคม พายุดีเปรสชันเขตร้อนสลายตัวกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ แต่สลายตัวได้ไม่นานนัก และพายุก็เคลื่อนตัวออกจากแอ่งแปซิฟิกตะวันตก
- วันที่ 7 ตุลาคม หย่อมความกดอากาศต่ำได้รับอิทธิพลจากทะเลส่งผลให้มีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในเวลาต่อมา และพายุก็เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลอันดามัน
- วันที่ 8 ตุลาคม ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC)[nb 5] ออกประกาศคำเตือนพายุดีเปรสชันเขตร้อนดังกล่าว และในช่วงเช้าของวันนี้สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD)[nb 6] จะเริ่มติดตามความเคลื่อนไหวของพายุในฐานะพายุดีเปรสชันเขตร้อนเช่นกัน
- วันที่ 9 ตุลาคม ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ออกประกาศว่าพายุได้มีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน พายุได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาเพิ่มเติม ก่อนที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) ยกระดับหย่อมความกดอากาศต่ำให้กลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนในช่วงเช้า เนื่องจากพายุมีกำลังแรงขึ้น และรวมตัวกันมากขึ้น ก่อนที่พายุจะอ่อนกำลังลงเล็กน้อยเมื่อเคลื่อนตัวผ่านมายาบุนเดอร์ในหมู่เกาะอันดามัน และเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเบงกอล หลังจากนั้นพายุก็ปรับโครงสร้างใหม่อย่างรวดเร็วเมื่อเคลื่อนตัวไปตามขอบทิศใต้ของสันเขาความกดอากาศสูงกึ่งเขตร้อน สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียรายงานว่าพายุได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุไซโคลน และตั้งชื่อกับพายุว่า ไพลิน
- วันที่ 10 ตุลาคม พายุไซโคลนไพลินได้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นพายุไซโคลนกำลังแรงมาก ซึ่งเป็นพายุหมุนเขตร้อนระดับ 1 ในช่วงเช้า และเคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าสู่รัฐเบงกอลตะวันตก
- วันที่ 11 ตุลาคม พายุไซโคลนไพลินได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุไซโคลนกำลังแรงอย่างมาก หรือพายุซูเปอร์ไซโคลน นับเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่พายุซูเปอร์ไซโคลนซีดร์ ซึ่งเคยพัดถล่มประเทศบังกลาเทศในปี พ.ศ. 2550 หลังจากที่แถบการพาความร้อนในชั้นบรรยากาศได้ห่อหุ้มศูนย์กลางการหมุนเวียนระดับต่ำของพายุ และก่อตัวเป็นลักษณะตาพายุในช่วงบ่ายของวันนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) รายงานว่าพายุได้กลายเป็นพายุซูเปอร์ไซโคลน และก่อนที่ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) จะรายงานว่าพายุไซโคลนไพลินได้กลายเป็นพายุหมุนเขตร้อนระดับ 5 หลังจากที่พายุทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดทั้งวันนี้
- วันที่ 12 ตุลาคม พายุไซโคลนไพลินได้ผ่านวัฏจักรการแทนที่กำแพงตา และก่อตัวเป็นกำแพงตาพายุใหม่ ซึ่งต่อมาได้มีการรวมตัวกัน หลังจากที่กำแพงตาพายุใหม่ได้ทำให้พายุมีกำลังแรงขึ้นอีกเล็กน้อยในช่วงเช้าของวันนี้ ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) รายงานว่าพายุได้เข้าสู่ระดับความรุนแรงสูงสุดโดยมีกำลังแรงสูงสุดด้วยความเร็วลม 1 นาทีที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (160 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเทียบเท่ากับมีความเข้มข้นเทียบเท่าหมวด 5 ในระดับลมมาตราเฮอริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน ในช่วงเช้า และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) รายงานความเร็วลมสูงสุด 3 นาทีที่ 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (160 ไมล์ต่อชั่วโมง)[nb 7] ความกดอากาศต่ำของพายุได้ถูกประเมินอย่างเป็นทางการที่ 895 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 26.43 นิ้วของปรอท)
