พระเจ้าตราพระยาแห่งหงสาวดี
| พระเจ้าตราพระยาแห่งหงสาวดี ပဲခူး တရဖျား | |
|---|---|
| เจ้าเมืองพะโค | |
| ครองราชย์ | ป. ค.ศ. 1287 – ป. 1296 |
| ก่อนหน้า | Lekkhaya Byu |
| ถัดไป | ลักคี (ในฐานะผู้ว่าราชการ) |
| อัครเสนาบดี | มะตะเชาะ |
| ประสูติ | อาณาจักรพุกาม |
| สวรรคต | ค.ศ. 1296 หรือหลังจากนั้น เมาะตะมะ อาณาจักรเมาะตะมะ |
| คู่อภิเษก | พระราชธิดาไม่ทราบพระนามของ มะตะเชาะ แม่นางสินทยา |
| พระราชบุตร | พระนางสุเจตะละ ชินจี ชินเง |
| ศาสนา | พุทธเถรวาท |
พระเจ้าตราพระยาแห่งหงสาวดี (มอญ: တယာဖျာ; พม่า: ပဲခူး တရဖျား, ออกเสียง: [bəgó təɹəbjá]) เป็นกษัตริย์แห่งหงสาวดี ซึ่งมาจากการตั้งตนครองสิริราชสมบัติระหว่าง ค.ศ. 1287 ถึง 1296 พระองค์เป็นหนึ่งในผู้กล้าที่ตั้งตนเป็นใหญ่ใน พม่าตอนล่าง ภายหลังจากการล่มสลายของ อาณาจักรพุกาม ของชาวพม่าเมื่อ ค.ศ. 1287 เช่นเดียวกับ พระเจ้าฟ้ารั่ว ปฐมกษัตริย์แห่ง อาณาจักรหงสาวดี
ในช่วงแรกพระเจ้าตราพระยาเป็นพันธมิตรกับพระเจ้าฟ้ารั่วผู้กล้าแห่ง เมืองเมาะตะมะ ด้วยการส่งพระราชธิดาองค์ใหญ่ที่ประสูติก่อนครองสิริราชสมบัติคือ พระนางสุเจตะละ หรือ พระนางชินสอลา ไปเป็นพระมเหสีของพระเจ้าฟ้ารั่ว ขณะที่พระเจ้าฟ้ารั่วได้ส่งพระราชธิดาพระองค์เดียวคือ แม่นางสินทยา มาเป็นพระมเหสีของพระเจ้าตราพระยาซึ่งทั้งสองมีพระโอรสด้วยกันถึง 2 พระองค์คือ ชินจี และ ชินเง ต่อมาพระเจ้าตราพระยาและพระเจ้าฟ้ารั่วเกิดความขัดแย้งกัน และนำไปสู่การทำสงครามในอีกสองปีต่อมา พระเจ้าตราพระยาพ่ายแพ้และถูกส่งไปเมาะตะมะเพื่อสำเร็จโทษเมื่อประมาณ ค.ศ. 1296
ภูมิหลัง
[แก้]ตราพระยาเดิมเป็นสามัญชนนาม งะปะมูน (ငပမွန်, [ŋə paʔ mʊ̀ɴ])[1][2][3] หรือ อะเชมูน (အချဲမွန်, [ʔə tɕʰɛ́ mʊ̀ɴ])[note 1] การขึ้นสู่อำนาจของพระองค์เป็นเรื่องบังเอิญ พระองค์เป็นพี่/น้องเขยของอะคะมะม่าน (มีอีกนามว่า อะคะมูน)[note 2] ผู้ที่ประกาศตนเองเป็นกษัตริย์แห่งพะโคที่ก่อกบฏต่อพระเจ้านรสีหบดีได้สำเร็จใน ค.ศ. 1285[note 3] ในช่วงการรุกรานของมองโกลในประเทศ[4] จากนั้นสอง (หรือสาม) ปีต่อมา[note 4] อะคะมะม่าน ถูกลอบสังหารโดย Lekkhaya Byu พี่/น้องเขย มะตะเชาะ (မတယှောက်) พ่อตาของ อะคะมะม่าน และ อะเชมูน ตอบสนองด้วยการว่าจ้าง อะเชมูน เพื่อกำจัดผู้แย่งชิงอำนาจ[5] หลัง อะคะมะม่าน เสียชีวิตไปแปดวัน อะเชมูน ลอบสังหาร Lekkhaya Byu เขาประกาศตนเองเป็นกษัตริย์พะโคและใช้บรรดาศักดิ์ ตราพระยา[5][6]
รัชสมัย
[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ |
สวรรคต
[แก้]พระเจ้าตราพระยาถูกนำตัวมายังเมาะตะมะ พระมเหสีสินทยากับพระราชโอรสสองพระองค์ก็ถูกนำตัวมาด้วย หลังจากนั้นไม่นาน มีผู้พบว่าพระองค์วางแผนปลงพระชนม์พระเจ้าฟ้ารั่ว และถูกประหารชีวิต พงศาวดารมอญฉบับปากลัดรายงานว่า ผู้ที่รายงานแผนแก่พระเจ้าฟ้ารั่วคือแม่นางสินทยา แต่เมื่อพระราชบิดาของพระนางสั่งให้ประหารชีวิตพระเจ้าตราพระยา พระนางผูกผมไว้กับตัวตราพระยาและท้าให้เพชฌฆาตตัดหัวพระเจ้าตราพระยา แต่ก็ไม่เป็นผล เพชฌฆาตสามารถตัดผมของพระเจ้าตราพระยาออกและตัดพระเศียรเสีย[7][8]
หลังจากนั้น
[แก้]พระราชโอรสสองพระองค์ของพระเจ้าตราพระยาได้รับการเลี้ยงดูโดยพระเจ้าฟ้ารั่ว แต่ทั้งสองกลับมีความแค้นต่อพระอัยกาของตนที่ทำให้พระราชบิดาสวรรคต ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1307 ทั้งสองแทงพระอัยกาของตนจนสวรรคตโดยไม่ทันรู้ตัว ทั้งสองถูกจับและประหารชีวิต[9][10]
หมายเหตุ
[แก้]- ↑ A-Che-Mun per (Pan Hla 2005: 30). (Phayre 1873: 41) ทับศัพท์ชื่อของพระองค์เป็น Akhyemwan
