พระเจ้าโบดวงที่ 2 แห่งเยรูซาเลม
พระเจ้าโบดวงที่ 2 แห่งเยรูซาเลม | |
---|---|
![]() พระเจ้าโบดวงที่ 2 (โบดวงแห่งบูร์) วาดโดยเอดัวร์ อาแล็กซ็องดร์ โอดิเอร์ ภายในห้องสงครามครูเสด พระราชวังแวร์ซาย | |
พระมหากษัตริย์เยรูซาเลม | |
ครองราชย์ | 2 เมษายน ค.ศ. 1118 – 21 สิงหาคม ค.ศ. 1131 |
ราชาภิเษก | 25 ธันวาคม ค.ศ. 1119 |
ก่อนหน้า | พระเจ้าโบดวงที่ 1 |
ถัดไป | พระเจ้าฟูลก์และเมลีแซงด์ |
เคานต์แห่งอิเดสซา | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1100–1118 |
ก่อนหน้า | โบดวงที่ 1 |
ถัดไป | ฌอแซอลังที่ 1 |
ประสูติ | ป. ค.ศ. 1075 เรอแตล ราชอาณาจักรฝรั่งเศส |
สวรรคต | 21 สิงหาคม ค.ศ. 1131 (ป. 56 ปี) เยรูซาเลม, ราชอาณาจักรเยรูซาเลม |
ฝังพระศพ | โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ |
คู่อภิเษก | มอร์เฟียแห่งเมลีแตง |
พระราชบุตร | |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์เรอแตล |
พระราชบิดา | อูกที่ 1 เคานต์แห่งเรอแตล |
พระราชมารดา | เมลีแซงด์แห่งม็องต์แตร์รี |
พระเจ้าโบดวงที่ 2 แห่งเยรูซาเลม (ฝรั่งเศส: Baudouin II de Jérusalem; อังกฤษ: Baldwin II of Jerusalem) เดิม โบดวงที่ 2 เคานต์แห่งเอดเดสสา เมื่อประสูติ โบดวงแห่งเรอแตล (ฝรั่งเศส: Baudouin de Rethel) หรือ โบดวงแห่งบูร์ (ฝรั่งเศส: Baudouin de Bourcq หรือ du Bourg) ทรงเป็นเคานต์แห่งอิเดสสาตั้งแต่ ค.ศ. 1100 ถึง 1118 ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์เยรูซาเลมครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 1118 จนเสด็จสวรรคต พระองค์ทรงร่วมเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับโกเดอฟรอยแห่งบูยงและโบดวงแห่งบูโลญในช่วงสงครามครูเสดครั้งที่ 1และได้รับสืบทอดตำแหน่งเป็นเคานต์แห่งเอเดสซาคนที่สองหลังจากโบดวงแห่งบูโลญละทิ้งเคาน์ตีเพื่อไปยังเยรูซาเล็มหลังจากพระเชษฐาสิ้นพระชนม์
ใน ค.ศ. 1104 พระองค์ถูกจับกุมในยุทธการที่ฮาร์ราน โดยเซอคเมนแห่งมาร์ดิน จากนั้นโดย จิคีร์มิชแห่งโมซูล และท้ายสุดโดยยาวาลี ซัคกาวา ระหว่างที่ทรงถูกจองจำ ทานเครดแห่งกาลิลี ผู้ครองราชรัฐแอนติออกและริชาร์ดแห่งซาแลร์โน พระญาติของพระองค์ได้ทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนในการปกครองอิเดสซา
พระองค์ทรงได้รับการไถ่ตัวโดยญาติของตน ฌอแซอลังแห่งกูร์เตอแน ลอร์ดแห่งเตอร์เบสเซล ในฤดูร้อน ค.ศ. 1108 ทานเครดพยายามจะยึดครองอิเดสซา แต่แบร์นาร์แห่งวาล็องซ์ อัครบิดรละตินแห่งแอนติออก ได้ชักชวนให้เขาคืนเขตแดนให้โบดวง พระองค์ได้เป็นพันธมิตรกับยาวาลี แต่ถูกทานเครดและพันธมิตรของเขา ริดวานแห่งอะเลปโป เอาชนะได้ในการรบที่เตอร์เบสเซล ต่อมาโบดวงและทานเครดได้คืนดีต่อกันในการประชุมผู้นำครูเสดใกล้เมืองตริโปลีในเดือนเมษายน ค.ศ. 1109 เมาดุด อะตาแบกแห่งโมซูล และผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา อักซุนคูร์ อัล-บุรซูกี ได้เปิดศึกโจมตีอิเดสซาในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1110 สร้างความเสียหายแก่พื้นที่ฝั่งตะวันออกของเขตเคาน์ตี โบดวงกล่าวหาฌอแซอลังว่าทรยศหลังจากเขายึดเมืองเตอร์เบสเซลใน ค.ศ. 1113 และแคว้นอาร์เมเนียใกล้เคียงใน ค.ศ. 1116 และ 1117