- วันที่ 13 ตุลาคม พายุไซโคลนไพลินได้อ่อนกำลังลงแล้วเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่กลิงคปัตนัม เนื่องจากมีการเปลี่ยนกำแพงตาพายุเป็นรอบที่สองก่อนที่ตาพายุจะเริ่มเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วในขณะที่พายุกำลังเคลื่อนตัวขึ้นชายฝั่งประเทศอินเดีย และในเวลาต่อมาพายุได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งใกล้กับโกปาลปุระเมื่อเวลาประมาณ 22:30 น. (15:30 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) ซึ่งใกล้ระดับความรุนแรงสูงสุด หลังจากที่พายุเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ได้ออกคำแนะนำสุดท้ายเกี่ยวกับพายุไซโคลนไพลิน
- วันที่ 14 ตุลาคม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) รายงานว่าพายุได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุไซโคลน พายุไซโคลนไพลินอ่อนกำลังลงจนกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำที่มีความชัดเจน และสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียได้ออกคำแนะนำสุดท้ายเกี่ยวกับพายุลูกนี้
การเตรียมการและผลกระทบ
[แก้]ประเทศอินเดีย
[แก้]ประเทศอินเดียได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนไพลินที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 46 ราย และเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจสูงถึงประมาณ 260 พันล้านรูปี (4.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)[7]
หมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์
[แก้]เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) ได้ออกคำเตือนหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ว่าจะมีการบันทึกความเร็วลมกระโชกแรงถึงระดับปานกลางเหนือหมู่เกาะ และพื้นที่ทะเลโดยรอบ[8] ในอีกสองวันข้างหน้ายังมีการออกคำเตือนด้วยว่าจะมีฝนตกหนักถึงระดับหนักมากเกิดขึ้นบนเกาะในขณะที่กระท่อมมุงจากไฟฟ้า และสายสื่อสารได้รับความเสียหายบางส่วน คำเตือนเหล่านี้ดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 11 ตุลาคม[9] เมื่อสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียสังเกตว่าจะไม่มีสภาพอากาศเลวร้ายอีกต่อไปจะเกิดขึ้นเหนือหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ภายในหมู่เกาะ[10] สำนักงานบริการสุขภาพได้เปิดค่ายแพทย์ในรังกัตในขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจ และบริการดับเพลิง ทั้งหมดได้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีผู้เสียชีวิตระหว่างวันที่ 8 ถึง 10 ตุลาคม[11] มีการบันทึกปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ประมาณ 734 มิลลิเมตร (28.9 นิ้ว) และ 434 มิลลิเมตร (17.1 นิ้ว) บนเกาะมายาบุนเดอร์[12] และเกาะลองไอส์แลนด์[13]
รัฐโอฑิศา
