ข้ามไปเนื้อหา

พายุเฮอริเคนแพทริเซีย (พ.ศ. 2558)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พายุเฮอริเคนแพทริเซีย
พายุเฮอริเคนแพทริเซียขณะมีกำลังแรงสูงสุด
เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา
ก่อตัว20 ตุลาคม พ.ศ. 2558
สลายตัว24 ตุลาคม พ.ศ. 2558
พายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 5
1-นาที ของเฉลี่ยลม (SSHWS/NWS)
ความเร็วลมสูงสุด215 ไมล์/ชม. (345 กม./ชม.)
ความกดอากาศต่ำสุด872 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล)
; 25.75 นิ้วปรอท

(เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความกด
อากาศต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติ
การณ์ทั่วโลก)
ผลกระทบ
ผู้เสียชีวิต13 ราย
ความเสียหาย$484 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(ค่าเงินปี พ.ศ. 2558 USD)
พื้นที่ได้รับผลกระทบเม็กซิโก, เท็กซัส
IBTrACS

ส่วนหนึ่งของ ฤดูพายุเฮอริเคนแปซิฟิก พ.ศ. 2558

พายุเฮอริเคนแพทริเซีย (อักษรโรมัน: Patricia)[nb 1] เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออกในช่วงปี พ.ศ. 2558 พายุเฮอริเคนแพทริเซียเป็นพายุที่มีความรุนแรงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากพายุไต้ฝุ่นทิปในปี พ.ศ. 2522 เท่าที่มีการบันทึกไว้ในประวัติการณ์ทั่วโลก และด้วยความกดอากาศที่ 872 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 25.75 นิ้วของปรอท)[1] และเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนลูกที่ 28, พายุโซนร้อนลูกที่ 24 และพายุเฮอริเคนลูกที่ 12 ในฤดูพายุเฮอริเคนแปซิฟิก พ.ศ. 2558 ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ที่แผ่ขยายใกล้อ่าวเตฮวนเตเปกทางตอนใต้ของประเทศเม็กซิโก และพายุลูกนี้เริ่มได้รับการจัดประเภทเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ในช่วงแรกพายุก่อตัวค่อนข้างช้า และมีกำลังแรงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นเพียงหนึ่งวัน ต่อมาพายุก็ได้ทวีกำลังแรงขึ้นจนกลายเป็นพายุโซนร้อนด้วยสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยเป็นพิเศษ เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูง ความชื้นในชั้นบรรยากาศมาก และแรงลมเฉือนต่ำ เป็นต้น กระตุ้นให้เกิดการทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วในวันที่ 22 ตุลาคม เกิดตาพายุที่ชัดเจนขึ้นภายในเมฆหนาทึบบริเวณศูนย์กลางของพายุ และพายุโซนร้อนแพทริเซียก็ได้กลายเป็นพายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 5 ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ซึ่งถือว่ามีความรุนแรงเกือบเป็นประวัติการณ์ พายุเฮอริเคนแพทริเซียได้มีกำลังแรงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 215 ไมล์ต่อชั่วโมง (345 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)[nb 2] และความกดอากาศที่ 872 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 25.75 นิ้วของปรอท) ในวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งทำให้พายุลูกนี้ได้กลายเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีความรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกในซีกโลกตะวันตก พายุเฮอริเคนแพทริเซียได้อ่อนกำลังลงอย่างมาก และเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งใกล้กับรัฐฮาลิสโกในประเทศเม็กซิโกด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 150 ไมล์ต่อชั่วโมง (240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งทำให้พายุลูกนี้ยังคงเป็นพายุที่เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมาในขณะนั้นจนกระทั่งถูกทำลายสถิติโดยพายุเฮอริเคนโอติสในปี พ.ศ. 2566 พายุเฮอริเคนแพทริเซียยังคงอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพายุได้ปะทะกับภูมิประเทศที่เป็นภูเขาของประเทศเม็กซิโกโดยภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง หลังจากเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง พายุก็ได้อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และสลายตัวไปในเวลาต่อมาไม่นานในช่วงค่ำของวันที่ 24 ตุลาคม[2] นอกจากนี้ ยังเป็นพายุที่แรงที่สุดในประวัติการณ์ในแง่ของความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 345 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (215 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเท่ากับพายุไต้ฝุ่นแนนซีในปี พ.ศ. 2504 และพายุไต้ฝุ่นทิปในปี พ.ศ. 2522 และเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงที่สุดในโลกในปี พ.ศ. 2558 อีกด้วย

พายุเฮอริเคนแพทริเซียเป็นพายุลูกก่อนหน้าที่ทำให้เกิดน้ำท่วม และฝนตกหนัก เป็นบริเวณกว้างในอเมริกากลาง[3] ประชาชนประมาณ 200,000 คน ได้รับผลกระทบโดยตรงจากพายุลูกนี้โดยเฉพาะอยู่ในประเทศกัวเตมาลา[4] มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย จากเหตุการณ์นี้ เช่น ในประเทศเอลซัลวาดอร์ 4 ราย ในประเทศกัวเตมาลา 1 ราย และในประเทศนิการากัว 1 ราย เป็นต้น[5] พายุฝนฟ้าคะนองได้แผ่ขยายไปยังทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเม็กซิโกโดยพื้นที่ในรัฐกินตานาโร และเบรากรุซ มีรายงานปริมาณน้ำฝนสะสมมากกว่าประมาณ 500 มิลลิเมตร (19.7 นิ้ว)[6] ความเสียหายในเชตูมัลมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 1.4 พันล้านเปโซเม็กซิโก (85.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[7]

พายุเฮอริเคนแพทริเซียเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในประเทศเม็กซิโก อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชนบท ซึ่งช่วยให้จำนวนผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงลดลง[8] ลมแรงได้พัดหลังคาบ้านเรือนเสียหาย และพืชผลทางการเกษตรต่าง ๆ ในพื้นที่ชายฝั่งได้หายไป[9] การประเมินเบื้องต้นระบุว่าบ้านเรือนหลายร้อยหลังได้รับความเสียหายอย่างหนัก[10] มีผู้เสียชีวิตประมาณ 7 ราย ที่เชื่อมโยงกับพายุทั้งโดยตรง และโดยอ้อม รวมถึงผู้เสียชีวิต 1 ราย ระหว่างการอพยพ[11] ความเสียหายในประเทศเม็กซิโกเป็นเพียงประเทศเดียวที่ประเมินไว้สูงอยู่ที่ประมาณ 5.4 พันล้านเปโซเม็กซิโก (325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยความเสียหายส่วนใหญ่เกิดจากพื้นที่เกษตรกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน[12] น้ำท่วมบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับความชื้นที่หลงเหลือจากพายุเฮอริเคนแพทริเซียได้สร้างความเสียหายประมาณ 52.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั่วทางตอนใต้ของรัฐเท็กซัส[13] ความเสียหายโดยรวมประมาณ 484 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[nb 3]

ประวัติทางอุตุนิยมวิทยา

[แก้]
แผนที่แสดงเส้นทาง และความรุนแรงของพายุตามมาตราส่วนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน
ความรุนแรงของพายุ
  พายุดีเปรสชันเขตร้อน (≤62 กม./ชม.)
  พายุโซนร้อน (63–117 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 1 (118–153 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 2 (154–177 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 3 (178–208 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 4 (209–251 กม./ชม.)
  พายุเฮอริเคนระดับ 5 (≥252 กม./ชม.)
  พายุที่ไม่ทราบความเร็วลม
ประเภทของพายุ
■ พายุหมุนกึ่งเขตร้อน
▲ พายุหมุนนอกเขตร้อน / หย่อมความกดอากาศต่ำที่หลงเหลือ / รบกวนของเขตร้อน / ลมมรสุมพายุดีเปรสชันเขตร้อน

