ข้ามไปเนื้อหา

พอร์ตแมนโรด

พิกัด: 52°3′18″N 1°8′41″E / 52.05500°N 1.14472°E / 52.05500; 1.14472
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พอร์ตแมนโรด
แผนที่
ชื่อเต็มสนามกีฬาพอร์ตแมนโรด
ที่ตั้งอิปสวิช, ซัฟฟอล์ค, อังกฤษ
พิกัด52°3′18″N 1°8′41″E / 52.05500°N 1.14472°E / 52.05500; 1.14472
ขนส่งมวลชนNational Rail อิปสวิช
เจ้าของสภาเมืองอิปสวิชเป็นเจ้าของที่ดินเพียงผู้เดียว สนามกีฬาเป็นของสโมสร[1]
ความจุ30,017[2]
สถิติผู้ชม38,010 (อิปสวิชทาวน์ vs ลีดส์ยูไนเต็ด, 8 มีนาคม ค.ศ. 1975)
ขนาดสนาม112 โดย 82 หลา (102 โดย 75 เมตร)[3]
พื้นผิวHybrid grass
การก่อสร้าง
เปิดใช้สนาม1884[1]
ปรับปรุง2024
ต่อเติม2002, 2024
การใช้งาน
อิปสวิชทาวน์ (1884–ปัจจุบัน)

พอร์ตแมนโรด (อังกฤษ: Portman Road) เป็นสนามฟุตบอลในเมืองอิปสวิช ซัฟโฟล์ค ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นสนามเหย้าของอิปสวิชทาวน์มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1884 สนามกีฬานี้ยังเคยจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนทีมชาติอังกฤษหลายนัด และฟุตบอลเกมกระชับมิตร ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ 1 นัดที่เจอกับโครเอเชีย ในปี ค.ศ. 2003 อีกด้วย ยังได้จัดกิจกรรมกีฬาอื่นๆ อีกหลายรายการ รวมถึงการแข่งขันกรีฑา การแข่งขันฮ็อกกี้นานาชาติ และคอนเสิร์ตดนตรี

ทีมอิปสวิชทาวน์ย้ายมาเล่นที่สนามในปี ค.ศ. 1884 และยังคงเล่นเกมเหย้าที่นี่จนถึงปัจจุบัน สนามกีฬาแห่งนี้มียอดผู้เข้าชมสูงสุดในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1975 เมื่อมีแฟนบอล 38,010 คนเข้าชมการแข่งขันกับลีดส์ยูไนเต็ด อัฒจันทร์ยืนทั้ง 4 ด้านได้รับการแปลงให้เป็นอัฒจันทร์ที่มีที่นั่งทั้งหมด ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 ตามคำแนะนำของเทย์เลอร์รีพอร์ต สนามกีฬาแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ซึ่งทำให้ความจุเพิ่มขึ้นจาก 22,600 เป็น 30,311 ที่นั่ง ทำให้เป็นสนามฟุตบอลที่มีความจุมากที่สุดในอีสต์แองเกลีย เมื่อการเข้าซื้อกิจการของ Gamechanger 20 Ltd เสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 2021 สโมสรก็ได้ลงทุนอย่างหนักในสนามกีฬาเพื่อให้ดูทันสมัยมากขึ้น หลังจากที่ถูกละเลยมาเป็นเวลาหลายปีจากเจ้าของเดิม ซึ่งรวมถึงอ่างอาบน้ำใหม่ ระบบทำความร้อนใต้ดิน และสนามหญ้าแบบไฮบริดใหม่ ซึ่งทำให้จำนวนผู้เข้าชมลดลงเล็กน้อยเหลือ 29,673 คน หลังจากที่สโมสรเลื่อนชั้นกลับมาสู่พรีเมียร์ลีก ในปี ค.ศ. 2024 สโมสรต้องลงทุนมหาศาลอีกครั้งเพื่อปรับปรุงสนามให้เทียบเท่ากับมาตรฐานของพรีเมียร์ลีก ซึ่งรวมถึงโครงการมากกว่า 100 โครงการ[4] ตั้งแต่พื้นที่สื่อและกล้องใหม่ไปจนถึงการเพิ่มการจัดสรรที่นั่งกองเชียร์ทีมเยือน เมื่อการปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์ ทำให้ความจุในปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 30,017 ที่นั่ง

ประวัติ

[แก้]

อิปสวิชลงเล่นช่วงแรก ๆ ที่บรูมฮิลล์พาร์ก[5] แต่ในปี ค.ศ. 1884 สโมสรได้ย้ายมาเล่นที่พอร์ตแมนโรด และเล่นที่นั่นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา[1] สนามดังกล่าวยังใช้เป็นสนามคริกเกตในช่วงฤดูร้อนโดย East Suffolk Cricket Club ซึ่งเล่นที่นั่นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1855[6] สโมสรคริกเก็ตได้สร้างศาลาซึ่งเป็นอาคารถาวรแห่งแรกในบริเวณสนาม องค์ประกอบที่สำคัญยิ่งขึ้นของการพัฒนาสนามไม่ได้ดำเนินการอีกเป็นเวลา 11 ปี แม้ว่าอิปสวิชจะเป็นหนึ่งในสโมสรแรก ๆ ที่นำตาข่ายประตูมาใช้ในปี ค.ศ. 1890 ก็ตาม[1] ในเวลานั้น อิปสวิชยังคงเป็นทีมสมัครเล่น (ทีมเปลี่ยนมาเป็นทีมอาชีพในปี ค.ศ. 1936) และการมาเยือนสนามครั้งแรกของสโมสรอาชีพเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1892 เมื่อเพรสตันนอร์ทเอนด์ลงแข่งกับทีมซัฟโฟล์คเคาน์ตี หกปีต่อมา แอสตันวิลลามาเยือนอีกครั้ง ซึ่งเป็นเกมที่ได้รับความนิยมมากจนต้องสร้างอัฒจันทร์ชั่วคราวเพื่อรองรับฝูงชนประมาณ 5,000 คน[7] ในปี ค.ศ. 1901 พี่น้องตระกูลเชิร์ชแมนได้สร้างโรงงานแปรรูปยาสูบขึ้นที่ด้านใต้ของสนาม[1] ซึ่งต่อมาชื่อนี้ได้กลายเป็นชื่ออัฒจันทร์ด้านใต้ที่ตั้งอยู่ตรงนั้น[8]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 "History of the Stadium". Ipswich Town. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 July 2008. สืบค้นเมื่อ 4 February 2013.
  2. "Visit Us". Ipswich Town F.C. สืบค้นเมื่อ 21 June 2024.
  3. "Portman Road". Soccerbase. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 มกราคม 2008. สืบค้นเมื่อ 19 มกราคม 2008.
  4. "Ashton Says Stadium Will Be Ready". TWTD. สืบค้นเมื่อ 18 August 2024.
  5. "Why save Broomhill outdoor swimming pool". Broomhill Pool Trust. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 March 2012. สืบค้นเมื่อ 21 March 2012.
  6. "About us – The Early Years ..." Ipswich and East Suffolk Cricket Club. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 November 2004. สืบค้นเมื่อ 23 January 2008.
  7. "The History of Portman Road". Pride of Anglia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 May 2008. สืบค้นเมื่อ 19 January 2008.
  8. Paul Geater (21 December 2007). "Another nail in industry's coffin". Ipswich Evening Star. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 April 2013. สืบค้นเมื่อ 21 March 2012.