[แก้]รัฐบาลของรัฐโอฑิศา และสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งรัฐโอฑิศาได้อพยพประชาชนเกือบล้านคนไปยังศูนย์หลบภัยจากพายุไซโคลนไพลิน[14] สัญญาณเตือนพายุในระยะไกลได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 แห่ง ที่ท่าเรือปาราดีป และโกปาลปุระ[15] รัฐมุขมนตรีของรัฐโอฑิศาได้เขียนจดหมายถึงรัฐมนตรีกลาโหมของสหภาพเพื่อขอความช่วยเหลือจากบุคลากรกลาโหมโดยเฉพาะกองทัพอากาศ และกองทัพเรือ สำหรับปฏิบัติการกู้ภัย[16] บรรเทาทุกข์รัฐโอฑิศาได้จัดเตรียมอาหารประมาณกว่า 1 ล้านชุด เพื่อบรรเทาทุกข์[17] เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศอินเดียได้รับการจัดเตรียมไว้เพื่อเตรียมพร้อมในรัฐเบงกอลตะวันตกเพื่อเข้ามาช่วยเหลือในระยะเวลาอันสั้น ผู้คนประมาณ 1.1 ล้านคน ได้รับการอพยพ หลังจากพายุเคลื่อนตัวผ่านไป และน้ำท่วมที่ตามมาในรัฐ ฝนตกหนักส่งผลให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตในภุพเนศวร[18] หลังจากที่ต้นไม้สูงโค่นล้มลงทับลมกระโชกแรงทำให้ต้นไม้ และสายไฟฟ้าล้มทับ[19] นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่าพายุฝนฟ้าคะนองได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกประมาณ 7 ราย ในรัฐโอฑิศา บาลิมุนดาลีในรัฐโอฑิศาได้รับปริมาณน้ำฝนอยู่ที่ประมาณ 381 มิลลิเมตร (15 นิ้ว) และ 305 มิลลิเมตร (12 นิ้ว) ในช่วง 24 ชั่วโมง ของวันที่ 13 ตุลาคม[20]
ขณะที่พายุไซโคลนไพลินกำลังเคลื่อนตัวเข้าฝั่งความเร็วลมของพายุได้เพิ่มขึ้นจาก 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (62 ไมล์ต่อชั่วโมง) เป็น 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (120 ไมล์ต่อชั่วโมง) ภายใน 30 นาที พรหมปุระเมืองที่อยู่ใกล้จุดขึ้นฝั่งที่สุดได้รับความเสียหายจากลมกระโชกแรง ต้นไม้หักโค่น เสาไฟฟ้าโค่นล้มลง และกำแพงพังทลายในหลายพื้นที่ของเมือง อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือชีวิตตามรายงานของตำรวจเมืองเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม มีรายงานผู้เสียชีวิตจากรัฐโอฑิศาอยู่ที่ประมาณ 44 ราย[21] คลื่นลมแรงที่ซัดเข้าท่วมทะเลสาบชิลิกา ทะเลสาบชายฝั่งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอินเดีย และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์กับพืชที่ใกล้สูญพันธุ์จำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะฟื้นตัว ป่าชายเลนถูกถอนรากถอนโคนไปเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร น้ำทะเลได้ทิ้งพื้นที่จำนวนมากไว้ ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับการปลูกต้นไม้ หรือพืชป่า แม้ว่าพายุจะช่วยชีวิตสัตว์ประจำถิ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของชิลิกาอย่างปลาโลมา แต่ก็ยังมีความกังวลบางประการ[22] ความสูญเสียทั่วทั้งรัฐโอฑิศาอยู่ที่ประมาณ 42.4 พันล้านรูปี (696 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[23] พายุไซโคลนไพลินได้สร้างความเสียหายให้กับพืชผลทางการเกษตรมากกว่าประมาณ 500,000 เฮกตาร์ ทั่วทั้งรัฐ[24]
รัฐอานธรประเทศ
[แก้]รัฐบาลของรัฐอานธรประเทศ และหัวหน้าคณะรัฐมนตรี ได้เข้าพบตัวแทนของกองทัพบก และกองทัพเรือ เพื่อขอความช่วยเหลือหากจำเป็น[25] พนักงานสาธารณูปโภคที่ถูกหยุดงานได้มีการประท้วงในเขตรัฐอานธรประเทศให้ยกเลิกการหยุดงาน และได้มีการประท้วงบางส่วน เนื่องมาจากพายุที่คุกคามเขตชายฝั่ง[26] รัฐบาลของรัฐได้สั่งอพยพประชาชนประมาณ 64,000 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่ม และเขตชายฝั่งของรัฐ[27] เพื่อรอดพ้นจากพายุไซโคลนไพลิน อย่างไรก็ตาม อำเภอศรีกากุลัมได้ประสบกับพายุฝนฟ้าคะนองจนต้นไม้ และเสาไฟฟ้าโค่นล้มลง จึงส่งผลกระทบให้ไฟฟ้าดับในบางพื้นที่ทั่วทั้งรัฐ[28] มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และมีความเสียหายเป็นมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านรูปี (8.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[29] ประชาชนประมาณ 134,426 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่หลังจากพายุเคลื่อนตัวผ่านไป และได้สลายไป[30]