ประวัติทางอุตุนิยมวิทยาของพายุเฮอริเคนแพทริเซีย

  • วันที่ 11 ตุลาคม พื้นที่ของสภาพอากาศแปรปรวนได้พาดผ่านอเมริกากลาง และเคลื่อนตัวออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกบริเวณอ่าวเตฮวนเตเปก หย่อมความกดอากาศต่ำดังกล่าวได้เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ในช่วงหลายวันถัดมา และพัฒนาเป็นกระแสน้ำวนอเมริกากลาง หรือกระแสลมมรสุมกว้างขวางที่มีลักษณะคล้ายกับพายุหมุนเขตร้อนขนาดใหญ่
  • วันที่ 15 ตุลาคม คลื่นกระแสลมร้อนเขตร้อนได้เคลื่อนตัวข้ามทะเลแคริบเบียนเข้าสู่พื้นที่อเมริกากลาง และก่อนที่จะรวมตัวกับกระแสน้ำวนดังกล่าว
  • วันที่ 16 ตุลาคม อิทธิพลของลมหนาวจากแนวปะทะ และการไหลเวียนแอนไทไซโคลนจากแนวปะทะด้านหลังช่วยส่งเสริมการหมุนวนของพายุ ซึ่งทำให้เกิดบริเวณหย่อมความกดอากาศต่ำที่ยาวเหยียด
  • วันที่ 17 ตุลาคม หย่อมความกดอากาศต่ำได้พาดจากคาบสมุทรยูกาตันลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกพร้อมกับกลุ่มเมฆพายุฝนฟ้าคะนองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ปรากฏการณ์การแกว่งของแมดเดน–จูเลียน ซึ่งเป็นรูปแบบการแปรปรวนทางภูมิอากาศที่ช่วยส่งเสริมการเกิดพายุในเขตร้อน และอาจมีบทบาทในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้กับพายุลูกนี้
  • วันที่ 18 ตุลาคม หย่อมความกดอากาศต่ำได้เคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของอ่าวเตฮวนเตเปก และเริ่มรวมตัวอย่างเด่นชัดขึ้นพร้อมกับการก่อตัวของศูนย์กลางการหมุนวนชัดเจนเป็นครั้งแรก
  • วันที่ 20 ตุลาคม ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC)[nb 4] ได้ยกระดับหย่อมความกดอากาศต่ำให้กลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และได้กำหนดรหัสอย่างเป็นทางการว่า ยี่สิบ-อี เมื่อเวลา 13:00 น. (06:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) โดยศูนย์กลางอยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของซาลินาครูซในประเทศเม็กซิโกอยู่ที่ประมาณ 330 กิโลเมตร (205 ไมล์) พายุได้เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และอยู่ใต้แนวสันเขาระดับกลางโดยสภาพแวดล้อมเริ่มเอื้อให้เกิดการพัฒนา แม้จะมีอากาศแห้งกับผิวน้ำทะเลเย็นอยู่บ้าง พายุยังคงรอเวลาที่จะเสริมกำลัง
    พายุเฮอริเคนแพทริเซียก่อนมีกำลังแรงสูงสุดเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558
  • วันที่ 21 ตุลาคม ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) ได้ยกระดับพายุดีเปรสชันเขตร้อนให้กลายเป็นพายุโซนร้อน และกำหนดให้ชื่อว่า แพทริเซีย เมื่อเวลา 07:00 น. (00:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) หลังจากนั้นพายุก็ได้เคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ที่มีอากาศแห้ง และอุณหภูมิน้ำทะเลค่อนข้างเย็น จึงทำให้โครงสร้างของพายุเริ่มหลุดลุ่ย ศูนย์กลางหมุนวนระดับต่ำไม่ชัดเจน แต่เมื่อหลุดพ้นสิ่งแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคไปแล้ว พายุเริ่มมีการรวมตัวของกลุ่มเมฆลึกบริเวณศูนย์กลาง และเกิดเมฆปกคลุมหนาแน่นบริเวณกลางที่เด่นชัดขึ้น
  • วันที่ 22 ตุลาคม ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) ได้ยกระดับจากพายุโซนร้อนให้กลายเป็นพายุเฮอริเคนระดับ 1 หลังพายุมีการทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยลักษณะเมฆเป็นวงแหวนสมมาตรพร้อมกับตาพายุขนาดประมาณ 19 กิโลเมตร (12 ไมล์) พายุได้ถูกประเมินว่ามีความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 130 ไมล์ต่อชั่วโมง (215 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และความกดอากาศที่ 957 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 28.26 นิ้วของปรอท) ภายในเวลา 01:00 น. (18:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) หลังจากนั้นพายุยังคงทวีกำลังแรงขึ้นจนถึงระดับพายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 5 ด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 175 ไมล์ต่อชั่วโมง (280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และตาพายุแคบเหลือเพียง 13 กิโลเมตร (8 ไมล์) ล้อมรอบด้วยกลุ่มเมฆอุณหภูมิต่ำกว่าประมาณ -90 องศาเซลเซียส ถือว่าเป็นหนึ่งในพายุที่ทวีความรุนแรงเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
  • วันที่ 23 ตุลาคม พายุเฮอริเคนแพทริเซียได้มีกำลังแรงสูงสุดเมื่อเวลา 19:00 น. (12:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) ด้วยความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 215 ไมล์ต่อชั่วโมง (345 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และความกดอากาศที่ 872 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 25.75 นิ้วของปรอท) หลังจากนั้นพายุได้อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากวัฏจักรการแทนที่กำแพงตา จึงทำให้มีรูปทรง และแรงลมเฉือนที่เพิ่มขึ้น ต่อมาพายุได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเม็กซิโก และพายุเฮอริเคนแพทริเซียได้อ่อนกำลังลงในอัตราที่ไม่เคยมีมาก่อนในขณะที่ยังอยู่เหนือน้ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อพายุเคลื่อนตัวข้ามฝั่งในเวลา 06:00 น. (23:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) ใกล้กุยชมาลาในรัฐฮาลิสโก พายุยังคงเป็นพายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 4 ที่มีความรุนแรงด้วยความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 150 ไมล์ต่อชั่วโมง (240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และมีความกดอากาศที่ 932 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 27.49 นิ้วของปรอท) สิ่งนี้ทำให้พายุเฮอริเคนแพทริเซียเป็นพายุในมหาสมุทรแปซิฟิกที่รุนแรงที่สุดที่เคยมีการบันทึกมา
  • วันที่ 24 ตุลาคม พายุเฮอริเคนแพทริเซียได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง และอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเทือกเขาเซียร์รามาเดรในรัฐแคลิฟอร์เนีย พายุได้อ่อนกำลังลงจนกลายเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน และสลายตัวในไม่กี่ชั่วโมงถัดมา อย่างไรก็ตาม ศูนย์กลางการหมุนเวียนระดับกลางจนถึงระดับบนยังไม่สลาย และได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกผสานกับแนวปะทะอากาศเย็น

การเตรียมการ

[แก้]

ประเทศเม็กซิโก

[แก้]
นักท่องเที่ยวกำลังอพยพออกจากโรงแรมริวบัลยาร์ตาในช่วงเช้าก่อนที่พายุเฮอริเคนแพทริเซียจะเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่ง

ก่อนที่พายุเฮอริเคนแพทริเซียจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งรัฐบาลของประเทศเม็กซิโกได้ประกาศเตือนภัยหลายฉบับสำหรับพื้นที่ชายฝั่งเริ่มตั้งแต่เวลา 16:00 น. (09:00 น. เวลาสากลเชิงพิกัด) ของวันที่ 21 ตุลาคม โดยมีคำเตือนพายุเฮอริเคนครอบคลุมพื้นที่ในรัฐมิโชอากัน รัฐโกลิมา และรัฐฮาลิสโก รวมถึงมีประกาศเตือนพายุโซนร้อนในบางส่วนของรัฐเกร์เรโร เมื่อพายุทวีกำลังแรงขึ้นทางการได้ออกคำเตือนพายุเฮอริเคนเพิ่มเติมระหว่างกาโบโกร์ริเอนเตสในรัฐฮาลิสโกไปจนถึงปุนตาซานเตลโมในรัฐมิโชอากันพร้อมทั้งออกคำเตือนพายุโซนร้อนเพิ่มเติมในพื้นที่ทางตอนเหนือ และทางตะวันออก เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม คำเตือนถูกขยายไปทางตอนเหนือจนถึงพื้นที่ทางตอนใต้ของซานบลาสในรัฐนายาริต และเมื่อพายุได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งจนกระแสลมรุนแรงเริ่มลดลง คำเตือนทั้งหมดได้ถูกยกเลิกอย่างต่อเนื่องในวันที่ 24 ตุลาคม หลังจากพายุถูกจัดให้อยู่ในพายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 5 จึงทำให้ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) ได้ประกาศให้พายุเฮอริเคนแพทริเซียเป็น "พายุที่อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรง"[15] ซึ่งก่อให้เกิดกระแสทั้งชื่นชม และวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนหลายฝ่าย[16] โดยบางสื่อ เช่น แอสโซซิเอเต็ดเพรส เป็นต้น[17] มองว่าอาจมีการกล่าวเกินจริงเกินไปเมื่อพิจารณาจากความเสียหาย และจำนวนผู้เสียชีวิตที่ค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตาม สื่อส่วนใหญ่ชื่นชมการแจ้งเตือนของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติที่ช่วยสร้างความตระหนักถึงภัยร้ายแรง และอาจช่วยชีวิตประชาชนจำนวนมากจากพายุที่ทรงพลังที่สุดลูกหนึ่ง[18]

ประธานาธิบดี เอนริเก เปญญา นิเอโต ได้พบกับสมาชิกคณะรัฐมนตรีเพื่อหารือเกี่ยวกับพายุเฮอริเคนแพทริเซีย

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ทางการได้เปิดศูนย์พักพิงประมาณ 1,782 แห่ง ทั่วรัฐมิโชอากัน รัฐโกลิมา รัฐฮาลิสโก และรัฐนายาริต โดยมีความจุรวมถึง 258,000 คน[19] ในมันซานีโยได้มีการแจกถุงทรายตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันเดียวกัน[20] โรงเรียนในรัฐเกร์เรโรกับรัฐฮาลิสโกได้ประกาศหยุดเรียนในวันที่ 22 ตุลาคม และวันที่ 23 ตุลาคม ตามลำดับ[21] สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนได้มีการวางแผนอพยพประชาชนประมาณ 50,000 คน ออกจากพื้นที่ในรัฐโกลิมา รัฐฮาลิสโก และรัฐนายาริต โดยใช้เครื่องบิน 2 ลำ และรถโดยสารประมาณ 600 คัน ในการอพยพ[22] แต่สุดท้ายมีผู้ที่อพยพก่อนพายุจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประมาณ 8,500 คน รวมถึง 2,600 คน ในกาโบโกร์ริเอนเตส[23] มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย ระหว่างการอพยพในรัฐฮาลิสโก[24] มีเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเรือ และตำรวจกลางของประเทศเม็กซิโก รวมประมาณกว่า 25,000 คน ได้ถูกส่งไปประจำการล่วงหน้า[25] พร้อมอาสาสมัครแนวร่วมกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงสากลประมาณกว่า 500 คน ที่เตรียมพร้อมในพื้นที่[26] องค์กรสภากาชาดเม็กซิโกยังได้สำรองเสบียงอาหารเพื่อช่วยเหลือครอบครัวประมาณ 3,500 ครัวเรือน ไว้ล่วงหน้า[27] นอกจากนี้ ยังมีสิ่งของช่วยเหลือน้ำหนักรวมประมาณ 30,000 กิโลกรัม (66,000 ปอนด์) ได้ถูกเตรียมไว้ที่รัฐโกลิมาเพื่อแจกจ่ายภายหลังพายุพัดผ่าน[28] ส่วนคณะกรรมการไฟฟ้าสหพันธ์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ประมาณ 2,500 คน พร้อมรถเครนประมาณ 152 คัน รถอเนกประสงค์ประมาณ 15 คัน เฮลิคอปเตอร์ประมาณ 4 ลำ และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอีกประมาณ 84 เครื่อง เพื่อรองรับสถานการณ์ไฟฟ้าดับที่อาจเกิดขึ้น ทางการประเทศเม็กซิโกได้รับคำชมอย่างมากจากการดำเนินการเตรียมความพร้อมต่อภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ[29]