- ↑ (Pan Hla 2005: 30): ตราพระยาและ Akhamaman สมรสกับพระธิดาใน Ta-Shauk
- ↑ พงศาวดารหงสาวดีระบุว่า A-Kha-Mun [Akhamaman] ขึ้นครองอำนาจในปี 635 ME (28 มีนาคม ค.ศ. 1273 ถึง 28 มีนาคม ค.ศ. 1274) และครองราชย์เพียง 2 ปี พงศาวดารราชาธิราช (Pan Hla 2005: 28–29) ระบุว่า Akhamaman ขึ้นครองอำนาจในปี 647 ME (28 มีนาคม ค.ศ. 1285 ถึง 28 มีนาคม ค.ศ. 1286) และครองราชย์เพียง 7 ปี แต่ Arthur Phayre (Phayre 1873: 41) กล่าวว่าวันที่ในพงศาวดาร "ไม่ควรนำมาพึ่งพา" นักวิชาการยุคหลัง—เช่น (Harvey 1925: 110–112), (Htin Aung 1967: 79)—กำหนดวันที่ก่อกบฏของพะโคในช่วงกลางถึงปลายคริสต์ทศวรรษ 1280 ให้ตรงกับวันที่ในราชาธิราชที่ ค.ศ. 1285
- ↑ รัชสมัยของ Akhamaman อยู่เพียงสองปีตามพงศาวดารหงสาวดี (Phayre 1873: 41) หรือ 7 ปีตามราชาธิราช (Pan Hla 2005: 28–29) แต่ราชพงศาวดารมาตรฐาน—(Maha Yazawin Vol. 1 2006: 253) และ (Hmannan Vol. 1 2003: 359)—ระบุว่าตราพระยา ผู้สืบทอดของ Akhamaman ปกครองพะโคในช่วงที่พระเจ้ากะยอฉะวาขึ้นครองอำนาจที่พุกาม [ในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1289 ตามจารึกร่วมสมัย] ถ้าพงศาวดารมาตรฐานถูกต้อง รัชสมัย 7 ปีของราชาธิราชอาจเป็นผลจากข้อผิดพลาดทางการคัดลอก ตัวเลขพม่า ၃ (3) สามารถคัดลอกผิดเป็นเลข ၇ (7) ดังนั้น ตราพระยาอาจขึ้นครองอำนาจ 3 ปีหลัง ค.ศ. 1288/89 หรือสองปีต่อมาตามพงศาวดารหงสาวดีใน ค.ศ. 1287/88
อ้างอิง
[แก้]บรรณานุกรม
[แก้]- Aung-Thwin, Michael A. (2017). Myanmar in the Fifteenth Century. Honolulu: University of Hawai'i Press. ISBN 978-0-8248-6783-6.
- Harvey, G. E. (1925). History of Burma: From the Earliest Times to 10 March 1824. London: Frank Cass & Co. Ltd.
- Htin Aung, Maung (1967). A History of Burma. New York and London: Cambridge University Press.
- Kala, U (1724). มหาราชวงศ์ (ภาษาพม่า). Vol. 1–3 (2006, 4th printing ed.). Yangon: Ya-Pyei Publishing.
- Maha Sithu (2012) [1798]. Kyaw Win; Thein Hlaing (บ.ก.). มหาราชวงศ์ ฉบับใหม่ (ภาษาพม่า). Vol. 1–3 (2nd ed.). Yangon: Ya-Pyei Publishing.
- Nyein Maung, บ.ก. (1972–1998). Shay-haung Myanma Kyauksa-mya [Ancient Burmese Stone Inscriptions] (ภาษาพม่า). Vol. 1–5. Yangon: Archaeological Department.
- Pan Hla, Nai (1968). Razadarit Ayedawbon (ภาษาพม่า) (8th printing, 2005 ed.). Yangon: Armanthit Sarpay.
- Phayre, Major-General Sir Arthur P. (1873). "The History of Pegu". Journal of the Asiatic Society of Bengal. Calcutta. 42: 23–57, 120–159.
- Phayre, Lt. Gen. Sir Arthur P. (1883). History of Burma (1967 ed.). London: Susil Gupta.
- Royal Historical Commission of Burma (1832). มหาราชวงศ์ ฉบับหอแก้ว (ภาษาพม่า). Vol. 1–3 (2003 ed.). Yangon: Ministry of Information, Myanmar.
- Schmidt, P.W. (1906). "Slapat des Ragawan der Königsgeschichte". Die äthiopischen Handschriften der K.K. Hofbibliothek zu Wien (ภาษาเยอรมัน). Vienna: Alfred Hölder. 151.
- Sein Lwin Lay, Kahtika U (1968). Mintaya Shwe Hti and Bayinnaung: Ketumadi Taungoo Yazawin (ภาษาพม่า) (2006, 2nd printing ed.). Yangon: Yan Aung Sarpay.
- Than Tun (December 1959). "History of Burma: A.D. 1300–1400". Journal of Burma Research Society. XLII (II).