ข้ามไปเนื้อหา

พระเจ้าอะห์หมัด ชาห์ กอญัร

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าอะห์หมัด ชาห์ กอญัร
احمد شاه قاجار
พระเจ้าอะห์หมัด ชาห์ กอญัรในปี 1916
ชาห์แห่งอิหร่าน
ครองราชย์16 กรกฎาคม 1909 – 15 ธันวาคม 1925
ราชาภิเษก21 กรกฎาคม 1914
ก่อนหน้ามุฮัมมัด อะลี ชาห์
ถัดไปเรซา ปาห์ลาวี
ประสูติ21 มกราคม ค.ศ. 1898(1898-01-21)
แทบรีซ มณฑลอาร์เซอไบจัน ประเทศเปอร์เซีย
สวรรคต21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1930(1930-02-21) (32 ปี)
นูยยีซัวแซน จังหวัดแซน ประเทศฝรั่งเศส
คู่อภิเษกBadr al-Molouk
พระราชบุตรโอรส 1 ธิดา 1
ราชวงศ์กอญัร
พระราชบิดามุฮัมมัด อะลี ชาห์
พระราชมารดามะเลเกฮ์ ญะฮัน
ศาสนาอิสลามชีอะฮ์

พระเจ้าชาห์ อะห์หมัด ชาห์ กอญัร เป็นกษัตริย์องค์ที่เจ็ดของราชวงศ์กอญัรแห่งอิหร่าน ทรงครองราชย์ในช่วงที่อาณาจักรเผชิญกับความอ่อนแอทางการเมืองและแรงกดดันจากมหาอำนาจต่างชาติ ทรงขึ้นครองราชย์ในปี 1909 ขณะมีพระชนมายุเพียง 11 ปีหลังจากที่พระบิดาอย่างพระเจ้ามุฮัมมัด อะลี ชาห์ กอญัร ถูกถอดจากราชสมบัติโดยขบวนการปฏิรูป[1]

การขึ้นครองราชย์ของอะห์หมัด ชาห์ เป็นผลจากการปฏิวัติรัฐธรรมนูญอิหร่าน ที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1905–1911 ซึ่งเป็นความพยายามของประชาชน นักการเมือง และบรรดานักปราชญ์ที่ต้องการจำกัดอำนาจของกษัตริย์ และสร้างระบบรัฐสภา แม้รัฐธรรมนูญจะได้รับการฟื้นฟูภายใต้รัชกาลของอะห์หมัด ชาห์ แต่พระองค์ก็มีอำนาจจำกัด และอยู่ภายใต้แรงกดดันจากทั้งภายในประเทศและจากจักรวรรดิรัสเซียกับจักรวรรดิอังกฤษ[2]

ในสมัยของพระองค์ อิหร่านเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ ความไร้เสถียรภาพทางการเมือง และการรุกรานจากต่างชาติ แม้ว่าอิหร่านพึ่งค้นพบแหล่งน้ำมันดิบขนาดใหญ่แห่งแรกในปี 1908 แต่ด้วยสัญญาสัมปทานน้ำมันที่ลงนามตั้งแต่ปี 1901 ทำให้อังกฤษมีสิทธิ์เกือบเบ็ดเสร็จในการขุดเจาะ ผลิต และขายน้ำมัน ผลประโยชน์จึงแทบไม่ตกถึงอิหร่าน[1]

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จักรวรรดิอังกฤษเป็นอภิมหาอำนาจที่มีอิทธิพลอย่างมาก อังกฤษต้องการควบคุมทรัพยากรน้ำมันและเส้นทางสู่บริติชอินเดีย จึงเสนอสนธิสัญญาอังกฤษ–เปอร์เซีย ค.ศ. 1919 ซึ่งจะให้เงินช่วยเหลือ การฝึกทหาร และการวางระบบคลัง แต่หลายคนมองว่าเป็นความพยายามของอังกฤษในการเปลี่ยนอิหร่านให้กลายเป็นรัฐในอารักขา[3]

ความอ่อนแอของราชสำนักและการแตกแยกทางการเมืองเปิดทางให้นายทหารนามว่าเรซา ข่าน ก้าวขึ้นมามีอำนาจในกองทัพ และต่อมาได้ทำรัฐประหารในปี 1921 ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี พระองค์จึงแทบไร้อำนาจ ต่อมาพระองค์ตัดสินใจออกนอกประเทศในปี 1923 อ้างว่าเพื่อไปรักษาอาการประชวร ต่อมาในปี 1925 พระองค์ถูกรัฐสภาอิหร่านถอดจากราชสมบัติในปี 1925 สิ้นสุดการปกครองของราชวงศ์กอญัรที่ยาวนานกว่า 130 ปี[4]

หลังจากสูญเสียราชบัลลังก์ อะห์หมัด ชาห์พำนักอยู่ในยุโรปและใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในฝรั่งเศสจนสวรรคตในปี 1930 ด้วยภาวะไตวาย

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1.0 1.1 Keddie, Nikki R. Modern Iran: Roots and Results of Revolution. Yale University Press, 2006.
  2. Abrahamian, Ervand. A History of Modern Iran. Cambridge University Press, 2008.
  3. Cronin, Stephanie. The Army and the Creation of the Pahlavi State in Iran, 1910–1926. I.B. Tauris, 1997.
  4. Milani, Abbas. The Persian Sphinx: Amir Abbas Hoveyda and the Riddle of the Iranian Revolution. Mage Publishers, 2000.