ผลกระทบจากหย่อมความกดอากาศต่ำ

[แก้]

ประเทศกัวเตมาลา

[แก้]
หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังก่อตัว และพัดถล่มอเมริกากลางเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หย่อมความกดอากาศต่ำเป็นต้นกำเนิดของพายุเฮอริเคนแพทริเซียที่ส่งผลกระทบเป็นบริเวณกว้างในอเมริกากลางโดยเฉพาะฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันจากการเสริมกันของคลื่นกระแสทางตะวันออก และอีกหนึ่งหย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลแคริบเบียน[30] จึงทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ในจังหวัดอัลตาเบราปัซ[31] มีประชาชนราวประมาณ 2,100 คน ต้องอพยพ และบ้านเรือนได้รับความเสียหายประมาณ 442 หลัง[32] พื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 70,000 เอเคอร์ ได้รับความเสียหาย มีประชาชนประมาณกว่า 223,000 คน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม รัฐบาลได้ส่งทีมฉุกเฉินลงพื้นที่ และกันงบประมาณ 40 ล้านเกตซัลกัวเตมาลา (5.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการบรรเทาทุกข์[33]

ประเทศเอลซัลวาดอร์

[แก้]

พื้นที่ใกล้เคียงในประเทศเอลซัลวาดอร์มีปริมาณน้ำฝนที่วัดได้ระหว่างอยู่ที่ประมาณ 160 มิลลิเมตร (6.3 นิ้ว) จนถึง 185 มิลลิเมตร (7.3 นิ้ว) ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่[34] บ้านเรือนได้รับผลกระทบประมาณ 10 หลัง และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 4 ราย แม่น้ำโกอัสโกรันล้นตลิ่งถึง 2 ครั้ง ในช่วง 2 วัน จนทำให้น้ำท่วมชุมชนโดยรอบ ทางการได้ประกาศปิดโรงเรียนทั่วประเทศในวันที่ 19 ตุลาคม เนื่องจากน้ำท่วมในวงกว้าง[35]

ประเทศนิการากัว

[แก้]
ในช่วงบ่ายก่อนที่พายุเฮอริเคนแพทริเซียจะเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งรัฐนายาริต ประเทศเม็กซิโก

ในประเทศนิการากัวได้เกิดดินถล่มในโบนันซาส่งผลกระทบให้คนงานเหมือง 4 คน ได้ถูกดินฝัง[36] โดยสามารถช่วยชีวิตได้ 3 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย[37]

ประเทศฮอนดูรัส

[แก้]

แม่น้ำอูลัวล้นตลิ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม และส่งผลให้ประชาชนประมาณกว่า 200 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่[38]

ประเทศคอสตาริกา

[แก้]
การประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อประเมินผลกระทบจากพายุเฮอริเคนแพทริเซีย

ในประเทศคอสตาริกาได้เกิดน้ำท่วมส่งผลให้บ้านเรือนประมาณ 10 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนักในเขตฮาโก[39]

ประเทศเม็กซิโก

[แก้]

ฝนตกหนักจากหย่อมความกดอากาศต่ำได้แผ่ไปยังพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ และทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเม็กซิโก ในระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม จนถึงวันที่ 20 ตุลาคม โดยมีการเสริมกำลังจากหย่อมความกดอากาศต่ำอีกลูกหนึ่งในทางตอนบนของทะเลแคริบเบียน[40] เชตูมัลในรัฐกินตานาโรต้องเผชิญกับฝนตกหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์โดยวัดได้อยู่ที่ประมาณ 502 มิลลิเมตร (19.8 นิ้ว) ซึ่งสูงกว่าสถิติเดิมจากพายุเฮอริเคนวิลมาในปี พ.ศ. 2548 ที่เคยวัดได้อยู่ที่ประมาณ 450 มิลลิเมตร (18 นิ้ว) น้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประมาณ 1,500 หลัง มีประชาชนประมาณ 150 คน ต้องอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ความเสียหายถูกประเมินไว้อยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านเปโซเม็กซิโก (85.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[41] และมี 7 เทศบาล ได้รับการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ[42] ในรัฐเบรากรุซมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าประมาณ 600 มิลลิเมตร (24 นิ้ว) ส่งผลให้แม่น้ำหลายสายล้นตลิ่ง และมีเทศบาลอย่างน้อย 50 แห่ง ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม[43] พื้นที่เกษตรกรรมประมาณ 19,000 เอเคอร์ ได้รับความเสียหายในรัฐตาบัสโก[44] ถนนหลายสายถูกน้ำท่วม และดินถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่เทือกเขาเซียร์รานอร์เตในรัฐโออาซากา[45] น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างในรัฐเชียปัส และรัฐเกร์เรโร ส่งผลให้มีการอพยพครอบครัวประมาณ 10 ครัวเรือน[46] ในตาปาชูลามีปริมาณน้ำฝนถึงประมาณ 168 มิลลิเมตร (6.6 นิ้ว) ภายในเวลาเพียง 90 นาที ก่อให้เกิดน้ำหลากฉับพลันอย่างไม่ทันตั้งตัว บ้านเรือนประมาณ 64 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก และส่งผลกระทบต่อครอบครัวประมาณ 100 ครัวเรือน[47]

ผลกระทบจากพายุเฮอริเคนแพทริเซีย

[แก้]

ประเทศเม็กซิโก

[แก้]
เรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองได้ถูกพายุเฮอริเคนแพทริเซียพัดจนเกยตื้น

เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พายุเฮอริเคนแพทริเซียได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณรัฐฮาลิสโกในฐานะพายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 5 โดยศูนย์กลางของพายุที่มีความกว้างราว 24 กิโลเมตร (14 ไมล์) ได้เคลื่อนตัวเคลื่อนผ่านพื้นที่ที่มีประชากรเบาบางน้อยกว่าประมาณ 30 คน ต่อตารางไมล์ จึงช่วยลดผลกระทบต่อชีวิตได้อย่างมาก และประกอบกับการอพยพที่ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าพายุจะมีความรุนแรงเป็นประวัติการณ์ก็ตาม อย่างไรก็ตาม หลายชุมชนเล็ก ๆ ที่อยู่ในเส้นทางของพายุได้รับความเสียหายอย่างหนัก[48] หากศูนย์กลางของพายุเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออก หรือทางทิศตะวันตกมากกว่านี้ เมืองที่มีประชากรหนาแน่น เช่น มันซานีโย และเปอร์โตบัลยาร์ตา เป็นต้น อาจได้รับผลกระทบโดยตรง[49] ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบพายุได้เคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งส่งผลให้ประชาชนประมาณกว่า 261,989 คน ต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้[50] นอกจากนี้ ฝนตกจากพายุยังส่งผลกระทบต่อ 21 รัฐ จากทั้งหมด 31 รัฐ และเม็กซิโกซิตี[51] โดยเฉพาะที่รัฐฮาลิสโก ซึ่งมีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 383.2 มิลลิเมตร (15 นิ้ว) บริเวณภูเขาไฟโกลิมา[52] ผลกระทบด้านการเกษตรพบว่าพื้นที่เพาะปลูกรวมประมาณกว่า 100,000 เอเคอร์ ในรัฐโกลิมา รัฐฮาลิสโก รัฐมิโชอากัน และรัฐนายาริต ได้รับผลกระทบ[53] พื้นที่โดยในจำนวนนี้มีประมาณ 37,000 เอเคอร์ ได้รับความเสียหายทั้งหมด และพื้นที่อีกประมาณ 67,000 เอเคอร์ ได้รับความเสียหายบางส่วน[54] ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 6 ราย ทั้งหมดอยู่ในรัฐฮาลิสโกโดยเป็นทั้งสาเหตุโดยตรง และโดยอ้อม[55] การประเมินความเสียหายทั้งหมดของพายุเฮอริเคนแพทริเซียอยู่ที่ประมาณ 5.4 พันล้านเปโซเม็กซิโก (325 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความเสียหายทางด้านการเกษตร และโครงสร้างพื้นฐาน[56][57]

รัฐฮาลิสโก

[แก้]
เศษซากของพายุเฮอริเคนแพทริเซียกำลังสลายตัวไปเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำได้ไม่นาน และแนวปะทะอากาศพาดผ่านชายฝั่งอ่าวตะวันตกเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558

พายุเฮอริเคนแพทริเซียได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณรัฐฮาลิสโกในฐานะพายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 4 ที่มีความรุนแรงสูง และส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในพื้นที่รอบจุดขึ้นฝั่งโดยตรง แม้ว่าอิทธิพลของพายุจะมีลักษณะเฉพาะจุดก็ตาม ในชุมชนเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่า เอมิเลียโน ซาปาตา พายุได้ส่งผลให้หลังคาบ้านเรือน และสถานประกอบการถูกกระแสลมพัดปลิวอย่างรุนแรง ต้นไม้จำนวนมากได้โค่นล้มลง และพื้นที่ป่าตามแนวเขาถูกแรงลมพัดจนปราศจากพืชพรรณอย่างสิ้นเชิง นักล่าพายุชื่อ จอช มอร์เกอร์แมน ได้อธิบายถึงภาพหลังพายุว่า "ภูมิทัศน์แบบเขตร้อนถูกแปรเปลี่ยนให้ดูราวกับเป็นฤดูหนาวอันแห้งแล้ง" นอกจากนี้ กระแสลมยังพัดเสาไฟฟ้าคอนกรีตให้ล้มลง และทำให้หอส่งไฟฟ้าแรงสูงได้รับความเสียหายอย่างหนักอีกด้วย[58] เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพายุได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตในรัฐฮาลิสโกทั้งหมด 6 ราย โดยในจำนวนนี้มี 2 ราย ได้เสียชีวิตจากต้นไม้ที่โค่นล้มลงทับในขณะเกิดลมกระโชกแรง และหญิงสาวอีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ส่วนอีก 4 ราย ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในทางตอนใต้ของรัฐฮาลิสโกโดย 2 ราย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และในขณะที่อีก 2 ราย เสียชีวิตภายหลังที่โรงพยาบาล[59] ทั่วทั้งรัฐฮาลิสโกมีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายประมาณ 9,000 หลัง[60] โดยเฉพาะชุมชนริมชายฝั่งชาเมลา ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยเพียง 40 ครัวเรือน ได้ถูกพายุพัดจนราบเป็นหน้ากลอง[61]