รัฐฌารขัณฑ์
[แก้]ในวันที่ 13 ตุลาคม ฝนตกหนักจากหางของพายุไซโคลนไพลินได้ถล่มรัฐฌารขัณฑ์ด้วยปริมาณน้ำฝนรวมอยู่ที่ประมาณ 74.6 มิลลิเมตร (2.94 นิ้ว) ถูกบันทึกไว้ที่รางจีในขณะที่ชัมเศทปุระได้มีการบันทึกปริมาณน้ำฝนได้อยู่ที่ประมาณ 52.4 มิลลิเมตร (2.06 นิ้ว) และอำเภอโบการอได้บันทึกปริมาณน้ำฝนได้อยู่ที่ประมาณ 58.4 มิลลิเมตร (2.30 นิ้ว)[31] ตำรวจระบุว่าไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตจากฝนตกในอำเภอกิริดีห์ยกเว้นฟ้าผ่าในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย กรมจัดการภัยพิบัติ และหน่วยงานบริหารเขตกำลังติดตามสถานการณ์ดังกล่าว กระท่อมอย่างน้อยประมาณ 400 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังจากที่ฝนตกหนักพร้อมกับลมแรงในอำเภอปากูร์ของรัฐฌารขัณฑ์ ฝนที่ตกหนักทำให้เสาสะพานแม่น้ำอีร์กา 3 ต้น ได้รับความเสียหายในอำเภอกิริดีห์[32]
รัฐอื่น ๆ ของประเทศอินเดีย
[แก้]พื้นที่ของรัฐเบงกอลตะวันตก รัฐฉัตตีสครห์ รัฐพิหาร และทางตะวันออกของรัฐอุตตรประเทศ มีแนวโน้มที่จะประสบกับพายุฝนฟ้าคะนองมีความเสี่ยงที่ต้นไม้หักโค่น และเสาไฟฟ้าหักโค่น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรงเท่ากับในรัฐโอฑิศา และรัฐอานธรประเทศ เรือบรรทุกสินค้าเอ็มวี บิงโก เกรงว่าจะจมลงในทะเลที่มีคลื่นลมแรงนอกชายฝั่งของรัฐเบงกอลตะวันตก เนื่องจากพายุไซโคลนไพลิน เจ้าหน้าที่รักษาชายฝั่งได้พบลูกเรือประมาณ 20 คน ในเรือชูชีพ และได้รับการช่วยเหลือ[33]
ประเทศเนปาล
[แก้]ทางตะวันออกของประเทศเนปาลได้ประสบกับพายุฝนฟ้าคะนองในขณะที่ตอนกลาง และทางตะวันตกของประเทศ มีฝนตกเล็กน้อย ฝนเริ่มตกทางตะวันออกตั้งแต่เช้าตรู่ของวันที่ 13 ตุลาคม และเริ่มตกในตอนกลางเช่นกันในช่วงบ่าย ผลกระทบจากพายุไซโคลนไพลินยังคงดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม[34] เทศกาลดาไซน์อันยิ่งใหญ่ของประเทศเนปาลได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกในเดือนตุลาคม จึงทำให้เกิดน้ำท่วมในแม่น้ำโคสี และแม่น้ำคัณฑกี ในประเทศเนปาล[35]
ดูเพิ่ม
[แก้]- ฤดูพายุไซโคลนมหาสมุทรอินเดียเหนือ พ.ศ. 2556
- พายุไต้ฝุ่นเกย์ พ.ศ. 2532 เป็นพายุไซโคลนที่มีเส้นทางที่คล้ายกัน
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ "ไพลิน" เป็นชื่อพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 4 ลำดับที่ 8 ของมหาสมุทรอินเดียเหนือ และส่งโดยประเทศไทย
- ↑ ตัวเลขความเสียหายในบทความนี้เป็นค่าเงินในปี พ.ศ. 2556 เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
- ↑ พายุไซโคลนไพลินเป็นพายุที่สร้างความเสียหายมากเป็นอันดับ 8 ในมหาสมุทรอินเดียเหนือ ด้วยมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ประมาณ 4.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ↑ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก[4]
- ↑ ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างกองทัพเรือสหรัฐ – กองทัพอากาศสหรัฐ ซึ่งจะออกประกาศเตือนภัยพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และภูมิภาคอื่น ๆ[5]
- ↑ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรอินเดียเหนือ[6]
- ↑ ความเร็วลมเฉลี่ยนี้ใช้ความเร็วลมเฉลี่ยใน 3 นาที เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Why cyclone Phailin is named so". web.archive.org (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-11. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-11. สืบค้นเมื่อ 11 October 2013.