พระเจ้าโบดวงที่ 1 แห่งเยรูซาเล็ม สิ้นพระชนม์ในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 1118 โดยทรงยกสิทธิ์ในบัลลังก์ให้พระเชษฐา อูซตาสที่ 3 เคานต์แห่งบูโลญ โดยระบุว่าหากเออสตาชไม่สามารถเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ให้เสนอราชสมบัติแก่โบดวงแห่งบูร์แทน อาร์นุลฟ์แห่งโชกส์ อัครบิดรละตินแห่งเยรูซาเลม และฌอแซอลังแห่งกูร์เตอแน ผู้ครอบครองดินแดนที่ใหญ่ที่สุดในราชอาณาจักรเยรูซาเลม ได้ชักชวนขุนนางคนอื่นให้เลือกโบดวงขึ้นครองราชย์ พระเจ้าโบดวงที่ 2 ได้รับราชสมบัติและเข้ายึดครองเมืองต่าง ๆ ส่วนใหญ่ในราชอาณาจักร จากนั้นมอบอิเดสซาให้แก่ฌอแซอลัง หลังจากกองทัพของราชรัฐแอนติออกถูกทำลายจนเกือบสิ้นในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1119 พระเจ้าโบดวงจึงทรงได้รับเลือกให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนเจ้าชาย โบเฮมอนด์ที่ 2 ที่ยังไม่มาถึง แต่เนื่องจากการรุกรานของพวกเซลจุคในแอนติออกย่างต่อเนื่อง ทำให้พระองค์ต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ในแคว้นนั้น จนเกิดความไม่พอใจในเยรูซาเลม ต่อมาในเดือนเมษายน ค.ศ. 1123 โบดวงถูก เบเลก จับตัว และกลุ่มขุนนางเสนอราชบัลลังก์ให้แก่ ชาร์ลที่ 1 เคานต์แห่งแฟลนเดอส์ แต่เขาปฏิเสธ ในระหว่างที่พระเจ้าโบดวงถูกกุมตัว ทหารเยรูซาเล็มสามารถยึดเมืองไทร์ได้ด้วยความช่วยเหลือจากกองเรือเวนิส เมื่อพระองค์ได้รับการปล่อยตัวในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1124 พระองค์พยายามตีเมืองอะเลปโป แต่ต้องล่าถอยเพราะแรงต้านจากอัล-บุรซูกีในต้น ค.ศ. 1125
พระเจ้าโบดวงทรงยก อาลิกซ์ พระราชธิดาองค์ที่สองให้สมรสกับ โบเฮมอนด์ที่ 2 เมื่อพระองค์เดินทางมาถึงซีเรียในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1126 และทรงสละตำแหน่งผู้สำเร็จราชการในแอนติออก พระองค์ทรงมีแผนจะยึดดามัสกัสและต้องการกำลังสนับสนุนจากภายนอก จึงทรงยกพระราชธิดาองค์โต เมลีแซงด์ ให้สมรสกับ ฟูลก์ที่ 5 เคานต์แห่งอ็องฌู ใน ค.ศ. 1129 โดยทหารใหม่ที่มากับฟูลก์ช่วยให้พระองค์สามารถรุกรานเขตแดนของดามัสกัส และสามารถยึดเมืองบาเนียสได้ในปลาย ค.ศ. 1129 ด้วยความช่วยเหลือจากกลุ่ม นิซารี (หรือแอสซาสซิน) หลังจากโบเฮมอนด์ที่ 2 ถูกสังหารในการรบช่วงต้น ค.ศ. 1130 พระเจ้าโบดวงทรงบังคับให้อาลิกซ์ออกจากแอนติออก และเข้ารับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระราชนัดดาของพระองค์ กงส์ต็องส์
ต่อมาพระเจ้าโบดวงล้มป่วยอย่างหนักที่แอนติออกและได้ปฏิญาณตนเป็นนักบวชก่อนเสด็จสวรรคตในโบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ พระองค์เป็นที่ยอมรับในด้านความสามารถทางทหาร แต่ก็มีชื่อเสียงในทางลบว่า “รักเงินเป็นพิเศษ”
อ้างอิง
[แก้]- William of Tyre, A History of Deeds Done Beyond the Sea, trans. E. A. Babcock and A. C. Krey. Columbia University Press, 1943.
- Hans Mayer, The Crusades. Oxford University Press, 1965.
- Alan V. Murray, The Crusader Kingdom of Jerusalem: A Dynastic History 1099-1125. Prosopographia & Genealogia, 2000.
- Steven Runciman, A History of the Crusades, Vol. II: The Kingdom of Jerusalem. Cambridge University Press, 1952.