พื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับผลกระทบมีมากกว่าประมาณ 59,000 เอเคอร์ แบ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายทั้งหมดประมาณ 26,400 เอเคอร์ และพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายบางส่วนอีกประมาณ 34,450 เอเคอร์ มูลค่าความเสียหายทางการเกษตรรวมอยู่ที่ประมาณ 168 ล้านเปโซเม็กซิโก (10.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[62] ความเสียหายทั้งหมดจากพายุเฮอริเคนแพทริเซียในรัฐฮาลิสโกได้ถูกประเมินไว้อยู่ที่ประมาณ 1,139 ล้านเปโซเม็กซิโก (68.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) นอกจากนี้ พายุยังทำให้เรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง ลอส ยานิโตส ได้ถูกกระแสคลื่นพายุพัดหลุดจากเส้นทาง และเกยตื้นใกล้กับชายฝั่ง[63] ลูกเรือทั้งหมด 27 คน ได้รับความช่วยเหลือจากเฮลิคอปเตอร์ของทหาร และปลอดภัยในเวลาต่อมา[64] อย่างไรก็ตาม เรือดังกล่าวถูกพิจารณาว่าเสียหายเกินกว่าที่จะซ่อมแซม และมีการเริ่มต้นกระบวนการรื้อถอนซากเรือในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559[65]

รัฐโกลิมา

[แก้]
การตรวจเยี่ยมเฝ้าระวังพายุเฮอริเคนแพทริเซียในรัฐโกลิมา ประเทศเม็กซิโก

พายุเฮอริเคนแพทริเซียจะเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งไกลออกไปทางทิศตะวันตกมากกว่า แต่การสำรวจเบื้องต้นในพื้นที่รัฐโกลิมาได้พบว่าเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงในบางจุดแบบเฉพาะพื้นที่ พายุได้ส่งผลกระทบต่ออาคาร และสาธารณูปโภคหลายประเภท โดยมีสถานศึกษาที่ได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้น 200 แห่ง สถานพยาบาลประมาณ 107 แห่ง และสนามกีฬาอีกประมาณ 34 แห่ง พื้นที่เกษตรกรรมประมาณกว่า 28,780 เอเคอร์ ได้รับผลกระทบอย่างหนักโดยเฉพาะสวนกล้วย ซึ่งถือว่าเป็นผลผลิตหลักของรัฐ พบความเสียหายอย่างรุนแรงต่อผลผลิตโดยมีมูลค่าความเสียหายจากกล้วยเพียงอย่างเดียวอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านเปโซเม็กซิโก (30.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่าความเสียหายโดยรวมทั้งหมดของรัฐโกลิมาจากพายุลูกนี้อยู่ที่ประมาณ 1.7 พันล้านเปโซเม็กซิโก (102.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)[66]

รัฐมิโชอากัน

[แก้]

แม้จุดขึ้นฝั่งของพายุเฮอริเคนแพทริเซียจะไม่ได้อยู่ในรัฐมิโชอากันโดยตรง แต่อิทธิพลของพายุก็ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายพื้นที่ในรัฐนี้เช่นกัน ชุมชนจำนวนมากได้กลายเป็นพื้นที่ถูกตัดขาดชั่วคราวจากโลกภายนอก เนื่องจากถนนสายหลักถูกน้ำท่วมอย่างหนัก หรือถูกกัดเซาะจนใช้การไม่ได้[67] บ้านเรือนประมาณ 1,512 หลัง ได้รับความเสียหายทั้งหมด และบ้านเรือนอีกประมาณ 127 หลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก[68] เทศบาลโกอาวายานามีบ้านเรือนประมาณกว่า 600 หลัง ได้รับความเสียหาย ส่วนในเทศบาลอาร์เตอากาได้พบว่ามีบ้านเรือนได้รับความเสียหายอีกประมาณ 150 หลัง ถนนสายสำคัญ คือ ทางหลวงหมายเลข 200 ได้ถูกสั่งปิดบางช่วงในพื้นที่อากีลา เนื่องจากไม่ปลอดภัยต่อการสัญจร ภาคเกษตรกรรมของรัฐได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงโดยมีพื้นที่เพาะปลูกประมาณกว่า 25,000 เอเคอร์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก มูลค่าความเสียหายโดยรวมของภาคเกษตรอยู่ที่ประมาณ 2.5 พันล้านเปโซเม็กซิโก (150.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเทศบาลโกอาวายานาเพียงแห่งเดียวได้พบว่าสวนกล้วยประมาณกว่า 14,000 เอเคอร์ ได้รับความเสียหายทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายจากพืชผลครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขตนี้ พายุได้ส่งผลให้ประชาชนหลายพันคนต้องสูญเสียงานทำอย่างฉับพลัน และสถานพยาบาลทั่วรัฐมิโชอากันได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 13.5 ล้านเปโซเม็กซิโก (814,000 ดอลลาร์สหรัฐ)[69]

พื้นที่อื่น ๆ ในประเทศเม็กซิโก

[แก้]
ภาพเคลื่อนไหวดาวเทียมของพายุเฮอริเคนแพทริเซียที่กำลังอ่อนกำลังลงอย่างมากก่อนที่จะเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พายุเฮอริเคนแพทริเซียได้ก่อให้เกิดคลื่นลมแรงขนาดใหญ่ซัดเข้าชายฝั่งรัฐเกร์เรโร และส่งผลให้สิ่งปลูกสร้างริมชายฝั่งได้รับความเสียหายในหลายจุด หลังจากพายุสลายตัวลงเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม หย่อมความกดอากาศต่ำที่หลงเหลือของพายุเฮอริเคนแพทริเซียยังส่งผลให้เกิดฝนตกหนักครอบคลุมพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศเม็กซิโก[70] โดยเฉพาะในรัฐตาเมาลิปัสมีรายงานปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดถึงประมาณ 193 มิลลิเมตร (7.6 นิ้ว) ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ บ้านเรือนประมาณ 10 หลัง ได้รับความเสียหาย และประชาชนประมาณ 100 คน ได้รับผลกระทบจากไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะในเรย์โนซา และรีโอแกรนด์ ที่ถูกระบุว่าเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบรุนแรงเป็นพิเศษ[71]

สหรัฐ

[แก้]

ผลกระทบโดยตรงของพายุเฮอริเคนแพทริเซียต่อสหรัฐที่เกิดขึ้นจำกัดอยู่ในพื้นที่ทางตอนใต้ของรัฐเท็กซัสโดยความชื้นที่เกี่ยวข้องกับพายุได้เคลื่อนตัวนำหน้าศูนย์กลางของพายุ และปะทะกับแนวปะทะอากาศในพื้นที่[72] จึงทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ที่อิ่มตัวด้วยฝนตกก่อนหน้านั้นส่งผลให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายจุด มีรถยนต์ได้ถูกน้ำท่วมจำนวนมาก และขบวนรถไฟตกราง[73] นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าความเสียหายโดยรวมจากพายุชุดนี้อาจทำให้เกิดอุทกภัยร้ายแรงเทียบเคียงกับเหตุการณ์ในเดือนพฤษภาคมก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิต[74] พื้นที่ฮิวสตันได้รับปริมาณน้ำฝนสูงถึงประมาณ 238 มิลลิเมตร (9.3 นิ้ว) ภายในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม จนถึงวันที่ 25 ตุลาคม[75] และเกิดพายุทอร์นาโดลูกเล็ก ๆ ใกล้เมือง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเล็กน้อย[76] ในทางตอนใต้ของเขตฮิดัลโกมีปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาถึงประมาณ 25 มิลลิเมตร (0.9 นิ้ว) จนถึง 51 มิลลิเมตร (2 นิ้ว) ต่อชั่วโมง และส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันรุนแรง[77] โดยพื้นที่บริเวณระหว่างโปรเกรโซจนถึงเวสลาโกมีปริมาณน้ำฝนสะสมราวประมาณ 250 มิลลิเมตร (9.8 นิ้ว) จนถึง 300 มิลลิเมตร (11.8 นิ้ว) หรือมากกว่านั้น[78] ระดับน้ำท่วมสูงหลายฟุตจนถนนหลายสายในพื้นที่ใช้การไม่ได้ มีรถจำนวนมากได้ติดค้าง และบ้านเรือนประมาณกว่า 500 หลัง ได้รับผลกระทบ[79] เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากน้ำ 26 ครั้ง ในพื้นที่ดังกล่าว และประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ราวประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[80] พื้นที่รอบเมืองกับในคอร์ปัสคริสตีโดยเฉพาะบางช่วงของทางหลวงอินเตอร์สเตตหมายเลข 37 ได้ถูกน้ำท่วมเช่นกัน[81] นอกจากนี้ ฝนตกหนักนานถึง 2 ชั่วโมง ในทางตะวันออกของเขตวิลลาซีเคาน์ตี้ส่งผลให้เกิดฝนตกแบบบังตา และน้ำท่วมจนต้องช่วยเหลือประชาชนหลายราย รวมถึงก่อให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติมอีกประมาณ 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[82] ต่อมาหย่อมความกดอากาศต่ำที่หลงเหลือจากพายุได้เคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือ และทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่บริเวณเกรตเลกส์ เทือกเขาแอปพาเลเชียน ตอนกลางของรัฐฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก และคาบสมุทรฟลอริดา ก่อนที่จะเคลื่อนตัวออกนอกสหรัฐ[83] พายุได้ทำให้ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้ประมาณ 1,200 ราย ในรัฐลุยเซียนา[84]