- ↑ "Very Severe Cyclonic Storm, PHAILIN over the Bay of Bengal (08-14 October 2013) : A Report" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). IMD. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 6 November 2013. สืบค้นเมื่อ 20 October 2013.
- ↑ "Cyclone Phailin triggers India's biggest evacuation operation in 23 years" (ภาษาอังกฤษ). NDTV. 2013-10-12. สืบค้นเมื่อ 13 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Annual Report on Activities of the RSMC Tokyo – Typhoon Center 2000" (PDF). Japan Meteorological Agency. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ "Joint Typhoon Warning Center Mission Statement". Joint Typhoon Warning Center. United States Navy. 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 26, 2007. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ "RSMCs and TCWCs". World Meteorological Organization. 2011. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
- ↑ "Bearing the brunt". The Tribune (ภาษาอังกฤษ). 2019-05-29. สืบค้นเมื่อ 30 May 2019.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Regional Specialized Meteorological Center New Delhi, India (2013-10-08). "Cyclone Warning For Indian Coast, BOB 04/2013/01" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). India Meteorological Department. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 9 October 2013. สืบค้นเมื่อ 10 October 2013.
- ↑ Giles, Denis (2013-10-09). "Flood Following Heavy Rains and Cyclonic Weather Badly Affects Andamans". Andaman Chronicle (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 October 2013. สืบค้นเมื่อ 11 October 2013.
- ↑ Regional Specialized Meteorological Center New Delhi, India (2013-10-11). "Cyclone Warning For Indian Coast, BOB 04/2013/22" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). India Meteorological Department. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 11 October 2013. สืบค้นเมื่อ 12 October 2013.
- ↑ "All India Weather Summary October 8, 2013" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). India Meteorological Department. 2013-10-08. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 8 December 2015. สืบค้นเมื่อ 13 October 2013.
- ↑ "All India Weather Summary October 9, 2013" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). India Meteorological Department. 2013-10-09. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 13 October 2013. สืบค้นเมื่อ 13 October 2013.
- ↑ "All India Weather Summary October 10, 2013" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). India Meteorological Department. 2013-10-10. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 13 October 2013. สืบค้นเมื่อ 13 October 2013.
- ↑ "Cyclone Devastation Averted: India Weathers Phailin". World Bank (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-17. สืบค้นเมื่อ 22 October 2019.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Odisha, Andhra Pradesh brace for Cyclone Phailin". The Times of India (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-10. สืบค้นเมื่อ 10 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Odisha, Andhra Pradesh brace for Cyclone Phailin". The Times of India (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-10. สืบค้นเมื่อ 10 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Cyclone Phailin Live: Odisha fears a repeat of 1999 super-cyclone" (ภาษาอังกฤษ). Zee News. 2013-10-11. สืบค้นเมื่อ 11 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Karan, Jajati (2013-10-12). "Cyclone Phailin: One dead in Bhubaneswar as heavy rains lash Odisha". IBN Live (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 October 2013. สืบค้นเมื่อ 27 October 2013.
- ↑ "Cyclone Phailin live: 1 dead in Odisha during rain as storm approaches". CNN-IBN (ภาษาอังกฤษ). IBN Live. 2013-10-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 October 2013. สืบค้นเมื่อ 12 October 2013.
