ข้ามไปเนื้อหา

พระเจ้ากุสตาฟที่ 2 อดอล์ฟแห่งสวีเดน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 2 อดอล์ฟแห่งสวีเดน
ภาพเหมือนที่เชื่อกันว่าเป็นของ จาค็อบ โฮฟนาเกล (Jacob Hoefnagel) ค.ศ. 1624
พระมหากษัตริย์สวีเดน
ครองราชย์30 ตุลาคม ค.ศ. 1611 – 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1632
พิธีบรมราชาภิเษก12 ตุลาคม ค.ศ. 1617
ก่อนหน้าพระเจ้าคาร์ลที่ 9
ถัดไปพระราชินีนาถคริสตีนา
ประสูติ(1594-12-09)9 ธันวาคม 1594
ปราสาทเทรครูเนอร์ สวีเดน
สวรรคต6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1632(1632-11-06) (37 ปี)
ใกล้ลืทเซิน, รัฐผู้คัดเลือกซัคเซิน จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์
ฝังพระศพ22 มิถุนายน ค.ศ. 1634
โบสถ์ริดดาร์ฮ็อลเมน สต็อกโฮล์ม
คู่อภิเษกเจ้าหญิงมาเรีย เอเลโอนอราแห่งบรานเดนเบิร์ก (สมรส 1620)
พระราชบุตรสมเด็จพระราชินีนาถคริสตีนาแห่งสวีเดน
นอกสมรส:
เคานต์กุสตาฟแห่งวาซาบอร์ก
ราชวงศ์วาซา
พระราชบิดาสมเด็จพระเจ้าคาร์ลที่ 9 แห่งสวีเดน
พระราชมารดาเจ้าหญิงคริสตินาแห่งฮ็อลชไตน์-ก็อททร็อร์พ
ศาสนาลูเทอแรน
ลายพระอภิไธย
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้สวีเดน
แผนก/สังกัดกองทัพบกสวีเดน
การยุทธ์
รายการแบบต้นไม้

สมเด็จพระเจ้ากุสตาฟที่ 2 อดอล์ฟแห่งสวีเดน (สวีเดน: Gustav II Adolf; 9 ธันวาคม [ตามปฏิทินใหม่ 19 ธันวาคม] ค.ศ. 1594 - 6 พฤศจิกายน [ตามปฏิทินใหม่ 16 พฤศจิกายน] ค.ศ. 1632) เป็นพระมหากษัตริย์สวีเดนตั้งแต่ ค.ศ. 1611 ถึง 1632 ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ทำให้สวีเดนก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจของยุโรป ในรัชสมัยของพระองค์ สวีเดนได้กลายเป็นหนึ่งในกองกำลังทางทหารหลักของยุโรปในระหว่างสงครามสามสิบปี ซึ่งมีส่วนช่วยในการกำหนดดุลอำนาจทางการเมืองและศาสนาในยุโรป ในปี ค.ศ. 1634 สภาฐานันดรได้ถวายพระนามอย่างเป็นทางการและหลังจากสวรรคตแล้วว่า สมเด็จพระเจ้ากุสตาฟุส อดอลฟุสมหาราช (สวีเดน: Gustav Adolf den store; ละติน: Gustavus Adolphus Magnus)[1][2][3]

พระองค์มักได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เนื่องจากทรงนำยุทธวิธีผสมเหล่ามาใช้ตั้งแต่ยุคแรก ๆ[4][5][6] ชัยชนะครั้งสำคัญที่สุดทางทหารของพระองค์คือ ยุทธการที่ไบรเทินเฟ็ลท์ ในปี ค.ศ. 1631 ด้วยทรัพยากรที่พร้อมเพรียง ระบบส่งกำลังบำรุงที่แข็งแกร่ง และการสนับสนุนที่ดี ทำให้พระองค์มีโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนสำคัญในยุโรปอย่างแท้จริง[7] แต่พระองค์ก็สวรรคตในอีกหนึ่งปีต่อมาที่ยุทธการที่ลืทเซิน พระองค์ทรงได้รับความช่วยเหลือในการปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ จาก เคานต์อักเซล ออคเซนส์เตียร์นา ลอร์ดมหาเสนาบดีแห่งสวีเดน ซึ่งต่อมายังทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หลังการสวรรคตของพระองค์ด้วย

พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุเพียง 16 พรรษา โดยทรงรับมรดกสงครามถึงสามเรื่องจากพระบิดาคือสมเด็จพระเจ้าคาร์ลที่ 9 แห่งสวีเดน ซึ่งได้แก่ ข้อพิพาทตามแนวชายแดนกับรัสเซีย และเดนมาร์ก–นอร์เวย์ รวมถึงความขัดแย้งด้านราชบัลลังก์กับพระญาติชั้นที่หนึ่ง คือ พระเจ้าซิกมุนด์ที่ 3 วาซาแห่งโปแลนด์[8] ในบรรดาสงครามเหล่านี้ สงครามกับเดนมาร์กถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงที่สุด[9] ตลอดรัชสมัยของพระองค์ สวีเดนได้พลิกสถานะจากเพียงแค่รัฐที่มีอิทธิพลในภูมิภาคทะเลบอลติก ให้กลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของยุโรป และเป็นต้นแบบของการปกครองในสมัยใหม่ตอนต้น พระองค์เป็นที่รู้จักกันในนาม "บิดาแห่งการสงครามสมัยใหม่"[10] หรือนายพลสมัยใหม่คนแรก พระองค์ยังได้ฝึกฝนผู้บัญชาการทหารหลายคน เช่น เลนนาร์ท ทอร์สเตนส์สัน ซึ่งภายหลังจะสานต่อและขยายอาณาเขตและอำนาจของจักรวรรดิสวีเดนหลังจากการสวรรคตของพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงประสบความสำเร็จในการยึดหนังสือในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทรงพุ่งเป้าไปที่การรวบรวมหนังสือของห้องสมุดคณะเยสุอิต ซึ่งได้มาจากชัยชนะในสงคราม[11]

หนึ่งในการมีส่วนร่วมของพระองค์ที่ทำให้สวีเดนก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจคือ การปฏิรูปโครงสร้างการบริหาร ตัวอย่างเช่น พระองค์ทรงริเริ่มการลงทะเบียนประชากรระดับตำบล เพื่อให้รัฐบาลกลางสามารถจัดเก็บภาษีและเกณฑ์ทหารได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น[12] นอกจากนี้ พระองค์ยังได้รับการระลึกถึงอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวโปรเตสแตนต์ทั่วทั้งยุโรปในฐานะผู้พิทักษ์หลักในระหว่างสงครามสามสิบปี ด้วยเหตุนี้ จึงมีการตั้งชื่อโบสถ์ มูลนิธิ และองค์กรต่าง ๆ ตามพระนามของพระองค์มากมาย รวมถึงองค์กรที่ชื่อว่า กุสตาฟ-อดอล์ฟ-แวร์ค (Gustav-Adolf-Werk) ด้วย[13][14]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Nils Ahnlund/Michael Roberts Gustav Adolf the Great American-Scandinavian Foundation, New York, 1940
  2. Anders Fryxell Gustaf II Adolf Norstedts, Stockholm, 1894, p. 435
  3. Lis Granlund Riddarholmskyrkan, de svenska konungarnas gravkyrka Riksmarskalksämbetet, 1980 ill. p. 14 (GUSTAVUS ADOLPHUS MAGNUS)
  4. In Chapter V of Clausewitz' On War, he lists Gustavus Adolphus as an example of an outstanding military leader, along with: Alexander the Great, Julius Caesar, Alexander Farnese, Charles XII, Frederick the Great and Napoleon Bonaparte.
  5. Grant, R.G. (2011). Commanders: History's Greatest Military Leaders (ภาษาอังกฤษ). DK Publishing. pp. 144–147. ISBN 978-1-4053-3696-3.
  6. Bodart, Gaston (1908). Militär-historisches Kriegs-Lexikon (1618–1905) (ภาษาเยอรมัน). C. W. Stern. p. 787. สืบค้นเมื่อ 11 September 2023.
  7. Stephen J. Lee, Aspects of European History 1494–1789 (2nd ed. 1984), pp. 109–14.
  8. Svensk Uppslagsbok, 1950,vol 5,column 353, article "Gustav; 2. Gustav II Adolf" Quote: (Swedish) "Av de tre krig, det danska, det ryska och det polska, G. ärvde..." In English "Of the three wars, the Danish, the Russian and the Polish, Gustav II Adolphus inherited...
  9. Same source, and the quote continues "hotade det första rikets existens". English "... did the first one endanger the existence of the realm."
  10. Dodge, Theodore Ayrault (1890). Gustavus Adolphus: A History of the Art of War from Its Revival After the Middle Ages to the End of the Spanish Succession War, with a Detailed Account ... of Turenne, Conde, Eugene and Marlborough. Boston and New York: Da Capo Press Inc. ISBN 978-0-306-80863-0. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 April 2023. สืบค้นเมื่อ 13 December 2015.
  11. Murray 2009, p. 118.
  12. T. K. Derry, History of Scandinavia: Norway, Sweden, Denmark, Finland, and Iceland (1979), pp. 110–24.
  13. Huffman, John (14 March 2022). "Gustavus Adolphus: The Lion of the North". Discerning History. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 August 2022. สืบค้นเมื่อ 16 July 2022.
  14. "Gustavus Adolphus". Encyclopedia Britannica. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 July 2022. สืบค้นเมื่อ 16 July 2022.