ผลที่ตามมา

[แก้]

ประเทศเม็กซิโก

[แก้]
การตรวจเยี่ยมเฝ้าระวังพายุเฮอริเคนแพทริเซียในรัฐโกลิมา ประเทศเม็กซิโก

หลังจากพายุเฮอริเคนแพทริเซียได้เคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง และส่งผลกระทบอย่างรุนแรง เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม รัฐบาลของประเทศเม็กซิโกได้ระดมกำลังเพื่อให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน และฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยอย่างรวดเร็ว โดยในวันต่อมาได้มีการส่งทหารเรือจากหน่วยรบพิเศษนาวิกโยธินแห่งกองทัพเรือเม็กซิโกจำนวนประมาณ 5,791 คน เข้าพื้นที่เพื่อทำหน้าที่กู้ภัยค้นหา และฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากพายุ[85] หน่วยกู้ภัยสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดภายในเวลาเพียง 1 วัน หลังจากพายุเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง แนวร่วมกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงสากลได้เริ่มประเมินความต้องการของผู้ประสบภัยตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม และเริ่มแจกจ่ายสิ่งของบรรเทาทุกข์ในวันที่ 25 ตุลาคม ไฟฟ้าในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบสามารถฟื้นฟูการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ถึงร้อยละ 88 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 48 ชั่วโมง[86]

การตรวจเยี่ยมเฝ้าระวังพายุเฮอริเคนแพทริเซียในรัฐโกลิมา ประเทศเม็กซิโก

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม รัฐบาลประเทศเม็กซิโกได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 150 ล้านเปโซเม็กซิโก (9.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากกองทุนภัยพิบัติทางปศุสัตว์สำหรับเยียวยาพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับความเสียหายโดยในจำนวนประมาณ 76 ล้านเปโซเม็กซิโก (4.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ได้ถูกจัดสรรให้แก่รัฐฮาลิสโก ซึ่งเป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบโดยตรง นอกจากนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมของเม็กซิโกได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจำนวน 250 ล้านเปโซเม็กซิโก (15.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับรัฐฮาลิสโก และเงินประมาณ 34 ล้านเปโซเม็กซิโก (2.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในจำนวนนี้จัดไว้สำหรับช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากพายุ[87] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ราฟาเอล ปัคเคียโน อาลามาน ได้ประกาศการจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูการจ้างงานชั่วคราวในรัฐโกลิมาด้วยงบประมาณเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 5.3 ล้านเปโซเม็กซิโก (319,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นหลังพายุสลายตัวเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม[88] รัฐฮาลิสโกได้ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 15 เมือง จากทั้งหมด 125 เมือง ในวันที่ 28 ตุลาคม[89] โดยในพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากพายุรวมประมาณกว่า 59,000 เอเคอร์ และมีเพียง 16,000 เอเคอร์ เท่านั้นที่มีประกันภัยคุ้มครอง สถาบันส่งเสริมผู้ประกอบการแห่งชาติได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในท้องถิ่นด้วยงบประมาณกว่า 3.577 ล้านเปโซเม็กซิโก (216,000 ดอลลาร์สหรัฐ)[90] เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ นอกจากนี้ กระทรวงพัฒนาสังคมของรัฐมิโชอากันได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายจากพายุโดยจัดสรรงบประมาณ 10 ล้านเปโซเม็กซิโก (603,000 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสร้างบ้านเรือนใหม่จำนวนประมาณ 605 หลัง ให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ[91]

บันทึกและสถิติทางอุตุนิยมวิทยา

[แก้]
ภาพถ่ายดาวเทียมอินฟราเรดของพายุเฮอริเคนแพทริเซียที่มีกำลังแรงสูงสุดเป็นประวัติการณ์

พายุไต้ฝุ่นทิปเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ทรงพลัง และรุนแรงที่สุดในประวัติการณ์ทั่วโลก ทั้งในแง่ของความเร็วลมสูงสุดอย่างเป็นทางการ และระดับความกดอากาศต่ำสุดที่เคยวัดได้ โดยมีความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 215 ไมล์ต่อชั่วโมง (345 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และมีความกดอากาศต่ำสุดอยู่ที่ 872 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 25.75 นิ้วของปรอท) ซึ่งนับเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในซีกโลกตะวันตก และเป็นอันดับสองของโลกรองจากพายุไต้ฝุ่นทิปในปี พ.ศ. 2522 ที่มีความกดอากาศต่ำสุด 870 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 25.69 นิ้วของปรอท) ก่อนหน้านี้ สถิติความเร็วลมสูงสุดในซีกโลกตะวันตกเคยเป็นของพายุเฮอริเคนอัลเลนในปี พ.ศ. 2523 ที่มีความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 190 ไมล์ต่อชั่วโมง (305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และสถิติความกดอากาศต่ำสุดในมหาสมุทรแอตแลนติกเคยเป็นของพายุเฮอริเคนวิลมาในปี พ.ศ. 2548 ที่มีความกดอากาศต่ำสุด 882 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 26.05 นิ้วของปรอท)[92] ในขณะที่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ซึ่งอยู่ทางเหนือของเส้นศูนย์สูตร และทางตะวันออกของเส้นแบ่งเขตวันสากล เจ้าของสถิติก่อนหน้า คือ พายุเฮอริเคนลินดาในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งมีความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 185 ไมล์ต่อชั่วโมง (300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และความกดอากาศต่ำสุด 902 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 26.64 นิ้วของปรอท)[93] นอกจากนี้ หน่วยลาดตระเวนทางอากาศยังได้ตรวจพบความชันความกดอากาศที่สูงถึง 24 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 0.709 นิ้วของปรอท) เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งนับเป็นหนึ่งในความชันที่สูงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ในพายุหมุนเขตร้อน[94]

การเปรียบเทียบภาพอินฟราเรดที่ปรับปรุงด้วยเทคนิคดีโวรัก (เส้นโค้ง BD) ของพายุเฮอริเคนลินดา (ด้านซ้าย) กับพายุเฮอริเคนแพทริเซีย (ด้านขวา) วงแหวนสีเทาเข้มเย็นรอบตาของพายุเฮอริเคนแพทริเซียแสดงถึงยอดเมฆที่มีอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ -81 องศาเซลเซียส หรือเย็นกว่า ซึ่งมีความเข้มมากกว่าวงแหวนสีเทาปานกลางเย็นรอบตาของพายุเฮอริเคนลินดา

ความเร็วลมสูงสุด 1 นาที ของพายุเฮอริเคนแพทริเซียถือเป็นความเร็วลมสูงสุดที่สามารถยืนยัน หรือประเมินได้อย่างน่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่เคยมีมาสำหรับพายุหมุนเขตร้อนทั่วโลก โดยเอาชนะพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนในปี พ.ศ. 2556[95] ซึ่งมีการประเมินจากดาวเทียมในระดับ T8.0 ตามมาตราส่วนดีโวรักเท่านั้น ทั้งนี้พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนไม่เคยมีการบินตรวจวัดโดยเครื่องบินลาดตระเวน จึงทำให้ความเข้มของพายุมีความไม่แน่นอนเมื่อเปรียบเทียบกับพายุเฮอริเคนแพทริเซีย ตามข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) พายุไต้ฝุ่นแนนซีในปี พ.ศ. 2504 ก็เคยถูกบันทึกว่ามีความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 345 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (215 ไมล์ต่อชั่วโมง) แต่ในปัจจุบันมีการยอมรับอย่างแพร่หลายว่าสถิติจากมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกในช่วงปี พ.ศ. 1940 จนถึงปี พ.ศ. 1960 มีแนวโน้มสูงที่จะประเมินเกินจริงทำให้สถิติของพายุไต้ฝุ่นแนนซีมีข้อกังขา[96] และในขณะที่ลมกระโชกแรงที่สุดที่ไม่ใช่ลมจากพายุทอร์นาโดที่เคยบันทึกไว้ทั่วโลกยังคงเป็นของพายุไซโคลนโอลิเวียในปี พ.ศ. 2539 ที่เกาะบาร์โรว์ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีความเร็วลมกระโชกแรงสูงสุดถึง 405 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (255 ไมล์ต่อชั่วโมง)[97]

พายุเฮอริเคนแพทริเซียไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะเคลื่อนตัวพัดขึ้นฝั่งในรัฐฮาลิสโกเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขนาดของการทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วของพายุเฮอริเคนแพทริเซียยังจัดอยู่ในกลุ่มที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีการสังเกตโดยภายในช่วงเวลาเพียง 24[98] ชั่วโมง จากความเร็วลมที่ต่อเนื่องเพียง 1 นาทีที่ 85 ไมล์ต่อชั่วโมง (140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ได้กลายเป็นความเร็วลมสูงสุด 1 นาทีที่ 215 ไมล์ต่อชั่วโมง (345 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 130 ไมล์ต่อชั่วโมง (205 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในวันเดียว นับเป็นหนึ่งในการเพิ่มขึ้นของความเร็วลมที่เร็วที่สุดที่เคยบันทึกไว้ และในช่วงเวลาเดียวกันความกดอากาศศูนย์กลางของพายุได้ลดลงถึง 95 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 2.81 นิ้วของปรอท) ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติโลกของพายุไต้ฝุ่นฟอร์เรสต์ในปี พ.ศ. 2526 ที่ลดลงถึง 100 เฮกโตปาสกาล (มิลลิบาร์ 2.95 นิ้วของปรอท) ในช่วงเวลาเดียวกัน แม้พายุเฮอริเคนแพทริเซียจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง แต่ก็ยังถือเป็นพายุในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกที่มีความรุนแรงที่สุดในขณะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่เคยบันทึกไว้โดยมีความกดอากาศอยู่ที่ 932 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 27.52 นิ้วของปรอท) ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่ในขณะนั้น และก่อนที่จะถูกทำลายโดยพายุเฮอริเคนโอติสในปี พ.ศ. 2566 ที่มีความกดอากาศต่ำกว่าที่ 929 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 27.43 นิ้วของปรอท) พายุเฮอริเคนแพทริเซียยังเป็นพายุที่อ่อนกำลังลงเร็วที่สุดในขณะยังอยู่เหนือผิวน้ำทะเลเท่าที่เคยมีในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) โดยความกดอากาศเพิ่มขึ้น 54 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 1.59 นิ้วของปรอท) ภายในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง ก่อนที่จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง และยิ่งไปกว่านั้นการสำรวจด้วยอุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอากาศยังพบว่าอุณหภูมิของอากาศที่ระดับความกดอากาศ 700 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 20.67 นิ้วของปรอท) ภายในตาพายุสูงถึงประมาณ 32.2 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอุณหภูมิที่สูงที่สุดที่เคยตรวจพบในตาของพายุหมุนเขตร้อนทั่วโลก[99][nb 5]