- ↑ "Storm 60 km away from coast, 5 lakh people moved out" (ภาษาอังกฤษ). ibnlive.in.com. 2013-10-12. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 October 2013. สืบค้นเมื่อ 12 October 2013.
- ↑ Special Correspondent (2013-10-18). "Odisha's death toll after cyclone, floods climbs to 44". The Hindu (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 30 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Hindustan Times – Archive News" (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-17. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 October 2013. สืบค้นเมื่อ 12 September 2014.
- ↑ "Cyclone Phailin: Odisha seeks Rs 4,242 crore assistance from Centre" (ภาษาอังกฤษ). Firstpost. 2012-10-21. สืบค้นเมื่อ 3 October 2018.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Recovery challenge looms in Odisha, Andhra Pradesh" (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-13. สืบค้นเมื่อ 13 October 2013.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Live: Odisha, Andhra on alert as cyclone Phailin upgraded to super storm" (ภาษาอังกฤษ). Firstpost. 2013-10-11. สืบค้นเมื่อ 11 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Relief for Seemandhra after power staff call off strike". The Times of India (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-11. สืบค้นเมื่อ 11 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Cyclone brings respite from agitation". The Hindu (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-10. สืบค้นเมื่อ 14 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ Patnaik, Santosh (2013-10-13). "Phailin batters Berhampur". The Hindu (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 13 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ "Phailin claims one life in Andhra Pradesh, inflicts Rs 50cr damages". Times of India (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-14. สืบค้นเมื่อ 30 October 2013.
{{cite web}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์) - ↑ India Meteorological Department. "Very Severe Cyclonic Strom Phailin – Preliminary Report" (PDF) (ภาษาอังกฤษ). India Meteorological Department. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 6 November 2013. สืบค้นเมื่อ 2 November 2013.
- ↑ "Cyclone Phailin: Heavy rains lash Jharkhand today" (ภาษาอังกฤษ). IBN News. 2013-10-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 October 2013. สืบค้นเมื่อ 13 October 2013.
- ↑ "Phailin effect: 400 hutments destroyed in Jharkhand | India News Analysis, Op-Eds and Podcasts on Niti Central" (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 September 2014. สืบค้นเมื่อ 12 September 2014.
- ↑ "Crew of MV Bingo rescued". Sino Ship News (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-15. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 December 2013. สืบค้นเมื่อ 11 October 2014.
- ↑ "Rainfall across Nepal' Phailin impact to continue tomorrow also". The Himalayan (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 October 2013. สืบค้นเมื่อ 21 October 2013.
- ↑ "Heavy rains lash Bihar post Cyclone Phailin, one killed". The Indian Express (ภาษาอังกฤษ). 2013-10-14. สืบค้นเมื่อ 21 October 2013.
{{cite news}}
: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไทย (TMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุไซโคลนไพลิน (1305)
- สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดีย (IMD) ข้อมูลเส้นทางของพายุซูเปอร์ไซโคลนไพลิน (BOB 04)
- ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ข้อมูลเส้นทางของพายุซูเปอร์ไซโคลนไพลิน (02B)
- พายุหมุนเขตร้อนระดับ 5
- พายุหมุนเขตร้อน
- พายุซูเปอร์ไซโคลน
- พายุไซโคลน
- ภัยธรรมชาติในปี พ.ศ. 2556
- ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2556
- ประเทศพม่าในปี พ.ศ. 2556
- ประเทศอินเดียในปี พ.ศ. 2556
- ประเทศเนปาลในปี พ.ศ. 2556
- บทความพายุหมุนเขตร้อน
- พายุไซโคลนในประเทศไทย
- พายุไซโคลนในประเทศพม่า
- พายุไซโคลนในประเทศอินเดีย
- พายุไซโคลนในประเทศเนปาล
- ภัยพิบัติในประเทศไทย
- ภัยพิบัติในประเทศพม่า
- ภัยพิบัติในประเทศอินเดีย
- ภัยพิบัติในประเทศเนปาล