ข้อผิดพลาดในการคาดการณ์

[แก้]
ข้อผิดพลาดในการคาดการณ์ความเข้มข้นของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC)
สำหรับพายุเฮอริเคนแพทริเซียเทียบกับค่าเฉลี่ยพายุที่เคลื่อนตัวในช่วง 5 ปี[1]
ระยะเวลา
การพยากรณ์
ข้อผิดพลาดของ
พายุเฮอริเคนแพทริเซีย
ข้อผิดพลาดของ
พายุลูกอืน ๆ ในปี พ.ศ. 2553–57
นอต ไมล์/ชม. กม./ชม. นอต ไมล์/ชม. กม./ชม.
12 ชั่วโมง 22.7 26.1 42.0 5.9 6.8 10.9
24 ชั่วโมง 35.0 40.3 64.8 9.8 11.3 18.1
36 ชั่วโมง 47.7 58.9 88.3 12.5 14.4 23.2
48 ชั่วโมง 57.8 66.5 107.0 14.0 16.1 25.9
72 ชั่วโมง 55.0 63.3 101.9 15.5 17.8 28.7
96 ชั่วโมง 25.0 28.8 46.3 16.3 18.8 30.2

การทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วของพายุเฮอริเคนแพทริเซียถือเป็นเหตุการณ์ที่นักอุตุนิยมวิทยาทราบล่วงหน้าในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำในรายละเอียด นักอุตุนิยมวิทยาของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ (NHC) ได้ระบุถึงความเป็นไปได้ในการเกิดการทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่ประกาศเตือนฉบับแรกของการก่อตัวเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อนโดยระบุว่าปัจจัยจำกัดเพียงอย่างเดียว คือ ความเร็วในการจัดตั้งโครงสร้างแกนกลางภายในของพายุ[100] อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พายุจะเริ่มเข้าสู่ช่วงทวีกำลังแรงขึ้นอย่างฉับพลัน หน่วยงานไม่สามารถใช้งานจําลองการพยากรณ์ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็วของโครงการพยากรณ์ความรุนแรงของพายุหมุนเขตร้อนทางสถิติได้ เนื่องจากเกิดปัญหาทางเทคนิค ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การคาดการณ์มีความคลาดเคลื่อนมากยิ่งขึ้นในช่วงต้นของการเฝ้าระวัง[101] พยากรณ์ของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติมีแนวโน้ม "ระมัดระวังเกินไป" ต่อความรุนแรงของพายุ และไม่ได้แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการทวีกำลังแรงขึ้นอย่างชัดเจน จนกระทั่งได้ปรากฏว่าพายุเข้าสู่กระบวนการทวีกำลังแรงขึ้นแล้ว[102]

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติได้พยากรณ์ว่าพายุเฮอริเคนแพทริเซียจะกลายเป็นพายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 3 หรือสูงกว่า ภายใน 36 ชั่วโมง[103] แต่เพียงไม่ถึง 15 ชั่วโมงถัดมา พายุก็มีความรุนแรงเกินกว่าค่าพยากรณ์สูงสุดที่คาดไว้ การกลายเป็นพายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 5 ที่ไม่เคยถูกพยากรณ์ไว้ล่วงหน้าจนกระทั่งพายุเฮอริเคนแพทริเซียไปถึงระดับดังกล่าว แม้จะมีการกล่าวอย่างคลุมเครือในรายงานเฉพาะกิจทันทีว่า "พายุเฮอริเคนแพทริเซียอาจกลายเป็นพายุเฮอริเคนรุนแรงระดับ 5 ได้ในช่วงข้ามคืน"[104] รวมทั้งมีการกล่าวในรายงานสภาพอากาศว่า "พายุเฮอริเคนแพทริเซียอาจบรรลุถึงระดับ 5 ได้"[105] กระบวนการทวีกำลังแรงขึ้นดังกล่าวได้ทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การพยากรณ์ในช่วงเวลา 48 ชั่วโมง สำหรับมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกนับตั้งแต่ที่ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติเข้ามารับหน้าที่ดำเนินการในปี พ.ศ. 2531 โดยจําลองพยากรณ์เกือบทุกรูปแบบล้วนมีความคลาดเคลื่อนสูงกว่าค่าพยากรณ์ของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ ไม่มีการจําลองใดคาดการณ์ความเร็วลม และความรุนแรงของการทวีกำลังแรงขึ้นได้แม่นยำ โดยเฉพาะแบบจำลองการพยากรณ์พายุหมุนเขตร้อน ซึ่งเป็นการจําลองของศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางแห่งยุโรป (ECMWF) มีข้อผิดพลาดเฉลี่ยมากที่สุด และมีความคลาดเคลื่อนถึง 98.5 ไมล์ต่อชั่วโมง (158.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ในช่วงเวลา 48 ชั่วโมง[106]

การถอนออกจากรายชื่อ

[แก้]

หลังจากที่องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ได้ถอนชื่อ แพทริเซีย ออกจากรายชื่อพายุเฮอริเคนแปซิฟิกอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน พ.ศ. 2559 เนื่องจากความรุนแรงของพายุเฮอริเคนแพทริเซีย และพายุได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างหนักที่เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโก องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกได้เลือกชื่อ แพเมลา เป็นชื่อแทนในรายชื่อพายุหมุนเขตร้อนเริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2564 การถอนชื่อพายุลูกนี้เป็นแนวทางปฏิบัติตามธรรมเนียมขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ซึ่งใช้สำหรับพายุที่สร้างความเสียหายรุนแรง หรือมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูง การใช้ชื่อนั้นซ้ำในอนาคตอาจก่อให้เกิดความรู้สึกกระทบกระเทือนใจแก่ผู้ประสบภัย หรือประเทศที่ได้รับผลกระทบ[107]

ดูเพิ่ม

[แก้]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. "แพทริเซีย" เป็นชื่อพายุหมุนเขตร้อนในรายชื่อชุดที่ 6 ลำดับที่ 16 ของมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกฝั่งเหนือ
  2. ความเร็วลมเฉลี่ยนี้ใช้ความเร็วลมเฉลี่ยใน 1 นาที เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
  3. ตัวเลขความเสียหายในบทความนี้เป็นค่าเงินในปี พ.ศ. 2558 เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่น ๆ
  4. ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติเป็นศูนย์อุตุนิยมวิทยาชำนัญพิเศษประจำภูมิภาคอย่างเป็นทางการในมหาสมุทรแอตแลนติก และมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก[14]
  5. พายุเฮอริเคนแพทริเซียเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุดในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ด้วยความกดอากาศที่ 872 มิลลิบาร์ (เฮกโตปาสกาล 25.75 นิ้วของปรอท)

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 Todd B. Kimberlain; Eric S. Blake; John P. Cangialosi (2016-02-01). Hurricane Patricia (PDF) (Report). Tropical Cyclone Report (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida: National Hurricane Center. สืบค้นเมื่อ 4 February 2016.
  2. Jonathan Belles (2018-10-22). "Three Years Ago, Hurricane Patricia Became the Record Strongest Hurricane in the Western Hemisphere With 215 MPH Winds". The Weather Channel (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 8 March 2019.
  3. J. Lopez; F. Rodriquez (ตุลาคม 20, 2015). "Lluvias han afectado a 223 mil guatemaltecos". El Periódico (ภาษาสเปน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ พฤศจิกายน 24, 2015. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 22, 2015.
  4. "Cuatro muertos, daños y suspensión de clases a causa de las lluvias". El Diario de Hoy (ภาษาสเปน). ตุลาคม 18, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ตุลาคม 22, 2015. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 22, 2015.
  5. "Un muerto y damnificados por inundaciones en Guatemala". La Tribuna (ภาษาสเปน). Guatemala City, Guatemala. Agence France-Presse. 2015-10-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 October 2015. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  6. "Merman lluvias en la región, pero autoridades mantendrán las alertas". El Heraldo (ภาษาสเปน). San Salvador, El Salvador. Agence France-Presse. 2015-10-21. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  7. "Daños por lluvias en Chetumal ascienden a 1,400 mdp: alcalde". Unión Cancún (ภาษาสเปน). Chetumal, Mexico. 2015-10-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  8. "Reportan muerte de mujer coahuilense por 'Patricia'". El Siglo de Durango (ภาษาสเปน). 2015-10-24. สืบค้นเมื่อ 24 October 2015.
  9. Antonio Hernández (2015-10-28). "Suman 40 mil hectáreas afectadas por "Patricia"". El Universal (ภาษาสเปน). Mexico City, Mexico. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  10. Bob Henson (2015-10-26). "The Cataclysm That Wasn't: Hurricane Patricia Largely Spares Mexico, Texas". Weather Underground (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  11. Jeff Masters; Bob Henson (2015-10-24). "Patricia's Remnants to Fuel Dangerous Rains in Texas". Weather Underground (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 25 October 2015.
  12. "Texas Event Report: Heavy Rain". National Weather Service Office in Brownsville, Texas (ภาษาอังกฤษ). National Climatic Data Center. 2016. สืบค้นเมื่อ 26 February 2016.
  13. "Texas Event Report: Heavy Rain". National Weather Service Office in Brownsville, Texas (ภาษาอังกฤษ). National Climatic Data Center. 2016. สืบค้นเมื่อ 26 February 2016.
  14. "Annual Report on Activities of the RSMC Miami – Typhoon Center 2000" (PDF). National Hurricane Center. February 2001. p. 3. สืบค้นเมื่อ December 25, 2011.
  15. Eric S. Blake (2015-10-23). Hurricane Patricia Advisory Number 12 (Advisory) (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida: National Hurricane Center. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  16. Marshall Shepherd (2015-10-24). "Coverage of Hurricane Patricia Was Not Overblown, Likely Life-Saving". Forbes (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  17. "Hurricane Patricia overblown? Storm weakens to Category 2, falls short of 'catastrophic'". The Post-Standard (ภาษาอังกฤษ). Puerto Vallarta, Mexico. Associated Press. ตุลาคม 24, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ตุลาคม 26, 2015. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 28, 2015.
  18. Jason Samenow (2015-10-26). "How Patricia, the strongest hurricane on record, may have miraculously killed so few". The Washington Post (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  19. Carlos Guerrero (2015-10-22). "Huracán 'Patricia' provocará en tres estados la lluvia de todo un año" (ภาษาสเปน). Mexico City, Mexico: Noticieros Televisa. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 November 2017. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  20. "Huracán Patricia de categoría 4 se acerca a costas de México". El Nuevo Herald (ภาษาสเปน). Mexico: The McClatchy Company. Associated Press. ตุลาคม 22, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ตุลาคม 24, 2015. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 22, 2015.
  21. "Suspenden clases en Guerrero por huracán 'Patricia'". El Universal (ภาษาสเปน). Acapulco, Mexico. Notimex. 2015-10-22. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  22. "Activan operativo de emergencia en Jalisco por 'Patricia'; suspenden clases" (ภาษาสเปน). Mexico City, Mexico: Noticieros Televisa. 2015-10-22. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 April 2016. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  23. Saúl Prieto (2015-10-23). "Presumen capacidad de evacuación ilimitada por 'Patricia'". El Informador (ภาษาสเปน). Guadalajara, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  24. Pierre-Marc René; Raul Torres; Juan Cervantes; Angel Arrieta (2015-10-25). "Reportan afectaciones en 4 estados por 'Patricia'". El Universal (ภาษาสเปน). Mexico City, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 25 October 2015.
  25. "Reportan muerte de mujer coahuilense por 'Patricia'". El Siglo de Durango (ภาษาสเปน). 2015-10-24. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 24 October 2015.
  26. "Más de 3,000 hectáreas de cultivos sufrieron daños por el huracán Patricia". Univision (ภาษาสเปน). Univision Communications. 2015-10-26. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  27. "Red Cross ramps up preparedness as strongest hurricane ever recorded bears down on Mexico". International Federation of Red Cross And Red Crescent Societies (ภาษาอังกฤษ). ReliefWeb. 2015-10-24. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 February 2016. สืบค้นเมื่อ 7 February 2016.
  28. "Mexican Red Cross starts damage assessment". International Federation of Red Cross And Red Crescent Societies (ภาษาอังกฤษ). Geneva, Panama: ReliefWeb. 2015-10-25. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  29. William Neuman; Elisabeth Malkin (2015-10-24). "Lessons of Past Disasters Helped Mexico Sidestep the Brunt of a Hurricane". The New York Times (ภาษาอังกฤษ). Mexico City, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 May 2018. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  30. Paolina Albani (ตุลาคม 22, 2015). "Evacuan a 2,100 por el temporal estacionario". Siglo21 (ภาษาสเปน). Corporación de Noticias. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ตุลาคม 25, 2015. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 22, 2015.
  31. "Un muerto y damnificados por inundaciones en Guatemala". La Tribuna (ภาษาสเปน). Guatemala City, Guatemala. Agence France-Presse. 2015-10-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 October 2015. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  32. J. Lopez; F. Rodriquez (2015-10-20). "Lluvias han afectado a 223 mil guatemaltecos". elPriódico (ภาษาสเปน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 November 2015. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  33. Patricia Gómez (ตุลาคม 22, 2015). "Temporal afectó 28.2 mil hectáreas en Santa Rosa". Siglo21 (ภาษาสเปน). Corporación de Noticias. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ มีนาคม 3, 2015. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 22, 2015.
  34. Carlos Segovia; Insy Mendoza; Susana Joma (2015-10-17). "Un muerto, inundaciones y desbordamiento de ríos por lluvias en el oriente". elsalvador.com (ภาษาสเปน). Concepción de Oriente, El Salvador: El Diario de Hoy. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 April 2016. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  35. "Cuatro muertos, daños y suspensión de clases a causa de las lluvias". elsalvador.com (ภาษาสเปน). El Diario de Hoy. 2015-10-18. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 October 2015. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  36. "Merman lluvias en la región, pero autoridades mantendrán las alertas". El Heraldo (ภาษาสเปน). San Salvador, El Salvador. Agence France-Presse. 2015-10-21. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 March 2019. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  37. "Más de 200 familias evacuadas por inundaciones". La Tribuna (ภาษาสเปน). 2015-10-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 January 2018. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  38. "Se desborda el río Ulúa en el occidente y norte de Honduras" (ภาษาสเปน). Santa Bárbara, Honduras: La Prensa. 2015-10-17. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 October 2015. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  39. Hufo Solano (2015-10-19). "Barriadas de Jacó sufrieron grandes pérdidas por inundaciones" (ภาษาสเปน). La Nación. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 August 2017. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  40. Silvia Hernández (2015-10-20). "Lluvias provocan daños en mil 500 casas de Chetumal". El Universal (ภาษาสเปน). Quintana Roo, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  41. "Daños por lluvias en Chetumal ascienden a 1,400 mdp: alcalde" (ภาษาสเปน). Chetumal, Mexico: Unión Cancún. 2015-10-23. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  42. "Busca Quintana Roo declaratoria de desastre para 7 municipios" (ภาษาสเปน). Chetumal, Mexico: El Diario. 2015-10-20. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  43. Isabel Zamudio; Hermes Chávez; Óscar Rodríguez (2015-10-21). "Reportan daños por lluvias en más de 50 alcaldías de Veracruz". Milenio (ภาษาสเปน). Xalapa, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  44. "Fenómenos meteorológicos dejan daños, deslaves y pérdidas al sur de México". CNN Mexico (ภาษาสเปน). Turner Broadcasting System. Notimex. 2015-10-20. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  45. "Graves daños dejan lluvias en Oaxaca, alertan de deslaves carreteros". Ciudadanía Express (ภาษาสเปน). Oaxaca, Mexico. 2015-10-21. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  46. Fredy Martín Pérez (2015-10-21). "Se inundan 12 colonias por 'Patricia' en Chiapas". El Universal (ภาษาสเปน). Tapachula, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2015. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  47. "Deja tormenta severos daños a familias de Chiapas" (ภาษาสเปน). Chiapas, Mexico: W Radio. 2015-10-23. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  48. Bob Henson (2015-10-26). "The Cataclysm That Wasn't: Hurricane Patricia Largely Spares Mexico, Texas" (ภาษาอังกฤษ). Weather Underground. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  49. "Se fue 'Patricia'... pero continuarán las lluvias en 21 estados y el DF". CNNMéxico (ภาษาสเปน). Mexico City, Mexico: Turner Broadcasting System. 2015-10-25. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  50. "Los remanentes de 'Patricia' aún generarán fuertes lluvias en México". CNNMéxico (ภาษาสเปน). Turner Broadcasting System. 2015-10-24. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  51. Antonio Hernández (2015-10-28). "Suman 40 mil hectáreas afectadas por "Patricia"". El Universal (ภาษาสเปน). Mexico City, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  52. "6 Deaths in Mexico linked to Hurricane Patricia". Fox Nes Latino (ภาษาอังกฤษ). EFE. 2015-10-25. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2015. สืบค้นเมื่อ 25 October 2015.
  53. "Diez mil damnificados y dos muertos, el saldo de Patricia". Proceso (ภาษาสเปน). Mexico City, Mexico: Zócalo Saltillo. 2015-10-26. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  54. Raúl Torres (2015-11-28). ""Patricia" dejó daños por más de mil 139 mpd". El Universal (ภาษาสเปน). Guadalajara, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2015. สืบค้นเมื่อ 2 December 2015.
  55. Martín Aquino (2015-11-23). "Reporta Colima daños por mil 700 mdp". Mural (ภาษาสเปน). Guadalajara, Mexico. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 January 2016. สืบค้นเมื่อ 2 December 2015.
  56. Carlos Arrieta (2015-10-26). "Patricia colapsó la costa de Michoacán" (ภาษาสเปน). Michoacán, Mexico: W Radio. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  57. Rosamaría Sánchez (2015-10-26). ""Patricia" dejó daños de 13.5 millones de pesos en Michoacán". Provincia (ภาษาสเปน). Michoacán, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2015. สืบค้นเมื่อ 27 October 2015.
  58. Josh Morgerman (2015-11-02). iCyclone Chase Report: Hurricane Patricia (PDF) (Report) (ภาษาอังกฤษ). iCyclone. เก็บ (PDF)จากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2015. สืบค้นเมื่อ 2 November 2015.
  59. "Patricia effect: Texas deluged, flash floods smash Houston". Java Studio Arsitek (ภาษาอังกฤษ). USAToday. 2015-10-25. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2015. สืบค้นเมื่อ 25 October 2015.
  60. Pierre-Marc René (2015-10-28). "Sedesol reporta 9 mil viviendas dañadas por "Patricia" en Jalisco". El Universal (ภาษาสเปน). Jalisco, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  61. Jennifer Gonzalez Covarrubias (2015-10-25). "Hurricane flattens Mexico homes, but no major disaster" (ภาษาอังกฤษ). Chamela, Mexico: ReliefWeb. Agence France-Presse. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 February 2016. สืบค้นเมื่อ 7 February 2016.
  62. Raúl Torres (2015-10-28). "Calculan en 168 mdp pérdidas en cultivos por "Patricia"". El Universal (ภาษาสเปน). Mexico City, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  63. "Los Llanitos" (ภาษาอังกฤษ). Marine Traffic. 2015. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 December 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  64. "Hurricane Patricia wedges huge cargo ship between rocks". 9news.com.au (ภาษาอังกฤษ). ninemsn. 2015-10-26. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  65. Juan Carlos Flores (2015-10-25). "Calculan daños en Colima por más de 112 millones de pesos". La Jordana (ภาษาสเปน). Colima, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 25 October 2015.
  66. Raquel Flores (2015-10-25). "Incomunicadas 380 comunidades en Michoacán por Patricia" (ภาษาสเปน). Grupo Fórmula. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  67. Fátima Miranda (2015-11-23). "Con daños, mil 639 casas por 'Patricia'" (ภาษาสเปน). La Voz de Michoacán. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 November 2015. สืบค้นเมื่อ 2 December 2015.
  68. Sergio Lemus (2015-10-28). "Patricia deja 2 mil viviendas afectadas en Michoacán". La Voz de Michoacán (ภาษาสเปน). Morelia, Mexico. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  69. ""Patricia" deja primeros daños en el País" (ภาษาสเปน). Mexico City, Mexico: Frontera. 2015-10-22. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 22 October 2015.
  70. "Evalúan daños en Tamaulipas por remanentes de 'Patricia'". El Informador (ภาษาสเปน). Reynosa, Mexico. 2015-10-27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  71. Jeff Masters; Bob Henson (2015-10-24). "Patricia's Remnants to Fuel Dangerous Rains in Texas" (ภาษาอังกฤษ). Weather Underground. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2015. สืบค้นเมื่อ 25 October 2015.
  72. Greg Botelho (2015-10-24). "Torrential rain up to 20 inches in spots pummels much of Texas" (ภาษาอังกฤษ). CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  73. Tom Dart (2015-10-25). "South-east Texas avoids extensive flood damage after hurricane Patricia fears". The Guardian (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 25 October 2015. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  74. Amanda Orr (ตุลาคม 25, 2015). "In Hurricane Patricia's wake, torrential rains move into Louisiana". Reuters (ภาษาอังกฤษ). Houston, Texas. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ตุลาคม 26, 2015. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 26, 2015.
  75. Texas Event Report: EF0 Tornado. National Weather Service Office in Houston/Galveston, Texas (Report) (ภาษาอังกฤษ). National Climatic Data Center. 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 26 February 2016.
  76. Texas Event Report: Heavy Rain. National Weather Service Office in Brownsville, Texas (Report) (ภาษาอังกฤษ). National Climatic Data Center. 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 26 February 2016.
  77. Texas Event Report: Heavy Rain. National Weather Service Office in Corpus Christi, Texas (Report) (ภาษาอังกฤษ). National Climatic Data Center. 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 26 February 2016.
  78. Texas Event Report: Heavy Rain. National Weather Service Office in Brownsville, Texas (Report) (ภาษาอังกฤษ). National Climatic Data Center. 2016. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 March 2016. สืบค้นเมื่อ 26 February 2016.
  79. Amanda K. Fanning (2015-10-24). Storm Summary Number 10 for Southern Plains Heavy Rainfall (Report) (ภาษาอังกฤษ). College Park, Maryland: Weather Prediction Center. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 June 2017. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  80. Amanda K. Fanning (2015-10-24). Storm Summary Number 15 for Southern Plains Heavy Rainfall (Report) (ภาษาอังกฤษ). College Park, Maryland: Weather Prediction Center. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 May 2024. สืบค้นเมื่อ 26 October 2015.
  81. "NASA Sees Post-Patricia Moisture, Winds Stalking the Mid-Atlantic" (ภาษาอังกฤษ). 2015-10-21. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 August 2016. สืบค้นเมื่อ 6 September 2016.
  82. "Patricia Remnants Bring Flood Threat to Midwest, Northeast". NBC News (ภาษาอังกฤษ). 2015-10-27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 October 2018. สืบค้นเมื่อ 21 September 2018.
  83. Staff, KSLA (2015-10-25). "Remnants of Hurricane Patricia causing power outages in Shreveport" (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 29 August 2025.
  84. "5 mil 791 marinos ayudan a damnificados por Patricia" (ภาษาสเปน). Terra Networks. ตุลาคม 25, 2015. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ธันวาคม 22, 2015. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 26, 2015.
  85. Jorge Velazco (2015-10-29). "Darán 76 millones a Jalisco por huracán "Patricia"". Milenio (ภาษาสเปน). Guadalajara, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 October 2015. สืบค้นเมื่อ 29 October 2015.
  86. Angélica Enciso Landeros (2015-10-28). "Destinarán $34 millones a afectados en Colima por 'Patricia': Meade". La Jordana (ภาษาสเปน). Manzanillo, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  87. "Sector ambiental presenta reporte de daños en Colima por 'Patricia'" (ภาษาสเปน). Ángel Guardian. 2015-10-27. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 March 2016. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  88. "Declaran desastre en 15 municipios; aumentan daños registrados en casas". El Informador (ภาษาสเปน). Guadalajara, Mexico. 2015-10-28. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 October 2015. สืบค้นเมื่อ 28 October 2015.
  89. "Apoya INADEM a afectados por huracán". Milenio (ภาษาสเปน). Guadalajara, Mexico. 2016-01-21. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 January 2016. สืบค้นเมื่อ 7 February 2016.
  90. Angelina Arredondo Elizalde (2016-01-11). "Continúa el apoyo a afectados por huracán "Patricia"". Provincia (ภาษาสเปน). Morelia, Mexico. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 August 2016. สืบค้นเมื่อ 7 February 2016.
  91. "North Atlantic Hurricane Best Tracks (HURDAT2)". Hurricane Research Division (ภาษาอังกฤษ). National Hurricane Center. 2016-02-17. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 June 2016. สืบค้นเมื่อ 30 April 2016.
  92. Brown, Daniel; Kelly, Larry (2023-10-25). Hurricane Otis Tropical Cyclone Update (Report) (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida. สืบค้นเมื่อ 24 October 2023.
  93. Dennis Mersereau (2015-10-23). "At 200 MPH, Hurricane Patricia Is Now the Strongest Tropical Cyclone Ever Recorded". The Vane (ภาษาอังกฤษ). Gawker Media. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 October 2015. สืบค้นเมื่อ 23 October 2015.
  94. Dennis Mersereau (ตุลาคม 23, 2015). "At 200 MPH, Hurricane Patricia Is Now the Strongest Tropical Cyclone Ever Recorded". The Vane (ภาษาอังกฤษ). Gawker Media. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ ตุลาคม 23, 2015. สืบค้นเมื่อ ตุลาคม 23, 2015.
  95. Christopher W. Landsea (2010-04-21). "Subject: E1) Which is the most intense tropical cyclone on record?". Frequently Asked Questions (ภาษาอังกฤษ). National Oceanic and Atmospheric Administration. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 December 2010. สืบค้นเมื่อ 24 October 2015.
  96. "5 Things to Know About Hurricane Patricia" (ภาษาอังกฤษ). Atlanta, Georgia: The Weather Channel. 2015-10-23. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 March 2016. สืบค้นเมื่อ 24 October 2015.
  97. "World: Maximum Surface Wind Gust (3-Second)" (ภาษาอังกฤษ). World Meteorological Organization. 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 March 2016. สืบค้นเมื่อ 24 October 2015.
  98. "Tropical Cyclone: Fastest Intensification of Tropical Cyclone" (ภาษาอังกฤษ). World Meteorological Organization. n.d. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 April 2016. สืบค้นเมื่อ 24 October 2015.
  99. Todd B. Kimberlain (2015-10-20). Tropical Depression Twenty-E Discussion Number 1 (Report) (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida: National Hurricane Center. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 April 2016. สืบค้นเมื่อ 15 April 2016.
  100. Richard J. Pasch (2015-10-22). Hurricane Patricia Discussion Number 8 (Report) (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida: National Hurricane Center. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 April 2016. สืบค้นเมื่อ February 5, 2016.
  101. Stacy R. Stewart (2015-10-22). Tropical Storm Patricia Discussion Number 7 (Report) (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida: National Hurricane Center. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 April 2016. สืบค้นเมื่อ 15 April 2016.
  102. Michael J. Brennan (2015-10-22). Hurricane Patricia Discussion Number 11 (Report) (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida: National Hurricane Center. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 April 2016. สืบค้นเมื่อ 15 April 2016.
  103. Eric S. Blake (2015-10-23). Hurricane Patricia Discussion Number 12 (Report) (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida: National Hurricane Center. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 28 April 2016. สืบค้นเมื่อ 15 April 2016.
  104. Eric S. Blake (2015-10-23). Hurricane Patricia Intermediate Advisory Number 11a (Report) (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida: National Hurricane Center. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 March 2016. สืบค้นเมื่อ 24 April 2016.
  105. Scott Stripling (2015-10-22). Tropical Weather Discussion (Report) (ภาษาอังกฤษ). Miami, Florida: National Hurricane Center. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 July 2017. สืบค้นเมื่อ 12 May 2018.
  106. "World Meteorological Organization retires storm names Erika, Joaquin and Patricia" (Press release) (ภาษาอังกฤษ). National Oceanic and Atmospheric Administration. 2016-04-25. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 June 2016. สืบค้นเมื่อ 26 April 2016.

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]